เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - บทที่ 38 เขาเข้าใจศาสตร์จู้โหยวด้วยเหรอ? แพ้อีกแล้ว…
บทที่ 38 เขาเข้าใจศาสตร์จู้โหยวด้วยเหรอ? แพ้อีกแล้ว…
ในเวลาเดียวกัน ผู้เข้าแข่งขันในห้องอื่นก็ทำการวินิจฉัยและคิดแผนการรักษาอย่างรวดเร็วเช่นกัน
แต่ผู้เข้าแข่งขันส่วนใหญ่ไม่รีบร้อนใช้เวลาเร็วมากนัก เพราะกลัวว่าแผนการรักษาจะเกิดความผิดพลาด พวกเขาจึงทำได้แค่ตรวจคนไข้อย่างระมัดระวังและรอบคอบ
อันที่จริงพวกเขาไม่ต้องการแผนการรักษาทางเลือกที่หลากหลาย พวกเขาต้องการเพียงกำหนดแผนการรักษาที่สมบูรณ์แบบที่สุดสำหรับผู้ป่วยแต่ละรายขึ้นมา!
มีคนเพียงไม่กี่คนทำเหมือนกับซูเย่ ที่เขียนแผนการรักษาต่างๆ อย่างบ้าคลั่ง
คนกลุ่มแรกคือผู้เข้าแข่งขันทั้งสี่คนจากมหาวิทยาลัยแพทย์ตี้ตู
ตั้งแต่เริ่มการแข่งขันจนถึงตอนนี้ผู้เข้าแข่งขันทั้งสี่จากมหาวิทยาลัยแพทย์ตี้ตูยังไม่มีใครตกรอบ แค่สิ่งนี้ก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ความสามารถของพวกเขาแล้ว!
นอกจากนี้ยังเป็นข้อบ่งชี้ว่ามหาวิทยาลัยแพทย์ตี้ตูเป็นมหาวิทยาลัยที่มากไปด้วยคุณภาพ!
ทว่า… พวกเขาไม่เคยได้อันดับหนึ่งเลยแม้แต่ครั้งเดียว เพราะอันดับหนึ่งถูกซูเย่จากมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยางจับเอาไว้อย่างมั่นคง
ทำให้ชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยแพทย์ชั้นนำต้องแปดเปื้อน!
ครั้งนี้เป็นโอกาสอันดีที่จะแสดงความแข็งแกร่งของพวกเขาและต้องคว้าไว้ให้ได้!
ณ ขณะนี้ ความเร็วมือของหวังจี้เชาอยู่ในระดับสูงสุด
มีการเขียนแผนการรักษาสำหรับผู้ป่วยแต่ละคนอย่างน้อยก็มากกว่าคนละ 10 วิธี
“ยังไม่พอ ต้องเขียนเพิ่ม!”
แม้ว่าจะเยอะมากพอแล้ว แต่หวังจี้เชายังรู้สึกว่ามันไม่พอ เขาไม่รู้ว่าซูเย่จะทำได้เยอะแค่ไหน แต่เขาจะต้องเขียนให้เยอะกว่าให้ได้!!
เขารู้ดีว่าการสอบครั้งนี้ ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนล้วนแต่เป็นโอกาสอันดีที่เขาจะเอาชนะซูเย่ได้!
ซูเย่เรียนแพทย์แผนจีนเพียงครึ่งปีเท่านั้น และอีกฝ่ายคงยังไม่มีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับสาขาย่อยที่มีหลายแขนงของแพทย์แผนจีนอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม เขาคิดว่าความสามารถของซูเย่ไม่มีทางชนะได้มาโดยตลอด แต่เขาก็ยังคงถูกกดเอาไว้ทุกครั้งไป!
คราวนี้เขาจะต้องทำให้ดีที่สุดให้ได้!
แผนการรักษาของเขาไม่ว่าจะในด้านความถูกต้องหรือจำนวนจะต้องดีกว่าและเยอะกว่าของซูเย่ให้ได้!
ภายใต้ความเร็วมือระดับสูงสุด สามารถเห็นได้ว่าหวังจี้เชาไม่เพียงแต่สนใจแค่ความถูกต้องและจำนวนของแผนการรักษาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความเร็วด้วย
บนพื้นฐานของแผนการรักษา 14 วิธี เขายังได้เพิ่มไปอีก 5-6 วิธี จนกระทั่งเขาไม่สามารถนึกถึงตัวเลือกการรักษาที่ตรงเป้าหมายได้อีก เขาถึงได้วางปากกาในมือลง
“เท่านี้ก็น่าจะพอแล้ว”
เวลาสอบ 30 นาที หวังจี้เชาใช้เวลาในการสอบไป 18 นาที
เมื่อแน่ใจแล้วเขาก็ขยับฝีเท้าเดินออกจากห้องตรวจ
“หืม?”
ทันทีที่หวังจี้เชาเดินออกจากห้อง ฝีเท้าของเขาพลันชะงักค้าง เขามองเห็นซูเย่อยู่อยู่ข้างพิธีกรแล้ว ซึ่งหมายความว่าความเร็วของซูเย่ในการสอบครั้งนี้ยังคงเร็วมากกว่าตนเองเสียอีก
“เร็ว? เหอะ!”
เขาส่งเสียงเหอะอย่างดูถูกอีกฝ่าย
ครั้งนี้ไม่ได้วัดที่ความเร็วซะหน่อย!
ถึงแม้เขาจะทำเป็นไม่สนใจ แต่ในใจของเขาเริ่มมีความสับสนเล็กน้อยอย่างที่ไม่อาจควบคุมได้
ไอ้บ้าซูเย่จะเก่งเกินไปแล้ว! ไม่เคยเห็นใครแบบนี้มาก่อนเลย ปากร้าย ฉลาดและเฉลียว ความสามารถก็… พอใช้ได้!!
ทุกครั้งที่สอบต่างใช้เวลาเพียงไม่นาน และคะแนนยังดีที่สุดอีกต่างหาก
ครั้งนี้น่ะเหรอ?
“ก็ไม่แน่หรอก ครั้งนี้เขาไม่มีทางชนะ”
“ครั้งนี้ต่างไปจากเดิม เหตุผลที่เขาสอบเสร็จเร็วจะต้องเป็นเพราะเขามีแผนการรักษาเพียงแค่ไม่กี่แผนแน่นอน”
หวังจี้เชาเดินไปทางพิธีกร
สองนาทีต่อมา ผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆ เริ่มทยอยเดินออกมา
แม้ว่าจะไม่น่าแปลกใจเมื่อเห็นซูเย่และหวังจี้เชายืนรออยู่ข้างพิธีกรอยู่แล้ว แต่พวกเขาก็อดที่จะยิ้มเจื่อนไม่ได้
แน่นอนว่าพวกเขาสองคนคือคนที่มีความสามารถมากที่สุด!
ทว่า เนื่องจากทุกคนเข้าสอบในเวลาเดียวกัน จึงไม่มีใครรู้ว่าซูเย่และหวังจี้เชาใช้เวลานานแค่ไหน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่สอบเสร็จเร็วกว่ากัน
“ใครออกมาเป็นคนที่สาม?”
“พวกเขาออกมาตอนไหน?”
“ซูเย่กับหวังจี้เชาใช่เวลาสอบนานเท่าไหร่?”
ผู้เข้าแข่งขันที่ทยอยเดินออกจากห้องสอบ เดินหาผู้เข้าแข่งขันที่ออกมาเป็นคนที่สามเพื่อสอบถามข้อมูล
“ฉันจะไปรู้ได้ยังไง”
คนที่สอบเสร็จเป็นคนที่สามกล่าวด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “ตอนที่ฉันเดินออกมา พวกเขาก็ออกมารอข้างนอกแล้ว ฉันเป็นคนที่สามไม่ใช่คนแรกสักหน่อย จะไปรู้ได้ยังไงว่าพวกเขาใช่เวลาสอบนานเท่าไหร่”
เมื่อได้ยินทุกคนก็ส่ายศีรษะอย่างผิดหวัง
ในตอนที่ทุกคนสอบเสร็จหมดแล้ว มีคนกำลังจะเอ่ยถามพิธีกร
แต่พิธีกรพลันลุกขึ้นมาเสียก่อน
“ทุกคน!”
เขาตะโกนเรียกความสนใจจากทุกคน แล้วเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “การสอบวันนี้เสร็จสิ้นแล้ว การอัดรายการตอนที่สี่เสร็จสิ้นชั่วคราว ทุกคนกลับไปพักผ่อนให้ดี ผลคะแนนจะประกาศในวันพรุ่งนี้นะครับ”
ในที่สุดก็เสร็จสักที ทุกคนถอนหายใจอย่างโล่งอก
หลังจากนั้นทีมงานก็เดินนำทุกคนไปขึ้นรถบัสเพื่อกลับไปพักผ่อนที่โรงแรม
……
เช้าวันถัดมา
ผู้เข้าแข่งขันทั้ง 20 คนเดินทางมายังสถานที่ถ่ายรายการอีกครั้ง
“ตอนนี้ผมจะประกาศผลการสอบเมื่อวาน”
พิธีกรหันหน้าไปทางกล้องหลักแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ครั้งนี้ เราจะประกาศอันดับและชื่อก่อน แล้วค่อยประกาศผลคะแนนนะครับ ทุกคนโปรดดูที่หน้าจอ”
ทันทีที่พิธีกรกล่าวจบ บนจอพลันปรากฏตารางอันดับขึ้นมา
อันดับที่หนึ่ง ซูเย่
อันดับที่สอง หวังจี้เชา
อันดับที่สาม สวี่อวิ๋นหลง
อันดับที่สี่ หลี่ฉางเหอ
อันดับที่ห้า ลวี่อวิ๋นเผิง
……
เมื่อมองเห็นตารางรายชื่อและคะแนน ทุกคนก็มองไปทางซูเย่และหวังจี้เชาอย่างตกตะลึง
แต่เดิมทุกคนคิดว่าครั้งนี้หวังจี้เชาอาจจะพลิกกระดานกลับมาได้ คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะยังคงแพ้ซูเย่อยู่ดี…
“ดูเหมือนว่าทุกคนคงไม่มีข้อกังขากับผลคะแนนนี้นะครับ”
พิธีกรยิ้มแย้มพลางเอ่ยขึ้น
ทุกคนพยักหน้าเบาๆ เป็นการตอบรับ
ตารางชื่อยังคงเป็นเช่นเดิม พวกเขาเห็นจนชินตาแล้ว
ส่วนหวังชี้เชาที่ยืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มคน ในยามนี้เขามุ่นคิ้วเล็กน้อย สีหน้าเดี๋ยวดำคล้ำ แต่ว่าครั้งนี้เขาไม่ได้โพล่งคำถามออกไป เขาอยากรู้ว่าเขาแพ้ได้ยังไง!
“อันดับต่อไปจะทำการประกาศคะแนนการสอบครั้งที่หนึ่ง”
พิธีกรประกาศขึ้น ด้านหลังชื่อมีคะแนนปรากฏขึ้น
ซูเย่ 100 คะแนน
หวังจี้เชา 99 คะแนน
“แพ้ที่ความเร็วอีกแล้ว!”
เมื่อเห็นคะแนนหวังจี้เชาพลันกำมือแน่น ใบหน้าบิดเบี้ยว
การสอบครั้งนั้น เขาพยายามเต็มความสามารถแล้วเพื่อที่จะสอบให้เร็วที่สุด แต่ซูเย่ยังเร็วกว่าเขาอยู่ดี ถึงแม้จะไม่รู้ว่าซูเย่ทำได้ยังไง แต่ทางทีมงานก็ไม่ยอมบอก รอให้รายการออกอากาศเขาถึงจะได้เห็นว่าซูเย่ทำได้ยังไงกันแน่
ครั้งนี้เขายอมรับความพ่ายแพ้
“ต่อไปจะเป็นการประกาศคะแนนการสอบครั้งที่สอง”
พิธีกรเอ่ยขึ้นอีกครั้ง คะแนนการสอบปรากฏขึ้นที่หน้าจอทันที
สายตาทุกคู่กำลังจดจ้องตารางคะแนน
ซูเย่อยู่อันดับหนึ่งได้คะแนนเต็มอีกแล้ว
หวังจี้เชา 98 คะแนน
เมื่อเห็นเช่นนั้น หวังจี้เชาก็ทนไม่ได้อีกต่อไป
“ผมอยากรู้ว่าซูเย่เขียนแผนการรักษาไปมากเท่าไหร่ รวมถึงการวินิจฉัยโรคและเนื้อหาทั้งหมด”
หวังจี้เชายืนขึ้นในทันที เขาสูดหายใจเข้าลึกหนึ่งเฮือก แล้วกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ครั้งนี้… ผมไม่ยอม!!”
ขณะที่พูดเขาก็หันไปมองซูเย่อย่างไม่ปิดบัง
พรึ่บ! ทุกคนพลันหันศีรษะตามไปมองซูเย่อย่างอดไม่ได้
สายตาเปี่ยมล้นไปด้วยความนับถือ
ยิ่งมากอุปสรรคยิ่งแข็งแกร่ง คู่ควรแก่การศึกษาเป็นแบบอย่าง……
และแน่นอนว่าในใจของพวกเขาต่างก็สงสัยเช่นกัน จึงหันไปมองพิธีกรเพื่อรอฟังคำตอบ
นายอีกแล้วเหรอ? พิธีกรมองไปทางหวังจี้เชาที่ยืนขึ้น แล้วยิ้มอย่างขมขื่น
ยังขายหน้าไม่พองั้นเหรอ?
“นักศึกษาซูเย่ เราสามารถเปิดข้อมูลการสอบของคุณให้เพื่อนๆ รับชมได้หรือไม่?”
พิธีกรเอ่ยถาม
“ได้ครับ”
ซูเย่พยักหน้าตกลง
“โอเค”
พิธีกรพยักหน้า “โปรดดูที่หน้าจอ”
วินาทีต่อมา รูปภาพปรากฏขึ้นบนหน้าจอทันที นั่นคือแผนการรักษาทั้งหมดที่ซูเย่เขียนขึ้นให้ผู้ป่วยทั้งห้าราย
“ตามสถิติ นักศึกษาซูเย่เขียนแผนการรักษา 30-40 แผนให้กับผู้ป่วยทั้งห้าราย”
เมื่อได้ยินตัวเลขนี้ ทุกคนก็ตกตะลึง
เยอะขนาดนี้เลยเหรอ?? หวังจี้เชาที่มองไปยังหน้าจอด้วยความไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง ซูเย่เขียนมากกว่าเขาถึงหนึ่งเท่าตัว…
“ในแผนการรักษาแบ่งได้ 8 ประเภท ซึ่งครอบคลุมเกือบทุกสาขาย่อยของแพทย์แผนจีน มีแม้กระทั่งศาสตร์จู้โหยว”[1]
พิธีกรกล่าวว่า “จากข้อสรุปที่เป็นเอกฉันท์ของผู้เชี่ยวชาญ ศาสตราจารย์ที่ได้รับเชิญจากทางผู้จัดงาน แผนการรักษาทั้งหมด 34 รายการนี้เป็นแผนการรักษาตามอาการที่สมบูรณ์แบบ”
ทันทีที่ได้ยิน ทุกคนยิ่งอึ้งค้าง
มากกว่า 30 แผนการรักษา แล้วยังถูกต้องทั้งหมด?
เป็นไปได้ยังไง!
แล้วศาสตร์จู้โหยว่คืออะไร?
เขาทำได้ด้วยเหรอ นับเป็นคะแนนได้ไหม
ศาสตร์จู้โหยว่คือการรักษาแบบโบราณสิบสามชนิด ซุนซือเหมี่ยวได้บันทึกไว้ในตำราเชียนจินอี้ฟาง[2]
แต่ว่าไร้การสืบทอดไปนานแล้ว
คนสมัยใหม่ไม่มีใครเชื่อการรักษาด้วยศาสตร์จู้โหยว่อีกต่อไป นี่มันสร้างเรื่องหลอกลวงกันหรือเปล่า ใช้ได้จริงเหรอ?
“ต่อไปเราจะแสดงเนื้อหาของแผนการรักษา”
ทันทีที่ภาพปรากฏขึ้นบนหน้าจอขนาดใหญ่ แผนการรักษาของหวังจี้เชาก็ปรากฏขึ้น
“ตามข้อมูล หวังจี้เชาเขียนแผนการรักษา 16-19 วิธีสำหรับผู้ป่วยแต่ละราย แต่ใบสั่งยาเหล่านี้เกี่ยวข้องกับวิธีการรักษาเพียง 4 วิธี ถึงแม้ว่าความแม่นยำจะสูง แต่ประเภทการรักษาน้อยกว่าของซูเย่ และมีจำนวนก็น้อยกว่า”
พิธีกรเอ่ยกล่าว ทุกคนมองไปที่หวังจี้เชาด้วยความชื่นชม
สมแล้วที่เป็นนักเรียนชั้นยอด
การรักษาเพียงสี่ประเภท สามารถเอาไปเขียนแผนการรักษามากกว่า 10 วิธี!
ใบหน้าของหวังจี้เชาบิดเบี้ยวเล็กน้อย ทั้งด้านจำนวนและความหลากหลายของแผนการรักษาต่างก็น้อยกว่าของซูเย่ครึ่งหนึ่ง!
“ต่อไป ดูเทียบยาของนักศึกษาซูเย่”
แผนการรักษาปรากฏบนหน้าจอขนาดใหญ่
เมื่อทุกคนอ่านจบแล้ว หน้าต่อไปก็ถูกเผยออกมา หลังจากดูทุกคนก็ตกตะลึง
ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ไม่น่าแปลกใจที่ซูเย่สามารถเขียนแผนการรักษา 30-40 วิธี มันเป็นเพราะเขามีความรู้ความเข้าใจในองค์ประกอบทั้งห้าของร่างกายอย่างสมบูรณ์ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของหยินหยาง และความเชี่ยวชาญของยาแต่ละชนิด
ยาที่มีผลเช่นเดียวกันสามารถรักษาได้เช่นเดียวกันตามจำนวนที่ใช้และการใช้ร่วมกันกับตัวยาอื่นๆ การผสมผสานที่เฉียบคมและน่าทึ่งของซูเย่สามารถเรียกไว้ว่า… ศิลปะ!
ในส่วนของศาสตร์จู้โหยว่ พวกเขาดูไม่เข้าใจจริงๆ…
หวังจี้เชามองดูฉากตรงหน้าด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง สีหน้าซับซ้อน พลันสูดหายใจเข้าลึกหนึ่งเฮือก แล้วนั่งลงที่เดิม
แพ้อีกแล้ว!
“วันนี้เราจะคัดเลือก 10 คนสุดท้าย”
เมื่อเห็นว่าทุกคนไม่มีข้อสงสัย พิธีกรจึงกล่าวในเวลานี้ว่า “น่าเสียดายที่ผู้เข้าแข่งขันอันดับที่ 11 ถึงอันดับที่ 20 ทั้งหมดจะต้องลาจากเวทีของเราไป”
“ผมขออวยพรให้พวกคุณในวันข้างหน้าสามารถเจริญรุ่งเรือง มีชื่อเสียง และเป็นผู้มีพรสวรรค์เฉพาะด้านในด้านการแพทย์แผนจีน”
คนสิบคนต้องเดินออกไปอย่างน่าเสียดาย พวกเขาสามารถเดินมาได้ถึงจุดนี้ถือว่าดีมากแล้ว
อย่างน้อยใน 100 อัจฉริยะการแพทย์แผนจีนในประเทศ พวกเขาก็ถือเป็นหนึ่งใน 20 อันดับแรก
หลังกล้องถ่ายแผ่นหลังของผู้ที่ตกรอบเดินออกไป ก็หันกลับไปที่เวที
ซูเย่มองไปรอบๆ และพบว่าทั้งลวี่อวิ๋นเผิง และลู่จวิ้นยังคงอยู่
คะแนนของลวี่อวิ๋นเผิงนั้นอยู่คงที่ในอันดับที่ 5 เสมอ และแม้ว่าผลคะแนนของลู่จวิ้นจะผันผวนเล็กน้อย ทว่าผลของเธอสลับไปมาเพียงระหว่างอันดับที่ 9 และ 10 เท่านั้น ดังนั้นผลที่ได้ในครั้งนี้จึงอยู่ที่อันดับเก้า
ทางด้านอื่นๆ ก็มีผู้เข้าร่วมจากมหาวิทยาลัยแพทย์ตี้ตู และนอกจากหวังจี้เชาแล้ว… ก็ยังมีอีกสองคนที่ติดอันดับที่สี่และสิบตามลำดับ!
ส่วนคนที่เหลืออีกสี่คนมาจากสี่มหาวิทยาลัยคนละแห่ง
“การอัดรายการตอนที่สี่สิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการ”
พิธีกรประกาศ
ในตอนนี้ ผู้กำกับจ้าวเดินขึ้นไปบนเวที
“การอัดรายการตอนที่สี่ได้จบลงแล้ว แต่ตารางของเรายังไม่หมดเพียงเท่านี้ เนื่องจากเวลากระชั้นชิด ดังนั้นเราจจะอัดรายการตอนที่ห้าต่อทันทีเลย”
จ้าวเหมียนเอ่ยพูดกับผู้เข้ารอบสิบอันดับแรก “ทุกคนกลับไปพักผ่อนที่โรงแรมก่อน แล้วก็เก็บสัมภาระให้เรียบร้อย ตอนบ่ายเราจะเดินทางไปสนามบิน ครั้งนี้ไปสอบต่างเมือง และครั้งนี้สามารถบอกหัวข้อการสอบล่วงหน้าได้ …การสอบของเราคือ ออกไปรักษาฟรี!!”
[1] การรักษาโบราณแขนงหนึ่ง เป็นการรักษาโดยเขียนยันต์คาถา การสะกดจิต ใช้ดนตรีบำบัดเป็นต้น ศาสตร์จู้โหยวคือการรักษาจิตใจ เมื่อใจไม่ป่วย กายก็หายป่วย
[2] 《千金翼方》ตำราเชียนจินอี้ฟางหรือภาคผนวกตำรับยาพันนเหรียญทอง เป็นเล่มต่อของ《千金要方》ตำราเชียนจินเย่าฟางหรือตำรับยาพันเหรียญทอง เนื้อหากล่าวถึงตัวยาหลายพันชนิด