เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - บทที่ 49 ผู้ฝึกยุทธ์ระดับสามสามารถเอาชนะผู้ฝึกยุทธ์ระดับสี่ได้ด้วยหรือ?
- Home
- เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁]
- บทที่ 49 ผู้ฝึกยุทธ์ระดับสามสามารถเอาชนะผู้ฝึกยุทธ์ระดับสี่ได้ด้วยหรือ?
บทที่ 49 ผู้ฝึกยุทธ์ระดับสามสามารถเอาชนะผู้ฝึกยุทธ์ระดับสี่ได้ด้วยหรือ?
“บรื้น!”
เสียงเครื่องยนต์ครางกระหึ่ม
รถบัสที่เต็มไปด้วยผู้โดยสารพุ่งทะยานฝ่าม่านหมอก
ภายในรถบัส
มีแต่ความเงียบสงบ
ขณะนี้ แม้แต่คนขับรถก็หมดสติฟุบหลับคาพวงมาลัยไปแล้ว
รถบัสเริ่มส่ายเข้าหาภูเขาข้างทางอย่างไร้การควบคุม
ซูเย่ขมวดคิ้วและกำลังจะลงมือช่วยเหลือ
แต่ทันใดนั้น
“ตึง!”
เสียงของการกระแทกดังขึ้น
รถบัสที่กำลังจะพุ่งเข้าชนภูเขาข้างทางพลันหยุดลง
เมื่อพิจารณาดูให้ดี
ม่านหมอกเริ่มบางตาลงแล้วอย่างรวดเร็ว
และบริเวณหน้ารถบัสขณะนี้ ยืนไว้ด้วยชายชุดดำวัยกลางคนผู้หนึ่ง เขามีหมวกคลุมศีรษะของเสื้อคลุมปิดบังใบหน้า ชายวัยกลางคนสามารถหยุดรถบัสด้วยการยื่นมือออกมาข้างหน้าและแปะมือไว้ที่ฝากระโปรงหน้ารถราวกับตัวเอกในภาพยนตร์แฟนตาซี
ในเวลาเดียวกันนั้น
“ฟึบ ฟึบ…”
ปรากฏเงาร่างของผู้คนกระโดดออกมาจากสองข้างทางของถนน หนึ่งในนั้นกระแทกประตูรถบัสเปิดออก สิ่งแรกที่ทำคือก้าวขึ้นมานำเท้าของคนขับออกจากคันเร่ง จากนั้นจึงบิดกุญแจดับเครื่องยนต์และดึงเบรคมือเพื่อความปลอดภัย
เมื่อเรียบร้อยดีแล้ว
ชายวัยกลางคนผู้หยุดรถบัสด้วยมือเปล่าก็ถามว่า
“อยู่กันครบทุกคนใช่ไหม?”
ขณะนี้ ชายวัยกลางคนดึงฮู้ดคลุมศีรษะลง เปิดเผยให้เห็นถึงใบหน้าสีขาวซีดเซียว
“อยู่ครบทุกคนครับ”
หนึ่งในชายฉกรรจ์ตอบ
“ดีมาก”
ชายวัยกลางคนพยักหน้าด้วยความพอใจ “จับตัวคนที่เข้ารอบสิบคนสุดท้ายมาให้หมด ครั้งนี้เราจะพังรายการ ‘อนาคตแพทย์แผนจีน’ ให้แหลกคามือ เพื่อแก้แค้นสิ่งที่พวกตำรวจมันทำกับพวกเรา!”
“จับตัวไปงั้นเหรอ?”
ชายฉกรรจ์อีกคนหนึ่งชะงักไปเล็กน้อย ก่อนถามว่า “ทำไมไม่ฆ่าให้หมดไปเลยล่ะครับ!”
“เจ้าโง่!”
ชายวัยกลางคนพูด “แต่ละคนเป็นแพทย์แผนจีนที่มีพรสวรรค์ ฆ่าตายก็เสียดายแย่ สู้จับตัวมาทำงานให้พวกเราไม่ดีกว่าหรือไง ถึงอย่างไรพวกเราก็ต้องการคนที่มีพรสวรรค์อย่างนี้อยู่แล้ว”
เมื่อได้รับฟังคำตอบเช่นนั้น
ชายฉกรรจ์ผู้ร่วมขบวนการทั้งหกคนก็ยิ้มออกมาทันที
จับตัวผู้เข้าแข่งขัน?
ซูเย่แทบไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้ยิน
“ลงมือได้” ชายวัยกลางคนออกคำสั่ง
ชายฉกรรจ์ทั้งหกคนรีบนำเชือกออกมาเตรียมมัดผู้คนที่ต้องลักพาตัว
“พวกแกมาจากแก๊งไหน?”
เสียงหนึ่งดังขึ้น
เมื่อรวมเข้ากับชายวัยกลางคนชุดดำ กลุ่มผู้บุกรุกรถบัสในครั้งนี้มีอยู่ด้วยกันเจ็ดคน พวกเขาต่างก็หยุดชะงักและคิดว่าตนเองหูฝาด
แต่ทันทีที่สิ้นเสียงปริศนา ชายหนุ่มคนหนึ่งก็ลุกขึ้นยืน
จากที่นั่งแถวสุดท้าย ซูเย่!
“หืม?”
เมื่อเห็นซูเย่ สีหน้าของกลุ่มชายฉกรรจ์ก็เคร่งเครียดขึ้นทันที
ยังมีคนไม่สลบอีกได้อย่างไร!
“ผู้ฝึกยุทธ์?” ชายวัยกลางคนเลิกคิ้วสูงมองหน้าซูเย่ “คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าในกลุ่มนักศึกษาแพทย์แผนจีนกลับมีผู้ฝึกยุทธ์ปะปนอยู่ด้วย มิน่าล่ะ พวกตำรวจถึงได้ให้ความสนใจรายการนี้นักหนา”
ในใจของซูเย่ยังคงสงสัยเกี่ยวกับหมอกควันที่อีกฝ่ายใช้
แต่ตอนนี้มันก็ไม่สำคัญอีกแล้ว
ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะได้รับความเคารพ ซูเย่รู้ดีว่าเขาอาจจะได้ทราบคำตอบหากสามารถเอาชนะชายฉกรรจ์กลุ่มนี้ได้ทั้งหมด
“ฮ่าฮ่า”
ชายวัยกลางคนระเบิดเสียงหัวเราะด้วยความสบายใจ “บางครั้งการรู้มากเกินไปก็อาจเป็นภัยแก่ตัวเอง หากฉันเป็นนาย ฉันก็คงแกล้งสลบต่อไปและหาจังหวะหลบหนี แต่นายกลับไม่ทำอย่างนั้น เพราะว่านายอ่อนประสบการณ์มากเกินไป”
แม้แต่ตอนที่พูดประโยคเหล่านี้ออกมา ชายวัยกลางคนก็ยังกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“พวกแกมาจากแก๊งไหน?”
ซูเย่ถามอีกครั้ง
“เฮ้อ…” ชายฉกรรจ์ทั้งหกคนหันมองหน้ากัน ก่อนที่คนหนึ่งซึ่งยืนอยู่ด้านหน้าสุดจะเดินตรงเข้ามาหาซูเย่และพูดว่า “ยอมตามพวกเราไปดีๆ เถอะ เดี๋ยวนายก็ได้รู้คำตอบเองแหละ”
เสียงพูดเพิ่งจบลงเท่านั้น
เขาก็กระโดดเข้ามาประชิดตัวซูเย่และสะบัดมือขวาตั้งใจฟาดเข้าใส่ลำคอของชายหนุ่ม ผู้ไม่ยอมสลบเหมือนคนอื่นๆ
แต่อย่างไรก็ตาม
“ผลั่ก!”
ยังไม่ทันที่มือของชายฉกรรจ์จะถึงลำคอของซูเย่ เสียงของการกระแทกก็ดังขึ้น
เนื่องจากว่า
ซูเย่สับข้อศอกกระแทกเข้าใส่หน้าอกของคู่ต่อสู้ ส่งผลให้ชายฉกรรจ์หมุนคว้างตีลังกากลิ้งถอยหลังไปหลายตลบ
หมดสติ
สิ่งที่เกิดขึ้นนี้เกินความคาดคิดของชายฉกรรจ์อีกห้าคนที่เหลือ
รวมถึงชายวัยกลางคนชุดดำที่ยังคงยืนอยู่หน้ารถบัส สีหน้าของเขาแสดงออกถึงความประหลาดใจอย่างยิ่งยวด
“ไอ้เด็กนี่มันวอนซะแล้ว!” ชายฉกรรจ์ที่เห็นเพื่อนถูกกระแทกล้มลงมากองกับพื้นพลันตะโกนด้วยออกมาความเกรี้ยวกราด
“เด็กคนนี้มีวิชา!” ชายวัยกลางคนชุดดำจ้องมองซูเย่ด้วยแววตาเรียบเฉยและพูด “พวกเรามีเวลาจำกัด รีบลงมือแล้วรีบไปเถอะ”
เมื่อได้รับคำสั่ง
ชายฉกรรจ์อีกห้าคนที่เหลืออยู่ก็ไม่ลังเลอีกแล้ว
พวกเขาพุ่งกระโจนเข้าไปหาซูเย่ทันที
“ผลั่ก ผลั่ก ผลั่ก…”
เสียงของการปะทะกำปั้นดังขึ้นต่อเนื่อง
เมื่อเข้าประชิดตัวของซูเย่ กลุ่มชายฉกรรจ์ยังไม่ได้ลงมือทำอะไร พวกเขาก็โดนซูเย่ต่อยกระเด็นกลับออกมา
ซูเย่รู้ดีตั้งแต่ตอนที่พวกผู้บุกรุกก้าวขึ้นมาบนรถบัสแล้วว่าแต่ละคนมีระดับพลังเท่าไหร่
ในกลุ่มคนทั้งเจ็ดนี้ ชายวัยกลางคนชุดดำเป็นผู้ที่มีระดับพลังสูงล้ำมากที่สุด เป็นถึงผู้ฝึกยุทธ์ระดับสี่ขั้นที่หนึ่ง ส่วนผู้ติดตามอีกหกคนนั้น มีพลังอยู่ในระดับสามขั้นที่หนึ่งถึงขั้นที่สี่ปะปนกันไป
เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นขณะนี้ กลุ่มชายฉกรรจ์ไม่สามารถทำอะไรซูเย่ได้เลยแม้แต่น้อย
เขาอยากรู้จริงๆ ว่าอีกฝ่ายเป็นคนของกลุ่มไหนกันแน่
แต่นี่ไม่ใช่เวลามาจับเข่าคุย
เพราะในรถบัสมีผู้บริสุทธิ์อยู่มากเกินไป
หากซูเย่ไล่ต้อนจนกลุ่มชายฉกรรจ์จนตรอก พวกมันอาจจะหันมาทำร้ายผู้บริสุทธิ์บนรถบัสก็ได้
และนั่นก็จะทำให้เกิดปัญหาใหญ่ทีเดียว
“ผลั่ก!”
เมื่อจัดการให้ชายฉกรรจ์ทั้งห้าคนล้มลงไปนอนกองระเนระนาดอยู่บนพื้นรถบัสได้แล้ว ซูเย่ก็รีบปราดเข้าไปหาชายฉกรรจ์ที่อยู่ใกล้ตัวที่สุด ฟาดสันมือใส่ต้นคอของฝ่ายตรงข้าม ดับสติสัมปชัญญะของมันลงไป
หลังจากนั้น เขาก็ทำกับชายฉกรรจ์คนที่สองและคนที่สามอย่างเดียวกัน
ซูเย่ลงมือด้วยความรวดเร็วยิ่ง
บริเวณประตูของรถบัส
ชายวัยกลางคนชุดดำยืนจ้องมองซูเย่ด้วยความเยือกเย็น
“พวกแกยังอ่อนหัดมากเกินไป!”
เมื่อได้ยินซูเย่พูดออกมาเช่นนั้นระหว่างทำให้ชายฉกรรจ์คนที่สามสลบ ชายวัยกลางคนก็แผดเสียงคำราม สะบัดมือเล็กน้อยก่อนพุ่งเข้ามาหาซูเย่
“แกทำให้ฉันเสียเวลา บัดซบ!”
มือแกร่งที่สามารถหยุดรถบัสพุ่งกระแทกเข้ามาพร้อมกับมวลพลังมหาศาล โดยเป้าหมายของฝ่ามือนี้อยู่ที่หน้าอกของซูเย่
หากฝ่ามือนี้กระแทกเข้ามาได้สำเร็จ หัวใจของซูเย่ก็จะแตกสลายไปในพริบตา
เห็นได้ชัดว่าชายวัยกลางคนไม่ต้องการจะไว้ชีวิตซูเย่
“แกต่างหากที่ทำให้ฉันเสียเวลา” ซูเย่พูดออกมาจากปากแผ่วเบา
แววตาของเขาเปลี่ยนไป
ซูเย่เหมือนกลายเป็นคนละคน ร่างกายเต็มไปด้วยจิตสังหาร
จังหวะที่ฝ่ามือของฝ่ายตรงข้ามกำลังจะกระแทกเข้าใส่หน้าอกของเขา ซูเย่ก็สามารถเบี่ยงกายหลบได้อย่างรวดเร็ว
“ย๊าก!”
เมื่อเห็นว่าการโจมตีกระบวนท่าแรกไม่ได้ผล ชายวัยกลางคนก็หมุนตัวเข้าโจมตีต่อเนื่องด้วยความดุดัน
เห็นดังนั้น
ซูเย่ก็วาดขาขวาขึ้นเตะออกไปเต็มแรง
เท้าของเขาฟาดเข้าใส่แผ่นหลังชายวัยกลางคนเข้าอย่างจัง
ฉับพลันนั้น
ใบหน้าที่ขาวซีดของชายวัยกลางคนก็ยิ่งซีดขาวมากไปกว่าเดิม
แต่การต่อสู้ยังไม่จบ
ซูเย่เปลี่ยนมาเป็นฝ่ายบุกโจมตีบ้าง
การต่อสู้ของผู้ฝึกยุทธ์ที่แท้จริงนั้น ไม่ได้มีกระบวนท่าสวยงามตระการตา เพราะทุกๆ การออกอาวุธมีเป้าหมายอยู่ที่การปลิดชีพฝ่ายตรงข้าม บ่อยครั้งที่ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยกลับมีจุดแตกต่างถึงแก่ชีวิต!
จังหวะนี้ ซูเย่สบโอกาสสับสันมือใส่ลำคอของชายวัยกลางคน
เพียงเท่านั้น
ชายวัยกลางคนชุดดำก็ล้มฮวบลงไปนอนหมดสติอยู่กลางห้องโดยสารของรถบัส
ซูเย่สานต่องานที่ทำค้างไว้โดยไม่ลังเล เขาจัดการทำให้กลุ่มชายฉกรรจ์ที่เหลืออยู่สลบเหมือดลงไปไม่สามารถลุกขึ้นมาสร้างปัญหาได้อีก
เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว
ซูเย่ก็นำเชือกที่ผู้บุกรุกทั้งเจ็ดหมายจะใช้จับกุมตัวพวกเขานั้นนำมาพันธนาการพวกมันเอาไว้เสียเอง
ต่อมา
เขารีบเดินไปตรวจดูความปลอดภัยของทุกคนที่อยู่บนรถ
เมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่มีใครได้รับอันตราย ซูเย่จึงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกและหยิบโทรศัพท์มือถือติดต่อไปหาหวังห่าว
“มีอะไร?”
“รถบัสของรายการอนาคตแพทย์แผนจีนถูกกลุ่มผู้ฝึกยุทธ์ดักเล่นงานระหว่างทางกลับไปที่เมืองตี้ตูครับ”
ซูเย่รีบบอกเร็วไว “ผมได้ยินพวกมันคุยกันว่าตั้งใจจะจับตัวผู้เข้าแข่งขันที่ผ่านเข้ารอบสิบคนสุดท้ายไปใช้ทำงานอะไรบางอย่าง ผมว่าพวกมันต้องเป็นกลุ่มเดียวกับที่เคยขโมยหมวก VR ในเมืองจี้หยางแน่ๆ แต่ตอนนี้ผมจับพวกมันเอาไว้หมดแล้ว คุณจะให้ผมทำยังไงกับพวกมันดี? ให้ฆ่าทิ้งหรือหาที่ฝังหมกป่าแถวนี้เลยดีไหม?”
“อะไรกัน? นายโหดขนาดนั้นเลยหรือไง?”
หวังห่าวพูดเสียงแข็งมาจากปลายสายโทรศัพท์ “ส่งโลเคชั่นของนายมาให้ฉันซะ ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น! แค่รออยู่เฉยๆ ก็พอ เดี๋ยวตำรวจท้องที่จะรีบไปหานายให้เร็วที่สุด”
“รับทราบครับ”
ซูเย่กดวางสายโทรศัพท์และส่งตำแหน่งที่อยู่ ณ ปัจจุบันไปให้นายตำรวจหวังห่าวผ่านทางแอปวีแชท
เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น
ซูเย่ก็เดินไปนั่งประจำที่หลังพวงมาลัยและนำรถบัสขับไปจอดริมถนน
เขาเปิดไฟกะพริบทิ้งเอาไว้ จากนั้นจึงนำกรวยสามเหลี่ยมออกมาตั้งไว้ทางท้ายรถ เมื่อเสร็จเรียบร้อยดีแล้วจึงได้เดินกลับขึ้นมานั่งรอบนรถบัสตามเดิม
20 นาทีให้หลัง
“บรื้น…”
เสียงเครื่องยนต์ครางกระหึ่ม
เมื่อมองออกไป
รถยนต์สไตล์ครอสโอเวอร์ขนาดใหญ่สามคันวิ่งเข้ามาจอดต่อท้ายรถบัสด้วยความรวดเร็ว
ชายฉกรรจ์สิบคนก้าวลงมาจากรถยนต์เหล่านั้น
ผู้เป็นหัวหน้ากลุ่มคือชายหนุ่มอายุ 30 ปีสวมใส่เสื้อคลุมสีดำ
“สวัสดีครับ”
“พวกเราเป็นตำรวจท้องที่เซียนอัน เมืองซีหยาง ภูมิภาคตะวันตกเฉียงเหนือ ผมคือผู้กองหลี่ซิงเหอ”
ชายหนุ่มคนนั้นก้าวเข้ามาจับมือซูเย่ผู้เดินออกมายืนรออยู่ที่หน้าประตูรถบัส
“สวัสดีครับ”
ซูเย่พยักหน้าและเขย่ามืออีกฝ่าย
“คุณเป็นคนจัดการพวกเขาทั้งหมดด้วยตัวคนเดียวเลยเหรอครับ?” เมื่อตรวจสอบชายฉกรรจ์ทั้งเจ็ดคนนั้นที่นอนกองอยู่ข้างถนนและถูกจับมัดอย่างแน่นหนาโดยซูเย่ ผู้กองหลี่ซิงเหอก็ต้องถามออกมาด้วยความไม่อยากเชื่อ
“ใช่แล้วครับ” ซูเย่พยักหน้า
หลี่ซิงเหอกวักมือเรียกลูกน้อง
นายตำรวจสองคนเดินขึ้นไปตรวจสอบความเรียบร้อยบนรถบัส ส่วนคนอื่นๆ แยกย้ายกระจายตัวสำรวจรอบพื้นที่เกิดเหตุ
ปรากฏว่าไม่มีร่องรอยผู้ใดหลบซ่อนอยู่อีก
“ขอหมายเลขประจำหมวก VR ของคุณด้วย”
หลี่ซิงเหอถามเสียงเข้ม
ซูเย่บอกหมายเลขประจำหมวก VR ของตนเอง
หลี่ซิงเหอนำหมายเลขนั้นไปตรวจสอบดูอะไรบางอย่างที่นาฬิกาข้อมือ และเขาก็พบข้อมูลของซูเย่ทันที
“ระดับสาม?”
เมื่อดูข้อมูลของซูเย่ ผู้กองหลี่ซิงเหอก็ต้องเลิกคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย “อาชญากรกลุ่มนี้ถูกหมายหัวจากทางกรมตำรวจมานานแล้ว หัวหน้ากลุ่มของพวกมันเป็นถึงผู้ฝึกยุทธ์ระดับสี่ขั้นที่หนึ่ง แต่คุณเป็นแค่นักศึกษามหาลัยที่อยู่ในระดับสาม ถึงจะอยู่ในขั้นที่หกก็เถอะ แต่คุณไม่มีทางเอาชนะพวกเขาด้วยตัวคนเดียวได้เด็ดขาด แถมยังทำให้สลบได้ทั้งหมดขนาดนี้ คุณคิดว่ามันเป็นไปได้หรือไง?”
“ก็อย่างที่เห็นนี่แหละครับ”
ซูเย่ตอบ
“ไห่หู”
หลี่ซิงเหอตะโกนเรียกชื่อยิ้มๆ
ขาดคำ ชายฉกรรจ์คนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างกายผู้กองหลี่ซิงเหอก็เคลื่อนไหวด้วยความรวดเร็ว พุ่งปราดเข้ามากระแทกหมัดขวาใส่ใบหน้าซูเย่
แต่กำปั้นยังไม่ทันกระทบถูกใบหน้าผู้คน
นิ้วมือของซูเย่ก็จิ้มไปที่ลำคอของนายตำรวจหนุ่มผู้โจมตีด้วยความเร็วไว
แม้เขาไม่ได้ใช้พลังลมปราณ แต่เป้าหมายของนิ้วมือที่จะทิ่มทะลวงเข้าไปนั้น ก็สามารถทำให้นายตำรวจหนุ่มที่ชื่อไห่หูสามารถตายได้ในทันที!
“หืม?”
หลี่ซิงเหอชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นเช่นนั้น
ก่อนที่เขาจะรีบพุ่งตัวเข้ามาปัดมือของซูเย่ออกไปจากลำคอไห่หู
หลังจากนั้น
“ย๊ะ!”
เขาหมุนตัวฟันข้อศอกซ้ายเข้าใส่หน้าอกของซูเย่ ก่อนจะฮุคหมัดขวาเต็มท้องตามมาติดๆ
ซูเย่ดึงตัวหลบอย่างนุ่มนวล
สามารถหลบหลีกการโจมตีได้อย่างง่ายดาย
“ตำรวจมีสิทธิ์ทำร้ายประชาชนได้ตามใจชอบด้วยเหรอครับ?”
ซูเย่มองฝ่ายตรงข้ามด้วยแววตาเย็นเยียบ
“ฉันสงสัยในพลังของนายน่ะสิ!”
หลี่ซิงเหอตอบกลับมาเสียงแข็งอีกครั้ง
“ผลั่ก ผลั่ก ผลั่ก…”
เสียงของการปะทะฝีมือดังขึ้นต่อเนื่อง
การต่อสู้ด้วยกำปั้นผ่านไปหลายกระบวนท่า สุดท้ายเมื่อชายหนุ่มทั้งสองแยกออกจากกัน ผลการต่อสู้ก็ออกมาไม่มีใครแพ้ ไม่มีใครชนะ
เมื่อเห็นเช่นนั้น
ลูกน้องทั้งเก้าคนของหลี่ซิงเหอก็ถึงกับตะลึงลานแล้ว
“ระดับสามแข็งแกร่งได้ขนาดนี้จริงเหรอเนี่ย?”
“ผู้กองของพวกเราเป็นถึงผู้ฝึกยุทธ์ระดับสี่ขั้นที่สอง แต่กลับต้องมาเสมอเด็กมหาลัยระดับสามเนี่ยนะ?”
“เป็นไปได้ยังไงกัน?”
ไม่ใช่แค่ลูกน้องเขาเท่านั้นที่ตกตะลึง
แม้แต่ตัวของหลี่ซิงเหอเองก็ยังไม่อยากเชื่อในฝีมือการต่อสู้ของซูเย่เช่นกัน
เป็นไปได้อย่างไรที่ผู้ฝึกยุทธ์ระดับสามจะมีพลังในการต่อสู้มากกว่าผู้ฝึกยุทธ์ระดับสี่?