เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - บทที่ 52 รักษาผู้ฝึกยุทธ์ที่บาดเจ็บภายใน
บทที่ 52 รักษาผู้ฝึกยุทธ์ที่บาดเจ็บภายใน
เป็นที่สองอีกแล้ว!
เมื่อได้ยินคะแนนที่ประกาศโดยกรรมการ สีหน้าหวังจี้เชาก็เปลี่ยนเป็นน่าเกลียดในทันที
นับตั้งแต่วันแรกของการบันทึกรายการ เขาได้ตั้งเป้าหมายที่จะคว้าแชมป์ให้ได้เสมอ แต่ในท้ายที่สุด เขาก็ถูกซูเย่เหยียบย่ำอยู่ใต้เท้ามาตลอด และกลายเป็นอันดับสองในห้าตอนของรายการ หรือว่าในตอนสุดท้ายนี้ เขาก็จะยังเป็นอันดับสองอยู่อีกงั้นเหรอ?
“เอาล่ะ การถ่ายทำวันนี้สิ้นสุดลงเพียงเท่านี้”
พิธีกรเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม แล้วเอ่ยเสริมขึ้นมา “แต่ว่า พวกคุณคงไม่ได้คิดว่าตอนที่หกของเราจะจบลงง่าย ๆ แบบนี้หรอกใช่ไหมครับ”
“แน่นอนว่าไม่มีทาง!”
เมื่อเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยของทุกคน พิธีกรก็เอ่ยแก้ความสงสัย “ไม่ได้ทำเรื่องพิสดารก่อนจบรายการแบบนั้นมันไม่ใช่แนวของรายการเรา!”
“พรุ่งนี้เราจะไปรวมตัวกันที่เมืองจี้หยาง ต่อไปจะเป็นการสอบครั้งสุดท้ายและครั้งที่สำคัญที่สุด ในเวลานั้น คุณจะต้องวินิจฉัยและรักษาโรค และคุณจะได้รับคะแนนตามแผนการรักษาของคุณ”
เมื่อได้ยินคำพูดของพิธีกร หวังจี้เชาที่เกือบตัดใจจากอันดับหนึ่ง พลันมองเห็นแสงแห่งความหวัง และไฟก็ลุกโชนลุกโชนในดวงตาของเขาทันที
เขาเป็นอันดับที่สองติดต่อกันมาหลายครั้ง ดังนั้นแล้ว… พรุ่งนี้เขาแพ้ไม่ได้เด็ดขาด!
นี่เป็นโอกาสสุดท้าย ต้องคว้าไว้ให้ได้!
หลังจากมองไปที่ซูเย่ หวังจี้เชาก็ออฟไลน์ออกจากเกมทันที
ครั้งนี้เขาต้องทำให้ดีที่สุดและจะต้องชนะให้ได้!
เมืองจี้หยาง?
ซูเย่รู้สึกงงเล็กน้อยว่าทำไมรายการถึงต้องการไปเมืองที่มหาวิทยาลัยของเขาตั้งอยู่
แต่เขาก็ไม่ได้ถาม เพราะยังไงเดี๋ยวพรุ่งนี้รู้คำตอบ
หลังจากเดินเล่นไปรอบๆ ในเกม ก็พบว่าพื้นที่ที่สูงกว่าระดับ 40 ยังไม่เปิดเช่นเดิม
วันถัดมา เวลา 8 โมงเช้า ซูเย่ได้รับข้อความจากจ้าวเหมียน
“รวมตัวกันที่โรงแรมจี้หยาง”
หลังจากอ่านข้อความแล้ว ซูเย่ก็กินอาหารเช้าอย่างไม่รีบร้อนแล้วค่อยจองตั๋วและออกเดินทาง
บ้านของเขาอยู่ไม่ไกลจากเมืองจี้หยางมากนัก
แต่หวังจี้เชาและหลี่เฉิงเยี่ยนอยู่ต่างเมือง ดังนั้นเวลานัดพบน่าจะเป็นช่วงบ่าย
เมื่อมาถึงโรงแรมจี้หยาง ชายหนุ่มก็พบว่าทีมงานได้จองห้องไว้เรียบร้อยแล้ว
ไม่นานหวังจี้เชาและหลีเฉิงเยี่ยนก็มาถึง หลังจากรับประทานอาหารในโรงแรมแล้ว ทุกคนก็แยกย้ายกลับห้องของตัวเองเพื่อพักผ่อน
เช้าวันถัดมา
ทีมงานเช่ารถสองคัน และพาซูเย่ หวังจี้เชาและหลี่เฉิงเยี่ยน ไปยังสถานพักฟื้นในเขตชานเมือง
ทันทีที่เขาลงจากรถ ซูเย่พลันเห็นชื่อ ‘บ้านพักผูจี้’
ซึ่งชายหนุ่มจำได้ว่าสถานพักฟื้นแห่งนี้ตั้งอยู่ในบริเวณชานเมืองจี้หยาง
เป็นสถานที่ที่มีการพัฒนาน้อย ในวันธรรมดาที่แห่งนี้จะเงียบสงบมาก เหมาะแก่การพักฟื้นคนไข้
เมื่อเข้าไปในสถานพักฟื้น ดวงตาของซูเย่พลันเป็นประกาย!
คนไข้ทั้งหมดในสถานพักฟื้นนี้คือผู้ฝึกยุทธ์!
ยิ่งกว่านั้น แต่ละคนมีไอสังหารทุกคน ต่างกันแค่มากหรือน้อย!
“ที่นี่มันสำหรับคนธรรมดาไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงมีผู้ฝึกยุทธ์มากขนาดนี้”
มุมปากของซูเย่ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย การทดสอบครั้งนี้ดูน่าสนใจเล็กน้อย
ในเวลานี้ จ้าวเหมียนเหลือบมองพิธีกรและส่งสัญญาณว่าสามารถเริ่มดำเนินรายการได้
พิธีกรพยักหน้า นำซูเย่ หวังจี้เชาและหลี่เฉิงเยี่ยนทั้งสามคนเข้าไปในห้องที่ค่อนข้างกว้างขวาง
ห้องนี้มีเตียงคนไข้สามเตียง บนเตียงมีคนไข้นอนอยู่สามคน พวกเขาต่างมีใบหน้าซีดเซียวและดูอ่อนแรง
“สิ่งที่คุณกำลังจะเจอคือการทดสอบครั้งสุดท้ายและเป็นครั้งที่ยากที่สุด”
พิธีกรยืนต่อหน้ากล้องและพูดกับผู้เข้าแข่งขันทั้งสามอย่างเคร่งขรึม “คุณได้เห็นแล้วว่ามีผู้ป่วยจำนวนมากที่นี่ และอาการของพวกเขาก็ร้ายแรงมาก การสอบของคุณในวันนี้คือการรักษาผู้ป่วยสามคนที่อยู่เบื้องหน้า ผู้ป่วยสามคนนี้อยู่ในอาการเดียวกัน ตอนทำการรักษาจะมีห้องแยกให้”
“ไม่มีกฎเกณฑ์สำหรับการสอบครั้งนี้ ไม่ว่าคุณจะใช้วิธีใดตราบเท่าที่คุณสามารถรักษาได้! และเพราะคะแนนในครึ่งแรกเกือบจะเท่ากัน ดังนั้นในครั้งนี้ใครก็ตามที่รักษาได้ก่อนจะเป็นผู้ชนะ!”
ใครรักษาหายก่อนคนนั้นชนะ?
เมื่อได้ยินดังนั้น สายตาของหวังจี้เชาและหลี่เฉิงเยี่ยนพลันเป็นประกาย
โอกาสพลิกกระดานมาแล้ว!
ยังไงฉันก็จะชนะ!
“ตอนนี้พวกคุณสามารถตรวจชีพจรเพื่อตรวจอาการก่อนก็ได้” พิธีกรเอ่ยบอก
หวังจี้เชาและหลี่เฉิงเยี่ยนก้าวไปข้างหน้าทันทีเพื่อตรวจชีพจรของคนไข้ทั้งสาม แต่ซูเย่ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม
ไม่จำเป็นต้องจับชีพจรก็เห็นได้ชัดว่าอาการของคนไข้ไม่สู้ดีนัก
พวกเขาล้วนเป็นผู้ฝึกยุทธ์ สมรรถภาพทางกายของพวกเขาแตกต่างจากคนทั่วไป โรคธรรมดาทั่วไปทำอะไรพวกเขาไม่ได้แน่ ดูเหมือนว่าพวกเขาได้รับบาดเจ็บภายในอย่างสาหัสมา
ตามที่คาดการณ์ไว้ หลังจากได้จับชีพจรของคนไข้ทั้งสามแล้ว ใบหน้าของหวังจี้เชาและหลี่เฉิงเยี่ยนเคร่งขรึมลง คิ้วของพวกเขาขมวดแน่น
“พวกคุณมีเวลา 12 ชั่วโมง ใครรักษาหาย ถือว่าการสอบสิ้นสุดทันที”
พิธีกรเอ่ยเตือน “ตอนนี้ เริ่มได้!”
เสียงพิธีกรเพิ่งจบลง หวังจี้เชาและหลี่เฉิงเยี่ยนมองหน้ากัน สายตาของพวกเราราวกับมีเปลวเพลิงปะทุ
จากนั้นพวกเขาก็เหลือบมองที่ซูเย่
หลังเลือกผู้ป่วยแต่ละรายอย่างรวดเร็ว และด้วยความช่วยเหลือของทีมงาน ทั้งสองก็แยกย้ายไปยังห้องรักษา
ส่วนซูเย่อยู่ที่ห้องเดิม ชายหนุ่มเพียงเหลือบมองทั้งสองคนจากไป แล้วก้าวเท้าไปข้างเตียงผู้ป่วย ก่อนยืดมือไปจับชีพจรของเขา
เพียงแค่วางนิ้วลงไป ซูเย่ค้นพบว่าปราณของผู้ฝึกยุทธ์คนนี้สับสนวุ่นวาย และอวัยวะภายในของเขาได้รับความเสียหายมากน้อยคละกันไป โดยอาการบาดเจ็บที่ตับนั้นหนักที่สุด
ซูเย่ขมวดคิ้วแน่น
“ผู้ฝึกยุทธ์เหล่านี้ได้รับบาดเจ็บ แล้วทำไมต้องมาให้พวกเรารักษา?”
สิ่งที่หวังห่าวเคยพูดไว้แวบเข้ามาในหัวของซูเย่ทันที ‘แพทย์แผนจีนมีประโยชน์มาก’
“หรือว่าในโลก Fantasy Dream ที่แท้จริงต้องใช้แพทย์แผนจีนในการรักษาอาการบาดเจ็บภายใน?”
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ซูเย่ก็นึกถึงความแตกต่างระหว่างแพทย์แผนจีนและแพทย์แผนตะวันตกทันที การรักษาอาการบาดเจ็บภายในแพทย์แผนตะวันตกคือการผ่าตัด ทำให้แพทย์ตะวันตกแผนกศัลยกรรมนับว่ายอดเยี่ยมมาก ส่วนยาที่ใช้ก็เป็นยาแผนตะวันตกทั้งหมด
ส่วนยาจีนมีประสิทธิภาพมากในการรักษาอาการบาดเจ็บภายในและขจัดสาเหตุที่แท้จริงของอาการบาดเจ็บ
หากในโลก Fantasy Dream ที่แท้จริง ผู้ฝึกยุทธ์ที่บาดเจ็บภายนอกไม่นับว่าเป็นปัญหาอะไร
แต่ปัญหาที่แท้จริงคือการบาดเจ็บภายใน
ถ้ามองจากมุมนี้ แพทย์แผนจีนถือว่ามีประโยชน์มากจริง ๆ
“การสอบก่อนหน้านี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับผู้ฝึกยุทธ์เลย แต่ในการสอบครั้งสุดท้ายกลับให้พวกเขารักษาผู้ฝึกยุทธ์?”
“แล้วไม่กี่วันก่อนยังโดนลอบทำร้ายอีก”
ซูเย่พยายามหาความเชื่อมโยงของเรื่องราวที่ไม่ชอบมาพากลเหล่านี้
ดูเหมือนว่าจุดมุ่งหมายของการแข่งขันแพทย์แผนจีนครั้งนี้จะง่ายกว่าที่คิดเสียแล้ว
“สมุนไพรกับหม้อต้มยาละครับ?”
ซูเย่เอ่ยถามขึ้นมา
“เตรียมไว้หมดแล้ว”
โปรดิวเซอร์หวังเอ่ยตอบ “ด้านนอกมีรถสมุนไพรจีน เปิดห้องเสร็จแล้วก็สามารถไปเลือกหาสมุนไพรได้ หม้อต้มยาก็เตรียมเอาไว้แล้ว สามารถใช้ได้ตลอดเวลา”
ซูเย่พยักหน้า แล้วหันไปขอกระดาษและปากกาจากทีมงาน และเขียนใบสั่งยาออกมา หลังจากนั้นก็ออกไปหาสมุนไพร
เมื่อเลือกสมุนไพรเสร็จ ก็ไปรับหม้อต้มยามา และเริ่มต้มยาทันที
“ผมต้องการเข็มเงินหนึ่งชุดครับ”
ทีมงานช่วยหาเข็มมาให้เขาทันที เมื่อกลับถึงห้องผู้ป่วย ชายหนุ่มก็เริ่มรักษาโดยการฝังเข็ม
ซูเย่รู้ดีว่าทันทีที่ตนเองใช้ปราณอีกฝ่ายจะรู้ตัวทันทีว่าเขาเองก็เป็นผู้ฝึกยุทธ์ ดังนั้นระหว่างการรักษาครั้งนี้ จึงไม่อาจใช้พลังปราณช่วยได้แม้แต่น้อย ทำได้เพียงใช้วิธีการรักษาธรรมดาเท่านั้น
แน่นอนว่าถ้าเขาใช้ปราณโดยปกปิดไม่ให้อีกฝ่ายรู้ก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้ เพียงแต่การใช้ปราณจะไม่ยุติธรรมต่อหวังจี้เชาและหลี่เฉิงเยี่ยนก็เท่านั้น
“ยุติธรรมสักหน่อยน่าจะดีกว่า”
ซูเย่เลือกใช้การรักษาโดยการฝังเข็ม
ด้วยการฝังเข็มบำบัด อาการของผู้ป่วยเริ่มดีขึ้นบ้าง ใบหน้าของเขาไม่แสดงสีหน้าเจ็บปวดเหมือนก่อนหน้านี้อีกต่อไป
สิ่งที่ปรากฏเบื้องหน้าพวกเขา ทำให้ดวงตาของทีมงานเป็นประกาย
ซูเย่จะชนะแล้ว?
แต่คิ้วของซูเย่กลับขมวดเล็กน้อย
เมื่อการฝังเข็มสิ้นสุด เขากลับพบว่าแม้ว่าอาการของผู้ป่วยจะดีขึ้น แต่ก็ไม่ได้ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เพียงแค่ดีขึ้นชั่วคราว
ในสถานการณ์ตอนนี้ หากใช้การฝังเข็มรักษา แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะรักษาให้หายขาด
งั้นลองใช้ยาสมุนไพร!
ซูเย่หยิบสมุนไพรที่เพิ่งต้มเสร็จ วางไว้ครู่หนึ่งเพื่อให้มันหายร้อนจัด หลังจากนั้นเขาก็ป้อนให้ผู้ป่วย
ซูเย่พบว่าผู้ป่วยโคจรพลังปราณในร่างเพื่อให้ย่อยและดูดซึมยาได้อย่างรวดเร็ว
ซูเย่เหลือบมองอีกฝ่าย ดูเหมือนว่ามีคนกำชับอยู่เบื้องหลังคนเหล่านี้ ให้พวกเขาโคจรพลังปราณดูดซึมยาอย่างรวดเร็ว
แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ช่วยลดเวลาในการรอให้ยาออกฤทธิ์ไปเยอะ
ซูเย่สังเกตอาการผู้ป่วยอีกครู่หนึ่ง พบว่ายาสมุนไพรสามารถปรับพลังชี่โดยรวมของผู้ป่วย ซึ่งสามารถช่วยได้มากในการบาดเจ็บภายใน แต่ฤทธิ์ของยายังไม่เพียงพอ และหลังจากมีผลเพียงเล็กน้อย ยาก็เริ่มอ่อนลง
สถานการณ์นี้ทำให้ซูเย่ขมวดคิ้วอีกครั้ง ยาได้ผลแต่ผลยังไม่เพียงพอ?
ดูเหมือนว่ายาสมุนไพรจีนทั่วไปจะไม่เพียงพอที่จะทำให้พลังชี่ทั้งหมดของร่างกายสมดุลและขจัดอาการบาดเจ็บภายในไปได้
งั้นก็มีทางเดียวเท่านั้น!
ดวงตาของซูเย่พลันเป็นประกายจ้า
“เพิ่มปริมาณยา!”
ตอนที่ไปหยิบสมุนไพร ครั้งนี้เขาเพิ่มปริมาณมากถึงสิบเท่า แล้วเริ่มต้มยาใหม่ทันที
เมื่อเห็นสิ่งที่ปรากฏเบื้องหน้าพวกเขา ทีมงานและหมอจีนที่คณะผู้จัดถูกส่งให้มาตรวจสอบต่างตกใจกับจำนวนยาสมุนไพรที่ซูเย่ใช้
“เขาบ้าไปแล้วเหรอ?”
“สมุนไพรสิบเท่า? นี่เขาจะรักษาหรือจะฆ่ากันแน่”
คนธรรมดาจะรับยาแรงขนาดนี้ได้ยังไง เพราะยามีความเป็นพิษถึงสามส่วน กินยาจีนแล้วไตของคนจะทำงานหนักมาก ในกรณีของผู้ป่วยที่อ่อนแอมากเพียงนี้ เขากล้าใช้ยาสมุนไพรสิบเท่า?”
คณะแพทย์แผนจีนรีบไปที่กลุ่มทีมงานและพูดคุยเกี่ยวกับผลเสียของการรักษาของซูเย่ทันที
จ้าวเหมียนขมวดคิ้วและมองไปที่ซูเย่
เขาไม่เชื่อว่าซูเย่จะไม่มีจุดประสงค์เบื้องหลังของการกระทำ ดังนั้นจึงรีบติดต่อผู้รับผิดชอบสถานพักฟื้นทันที หลังจากฟังเรื่องราวแล้ว ผู้รับผิดชอบก็ยิ้มและพูดเบาๆ ว่า “รักษาต่อเถอะ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น จ้าวเหมียนและคณะแพทย์จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องดูซูเย่ต่อไป
จากนั้นไม่นาน หลังต้มยาเสร็จ ซูเย่เทยาสมุนไพรออกมา วางทิ้งไว้ให้อุ่น และให้ผู้ป่วยดื่มทันที ทำให้คณะแพทย์แผนจีนที่กำลังดูขมวดคิ้วแน่น
“ให้ดื่มลงไปเลย?”
“ไม่คิดเจือจางสักหน่อยเลยงั้นเหรอ?”
ทันใดนั้น ฉากที่น่าประหลาดใจก็เกิดขึ้น สีผิวของผู้ป่วยบนเตียงพลันเริ่มดีขึ้นมาก
เมื่อเห็นฉากนี้ คณะแพทย์แผนจีนก็รู้สึกตกตะลึง
นี่มันเรื่องอะไรกัน? ผู้ป่วยที่อ่อนแอเช่นนี้สามารถทนรับยาที่มีความเข้มข้นสิบเท่าได้จริงหรือ?
ซูเย่รู้ดีว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ มีพลังปราณในร่างกาย และปราณไม่ได้อ่อนแอเลย ดังนั้น ไม่ว่ายาจีนจะแรงแค่ไหน ความเป็นพิษที่นำพาโดยสมุนไพรจีนนี้ก็จะถูกกำจัดไปโดยพลังปราณ
เมื่อรู้เช่นนี้ ซูเย่จึงไม่กังวลว่าร่างกายของอีกฝ่ายจะไม่สามารถทนฤทธิ์ยาได้
สิ่งที่เขาต้องการคือผลของยา
เมื่อเห็นใบหน้าของผู้ป่วยฟื้นตัว ซูเย่ก็พยักหน้า
ยามีประสิทธิภาพ!
หลังอีกฝ่ายดื่มยาไปสองครั้งติดต่อกัน ซูเย่จึงปล่อยให้ผู้ป่วยหยุดพัก
สองชั่วโมงต่อมา ซูเย่ไปหยิบสมุนไพรมาต้มอีกครั้ง ครั้งนี้เขาเพิ่มปริมาณยาไปถึง 20 เท่า ทำให้กลิ่นยาสมุนไพรเข้มข้นคละคลุ้งไปทั้งสถานพักฟื้น!!