เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - บทที่ 55 พบกับฮัวเหรินเชิง!
บทที่ 55 พบกับฮัวเหรินเชิง!
“ลูกแม่ แม่ภูมิใจในตัวลูกจริงๆ สมแล้วที่เป็นลูกของแม่!”
“เสี่ยวเย่ หนูเก่งมากจริงๆ เป็นหน้าเป็นตาให้บ้านของเรา กลับมาตอนไหนแวะมานะ น้าจะเลี้ยงข้าวเอง”
“ลูกพี่ซูผู้ยอดเยี่ยม คว้ารางวัลมาให้มหาวิทยาลัยของเรา”
“ตามที่คาดไว้ลูกพี่ซู ไม่ว่าทำอะไรก็เป็นที่หนึ่ง”
ทันทีที่ออกจากสตูดิโอและเปิดโทรศัพท์มือถือของเขา ซูเย่พลันได้รับข้อความต่างๆ เพื่อแสดงความยินดีกับตน
ระหว่างอ่านทีละข้อความ ซูเย่ก็ยิ้มออกมาและตอบกลับเพื่อขอบคุณทุกคน
ในเวลานี้ กองทุนพิเศษที่มหาวิทยาลัย 33 แห่งที่เข้าแข่งขันกันในที่สุดก็มีข่าวความเคลื่อนไหวออกมาเสียทีหลังจากสิ้นสุดการแข่งขัน
“มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยางของผู้ชนะเลิศจะได้รับ 30% ของกองทุนพิเศษ ส่วนมหาวิทยาลัยแพทย์ตี้ตูของรองชนะเลิศอันดับสองจะได้รับ 25% และสถานศึกษาแห่งอื่นๆ ทั้งหมดจะแบ่งปันส่วนที่เหลือ 45% ร่วมกันอย่างเท่าเทียม”
ข่าวแพร่กระจายไปทั่วมหาวิทยาลัยการแพทย์ชั้นนำทั่วประเทศ มันจุดชนวนการถกเถียงกันอย่างดุเดือดในหมู่อาจารย์และนักศึกษาในมหาวิทยาลัยทันที
“มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยางผูกขาด 30% มันเยอะเกินไปไหม?”
“จะทำไงได้ ใครใช้ให้เขาเป็นผู้ชนะการแข่งขันการแพทย์แผนจีนกันละ”
“ที่หนึ่งกับที่สองรวมกันได้เกินครึ่งของกองทุนพิเศษแล้ว ถึงแม้ว่ากองทุนพิเศษยังมีอยู่ 45 % แต่ก็ยังมีส่วนแบ่งของที่สามอยู่ด้วย นอกจากสามอันดับแรก ยังมีมหาวิทยาลัยอีก 30 แห่ง โดยเฉลี่ยแล้วคือ 1% สำหรับแต่ละมหาวิทยาลัย เกินไปแล้วมั้ง”
“ให้ตายเถอะ 1 % มันน้อยเกินไป”
“1% ของกองทุนพิเศษ เอามาเลี้ยงข้าวยังไม่พอเลย ตลกดีวะ!”
“จากการคำนวณ มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยางได้กองทุนพิเศษ 30 % นี่มันฟุ่มเฟือยเกินไปแล้ว”
“ด้วยกองทุนพิเศษ 30% นี้ มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยางก็เพียงพอที่จะดำเนินการการพัฒนาที่ครอบคลุม พัฒนาอาคารเรียน อุปกรณ์การศึกษา อุปกรณ์ทางการแพทย์และห้องสมุดทั้งหมด ฉันอิจฉาจนตาแตกแล้ว”
เมื่อต้องเผชิญกับความอิจฉาริษยาจากมหาวิทยาลัยอื่น อาจารย์และนักศึกษาของมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยางต่างก็ตื่นเต้นมากในขณะนี้
มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยางของพวกเราได้ 30%!
นี่มันคิดเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่กัน!
ก่อนที่การแข่งขันแพทย์แผนจีนจะเริ่มขึ้น ทุกคนก็แค่อยากได้อันดับดีๆ เท่านั้น พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะวาดฝันไปถึงสามอันดับแรก แต่ตอนนี้…
ในช่วงแรก ซูเย่ซึ่งถูกต่อต้านจากผู้คนนับไม่ถ้วนและถูกตั้งคำถามต่อความสามารถของเขา กลับได้รับรางวัลชนะเลิศการแข่งขันแพทย์แผนจีนในนามของมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยาง!
ซูเย่เป็นฮีโร่แห่งมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยาง!
ในบอร์ดสนทนาของมหาวิทยาลัยไม่มีใครกล้าพูดว่าคณะสมุนไพรจีนไม่ดีอีก เพราะพวกเขาได้เห็นกับตาแล้วว่านักศึกษาคณะสมุนไพรจีนที่เรียนแพทย์แผนจีนเพียงครึ่งปีได้นำความรุ่งโรจน์และอนาคตอันสดใสมาสู่พวกเขา!
……
วันถัดมา ซูเย่กลับเมืองจี้หยางทันที เพราะว่ามหาวิทยาลัยใกล้จะเปิดเทอมแล้ว
ทันทีที่เขาลงจากรถบัส ก่อนที่เขาจะก้าวเข้าไปในประตูมหาวิทยาลัย ซูเย่พลันเห็นว่าเพื่อนร่วมชั้นของเขาหลายคนผงะไปเมื่อเห็นตนเอง ก่อนที่ทันใดนั้นพวกเขาจะยิ้มให้ด้วยความตื่นเต้น
ในหมู่คนกลุ่มนั้น ไม่เพียงแต่มีนักศึกษาจากคณะเดียวกับเขาเท่านั้น แต่ยังมีนักศึกษาจากภาควิชาการแพทย์แผนจีนที่แต่เดิมเกลียดชังซูเย่ …พวกเขายังแสดงความเป็นมิตรต่อซูเย่และดวงตาของพวกเขายังเต็มไปด้วยความชื่นชมอีกด้วย!
ซูเย่ยิ้มและพยักหน้าตอบทุกคนที่ยิ้มให้เขา
“ครืด—”
ซูเย่หยิบโทรศัพท์มือถือที่สั่นออกมา เมื่อก้มดูจึงพบว่าเป็นอาจารย์หลี่เคอหมิงโทรมา
“ฉันได้ยินยามบอกว่าเธออยู่ที่ประตูมหาวิทยาลัยเหรอ”
ซูเย่หันไปมองพี่ยามหน้าประตู
ข่าวเร็วจริงๆ เขาเพิ่งลงจากรถไม่ถึงหนึ่งนาที ยังไม่ทันได้ไปรายงานตัวเลย
คนเฝ้าประตูหนุ่มยิ้มแฉ่งให้เขา
“ใช่ครับ”
“งั้นพอเก็บสัมภาระเสร็จแล้ว เธอก็มาหาฉันทีนะ”
“ครับ”
ซูเย่พยักหน้าอย่างเข้าใจ และหลังจากกลับมาที่หอพักเพื่อเก็บสัมภาระ เขาก็รีบไปที่ประตูทิศเหนือของมหาวิทยาลัยทันที
ที่หน้าประตูทิศเหนือ หลี่เคอหมิงยืนรออยู่ข้างทางเดินแล้ว
“อาจารย์หลี่”
ซูเย่เดินเข้ามาทักทาย
“เป็นไงบ้าง”
หลี่เคอหมิงหัวเราะและตบไหล่ซูเย่พร้อมเอ่ยชื่นชม “ทำได้ดีมาก!”
“พอได้ครับ”
ซูเย่กล่าวอย่างถ่อมตัว
“ตามมา”
หลี่เคอหมิงจับแขนของซูเย่ พลางเอ่ย “จะพาไปหาคนคนหนึ่ง”
“ปรมาจารย์ฮัว?”
ซูเย่เอ่ยถาม
“เธอนี่รู้ดีไปหมดจริงๆ เรื่องนี้ยังเดาถูก”
หลี่เคอหมิงเอ่ยพลางหัวเราะ
ขณะเดินไปก็เอ่ยขึ้น “ช่วงนี้ฉันดูรายการกับอาจารย์ตลอด อาจารย์พอใจกับคะแนนของเธอมากเลยนะ”
“ดีนะครับที่ผมไม่ได้ทำให้ขายหน้า”
ซูย่เอ่ยตอบ
“ครั้งนี้นายทำให้ทุกคนประหลายใจจริงๆ”
หลี่เคอหมิงกล่าวอย่างมีความสุข “เกือบทุกคนคิดว่าผู้ชนะการแข่งขันครั้งนี้ จะต้องเป็นเด็กจากมหาวิทยาลัยแพทย์ตี้ตู ใครจะคิดว่าเด็กแพทย์แผนจีนของเราจะชิงตำแหน่งผู้ชนะมาได้ในที่สุด เธอทำได้ดีมาก!”
“ฉันอยากจะขอบคุณแทนมหาวิทยาลัย”
“ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ มหาวิทยาลัยของเราคงจะไม่ได้รับเงินทุนพิเศษมากมายขนาดนี้”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ หลี่เคอหมิงก็พลันมีท่าทีเปลี่ยนไป “เธอรู้หรือไม่ว่าได้มาจำนวนเท่าไหร่? พันล้านเชียวนะ! ด้วยกองทุนพิเศษเหล่านี้เราจะสามารถบรรลุการพัฒนาในระดับที่สูงขึ้นในอนาคตของวงการแพทย์แผนจีนได้อย่างแน่นอน แม้ว่าจะยังไม่สามารถเลื่อนเป็นมหาวิทยาลัยแพทย์อันดับหนึ่งได้ในขณะนี้ แต่วันนั้นอยู่ไม่ไกลแล้วละ”
พันล้าน?
ซูเย่ไม่คิดว่าจะเยอะขนาดนี้
“เป็นหน้าที่ของผมที่จะต้องช่วยสร้างชื่อเสียงให้มหาวิทยาลัย ว่าแต่ ผมลงแรงไปก็เยอะ พันล้านที่ว่านั่น มีส่วนแบ่งให้ผมบ้างไหมครับ?”
พันล้าน ถ้าแบ่งร้อยล้านให้เขา คะแนนคุณธรรมจะเพิ่มขึ้น 2000 คะแนน!
ตอนนี้มีรายการหกตอนและเขาทำคะแนนได้เพียง 500 คะแนนจนถึงตอนนี้!
หลี่เคอหมิงหยุดชะงักไป เหลือบมองที่ซูเย่ด้วยดวงตาที่ซับซ้อนและกล่าวว่า “เธออย่าคิดมากเกินไป”
“อ้อ ครับ”
ความผิดหวังแวบผ่านเข้ามาในดวงตาของซูเย่
ในไม่ช้า ทั้งสองก็มาถึงเรือนเล็กๆ อันเงียบสงบแห่งหนึ่งในเขตมหาวิทยาลัย
“ติ๊งต๊อง……”
หลี่เคอหมิงกดกระดิ่งหน้าบานประตู
“ใครคะ?”
เสียงของหญิงวัยชราคนหนึ่งลอดออกมา ขณะที่ประตูเปิดออก
“อาจารย์หญิง สวัสดีครับ”
หลี่เคอหมิงคารวะอาจารย์หญิงทันทีที่เจอหน้า
ซูเย่เห็นจึงรีบทำตาม
“ไม่ต้องพิธีรีตองมาก เข้ามาเถอะ”
หญิงชรามองไปทางซูเย่ แล้วยิ้มพลางกวักมือเรียกทั้งสองให้เข้ามา จากนั้น หลี่เคอหมิงจึงพาซูเย่เดินเข้าไปในเรือน
“เคอหมิงมาหรือ?”
ในห้องนั้นมีเสียงคนดังลอดมา
“อาจารย์”
เมื่อเข้ามาแล้วหลี่เคอหมิงก็ทักทายฮัวเหรินเชิงที่กำลังชงชาอยู่แล้วกล่าวต่อ “ผมพาซูเย่มาหาอาจารย์ครับ”
“อืม”
ฮัวเหรินเชิงมองซูเย่แล้วยิ้มกว้าง “มาเถอะ นั่งสิ”
ซูเย่ไม่มีอาการตื่นตกใจเลย
เขายิ้มและเดินขึ้นไปพร้อมกับหลี่เคอหมิง
“สวัสดีครับ ปรมาจารย์ฮัว”
ก่อนที่จะนั่งลง ซูเย่ก็ทักทายฮัวเหรินเชิง
“อืม”
ฮัวเหรินเชิงพยักหน้าอย่างพึงพอใจแลวเอ่ยขึ้น “นั่งลงดื่มชาด้วยกันสิ”
ขณะพูดเขาก็รินน้ำชาให้ซูเย่
ซูเย่ค้อมตัวลงอย่างรวดเร็ว และในขณะเดียวกันก็เคาะลงบนโต๊ะสามครั้งเพื่อแสดงความเคารพ
“อาจารย์ ดูสิ”
หลี่เคอหมิงยกถ้วยชาขึ้นและพูดด้วยรอยยิ้ม
“ไม่ต้องรีบร้อน”
ฮัวเหรินเชิงตอบ แล้วยื่นมือให้ซูเย่ ยิ้มและกล่าวว่า “มานี่สิ ช่วยจับชีพจรฉันก่อนแล้วดูว่าร่างกายของฉันเป็นอย่างไรบ้าง”
นี่คือการทดสอบเขาหรือเปล่า?
ซูเย่ไม่ลังเล และยืดมือไปจับชีพจรของปรมาจารย์ฮัวทันที
“ชีพจรของอาจารย์ไม่ลอย ไม่จม ไม่เล็กบาง ไม่ใหญ่ มีจังหวะที่สม่ำเสมอ ชีพจรสี่ถึงห้าครั้งต่อหนึ่งลมหายใจ หมายถึงชีพจรมีพลังแข็งแกร่ง”
หลังจากเสร็จสิ้นการจับชีพจร ซูเย่พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ชีพจรของอาจารย์เป็นปกติ ซึ่งหมายความว่าอาจารย์มีสุขภาพที่ดีครับ”
“ไม่เลว”
ปรมาจารย์ฮัวพยักหน้าพลางอมยิ้ม เก็บมือกลับแล้วพูดด้วยความพึงพอใจ “สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น ระดับความสามารถของเธอในตอนนี้ค่อนข้างดี ฉันดูรายการทั้งหกตอนแล้ว เธอมีความเข้าใจในด้านต่างๆ อย่างครอบคลุม แต่ในด้านทฤษฎีนั้นยังไม่ดีเท่าไหร่นัก”
“รวมถึงวิธีการรักษาด้วย การปรับใช้ยังไม่ถือว่าเชี่ยวชาญ และการออกใบสั่งยายังต้องปรับปรุงอีกมาก”
ซูเย่พยักหน้าอย่างนอบน้อม สิ่งที่ปรมาจารย์ฮัวพูดนั้นถูกต้องจริงๆ
นี่คือสถานะภาพความสามารถของเขาในตอนนี้
“เธอยินดีที่จะเรียนกับฉันหรือไม่?”
ปรมาจารย์ฮัวเอ่ยถาม
“ยินดีครับ”
ซูเย่เอ่ยขึ้นอย่างปลื้มใจในทันที
“ดี”
ปรมาจารย์ฮัวยิ้มพลางพยักหน้าอย่างพอใจ และกล่าวต่อ “ที่จริงรับศิษย์ไม่ต้องพิธีรีตองอะไรมากนักก็ได้”
“แต่ในเมื่อเธอต้องการคำนับฉันในฐานะอาจารย์ ฉันก็คืออาจารย์ของเธอ ต่อไปไม่ว่าใครหน้าไหนก็ไม่อาจมารังแกศิษย์ของฉันได้ พิธีการเหล่านี้จัดขึ้นเพื่อให้คนอื่นรับรู้ฐานะของเธอ ให้พวกเขาได้รู้ว่าเธอเป็นศิษย์ของฉันอย่างเป็นทางการ”
“ตามแต่อาจารย์จะจัดการเลยครับ”
ซูเย่รีบพูดอย่างนอบน้อม
“เคอหมิง ฉันรู้ดีว่าเธอเป็นคนที่กระตือรือร้นที่สุดในเรื่องนี้ ดังนั้นเธอไปจัดการมา วันมงคลเธอก็เลือกมาให้พร้อมละ”
ปรมาจารย์ฮัวกล่าวกับหลี่เคอหมิง
“ไม่มีปัญหาครับ”
หลี่เคอหมิงพยักหน้ารับทันที “ผมพร้อมจัดการตามที่อาจารย์สั่ง”
เมื่อซูเย่ได้ยิน จึงรีบพูดขึ้นทันที “ขอบคุณครับศิษย์พี่”
หลี่เคอหมิงใบหน้าแข็งค้างทันที
เดี๋ยวนี้รู้จักปีนเกลียวแล้วสินะ
เมื่อก่อนยังเรียกอาจารย์ ตอนนี้เรียกศิษย์พี่ได้ไม่กระดากปากเลย!
“ที่จริง… อาจารย์ได้ตัดสินใจรับเธอเป็นลูกศิษย์นานแล้ว”
ครึ่งชั่วโมงต่อมา เมื่อเขาออกจากเรือนบ้านของปรมาจารย์ฮัว หลี่เคอหมิงก็พูดกับซูเย่ “ฉันจำได้ว่าครั้งแรกที่ฉันแนะนำให้เธอไปหาอาจารย์ อาจารย์อยากรู้เกี่ยวกับนายมาก แล้วฉันก็เอาข้อมูลของนายให้อาจารย์ไป รวมถึง ตอนที่ไปรักษาคนและบริจาคเงิน”
“ในตอนที่เธอเป็นตัวแทนของมหาวิทยาลัยไปแข่ง อาจารย์ก็ตัดสินใจรับเธอเป็นศิษย์แล้ว ไม่ใช่เมื่อวานที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ”
ซูเย่ตกตะลึงไปชั่วครู่
“แต่อาจารย์บอกว่ายังไม่ให้บอกเธอ”
หลี่เคอหมิงยิ้มพลางเอ่ยขึ้น “ที่จริงต่อให้ไม่ได้ที่หนึ่ง ก็รับเป็นศิษย์อยู่ดี”
“ฉันแค่อยากจะกระตุ้นและทำให้เธอมีแรงจูงใจมากขึ้นเท่านั้น ดูเหมือนว่าจะมีประสิทธิภาพมาก มันทำให้เธอชนะการแข่งขันมาได้”
“เป็นแบบนี้นี่เอง”
ซูเย่พลันกระจ่างแจ้ง ทุกอย่างได้ถูกกำหนดไว้แต่แรกแล้ว!!
“อืม วันนี้มาที่นี่ก่อน”
เมื่อเดินไปที่จัตุรัสกลางของมหาวิทยาลัย หลี่เคอหมิงกล่าวขึ้น “วันนี้เปิดเทอม นายควรกลับไปมหาวิทยาลัยเพื่อเตรียมตัว ฉันจะตรวจสอบวันที่ก่อนแล้วจะบอกเมื่อได้วันที่แน่นอนแล้ว”
“ครับ”
ซูเย่พยักหน้า
คืนนั้นหลี่เคอหมิงได้วันอันมงคลสำหรับพิธีรับศิษย์ ซึ่งก็คืออีกสามวันถัดไป
หลังจากยืนยันวันที่แล้ว หลี่เคอหมิงได้โทรหาปรมาจารย์ฮัวเพื่อรายงานความคืบหน้า และเมื่อแน่ใจแล้ว เขาก็โทรไปแจ้งซูเย่เพื่อให้เตรียมตัว
เมื่อได้ฤกษ์แล้ว หลี่เคอหมิงจงใจเผยแพร่ข่าวว่าซูเย่กราบปรมาจารย์ฮัวเป็นอาจารย์ออกไป
เรื่องนี้เขาได้รับคำสั่งจากปรมาจารย์ฮัวโดยตรง
เพราะเหตุผลในการจัดพิธีรับศิษย์นี้ ก็เพื่อเป็นการบอกกับวงการแพทย์แผนจีนว่าตั้งแต่วันนี้ไปซูเย่เป็นลูกศิษย์ของฮัวเหรินเชิง ดังนั้นใครก็ไม่มีสิทธิ์รังแกเขา!
และข่าวนี้ก็ได้แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว
วันถัดมา ผู้คนในแวดวงแพทย์แผนจีนต่างรู้กันหมด ในบอร์ดสนทนาของมหาวิทยาลัยก็รู้เรื่องแล้วเช่นกัน
เพราะก่อนการแข่งขันทุกคนรู้ดีว่ามันเกิดอะไรขึ้น เมื่อพวกเขาได้เห็นประกาศอย่างเป็นทางการ ทุกคนก็ไม่แปลกใจเลย กลับกัน ทุกคนบนบอร์ดต่างแสดงความยินดีกับซูเย่
“ขอแสดงความยินดีกับซูเย่”
“ซูเย่มีคุณสมบัตินี้แน่นอน!”
“เขาเป็นหมอจีนที่ดีและจะนำพาวงการแพทย์แผนจีนของเราก้าวไปข้างหน้าแน่นอน!”
แม้ว่านักศึกษาทุกคนจะอิจฉามาก แต่ก็แสดงความยินดีกับซูเย่
ทว่า ในช่วงเวลาพิเศษเช่นนี้
ในเวยป๋อ จู่ๆ ก็มีคนเอาเรื่องวิทยานิพนธ์ออกมา
“ซูเย่ลอกวิทยานิพนธ์!!!”