เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - บทที่ 62 เข้าสู่โลกของ Fantasy Dream ที่แท้จริง
บทที่ 62 เข้าสู่โลกของ Fantasy Dream ที่แท้จริง
“ถ้าโลกของ Fantasy Dream มีความยิ่งใหญ่ถึงขนาดนั้น แล้วทำไมถึงไม่ปล่อยให้พวกเราเข้าไปที่นั่นตั้งแต่แรกเลยล่ะครับ?”
ใครคนหนึ่งถาม
“นั่นแหละคือประเด็น”
หวังห่าวตอบ “นี่คือสิ่งที่ผมไม่เคยบอกพวกคุณมาก่อน นั่นเป็นเพราะว่าพวกคุณยังไม่แข็งแกร่งมากพอ การเดินทางผ่านอุโมงค์ข้ามมิตินั้น หากพวกคุณยังไม่มีพลังอยู่ในขั้นสาม ร่างกายของพวกคุณจะทนรับแรงดันในอุโมงค์มิติไม่ไหว!”
“และถ้าไม่มีผู้นำทาง พวกคุณก็จะไม่สามารถเดินทางเข้าไปได้เช่นกัน”
พูดมาถึงตรงนี้ นายตำรวจหนุ่มก็หยุดชะงัก และไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติมอีก
เมื่อได้ยินเช่นนั้น
ทุกคนก็ประหลาดใหญ่
ในอุโมงค์ข้ามมิติอะไรนั่นมีแรงดันด้วยหรือ?
และถ้าไม่ได้เป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับสามก็จะทนรับแรงดันไม่ไหว?
น่ากลัวขนาดนั้นเชียว?
“ไม่ต้องกลัว”
เมื่อเห็นสีหน้าของทุกคน หวังห่าวก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย “พลังปราณธรรมชาติที่อยู่ในโลก Fantasy Dream ของจริงนั้นมีอย่างเหลือเฟือ เพียงพอให้ทุกคนได้ดูดซับอย่างทั่วถึง”
“นอกจากนี้ ผลจากการวิจัยยังให้ข้อมูลแก่พวกเราเพิ่มเติมอีกว่า ถึงโลกของ Fantasy Dream จะเป็นดินแดนที่เสมือนอยู่ในอีกมิติหนึ่ง แต่กล่าวได้ว่าพวกมันก็เป็นส่วนหนึ่งของโลกใบนี้เช่นกัน และมันก็เป็นดินแดนที่มีความคล้ายคลึงกับสิ่งที่บันทึกอยู่ใน คัมภีร์ซานไห่จิง*[1] เพราะฉะนั้น เราจึงเรียกมันว่าดินแดนภูผามหานที”
ซูเย่ขมวดคิ้ว
ตอนที่เข้าสู่โลกของเกม Fantasy Dream ก่อนหน้านี้นั้น เขาก็เกิดความรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด แต่ก็นึกไม่ออกว่าตนเองเคยเห็นสภาพแวดล้อมเหล่านั้นมาจากที่ไหน
เมื่อได้ยินหวังห่าวอธิบายออกมาเช่นนี้ ซูเย่ก็เข้าใจขึ้นมาทันที
ดินแดนในโลกของเกม Fantasy Dream มีลักษณะคล้ายคลึงกับดินแดนที่ปรากฏอยู่ในคัมภีร์ซานไห่จิง ซึ่งบันทึกอยู่ในความทรงจำของเขานั่นเอง แม้แต่พวกสัตว์ประหลาดระดับบอสที่ปรากฏอยู่ในเกม ก็มีความคล้ายคลึงกับพวกสัตว์ประหลาดที่อยู่ในคัมภีร์ซานไห่จิงเช่นกัน
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ทุกอย่างก็เริ่มเข้ารูปเข้ารอยมากขึ้น
ผู้คนที่ยืนอยู่รอบตัวซูเย่ล้วนมีสีหน้ามึนงงสงสัย
“เป็นส่วนหนึ่งของโลกใบนี้? จะเป็นไปได้ยังไงกันครับ?”
“ก็ไหนบอกว่าที่นั่นมีขนาดใหญ่โตกว่าโลกของเราหนึ่งหมื่นใบรวมกัน แล้วมันจะเป็นส่วนหนึ่งกับโลกเราได้ยังไง?”
“พวกคุณคงอยากรู้แล้วสินะ?”
หวังห่าวยิ้มมุมปากอย่างวางท่าและนำกระดาษออกมาแผ่นหนึ่งชูให้ทุกคนได้เห็น “ผมจะอธิบายให้ฟัง สมมุติว่ากระดาษแผ่นนี้คือโลกที่คุณสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่ถ้าเราขยุ้มมันเป็นก้อนกลม มันก็จะมีขนาดเท่ากับลูกปิงปองเท่านั้นเอง”
“พวกคุณต้องเข้าใจก่อนว่าสิ่งที่พวกเราอาศัยอยู่นี้เป็นแค่พื้นผิวโลกเท่านั้น ยังคงมีพื้นที่มากมายถูกซ่อนเร้นอยู่ในดินแดนภูผามหานทีแห่งนั้น ไม่ต่างจากกระดาษที่ถูกขยุ้มซึ่งรอคอยให้ผู้คนไปคลี่คลายออกมายาวนานหลายล้านปี ไม่มีใครรู้เลยว่าในอดีตนั้น ผู้คนจากยุคโบราณได้พบเจอเรื่องราวปาฏิหาริย์เช่นใดบ้าง”
เมื่อได้รับฟังคำอธิบาย กลุ่มผู้ฝึกยุทธ์ก็เริ่มเข้าใจอะไรขึ้นมาบ้าง
“ดังนั้น ทุก ๆ ดินแดนหนึ่งจึงจะมีอีกดินแดนซ่อนอยู่เสมอ” หวังห่าวยังคงอธิบายต่อไปด้วยความมุ่งมั่น “โลกมนุษย์มีความซับซ้อนมากกว่าที่พวกคุณคิด และก็ยังมีดินแดนอีกมากมายรอให้เราออกไปสำรวจ”
ดวงตาของผู้รับฟังเป็นประกายวาวโรจน์ขึ้นมาแล้ว
ขณะนี้ ทุกคนอดรู้สึกไม่ได้ว่าตนเองก็เป็นเพียงเศษฝุ่นเล็กจ้อยที่ลอยอยู่ในห้วงอวกาศอันกว้างใหญ่
“ถ้างั้นพวกเราจะได้เข้าไปที่โลก Fantasy Dream เมื่อไหร่ล่ะครับ?”
ใครคนหนึ่งถามออกมา
“วันนี้!”
หวังห่าวตอบด้วยรอยยิ้มกว้าง “ที่ผมบอกพวกคุณเรื่องนี้ ก็เพราะอยากให้พวกคุณได้เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าโลกของ Fantasy Dream คืออะไรกันแน่ แต่คำพูดเพียงอย่างเดียวคงทำให้พวกคุณเข้าใจได้ไม่เต็มที่ เพราะฉะนั้น วันนี้ผมจะพาทุกคนเข้าไปสำรวจโลกของ Fantasy Dream ที่แท้จริง”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้
ทุกคนที่รับฟังอยู่ก็แสดงสีหน้าตื่นเต้นออกมา
วันนี้พวกเขาจะได้เข้าสู่โลกของ Fantasy Dream ที่แท้จริงแล้วอย่างนั้นหรือ?
มันจะเป็นโลกแบบไหนกันนะ?
จะเหมือนกับโลกที่อยู่ในเกม Fantasy Dream หรือเปล่า?
“ไม่ต้องตกใจ!”
เมื่อเห็นแววตาตื่นเต้นของทุกคน หวังห่าวก็รีบพูดออกมาว่า “ก่อนที่ผมจะพาพวกคุณเข้าไปสู่ดินแดนภูผามหานที ผมจะต้องบอกกฎให้พวกคุณรับทราบก่อน”
ทุกคนรีบระงับความตื่นเต้นและรับฟังด้วยความตั้งใจ
“อย่างแรก อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จากโลกภายนอกไม่สามารถใช้งานได้ในดินแดนแห่งภูผามหานที ถ้าคุณเอาพวกมันเข้าไปด้วย พวกมันก็จะไม่สามารถใช้งานได้ นี่คือข้อจำกัดแรกของที่นั่น เพราะฉะนั้น อุปกรณ์ที่พวกคุณจะใช้ได้ ก็มีแต่อุปกรณ์ที่ทีมงานจัดเตรียมเอาไว้ให้เท่านั้น”
หวังห่าวพูดต่อไป “อย่างที่สอง อาวุธของโลกสมัยใหม่ไม่สามารถใช้ได้ในดินแดนแห่งภูผามหานที หรือพูดอีกอย่างก็คือ ประสิทธิภาพการทำงานของมันจะลดลงถึงขีดสุด เพื่อป้องกันไม่ให้ไปรบกวนสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในดินแดนแห่งนั้น เนื่องจากพวกเราไม่รู้เลยว่าในดินแดนภูผามหานทียังมีสัตว์ประหลาดระดับสูงซ่อนตัวอยู่อีกมากเท่าไหร่ การป้องกันไว้ก่อนจึงเป็นเรื่องดีที่สุด”
กลุ่มผู้รับฟังพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
ในเมื่อดินแดนแห่งภูผามหานทีเป็นโลกเดียวกับเกม Fantasy Dream ทุกคนจึงรู้ดีว่าสัตว์ประหลาดระดับสูงที่หวังห่าวพูดถึงนั้นน่ากลัวขนาดไหน
อย่างเช่น เจ้าสัตว์ประหลาดน้ำแข็งที่ซูเย่เคยหลอกพาผู้เล่นคนอื่น ๆ ไปตายนับหมื่นคนนั่นไง
หลายคนยังจำได้ดีว่าเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนั้นเพียงพ่นลมหายใจออกมา ผู้คนนับพันก็แข็งตายในพริบตาเดียว
และถ้าสัตว์ประหลาดเช่นนี้มีอยู่ในโลกแห่งความจริง ใครบ้างจะกล้าไปแหย่ให้พวกมันตื่นขึ้นมา?
ใครบ้างจะกล้าไปยุ่งเกี่ยวกับพวกมัน?
หากพวกมันโมโหขึ้นมา ผลลัพธ์ที่ตามมาคงน่าสยองขวัญ!
“และพวกคุณต้องจำเอาไว้ให้ดี”
หวังห่าวอธิบายต่อไปอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย “เมื่ออยู่ในดินแดนภูผามหานที พวกคุณต้องพึ่งพาตนเองเท่านั้น ทุกที่ที่พวกคุณก้าวเท้าเข้าไป ต่างก็เป็นสถานที่ที่สามารถฆ่าพวกคุณได้ทั้งสิ้น แต่มันก็อาจจะเป็นสถานที่ที่สร้างประโยชน์ให้กับพวกคุณได้มหาศาลเช่นกัน ดังนั้น การตัดสินใจทุกครั้งคือสิ่งที่จะกำหนดโชคชะตาของตัวคุณเอง ว่าคุณดีพอที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป หรือจะต้องถูกฝังอยู่ที่นั่นไปตลอดกาล!”
สีหน้าของหวังห่าวมีความหนักแน่นจริงจัง
เนื่องเพราะตัวเขาเองเคยเข้าไปเห็นการต่อสู้ในดินแดนแห่งนั้นมาแล้ว
ดังนั้น หวังห่าวจึงรู้ดีว่ามันเป็นโลกที่อำมหิตขนาดไหน!
โลกใบใหม่อีกใบ?
โลกที่เปรียบเสมือนการเดินไต่อยู่บนปลายดาบตลอดเวลา
“เมื่อเทียบกับโลกของดินแดนภูผามหานที โลกที่เรากำลังอาศัยอยู่ในขณะนี้ ก็ไม่ต่างจากเรือนกระจกขนาดใหญ่ และพวกคุณก็ไม่ต่างไปจากพืชพันธุ์ที่เติบโตในเรือนกระจกโดยได้รับการดูแลเป็นอย่างดี”
“ดังนั้น นี่จึงหมายความว่าถึงในเกม Fantasy Dream พวกคุณจะสามารถบุกตะลุยมาถึงเขตแผนที่ระดับ 30 – 40 ได้แล้ว แต่ด้วยความสามารถที่แท้จริง พวกคุณกลับมีคุณสมบัติดีพอเพียงแค่ออกสำรวจดินแดนระดับล่างในโลกของภูผามหานทีเท่านั้น”
“และยิ่งพวกคุณออกเดินทางไปไกลมากเท่าไหร่ พวกคุณก็จะเสี่ยงอันตรายมากเท่านั้น โปรดจำไว้ว่าวินาทีแรกที่คุณไปปรากฏตัวในดินแดนแห่งนั้น ชีวิตของคุณก็สามารถจบลงได้ทุกเมื่อ”
“เพราะฉะนั้น จงตั้งสติและระมัดระวังตัวให้ดี!”
ตั้งสติและระมัดระวังตัว?
ทุกคนมีสีหน้าไม่ค่อยชอบใจสักเท่าไหร่
พวกเขาเป็นถึงผู้ฝึกยุทธ์ที่ผ่านการคัดเลือกมาอย่างดี แล้วยังจะต้องระมัดระวังตัวอะไรอีก?
นี่ออกจะเป็นการดูถูกกันเกินไปแล้วไหม?
“คุณอาจคิดว่าผมกำลังดูถูก”
เมื่อเห็นการตอบรับจากทุกคน หวังห่าวก็พูดเสียงเข้ม “แต่ความจริงผมชื่นชมพวกคุณมาก!”
“ต้องขอย้ำเตือนอีกครั้งว่า ถึงพวกคุณจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ฝีมือดี แต่การรักษาชีวิตให้อยู่รอดคือสิ่งสำคัญสุด!”
หวังห่าวปรบมือเสียงดังและถามว่า “เข้าใจกันแล้วใช่ไหม?”
“เข้าใจครับ/ค่ะ!”
กลุ่มผู้รับฟังพยักหน้าตอบรับ
ดวงตาแวววาวด้วยความหนักแน่นมั่นคง
ในเมื่อพวกเขาเลือกเส้นทางนี้มาแล้ว ก็มีแต่ต้องเดินหน้าต่อไปเท่านั้น!
“ดีมาก”
หวังห่าวพยักหน้าไปทางด้านนอกห้อง “ทางเข้าสู่อุโมงค์มิติในภูมิภาคนี้มีอยู่สองจุด จุดแรกอยู่ในเมืองจี้หยาง แต่มันเป็นทางเข้าที่เป็นความลับสุดยอด เพราะฉะนั้น ก่อนจะเดินทางไปที่นั่น เราจึงต้องให้พวกคุณสวมใส่อุปกรณ์พิเศษเสียก่อน”
พูดจบ
ผู้ใต้บังคับบัญชาของหวังห่าวจากหน่วยสืบสวนพิเศษที่คุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดีก็เข็นรถเข็นบรรจุหมวกครอบศีรษะเข้ามาในห้องฝึกซ้อมของพวกเขา
“พวกคุณต้องสวมหมวกเหล่านี้” เมื่อหมวกครอบศีรษะถูกแจกจ่ายถึงมือทุกคนแล้ว หวังห่าวก็ออกคำสั่ง “ที่ต้องทำเช่นนี้ก็เพื่อให้มั่นใจว่าความลับจะไม่รั่วไหล หมวกที่อยู่ในมือของพวกคุณผลิตขึ้นมาจากวัสดุพิเศษ นอกจากเวลาสวมใส่จะทำให้ไม่อึดอัดหรือบีบหัวของพวกคุณแล้ว พวกคุณยังสามารถลืมตาและหายใจได้ตามปกติ เพียงแต่หมวกใบนี้จะตัดประสาทการรับรู้ทางด้านรูป รส กลิ่น เสียงของพวกคุณทั้งหมดเท่านั้น”
“และแน่นอนว่าหมวกทุกใบได้ติดตั้งอุปกรณ์พิเศษเอาไว้ หากมีใครพยายามถอดหมวกออก สัญญาณแจ้งเตือนก็จะดังขึ้นทันที”
“ดังนั้น อย่าพยายามทำอะไรที่อยู่นอกเหนือคำสั่งเด็ดขาด!”
ทุกคนพยักหน้ารับด้วยความแข็งขัน
คิดไม่ถึงเลยว่ากฎระเบียบสำหรับการเดินทางเข้าสู่โลก Fantasy Dream ที่แท้จริงนั้นจะเข้มงวดถึงขนาดนี้
ทุกคนสวมใส่หมวกครอบศีรษะ
แม้แต่ซูเย่ก็เช่นกัน
หมวกครอบศีรษะใบนี้มีขนาดใหญ่ เมื่อสวมใส่ลงมาแล้วก็จะครอบคลุมถึงบริเวณลำคอ เห็นได้ชัดว่ามันถูกผลิตขึ้นมาจากวัสดุพิเศษบางชนิด เวลาสวมใส่จึงไม่ก่อให้เกิดอาการอึดอัด และเพียงพริบตาเดียว พวกเขาก็สามารถหายใจได้ตามปกติราวกับว่าไม่ได้สวมใส่หมวกครอบศีรษะอยู่เลย
เพียงแต่พวกเขาจะมองไม่เห็นภาพตรงหน้า สายตาของพวกเขาจะใช้งานไม่ได้
ทุกคนไม่รู้ว่าตนเองกำลังถูกพาไปในที่แห่งใด
ทุกคนไม่รู้ว่าตนเองกำลังยืนอยู่เฉย ๆ หรือกำลังก้าวเดินไปข้างหน้ากันแน่
“น่าสนใจแฮะ”
ซูเย่แอบอุทานอยู่ในใจ พยายามปลดปล่อยพลังจิตออกมา
ผลก็คือ
พลังจิตของเขาถูกสะกด
เขารู้สึกได้ถึงแรงบีบรัดมหาศาลที่พุ่งเข้ามาจากทุกทิศทุกทาง ไม่ต่างจากซุนหงอคงที่ถูกรัดเกล้าบนศีรษะบีบรัดลงโทษ
“อ๊ากกก…”
เสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดดังขึ้นในหู
“ฮ่าฮ่า!”
หวังห่าวหัวเราะออกมาทันทีเมื่อได้ยินเสียงร้องเหล่านั้น “พวกคุณคิดว่าตนเองจะสามารถแอบใช้พลังจิตได้งั้นหรือ? ผมจะบอกให้ อุปกรณ์ชนิดนี้สามารถควบคุมร่างกายของคุณได้ตั้งแต่หัวจรดเท้า เพราะฉะนั้น ถ้าไม่อยากเจ็บตัว ห้ามทำอะไรนอกเหนือคำสั่งเด็ดขาด”
เมื่อได้ยินคำอธิบายจากผู้กองหนุ่ม
เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดก็เบาลงไป
“ห้ามใช้พลังจิตด้วยเหรอเนี่ย?”
ซูเย่ถึงกับชะงักไปเล็กน้อย
เมื่อสักครู่นี้ เขาก็ใช้พลังจิต เพียงรู้สึกถึงการบีบรัด แต่ไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดใด ๆ
แล้วทำไมคนอื่นถึงร้องเสียงหลงขนาดนั้นล่ะ?
“หรือจะเกี่ยวข้องกับระดับพลังจิต?”
ตอนที่สวมหมวกลงบนศีรษะ อุปกรณ์ที่ติดตั้งอยู่ในหมวกคงสแกนระดับพลังร่างกาย และปรับระดับการควบคุมเพื่อให้เหมาะสมต่อการใช้งานในแต่ละคน
นั่นหมายความว่าการควบคุมระดับพลังจิต ย่อมอยู่ในระดับเดียวกับการควบคุมพลังลมปราณ
“ถ้าเป็นอย่างที่คิด งานนี้ก็ง่ายขึ้นเยอะ”
ซูเย่คิดด้วยความดีใจ
ลองปลดปล่อยพลังจิตดูอีกครั้ง
ในจิตใจของเขา ร่างจำแลงที่อยู่ในราชวังแห่งความทรงจำปรากฏตัวขึ้นมา
และทันทีที่ร่างจำแลงปรากฏตัว แรงบีบรัดก็ปรากฏขึ้นเช่นกัน
แต่ว่า
แรงบีบรัดนั้นไม่อาจหยุดยั้งซูเย่
เพียงวินาทีต่อมา ร่างจำแลงของซูเย่ก็พุ่งทะลวงม่านพลังที่เป็นแรงกดดันอย่างง่ายดาย
หลังจากนั้น
ซูเย่ก็สามารถรับรู้ถึงทุกสิ่งที่เกิดขึ้นรอบกายได้ทันที
เขาพบว่าตนเองกำลังนั่งอยู่ในรถยนต์ที่ขับไปด้วยความเร็วอยู่บนถนนขรุขระสายหนึ่ง
แต่สิ่งที่แปลกประหลาดก็คือ
ก่อนที่จะทะลวงม่านพลังของหมวกครอบศีรษะออกมาได้นั้น ซูเย่ไม่รู้ตัวเลยว่าตนเองกำลังนั่งอยู่บนรถยนต์ที่วิ่งไปบนถนนขรุขระ รถยนต์สั่นสะเทือนไปทั้งคัน เหตุไฉนร่างกายของเขาถึงไม่รับรู้เลย?
เมื่อสามารถหลุดพ้นจากการควบคุมของหมวกครอบศีรษะ ซูเย่ก็สามารถรับรู้ได้ถึงสถานการณ์นอกรถทันที
ร่างจำแลงของเขาลอยขึ้นไปอยู่เหนือหลังคารถยนต์และกวาดสายตาของมันสำรวจมองภูมิประเทศแทนเขา
ไม่ต่างจากใช้ดวงตาของตนเองจ้องมอง
ซูเย่เห็นอย่างชัดเจนว่ารถยนต์กำลังวิ่งเข้าไปในส่วนลึกของภูเขาลูกหนึ่ง
หวังห่าวไม่ได้โกหก
นี่คือภูเขาที่อยู่ในเขตเมืองจี้หยาง
แต่เป็นภูเขาที่ตั้งอยู่ห่างไกลตัวเมือง
รถยนต์ขับต่อไปเรื่อย ๆ เนิ่นนานให้หลังจึงได้หยุดลง
และภายใต้การสำรวจมองของร่างจำแลงที่ถูกควบคุมด้วยพลังจิต ซูเย่ก็ต้องตกตะลึงในสิ่งที่ตนเองพบเห็นอยู่ตรงหน้า
[1] คัมภีร์ซานไห่จิงมีอีกชื่อหนึ่งว่าคัมภีร์ขุนเขาและท้องทะเล เป็นคัมภีร์ที่รวบรวมเรื่องราวนิยายปรัมปราของจีนยุคโบราณเอาไว้ตั้งแต่ยุคสมัย 400 ปีก่อนคริสตกาล นอกจากรวบรวมเรื่องราวเกี่ยวกับเทพนิยายต่าง ๆ เอาไว้แล้ว เนื้อหาภายในคัมภีร์ยังอธิบายถึงการกำเนิดโลกมนุษย์ การกำเนิดภูเขาและท้องทะเล ไล่เรื่อยไปจนถึงบทบันทึกที่เกี่ยวข้องกับพืชสมุนไพร สิ่งมีชีวิตต่าง ๆ และยังมีการบันทึกคาถาที่ใช้สำหรับพิธีกรรมต่าง ๆ เอาไว้อีกด้วย