เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - บทที่ 66 สมแล้วที่เป็นอันดับหนึ่ง
บทที่ 66 สมแล้วที่เป็นอันดับหนึ่ง
ดวงตาของซูเย่เป็นประกายวาวโรจน์
แต่เขาเพียงขยับเท้าเล็กน้อย ก็สามารถหลบหลีกการโจมตีได้อย่างง่ายดาย
ชายหนุ่มไม่ได้ตอบโต้กลับ แถมยังเปิดโอกาสให้คู่ต่อสู้โจมตีต่อเนื่อง เพื่อดูว่าอีกฝ่ายมีความแข็งแกร่งอยู่ในระดับไหน
พิจารณาจากการจู่โจมกระบวนท่าแรก นับเป็นการโจมตีที่ดุร้ายอย่างยิ่ง
เฉินจิ้นขุยไม่แปลกใจกับการหลบหลีกของซูเย่ ราวกับเขารู้อยู่แล้วว่านี่คือสิ่งที่จะต้องเกิดขึ้น ดังนั้น กระบวนท่าที่สองจึงจู่โจมตามออกมาติด ๆ
กำปั้นของเขาพุ่งเข้าไปหมายกระแทกใส่หน้าอกของซูเย่
บริเวณหัวใจ!
แต่กำปั้นเพียงสัมผัสกับเสื้อของซูเย่เท่านั้น ชายหนุ่มก็สามารถฉาบกายหลบได้อย่างคล่องแคล่ว
หลบรอดการโจมตีได้อีกครั้ง!
ทุกคนที่อยู่โดยรอบล้วนตกตะลึง
หากเปลี่ยนเป็นพวกเขาไปยืนอยู่ตรงนั้นบ้าง ก็คงหลบไม่พ้นเป็นแน่แท้!
ดีไม่ดีคงลงไปนับฝุ่นตั้งแต่กระบวนท่าแรกแล้ว!
เฉินจิ้นขุยมีการโจมตีที่น่ากลัวก็จริง แต่ซูเย่สามารถหลบหลีกได้อย่างไม่มีปัญหา ดูเหมือนว่าชื่อเสียงของเขาที่ผ่านมาจะไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
แม้กระบวนท่าที่สองของตนเองจะไม่เป็นผล แต่สีหน้าของเฉินจิ้นขุยก็ไม่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย เขาหมุนตัวและดีดกายพุ่งออกมาข้างหน้า กางมือเป็นกรงเล็บ ตั้งใจจะตะปบใส่ชายโครงของซูเย่
“กระบวนท่าที่สาม” ซูเย่ขยับแขนมาปัดป้องมือของคู่ต่อสู้
ได้เวลาที่เขาจะสวนกลับแล้ว
ซูเย่ฉีกยิ้มให้เฉินจิ้นขุย วาดเท้าขวาขึ้นเตะใส่ต้นขาคู่ต่อสู้เต็มแรง
เฉินจิ้นขุยต้องการหลบหลีก แต่แล้วเขากลับพบว่าซูเย่มีความรวดเร็วมากเกินไป
รู้ตัวอีกที เท้าของซูเย่ก็มาถึงต้นขาของเขาแล้ว
สีหน้าของเฉินจิ้นขุยแปรเปลี่ยน แต่ถึงกระนั้น เขาก็มีปฏิกิริยาว่องไวมากพอที่จะตั้งรับได้ทัน
เฉินจิ้นขุยม้วนแขนจับไปที่ข้อมือของซูเย่ ดูจากพละกำลังแรงบีบจากมือเขาแล้ว อย่าว่าแต่เลือดลมจะไม่ไหลเวียน อย่างน้อยกระดูกข้อมือของซูเย่ก็ต้องแตกหัก!
แต่ซูเย่กลับสามารถชักมือหนีได้อย่างว่องไวเช่นกัน
เฉินจิ้นขุยอาศัยจังหวะนี้ม้วนตัวกลิ้งลงไปบนพื้นดิน จึงสามารถหลบหลีกการเตะของซูเย่ได้ในที่สุด
และวินาทีที่เขากลิ้งตัวไปบนพื้นดิน เฉินจิ้นขุยก็เปลี่ยนจากการตั้งรับเป็นการรุก บุกโจมตีใส่ซูเย่ด้วยความเร็วมากกว่าเดิมถึงสองเท่า!
ซูเย่ยิ้มออกมาเล็กน้อย
เมื่อคู่ต่อสู้เข้ามาประชิดตัวเขา
“ควับ!”
มือของซูเย่ก็พุ่งออกไปข้างหน้าด้วยความเร็วที่มากกว่าคู่ต่อสู้ และนั่นทำให้แขนของอีกฝ่ายอยู่ในกำมือของเขาแล้ว
สีหน้าของเฉินจิ้นขุยแปรเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง สายเกินไปที่จะหลบหนี
ซูเย่กระชากแขนขวาอย่างแรง
มวลพลังมหาศาลฉุดดึงให้เฉินจิ้นขุยหัวทิ่มลงมา
แต่คู่ต่อสู้ยังไม่ทันลงถึงพื้น ซูเย่ก็ตีเข่าใส่ช่วงท้องของเฉินจิ้นขุย ส่งผลให้อีกฝ่ายหมุนตัวตีลังกา ล้มลงไปนอนคลุกฝุ่นอยู่บนพื้นดิน ไม่สามารถลุกขึ้นมาได้อีกนานสองนาน
เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้
กลุ่มคนดูก็ได้แต่ตกตะลึงแล้ว
ซูเย่ยอมเป็นฝ่ายรับก่อนสามกระบวนท่า
จากนั้นถึงค่อยตอบโต้ด้วยสองกระบวนท่าปิดบัญชี?
เฉินจิ้นขุยมีฝีมือด้านการต่อสู้โด่งดังในมหานครตะวันออก แต่ผู้ที่แข็งแกร่งเช่นนี้กลับยังต้องมาพ่ายแพ้ให้แก่ซูเย่
ประเด็นสำคัญก็คือ
ว่ากันตามข้อมูลที่พวกเขาได้มา ซูเย่มีระดับพลังต่ำกว่าเฉินจิ้นขุยอยู่หลายส่วน!
“แข็งแกร่ง!”
“นี่เขาเพิ่งเริ่มฝึกวิทยายุทธ์จริงๆ เหรอ? ทำไมฉันถึงรู้สึกเหมือนกับว่าซูเย่มีความชำนาญด้านการต่อสู้มากกว่าเฉินจิ้นขุยเลยแฮะ”
“ไม่ง่ายเลยนะที่จะสู้เก่งขนาดนี้ ดูจากฝีมือของพวกเขาแล้ว ซูเย่มีความชำนาญเรื่องการต่อสู้มากกว่าเฉินจิ้นขุยอย่างเทียบไม่ติด! ไม่งั้นเขาคงไม่ต่อให้ถึงสามกระบวนท่าหรอก!”
“สมแล้วที่เป็นอันดับหนึ่งของกลุ่มผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่สาม! แข็งแกร่งจริงๆ!”
หยางเปียวและบรรดาลูกสมุนได้แต่มองหน้าซูเย่ด้วยความสยองขวัญ
สีหน้าของพวกเขาบอกถึงความประหลาดใจสุดขีด ซูเย่โจมตีเพียงสองกระบวนท่าก็สามารถเอาชนะเฉินจิ้นขุยได้แล้ว นี่คือฝีมือการต่อสู้ที่วิเศษเลิศล้ำมากเกินไป
ลองจินตนาการดูสิว่าหากซูเย่ไม่คิดไว้หน้าเฉินจิ้นขุย ผลการต่อสู้จะออกมาเป็นอย่างไร?
ซูเย่คงเอาชนะได้ในกระบวนท่าเดียว
เหตุการณ์ที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าขณะนี้ ขัดแย้งต่อความรู้ความเข้าใจของพวกเขาโดยสมบูรณ์
สำหรับลำดับชั้นของกลุ่มผู้ฝึกยุทธ์นั้น เป็นเรื่องยากมากที่จะมีผู้ฝึกยุทธ์หน้าใหม่นำชื่อของตนเองแทรกขึ้นมาบนกระดานลำดับชั้นได้
แต่ครั้งนี้ ซูเย่ซึ่งเป็นผู้ฝึกยุทธ์หน้าใหม่กลับสามารถนำชื่อของตนเองขึ้นมาอยู่เหนือบรรดาผู้ฝึกยุทธ์ที่ฝึกวิชากันมาตั้งแต่เด็กได้สำเร็จ!
โมหลี่ชำเลืองมองซูเย่ด้วยความประหลาดใจ ก่อนยิ้มออกมา นับว่าเด็กใหม่คนนี้สามารถสร้างปาฏิหาริย์ได้จริงๆ
น่าสนใจอย่างยิ่ง!
หวังห่าวกำมือเป็นหมัดด้วยความตื่นเต้น เจ้าหนุ่มอัจฉริยะคนนี้เป็นเขาค้นพบมาด้วยตนเอง ความรู้สึกของหวังห่าวในขณะนี้จึงไม่ต่างจากการเฝ้ามองลูกชายด้วยความภาคภูมิใจ!
สองสาวฝาแฝดไป๋จือ ซุนชือ จินฟาน และคนอื่น ๆ พร้อมใจกันถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก และจ้องมองซูเย่ด้วยความเคารพมากกว่าเดิม
สุดยอดไปเลยครับลูกพี่!
“ทีนี้ผมไปได้หรือยังครับ?”
ซูเย่ถามยิ้มๆ ขณะมองเฉินจิ้นขุยผู้นอนพังพาบอยู่บนพื้นดินด้วยฝีมือของตนเอง
“ฉันแพ้แล้ว”
เฉินจิ้นขุยยันตัวลุกขึ้นยืนอย่างยากลำบากพร้อมกับพูดต่อ “ฉันรู้แล้วว่านายแข็งแกร่งขนาดไหน สมแล้วที่นายได้ขึ้นเป็นอันดับหนึ่ง!”
เมื่อพูดประโยคนี้ออกมา
หลายคนที่อยู่ในบริเวณนั้นก็อุทานด้วยความตกใจ
นี่คือครั้งแรก!
นี่คือครั้งแรกในรอบ 30 ปีที่มียอดฝีมือรุ่นใหม่ปรากฏตัวขึ้นมาอย่างน่าจับตามอง!!
ในเวลาเดียวกันนี้
กลุ่มคนจากหน่วยลาดตระเวน ซึ่งได้ใช้นาฬิกาอัจฉริยะของตนเองอัดคลิปวิดีโอการต่อสู้เมื่อสักครู่นี้เอาไว้ ก็ได้โพสต์คลิปวิดีโอและรูปภาพลงในเว็บบอร์ดทันที
ซูเย่มองการกระทำของทุกคนด้วยความสงสัย
“มันเป็นเว็บบอร์ดของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่สามโดยเฉพาะน่ะ เดี๋ยวอีกไม่นาน นายก็ได้เข้าร่วมเองแหละ”
หวังห่าวเดินเข้ามาตบไหล่ ยิ้มให้แก่ซูเย่ “ดูจากปฏิกิริยาตอบรับของทุกคนในตอนนี้ ฉันขอทำนายเอาไว้เลยว่า… นายจะต้องกลายเป็นคนดังแน่นอน”
“แล้วตอนนี้ผมยังไม่ดังอีกเหรอครับ”
ซูเย่ยิ้มอย่างไม่เห็นด้วย
…
ในเว็บบอร์ด
มีการโพสต์ข้อความเป็นจำนวนมาก
การแสดงฝีมือของซูเย่ดึงดูดความสนใจได้จากทุกผู้คน
“ขนาดเฉินจิ้นขุยก็ยังต้องแพ้ให้เขาเหรอเนี่ย?”
“เขายอมต่อให้ก่อนสามกระบวนท่า ส่วนตัวเองใช้แค่สองกระบวนท่าก็เอาชนะเฉินจิ้นขุยได้แล้ว?”
“ดูเหมือนเจ้าคนที่ชื่อซูเย่อะไรนี่ จะไม่ได้ตำแหน่งอันดับหนึ่งมาเพราะโชคช่วยจริง ๆ ซะแล้วสิ ไม่งั้นเขาคงเอาชนะเฉินจิ้นขุยไม่ได้ง่าย ๆ แบบนี้หรอก”
“ดูเหมือนตำแหน่งอันดับหนึ่งแห่งมหานครตะวันออก ก็คงจะต้องเปลี่ยนแปลงเร็ว ๆ นี้เหมือนกันสินะ”
…
ณ มหานครตะวันออกเฉียงเหนือ
“ซูเย่?”
เมื่อเห็นการประกาศข่าวบนเว็บบอร์ด ชายหนุ่มผู้สวมใส่ชุดออกกำลังกายแบรนด์เนมคนหนึ่งก็ยิ้มแย้มออกมาด้วยความสดใส แต่รอยยิ้มของเขาปรากฏอยู่แค่ที่ริมฝีปากเท่านั้น ไม่ได้เป็นความรู้สึกที่ออกมาจากใจจริง “หมอนี่เองสินะที่มาแย่งตำแหน่งอันดับหนึ่งในกลุ่มผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่สามของฉันไป และทำให้ฉันต้องตกลงมาเป็นอันดับสองอยู่ตอนนี้?”
“คงต้องหาทางไปประลองฝีมือด้วยสักหน่อยแล้ว”
“น่าเสียดายที่หมอนั่นอยู่มหานครตะวันออก ส่วนฉันอยู่มหานครตะวันออกเฉียงเหนือ กว่าจะได้เจอกัน ฉันก็คงเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่ห้าไปแล้ว ถึงตอนนั้นคงหมดสนุกกันพอดี”
“แต่ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้สักหน่อยนี่นา…”
…
“ไป ออกไปสำรวจนอกเมืองกันดีกว่า”
โมหลี่โบกมือและนำพวกของซูเย่เดินออกจากประตูเมืองตรงไปยังทิศทางของป่าทึบ
ทุกคนจ้องมองเขา
และเดินตามออกไปจากตัวเมือง
หลายคนพบว่าสภาพแวดล้อมที่เห็นในสายตาไม่ต่างจากสภาพแวดล้อมที่อยู่ในตัวเกม
เพียงแต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่เห็นอยู่ในขณะนี้ ดูเป็นของจริงมากกว่าในเกม โดยเฉพาะพวกต้นไม้ใบหญ้าที่งอกงามอยู่บนพื้นดิน รวมไปถึงบรรดาสัตว์ประหลาดที่ปรากฏตัวออกมาจากชายป่าเป็นบางครั้งบางคราว
“ความแตกต่างเดียวของที่นี่กับโลกในเกม ก็คือเมืองที่พวกเราเพิ่งออกมานี่แหละ”
โมหลี่รับหน้าที่อธิบายต่อทุกคน “เมืองมหานครตะวันออกเปรียบเสมือนจุดเซฟในตัวเกม แต่ตำแหน่งอื่นๆ ของโลกนี้ก็เป็นตำแหน่งเดียวกับโลกในเกมทั้งหมด นั่นรวมไปถึงต้นไม้ทุกต้น ดอกไม้ทุกดอก ต้นหญ้าวัชพืชทุกกอ แม้แต่พวกสัตว์ประหลาดก็เหมือนกันหมด ดังนั้น ความเสี่ยงที่พวกคุณต้องเจอในดินแดนภูผามหานที จึงไม่ต่างจากความเสี่ยงที่พวกคุณต้องเจอในโลกแห่งเกม”
“แต่โปรดจำไว้ว่าในดินแดนภูผามหานที พวกคุณมีแค่ชีวิตเดียวเท่านั้น สิ่งที่พวกคุณเคยทำได้ในเกม จึงไม่สามารถทำได้ที่นี่เด็ดขาด เข้าใจกันแล้วใช่ไหม?”
กลุ่มผู้รับฟังพยักหน้าตอบรับ
พวกเขาเดินตรงไปข้างหน้า
ซูเย่พบว่าหลายตำแหน่งที่ในเกมมีสมุนไพรวิเศษงอกงาม แต่ที่นี่ สมุนให้เหล่านั้นกลับถูกถอนออกไปหมดสิ้น
มิหนำซ้ำ ยังถูกถอนออกไปนานแล้วด้วย
ดูเหมือนว่าพวกของดีที่อยู่ในดินแดนภูผามหานทีจะถูกเจ้าหน้าที่ของทางรัฐบาลเก็บกวาดไปหมดเกลี้ยงเรียบร้อยแล้ว
หรือต่อให้ทางรัฐบาลยังไม่ได้เก็บไป
มันก็คงไม่รอดพ้นสายตาของพวกผู้ฝึกยุทธ์หน้าเก่าอยู่ดี
โมหลี่หันกลับมาสังเกตเห็นสีหน้าแววตาและการสังเกตของซูเย่จึงต้องอธิบายว่า
“สมุนไพรและพืชผักที่ขึ้นในดินแดนภูผามหานทีแห่งนี้ เป็นชนิดเดียวกับที่ขึ้นในโลกมนุษย์ แต่ก็มีสมุนไพรบางตัวที่เป็นของหายาก และสามารถพบเจอได้ในบริเวณนี้เช่นกัน”
“สมุนไพรวิเศษที่พวกคุณพบเห็นอยู่ในเกมได้ถูกถอนออกไปหมดแล้ว”
“มันถูกเก็บออกไปเพื่อใช้ดูดซับพลังและรักษาอาการบาดเจ็บ แต่ส่วนใหญ่จะถูกใช้เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บมากกว่า”
“นั่นเป็นเพราะว่ายาแพทย์แผนตะวันตกของพวกฝรั่ง ไม่สามารถใช้งานได้ในดินแดนแห่งนี้ เวลาที่มีคนได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้กับสัตว์ประหลาด ก็จำเป็นต้องรักษาด้วยแพทย์แผนจีนเท่านั้น”
“เพราะเหตุนี้ สมุนไพรวิเศษระดับสามัญจึงได้รับความนิยมมาก เมื่อถูกพบเจอ พวกมันก็จะถูกถอนขึ้นมาทันที พวกคุณอย่าได้ประเมินประสิทธิภาพของสมุนไพรพวกนี้ต่ำมากเกินไป นอกจากช่วยรักษาบาดแผลผิวหนังพุพองได้แล้ว แม้แต่อาการแขนขาหักก็ยังเยียวยาได้เช่นกัน…”
“และที่สำคัญก็คือ พวกคุณยังสามารถเก็บสมุนไพรวิเศษไปแลกเป็นเงินสดได้อีกด้วย”
“หา!”
เมื่อกลุ่มผู้รับฟังได้ยินดังนั้น พวกเขาก็ร้องอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ
ดูเหมือนว่าคงต้องให้ความสนใจที่สมุนไพรวิเศษพวกนี้ซะแล้วสิ ไม่รู้เลยนะว่าพวกมันจะเป็นของดี!
ถ้าไม่ได้เก็บเอาไว้ใช้ดูดซับพลัง จะเอาไปแลกเปลี่ยนเป็นเงินสดก็ไม่เสียหาย!
โมหลี่หันกลับมามองหน้าซูเย่อีกครั้ง
เมื่อสักครู่ เขาแอบตรวจสอบข้อมูลส่วนตัวของซูเย่
คิดไม่ถึงเลยจริงๆ
ข้อมูลที่โมหลี่พบเจอทำให้เขาต้องตกตะลึงมากกว่าเดิม
นอกจากซูเย่จะมีความเก่งกาจด้านการต่อสู้แล้ว เจ้าหมอนี่ยังเป็นแพทย์แผนจีน เมื่อไม่นานมานี้ ก็เพิ่งจะเอาชนะนักศึกษาแพทย์แผนจีนรุ่นเดียวกันในการแข่งขันระดับประเทศ และคว้าตำแหน่งสุดยอดแพทย์แผนจีนรุ่นใหม่มาครอบครองได้หน้าตาเฉย
เด็กคนนี้ไม่ธรรมดา!
เมื่อเห็นสีหน้าทุกคนกำลังใช้ความคิด เฉินจิ้นขุยก็พูดออกมายิ้มๆ ว่า “แต่ผมมีข่าวร้ายจะแจ้งให้ทราบ ในพื้นที่ที่พวกคุณจะได้ออกสำรวจ สมุนไพรวิเศษต่างก็ถูกถอนไปเกือบหมดแล้ว ยกเว้นแต่เพียงพื้นที่พิเศษซึ่งพวกคุณยังไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไป ดังนั้น หากพวกคุณอยากจะเก็บสมุนไพรวิเศษเหล่านี้เป็นอาชีพ พวกคุณก็ต้องหาทางเลื่อนระดับขั้นของตนเอง เพื่อเข้าไปในพื้นที่พิเศษให้ได้เสียก่อน”
ได้ยินเช่นนั้น รอยยิ้มก็แทบจะหายวับไปจากใบหน้าของทุกคนทันที
“ถูกต้อง”
หวังห่าวกล่าวเสริมขึ้นมาและพยักหน้ายืนยันกับทุกคน “สมุนไพรจำนวนมากอยู่ในเขตพื้นที่พิเศษเหล่านั้น ก่อนหน้านี้ พวกคุณก็เห็นภารกิจเก็บสมุนไพรในหอรับภารกิจกันแล้วใช่ไหม?”
ทุกคนพยักหน้าด้วยความจำใจ
“ดูเหมือนว่าที่นี่จะแตกต่างจากโลกในเกมอยู่ไม่น้อยนะครับ”
ซูเย่เลิกคิ้วสูงพลางถามออกมา “ถึงเราจะอยู่ในดินแดนภูผามหานทีเหมือนกัน แต่ผู้คนกลับถูกแบ่งแยกตามลำดับชนชั้น ดังนั้น ทุกคนที่ถูกพาตัวมาที่นี่ ก็จะต้องรีบปรับตัวให้ได้โดยเร็วที่สุด”
“ใช่แล้ว ความจริงก็คือความจริง เกมก็คือเกม จะเอามารวมกันไม่ได้”
หวังห่าวพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
สีหน้าของกลุ่มผู้รับฟังปรากฏความเคร่งเครียดขึ้นมาทันตา
ทันใดนั้น
“โฮก…”
เสียงคำรามแหบต่ำพลันดังมาจากที่ห่างไกล
“เสือดาวภูเขากลายพันธุ์!”
บังเกิดเสียงอุทานดังออกมาจากกลุ่มผู้ฝึกยุทธ์
พวกเขาหันมองรอบตัวด้วยความเลิ่กลั่ก
และปรากฏเสือดาวภูเขาตัวหนึ่งซึ่งมีขนาดร่างกายใหญ่ยักษ์ผิดปกติ กำลังยืนจ้องมองพวกเขามาจากที่ห่างไกล
“ดูเหมือนของจริงมากกว่าในเกมจริงๆ ด้วย”
“นายได้กลิ่นหรือเปล่า? กลิ่นเลือดว่ะ!”
เมื่อเสือดาวภูเขากลายพันธุ์ตัวนั้นแยกเขี้ยวอวดฟันแหลมคมที่เปื้อนเลือด ฝ่ามือของแทบทุกคนก็ชุ่มเหงื่อโดยไม่รู้ตัว
ต่อให้พวกเขาจะเคยเผชิญหน้ากับมันในเกมมาแล้ว แต่ตอนนี้ พวกเขากำลังเผชิญอยู่กับอสูรกายตัวจริง หัวใจจึงอดหวาดหวั่นขึ้นมาไม่ได้
เพราะที่นี่พวกเขามีแค่ชีวิตเดียวเท่านั้น!
“พวกคุณกำลังจะได้รู้แล้วว่าดินแดนแห่งนี้ มีความโหดร้ายอำมหิตมากแค่ไหน”
โมหลี่พูดออกมาอย่างสบายอารมณ์
หลายคนขมวดคิ้วนิ่วหน้า
“เสือดาวภูเขากลายพันธุ์มันเป็นสัตว์อสูรระดับ 36 ไม่ใช่เหรอครับ? แต่ที่นี่เทียบเท่ากับเขตแผนที่ระดับ 33 – 34 แล้วมันมาปรากฏตัวที่นี่ได้ยังไง?”
ใครคนหนึ่งถามออกมา