เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - บทที่ 74 ความสามารถของเฉิงหวง
บทที่ 74 ความสามารถของเฉิงหวง
มุมปากของซูเย่หยักเป็นรอยยิ้ม กดนาฬิกาที่สวมอยู่ กดเรียกแผงแลกเปลี่ยนส่วนตัวขึ้นมา
ที่โถงแลกเปลี่ยนก็สามารถทำได้เช่นกัน แต่ถ้าเทียบกับของแผงแลกเปลี่ยนส่วนตัวแล้วมันค่อนข้างซับซ้อนกว่า และยิ่งอย่างที่โถงแลกเปลี่ยนมีจอมอนิเตอร์ควบคุม ตอนที่แลกของแลกเปลี่ยนจึงจะถูกคนอื่นมองเห็นได้ง่าย
แต่เขาไม่อยากให้คนอื่นมาเห็นเข้า
เมื่อกดเรียกแผงออกมา ก็มีจอแสดงผลเด้งขึ้นมา
ซูเย่กดเลือกสมุนไพรที่ตัวเองต้องการอย่างรวดเร็ว
โชวู วอลนัท เม็ดบัว เก๋ากี่ ผลหม่อน ชนิดละ 1,000 ชิ้น
ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ระดับหญ้าปราณ แต่คุณภาพก็ถือว่าดีใช้ได้
นี่คือสมุนไพรที่ใช้ในการหลอมโอสถเรียกปราณ ใช่แล้ว เขาจะทำโอสถเรียกปราณมาขาย!
จำนวนสมุนไพรที่ต้องใช้สำหรับยา 200 เม็ด ราคาทั้งหมดคือหยกปราณ 100 ก้อนพอดี ถ้าผสมหยกปราณที่เหลือ 200 ก้อนไปด้วยละก็…
จะได้โอสถชั้นดี 200 เม็ด!
เมื่อเดินออกจากโถงแลกเปลี่ยน กลับไปยังหมู่บ้านอีกครั้ง คนอื่น ๆ ยังคงฝึกซ้อมกันอยู่
“เฉิงหวง ตื่นก่อน”
ซูเย่เดินไปข้างเฉิงหวงที่กำลังนอนพักผ่อนอยู่ แล้วตบเรียกมันเบา ๆ
เฉิงหวงลืมตาขึ้น สิ่งที่ปะทะกับดวงตาของมันพอดีคือสมุนไพรที่ซูเย่รับปากว่าจะซื้อให้มัน
มันไม่ได้มีอาการตื่นเต้นหรือดีใจ มันเพียงอ้าปากพ่นไอบางเบาราวสายลมออกมารับหญ้าปราณนั้นไป แล้วดูดหญ้าปราณเข้าปากแล้วกลืนลงไปทีเดียว
มันยังคงมีท่าทางไม่สนใจสิ่งรอบข้าง แล้วปิดตาลงนอนหลับต่อ
ท่าทางของมันราวกับอ้าปากกินหญ้าข้างทางก็ไม่ปาน…
ซูเย่ “…”
หยกปราณ 1,000 ก้อนแกไม่เห็นค่ามันขนาดนี้ได้ยังไง?
กลืนหญ้าปราณที่มีมูลค่าเท่ากับหยกปราณ 1,000 ก้อน ตาไม่กะพริบสักนิดก็กลืนหมดแล้ว
แค่คิดถึงหยกปราณที่เสียไป ซูเย่พลันรู้สึกเจ็บใจ แต่จะให้ทำไงได้ ถ้าไม่มีหยกปราณ 1,000 ก้อนนี้ เขาก็คงไม่สามารถรวบรวมหยกปราณจ่ายเงินซื้อเฉิงหวงมาได้
เมื่อคิดไปคิดมา ก็เหมือนกับว่าเฉิงหวงขายตัวเองให้เขาโดยหญ้าปราณอันนี้ พอคิดได้แบบนี้ใจของชายหนุ่มก็สงบลงเล็กน้อย
เวลาบ่ายโมง ตอนที่ไปพบทุกคนที่จัตุรัส หวังห่าวพบว่าวันนี้ทุกคนดูแตกต่างจากเดิมเล็กน้อย เมื่อดูอย่างละเอียด…
บ้าจริง!
ทุกคนอยู่ขั้นสามระดับสาม?
“พวกนายทำไปกินอะไรมา ทำไมความสามารถเพิ่มขึ้นขนาดนี้?”
หวังห่าวเอ่ยถามอย่างตกตะลึง
เจ้าเด็กกลุ่มนี้ เพิ่งเลื่อนขึ้นขั้นสามมาได้ไม่นาน แล้วทำไมเลื่อนขึ้นพร้อมกันทุกคนเลย?
แล้วตอนซ้อมยังดูพร้อมเพรียงกันอีกด้วย?
ทุกคนมองไปทางซูเย่
ไอ้หมอนี่อีกแล้วสินะ…
หวังห่าวมองซูเย่อย่างประหลาดใจ
ซูเย่แหงนหน้ามองท้องฟ้า ทำเป็นไม่รู้เรื่อง
ไม่ได้การ!
ความเร็วในการฝึกฝนของเจ้าพวกนี้เร็วเกินไปแล้ว ถ้าเป็นแบบนี้ต่อ ฉันที่เป็นหัวหน้าทีมคงถูกแซงหน้า หวังห่าวแอบกำมือแน่น วันนี้เขาคงไม่ออกไปแล้ว จะต้องอยู่ฝึกฝนก่อน
“คนมาครบหรือยัง”
หวังห่าวเอ่ยถาม พลางเริ่มเช็คชื่อ เมื่อยืนยันว่าคนมาครบแล้ว ก็เริ่มเข้าประเด็นทันที “ครั้งนี้แค่พาพวกนายเข้ามาชมดู เวลาถึงกำหนดแล้ว ฉันจะให้โมหลี่ส่งพวกนายออกไป พวกนายควรออกไปกลับสู่โลกได้แล้ว”
“แล้วคุณล่ะ”
ซูชือเอ่ยถามอย่างสงสัย
“ฉันยังมีเรื่องต้องทำ พวกนายออกไปก่อนเถอะ”
หวังห่าวโบกมืออย่างเฉยชา “ฉันได้แจ้งให้เซียวจวิ้นและจูอวี้ไปรอรับข้างนอกแล้ว เขาสองคนจะส่งพวกนายกลับไปที่เขามหาวิทยาลัยเอง”
ทุกคนพยักหน้าเข้าใจ
“พวกนายเข้ามาครั้งนี้ก็บังเอิญเจอเรื่องพอดี”
เมื่อนึกถึงประสบการณ์ในช่วงสองวันที่ผ่านมา หวังห่าวกล่าวขึ้นอย่างอ่อนใจ “ครั้งแรกที่เข้ามาเยี่ยมชมดินแดนแห่งนี้ ก็ได้พบกับกองทัพมอนสเตอร์แถมยังเป็นกองทัพมอนสเตอร์ที่รุนแรงที่สุด ปกติไม่หนักขนาดนี้หรอกนะ”
“เชื่อฉันเถอะ ประสบการณ์ครั้งนี้จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการพัฒนาในอนาคต ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามสามารถเข้ามาได้เดือนละครั้ง ซึ่งหมายความว่าครั้งต่อไปที่จะเข้ามาได้ คืออีกหนึ่งเดือนถัดไป ในช่วงเวลานี้ก็อย่าลืมฝึกฝนกันให้ดีละ”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ หวังห่าวหันไปมองดูและพบว่าโมหลี่ยังไม่มา เขาเลยกล่าวเสริมทันที “ยังมีอีกข่าวหนึ่ง”
“สามวันถัดไป เกมจะเปิดแผนที่ที่สูงกว่าระดับ 40 แม้ว่าความแข็งแกร่งของมอนสเตอร์ในโลกของเกมจะต่ำกว่าความเป็นจริง แต่มอนสเตอร์ที่ระดับสูงกว่า 40 ก็ไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถจัดการได้ง่าย ดังนั้นคุณควรคว้าโอกาสในการฝึกฝนให้ดี!”
“และฉันแนะนำให้คุณไปที่สังเวียนประลองเพื่อฝึกศิลปะการป้องกันตัวในสัปดาห์นี้”
ทุกคนพยักหน้า
ในระหว่างที่กองทัพมอนสเตอร์ปรากฏตัว พวกเขามองเห็นมอนสเตอร์ระดับสี่ไม่น้อย ซึ่งมันเท่ากับมอนสเตอร์ระดับ 40 ในเกมส์
ความแข็งแกร่งของพวกมันคงเอามอนสเตอร์ระดับสามมาเทียบไม่ได้ แต่ซูเย่ได้สอนวิธีฝึกฝนให้ทุกคนแล้ว และยังช่วยทุกคนปรับทักษะความสามารถอีก ดังนั้นทุกคนจึงต่างอยากลองเอาไปใช้จริงดูแล้ว
ต่อให้หวังห่าวไม่บอก ทุกคนก็เตรียมหาเวลาไปฝึกอยู่แล้ว
ตั้งใจฝึกฝนเพื่อเลื่อนระดับความสามารถ!
อีกด้านหนึ่ง ซูเย่กำลังมองเฉิงหวงที่ยืนอยู่ข้างกายเขาอย่างพินิจพิจารณา พลางมุ่นคิ้วเล็กน้อย
ถ้าเขากลับออกไป แล้วเฉิงหวงจะทำยังไง?
พาออกไปโลกความจริงด้วยก็คงไม่ได้ ทางการคงไม่อนุญาตให้สิ่งมีชีวิตจากที่นี่ออกไปโลกข้างนอก แต่ถ้าทิ้งไว้ที่นี่ก็ไม่มีคนดูแล
ปล่อยมันกลับแดนลับ? ตอนที่เข้ามาครั้งต่อไป ค่อยไปหา?
ไม่ได้ เขาไม่เชื่อคนพวกนี้หรอกนะ คนที่ขูดรีดกันได้ขนาดนี้ จะปล่อยเฉิงหวงไปเฉย ๆ งั้นเหรอ แล้วพวกเขารู้รหัสเข้าแดนลับกันแล้วด้วย!
“เป็นห่วงเฉิงหวง?”
หวังห่าวเดินเข้ามาพลางเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “งั้นฉันหาคนช่วยคอยให้อาหารมันไหม ยังไงซะมันก็คือของนายแล้ว นายเข้ามาตอนไหนก็ค่อยมาเอาไป วางใจเถอะ ในเมื่อในจ่ายหยกปราณมาแล้ว มันก็คือของนาย”
ซูเย่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง คิดว่าแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เขาจึงพยักหน้าช้า ๆ
ยื่นมือไปลูบคอเฉิงหวงเบา ๆ แล้วพูดกับมัน “ตอนที่ฉันไม่อยู่ แกไปอยู่กับเขาก่อนนะ”
เมื่อซูเย่พูดจบ เฉิงหวงก็มองเขาด้วยหางตาด้วยสายตาดูถูก เท้าของมันมีชั้นหมอกลอยขึ้นมาจาง ๆ และภายใต้ชั้นหมอกที่ปกคลุม มันก็พลันหายตัวไป
หายไปไหน?
ซูเย่ผงะไป หวังห่าวก็เช่นกัน
ทุกคนที่เห็นต่างตะลึงค้าง
เกิดอะไรขึ้น?
“เฉิงหวง?”
ซูเย่ลองตะโกนเรียก ทันทีที่เรียกออกไป หมอกก็ปรากฏขึ้น เฉิงหวงปรากฏกายอีกครั้ง มองไปทางซูเย่อย่างฉงน
ซูเย่ “…”
เฉิงหวงมีความสามารถแบบนี้ด้วยงั้นเหรอ?
ทันใดนั้นเขาก็จำได้ว่าตอนที่เขาอยู่ในส่วนลึกของป่าเกล็ดค้างน้ำแข็ง เฉิงหวงดูเหมือนจะใช้วิธีเดียวกัน แวบผ่านการป้องกันของสัตว์ประหลาดน้ำแข็งยักษ์ เพื่อที่เขาจะได้เข้าไปเก็บผลอัลมอนด์ที่ใสราวคริสตัลด้านหลังมันได้
แต่นี่ไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือมันมีความสามารถแบบนี้ และเขายังคงจ่ายหยกปราณเพื่ออะไร!
ใครจะกล้าพูดว่าเฉิงหวงเป็นของเขา ในเมื่อพวกเขาไม่สามารถจับมันได้ และมีแต่เขาเท่านั้นที่เรียกมันออกมาได้!
เฉิงหวงเป็นของเขา มีแค่เขาคนเดียวที่เรียกมันออกมาได้ พวกคนอื่น ๆ ยังไงก็เรียกออกมาไม่ได้อยู่แล้ว
แล้วเขาจะจ่ายหยกปราณแลกเปลี่ยนทำไม!
โดนโกงนี่น่า!
ซูเย่พลันรู้สึกเจ็บใจ
อีกด้านหนึ่ง หวังห่าวก็ยืนมองอย่างโง่งม เฉิงหวงเป็นถึงสัตว์ในตำนานโบราณ แต่กลับถูกเรียกออกมาใช้ง่ายดายเพียงนี้?
แล้วยิ่งไปกว่านั้นทางการได้ทำการแลกเปลี่ยนกับซูเย่ไปแล้ว หลอกเอามาได้แค่หยกปราณ 1,000 ก้อน ขาดทุนยับเลยสินะ
“โอเค ฉันรู้ความสามารถของนายแล้ว กลับไปเถอะ”
ซูเย่โบกมือลาเฉิงหวงอย่างสลดใจ เฉิงหวงมองเขาด้วยหางตาหนึ่งที แล้วจากไป
ในใจของทุกคนที่อยู่โดยรอบต่างอิจฉาตาร้อน
ถ้าพวกเขามีสัตว์พาหนะแบบนี้สักตัวก็คงดีไม่น้อยเลย
เห้อ น่าเสียดาย เฉิงหวงมีอยู่แค่ตัวเดียว แล้วยังเป็นของซูเย่ไปแล้ว
“เตรียมกลับ”
เมื่อโมหลี่เดินมาถึง ทุกคนก็ตามเขากลับไปยังทางเชื่อมของเมืองจี้หยาง
ทุกคนถูกส่งกลับไปยังเขตภูเขาจี้หยาง
ทุกสิ่งทุกอย่างซูเย่ได้จดจำเอาไว้หมดแล้ว รวมถึงจุดเชื่อมนี้ด้วย
เมื่อเดินออกมาจากจุดเชื่อม ทุกคนก็ได้ยินเสียงของเซียวจวิ้นและจูอวี้ และด้วยการนำทางของพวกเขาสองคน ทุกคนก็กลับมาถึงสถานีตำรวจในเขตมหาวิทยาลัย
วันรุ่งขึ้น ซูเย่เดินทางเข้าไปในส่วนลึกของภูเขา สถานที่ที่เขาใช้หลอมยาก่อนหน้านี้
ในบริเวณใกล้เคียงกับน้ำพุ หยกปราณ 200 ก้อนถูกนำกลับมาเช่นเดียวกับหญ้าวิญญาณต่าง ๆ เขาเริ่มหลอมมันอย่างช้า ๆ และในที่สุดก็ได้รับโอสถเรียกปราณทั้งหมด 200 เม็ด
หลังจากหลอมยาเสร็จทั้งหมด ซูเย่ก็กลับไปมหาวิทยาลัยด้วยความพึงพอใจ
รอไปแลกเงินก็ใช้ได้แล้ว
แค่ไม่รู้ว่าจะราคาเท่าไหร่?
ต้องไม่ต่ำกว่า 3 ล้าน และถ้าไม่ถึง 3 ล้าน ถือว่าขาดทุน!
เมื่อเดินเข้าหอพัก
“ลูกพี่ซู มีคนมาหาน่ะ”
ซูชือเอ่ยขึ้น “ใครก็ไม่รู้หล่อวัวตายควายล้มเลย”
“ใคร? ในกลุ่มเพื่อนฉันหล่อที่สุดแล้วนะ”
ซูเย่เอ่ยถามอย่างฉงนใจ
“อี๋!”
ซูชือเอ่ยอย่างประชดประชัน “นายไม่มองว่าพวกเราเป็นเพื่อนงั้นเหรอ น่าเศร้าชะมัด!”
จินฟานเองก็พยักหน้าเห็นด้วย “ตอนที่เราถามว่าชื่อแซ่อะไรเขาก็ไม่ตอบ แค่ฝากมาบอกนาย ว่าจะรออยู่ที่หอสมุด ให้นายรีบไป”
ซูเย่ฉงนใจเล็กน้อย ตัวเองไปมีเพื่อนหน้าตาดีตั้งแต่เมื่อไหร่
“อืม”
เขาพยักหน้ารับรู้ แล้วหันกายไปทางหอสมุดแทน
“ทำไมฉันรู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆ”
ซูชือเกาศีรษะเล็กน้อย แล้วถามด้วยสีหน้าสงสัย “เสี่ยวเย่ดูประหลาดใจมากเลย หรือว่าเขาไม่รู้จักจริง ๆ ฉันรู้สึกว่าดวงตาของไอ้หน้าหล่อนั่นดูไม่ชอบมาพากล”
“มากกว่าเพื่อน?”
จินฟานดวงตาพลันเป็นประกาย
“นายก็รู้สึกเหมือนกันเหรอ?”
ซูชือกล่าวอย่างตื่นเต้น “นายคิดว่าซูเย่จะชอกช้ำใจจากผู้หญิงแล้วไปชอบผู้ชายหรือเปล่า ไม่อย่างนั้นทำไมเขาไม่ชอบสองเทพธิดาไป๋ ทำไมเขาดูไม่สนใจสาวสวยเลย!”
“มีเหตุผล!”
จินฟานพยักหน้าอย่างแรง
ซูเย่ไม่รู้เลยว่ารูทเมทสองคนของเขาคิดเตลิดไปไกลแค่ไหนแล้ว เขาเพียงแค่มุ่งหน้าไปหอสมุด
ด้านนอกของหอสมุด จากหน้าต่างด้านข้างสามารถมองเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่สวมเสื้อกีฬา ไว้ผมรองทรง รูปหน้าคมคาย รูปร่างสมส่วน ดูรวม ๆ แล้วหน้าตาดีจนเกินไป
“ซูเย่?”
วินาทีที่ซูเย่ปรากฏตัว ชายหนุ่มก็เอ่ยถามพร้อมรอยยิ้มที่สดและอ่อนโยนทันที
“นายคือ?”
ซูเย่สงสัย
เขาไม่เคยพบคนคนนี้มาก่อน
“ตามฉันมา”
ชายหนุ่มยกยิ้มบางเบา ชายหนุ่มยกมือเรียก แล้วพาเขาเดินออกไปนอกมหาวิทยาลัย
ในตอนที่ซูเย่กำลังเดินเข้าไปใกล้อีกฝ่าย เขาก็สัมผัสได้ถึงพลังปราณที่ผ่านมาตามสายลมได้ทันที แต่ว่าพลังปราณสายนี้ปรากฏอยู่เพียงชั่วอึดใจแล้วจางหายไป แต่สิ่งนี้ก็พิสูจน์ได้ว่าอีกฝ่ายคือผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่ง
ผู้ฝึกยุทธ์มาหาถึงหน้าประตูเลย?
ซูเย่อมยิ้มพลางเดินตามไป เดินออกมามหาวิทยาลัยไปยังเขตป่าที่ไม่มีคนอาศัย
“ฉันชื่อถังอี้”
อีกฝ่ายหันมาพลางยิ้มอย่างสดใส “ถังอี้ ลูกรักสวรรค์ขั้นสามที่ตอนแรกอยู่อันดับหนึ่ง แต่ตอนนี้อยู่อันดับสอง ฉันเดินทางมาจากซีเป่ยเพื่อมาหานายโดยเฉพาะ!”