เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - บทที่ 101 วิชาที่แพ้ไม่ได้
บทที่ 101 วิชาที่แพ้ไม่ได้
เข้าร่วมการคัดเลือกวิชาทั้งหมดงั้นเหรอ?
เมื่อได้ยินข้อเสนอของนักศึกษาเข้าประกวดคนนี้ หลิวเจิ้นเฉียงสายตานิ่งงันไป ก่อนจะเป็นประกายขึ้นมา
คณบดีคนอื่น ๆ ก็ตาเป็นประกายกันหมด
ความคิดดี!
ก่อนหน้านี้ทุกคนคิดแต่ว่าจะเลือกนักศึกษาที่ดีที่สุดจากหนึ่งวิชา ไม่มีใครคิดเลยว่าบางคนไม่ได้เก่งแค่วิชาเดียว!
ถูกคัดเลือกจากหลาย ๆ คนต่างหากถึงจะเก่งที่สุด
“คณบดีทุกท่านคิดว่ายังไง?”
หลิวเจิ้นเฉียงรีบหันมองคณบดีคนอื่น ๆ ของแต่ละมหาวิทยาลัย
“ได้!”
“แม้จะเปลืองเวลาเปลืองแรงไปหน่อย แต่ไม่แน่เรื่องนี้อาจจะช่วยให้ได้มาซึ่งคนที่เปรียบดั่งทองคำจริง ๆ ก็ได้”
“ข้อเสนอนี้ไม่เลว”
คณบดีจากมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ล้วนพยักหน้าเห็นด้วย
“ได้!”
เมื่อเห็นดังนั้น หลิวเจิ้นเฉียงรีบบอกกับนักศึกษาทุกคน “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราเห็นด้วยกับข้อเสนอของนักศึกษาคนนี้”
“แต่เวลามีจำกัด แขนงผู้ใหญ่ใช้เวลาสอบคัดเลือกสามวัน แขนงเด็กใช้เวลาสองวัน แขนงสตรี ไข้ บาดแผลหลังจากนี้ภายใต้สถานการณ์ที่สอบในเวลาเดียวกันก็ต้องใช้เวลาสามวันเหมือนกัน แขนงผิ วหนัง ตา ปากและฟัน คอก็ใช้เวลาสอบคัดเลือกสามวันเช่นกัน เพราะฉะนั้นในการสอบคัดเลือกหลังจากนี้ แต่ละคนสอบได้มากสุดสี่แขนง”
ได้ยินดังนั้น นักศึกษาทุกคนในที่นี้ไตร่ตรองในทันที
แม้ว่าพวกเขาถูกเลือกมาเพราะเก่งในวิชาแขนงใดแขนงหนึ่งมาก แต่ในวิชาแขนงอื่น ๆ พวกเขาก็มีความมั่นใจอยู่เหมือนกัน!
ซูเย่ทำได้หลายวิชา พวกเขาก็เช่นกัน
“สมัครได้แค่สี่วิชาเหรอ?” ซูเย่ขมวดคิ้วเล็กน้อย
เขาอยากจะสมัครให้ครบทั้งสิบสามแขนงเลย
แต่ตอนนี้ดูแล้วมากสุดได้แค่แปดแขนง
‘คิดอะไรอยู่?’ ข้อความวีแชตเด้งขึ้นบนหน้าจอมือถือ
‘ผมกำลังคิดอยู่ว่าสมัครให้ครบทั้งสิบสามวิชาเลยได้ไหม’ ซูเย่มองหลี่เคอหมิงที่นั่งอยู่บนที่นั่งประธานแล้วพิมพ์ตอบ
‘ทำตามกฎเถอะ’ หลี่เคอหมิงส่ายหัวและยิ้มเฝื่อน ๆ ก่อนพิมพ์เสริม ‘ต่อให้นายมั่นใจว่าทำได้ทั้งสิบสามแขนง ก็ต้องให้ประชาชนได้เห็นว่าคนเรียนเก่ง นอกจากนายแล้วมีคนอื่นด้วย ’
ซูเย่ ‘ก็จริง’
หลี่เคอหมิงส่งข้อความต่อ ‘ฉันมีข้อมูลสองอย่าง’
‘จากที่ฉันรู้มา แขนงสตรีมีนักศึกษาปริญญาโทคนหนึ่งเก่งกาจมาก เธอเรียนรู้จากหมอชื่อดังไปทั่ว เรียนแขนงสตรีโดยเฉพาะ”
“นอกจากนั้น แขนงบาดแผลก็มีนักศึกษาคนหนึ่งเก่งมาก เขาฝากตัวเป็นศิษย์กับหมอรู้แจ้งคนหนึ่ง หมอรู้แจ้งคนนั้นเป็นที่เก่งแขนงบาดแผลที่สุดในบรรดาหมอรู้แจ้งทั้งหมด ในมือมีสูตร ลับมากมาย”
“สองวิชานี้นายไม่จำเป็นต้องสมัคร”
ซูเย่พยักหน้า
ในเมื่อหลี่เคอหมิงยังบอกว่าใช้ได้ แปลว่าความสามารถของนักศึกษาสองคนนี้ไม่มีปัญหา
หลี่เคอหมิงส่งข้อความถาม ‘ได้คำตอบรึยัง?’
ซูเย่ตอบ ‘ผู้ใหญ่ เด็ก ไข้ ตา’
‘ได้’ หลี่เคอหมิงพยักหน้า
‘เอาล่ะ หยุดความคิดได้แล้ว หลังจากนี้พวกเธอค่อยไปคิดกันเอาเอง’
ทันใดนั้น เสียงของหลิวเจิ้นเฉียงก็ดังขึ้น “ตอนนี้ฉันขอประกาศ วิชาที่จะเริ่มในวันพรุ่งนี้เป็นวิชาที่สำคัญที่สุด แขนงผู้ใหญ่!”
“ที่บอกว่าสำคัญเพราะแขนงผู้ใหญ่เทียบเท่ากับแขนงอวัยวะภายในของแพทย์แผนจีน ในหลาย ๆ ครั้ง วิชาแขนงผู้ใหญ่เป็นตัวแทนของทั้งแพทย์แผนจีน วิชานี้แสดงออกถึงความสามารถโดยรวมของค ความสามารถแพทย์แผนจีน เพราะฉะนั้นเราจะแพ้ให้กับแพทย์แผนจีนชาวบ้านไม่ได้! จำเอาไว้ วิชาอื่นแพ้ได้ทั้งหมด แต่วิชานี้แพ้ไม่ได้เด็ดขาด!”
ทุกคนพยักหน้าด้วยสีหน้าคร่ำเครียด
“ตอนนี้ฉันต้องรวบรวมจำนวนหน่อยว่านักศึกษาที่จะเข้าร่วมสอบคัดเลือกแขนงผู้ใหญ่ในวันพรุ่งนี้มีกี่คน ดังนั้นคนที่จะเข้าร่วมการสอบคัดเลือกยกมือขึ้น”
ฟึ่บ!
บรรดานักศึกษายกมือกันอย่างพร้อมเพรียง ถึงกับยกมือกันหมด
เมื่อเห็นภาพนี้
หลิวเจิ้นเฉียงผงะ
ยกมือกันหมดเลยเหรอ?
เหล่าคณบดีจากมหาวิทยาลัยที่เหลือก็พากันขมวดคิ้ว
สามร้อยกว่าคน การสอบคัดเลือกแขนงผู้ใหญ่ต้องนั่งตรวจตรงนั้นถึงจะดำเนินต่อไปได้
ต่อให้เหล่าคณบดีมีความสามารถสะท้านฟ้า ก็ไม่อาจหาคนไข้ที่ป่วยในระดับเดียวกันมาหลายร้อยคนในคราเดียวเพื่อให้บรรดานักศึกษาสอบคัดเลือกรักษา!
“มาหารือกันหน่อย!” หลิวเจิ้นเฉียงรีบหันไปมองคณบดีจากทุกมหาวิทยาลัย
“ได้”
คณบดีจากทุกมหาวิทยาลัยรีบรวมตัวกัน
ไม่นานนักผลการหารือก็สรุปออกมา
หลิวเจิ้นเฉียงก้าวออกไปข้างหน้า มองนักศึกษาทุกคนและเอ่ยเสียงเข้ม
“เนื่องจากแขนงผู้ใหญ่มีคนสมัครสอบเยอะเกินไป พวกเราจะจัดการสอบทฤษฎีในวันพรุ่งนี้ คัดเลือกจากข้อสอบเขียนสามสิบสามคนเพื่อเข้าร่วมการสอบคัดเลือกอีกครั้งโดยทำการรักษาเหล่าอาสาสมั คร แต่ผลการสอบคัดเลือกแขนงผู้ใหญ่ในท้ายสุด เราจะวัดจากผลการรักษาที่ออกมา”
สอบข้อเขียนก่อนเหรอ?
นักศึกษาทั้งหมดผงะ
ซูเย่สายตานิ่งงันไป
สอบพรุ่งนี้เลยเหรอ พวกเขาออกข้อสอบทันเหรอ?
‘ไม่ทันก็ต้องทัน’ หลิวเจิ้นเฉียงมองทุกคนและคิดในใจ
หลังจากประกาศแยกย้ายแล้ว เขาก็ติดต่อคนออกข้อสอบอย่างรวดเร็ว และปริ๊น…..
……
เช้าวันรุ่งขึ้น
ทุกคนมาถึงห้องประชุมโรงแรมแต่เช้าเพื่อเข้ารับการสอบข้อเขียน
ผู้คุมสอบคือคณบดีและอาจารย์ที่ตามมาด้วยจากมหาวิทยาลัยต่าง ๆ รวมถึงหมอรู้แจ้งที่เหล่าคณบดีมหาวิทยาลัยเชิญมาเป็นผู้ใหญ่ในงาน
ทุกคนล้วนเป็นผู้คุมสอบ
เหล่านักศึกษาเพิ่งนั่งลง…
“เริ่มการสอบข้อเขียน จำกัดเวลาสี่ชั่วโมง”
เมื่อได้ข้อสอบมา ซูเย่ก็อ่านทั้งหมดคร่าว ๆ
สายตาฉายแววตะลึง
ออกข้อสอบทันจริง ๆ หรือนี่!
ข้อสอบดูเหมือนจะง่าย หลัก ๆ คือบอกอาการต่าง ๆ นักศึกษาต้องตอบโดยเขียนแนวคิดการรักษาและตำหรับยาตามอาการป่วยที่ข้อสอบบอกตรงช่องว่างใต้โจทย์
แต่ประเภทเยอะมหาศาล!
ข้อสอบมีหัวข้อใหญ่สองชุด รวมแล้วมีรายละเอียดกว่าสี่สิบห้าประเภท สามร้อยอาการ
เรียกได้ว่าครบถ้วน
“ออกข้อสอบที่ทดสอบความสามารถโดยรวมของนักศึกษาเข้าสอบได้แบบนี้ เมื่อคืนพวกอาจารย์คงไม่ได้นอนกันเลยสินะ”
ซูเย่ยิ้มบาง ๆ หยิบปากกาเขียนโดยไม่ลังเล!
‘ประเภทแรก ประเภทหวัด’
‘1. อาการหวัดจากพิษหนาว’
‘แนวทางการรักษา ใช้ยาที่มีคุณสมบัติร้อนคลายความหนาว ขับความเย็นจากปอด’
‘ตำหรับยา ใช้ซุปจินฝังขับลม ผงจินฝังขับพิษ’
‘2. อาการหวัดจากลมร้อน’
‘แนวทางการรักษา ยาคุณสมบัติเผ็ดเย็นที่มีฤทธิ์ขับกระจาย ขับความร้อนจากปอด’
‘ตำหรับยา ยาหยินเชี่ยว ซุปต้นหอมกิ๊กแก้’
…..
ความเร็วสูงมาก
ปากกาในมือเขียนไม่หยุด
สองชั่วโมงต่อมา
“ส่งข้อสอบครับ!” ซูเย่ยกมือ
สิ้นเสียงเขา ภายในห้องสอบที่เงียบกริบ แทบจะทุกคนหันขวับไปมองซูเย่ในเวลาเดียวกัน
ไม่เพียงแต่นักศึกษาทุกคนในที่นี้ แม้แต่คนระดับคณบดียังมองซูเย่กันหมด สายตาเต็มไปด้วยความตะลึง
สอบวิชาแขนงผู้ใหญ่
ข้อสอบทั้งหมดสามร้อยกว่าข้อ
แค่คำตอบก็ห้าพันกว่าตัวแล้ว!
หากเขียนด้วยความเร็วปกติต้องใช้เวลาสี่ชั่วโมง
นายเขียนเสร็จในเวลาสองชั่วโมงเหรอ?
ต่อให้มือนายจะเร็วเท่าอัตราการบินก็ไม่น่าจะเขียนทั้งหมดนั่นเสร็จได้นะ!
หลินเจิ้นเฉียงเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว เหลือบมองข้อสอบซูเย่และถาม “เธอจะส่งข้อสอบเหรอ”
“ครับ” ซูเย่พยักหน้า จัดกระดาษข้อสอบในมือ
เมื่อเห็นฉากนี้
นักศึกษาที่กำลังสอบทั้งหมดผงะ
ซูเย่ส่งข้อสอบจริง ๆ!
และดูจากความหนาแน่นของตัวอักษรบนกระดาษข้อสอบเขา แทบจะเขียนครบทุกข้อแล้ว
“ทำไมเจ้านี่ถึงไวขนาดนี้”
“ไม่ใช่ว่าเจ้านี่ยอมแพ้การสอบคัดเลือกวิชานี้ เลยเขียนมั่ว ๆ หรอกนะ”
นักศึกษาทั้งสิบสามคนจากมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยางขมวดคิ้วกันอย่างพร้อมเพรียง
นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเข้าร่วมการสอบพร้อมกับซูเย่ ทว่าไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้ยินเหตุการณ์การสอบของซูเย่
ไม่มีสักครั้งที่ไม่ส่งข้อสอบก่อนเวลา!
ไม่มีสักครั้งที่เขียนไม่เต็มหน้า!
แต่จะไวแค่ไหน พวกเขาก็ไม่คิดว่าจะไวได้ขนาดนี้
“ข้อสอบสามร้อยข้อ ต่อให้ตอบแบบไม่คิดและเขียนไม่หยุดมือก็ต้องเขียนอย่างน้อยสี่ชั่วโมงนะ เขาทำได้ยังไงน่ะ ส่งข้อสอบภายในสองชั่วโมง”
“เกินความคาดหมายจริง ๆ ถ้าเปอร์เซ็นต์ความแม่นยำเหมือนสมัยสอบที่มหาวิทยาลัย ศิษย์น้องเล็กก็แข็งแกร่งเกินไปแล้ว”
……
ผู้คุมสอบคนหนึ่งเดินไปอยู่ข้างกายซูเย่
เขามองซูเย่อย่างประหลาดใจอยู่แวบหนึ่ง ก่อนจะยื่นมือไปรับข้อสอบที่ซูเย่ยื่นมา
“คนอื่นสอบต่อ”
ผู้คุมสอบกล่าวและหยิบข้อสอบซูเย่ไปบนเวที ก่อนจะเริ่มตรวจ
ตรวจไปเรื่อย ๆ ผู้คุมสอบที่เป็นหมอรู้แจ้งก็เริ่มมีสีหน้าเหลือเชื่อ
หลังจากตรวจเสร็จทุกข้อ
ซูเย่ตอบไม่ผิดเลยแม้แต่ข้อเดียว
ทั้งหมดสามร้อยกว่าข้อ
ถูกหมด!
ผู้คุมสอบคนนี้รีบเรียกหมอรู้แจ้งมาอีกคน เอาข้อสอบของซูเย่ให้อีกฝ่ายตรวจทาน กลัวเหลือเกินว่าตัวเองจะพลาด
ผู้คุมสอบคนนี้ตรวจเสร็จ ทั้งคู่สบตากัน สายตาเต็มไปด้วยความตะลึง
“เหมือนกัน”
“ถูกหมดจริง ๆ เหรอ?!”
ไม่รู้ว่าจงใจหรือไม่ คณบดีคุมสอบทั้งหลายเดินเข้าไปใกล้ผู้คุมสอบสองคนกันหมด
เมื่อได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของผู้คุมสอบทั้งสอง เหล่าคณบดีก็มีสีหน้าอึ้งไป
ก่อนจะหันมองข้อสอบของซูเย่
แต่ละคนฉายแววเหลือเชื่อขณะที่สบตากันอยู่
ถูกหมด?!
“สมกับเป็นหมอรู้แจ้งที่อายุน้อยที่สุดเท่าที่เคยมีมา เก่งจริง ๆ!”
เสียงอุทานพร้อมชื่นชมดังขึ้น บรรดาคณบดีมองหลี่เคอหมิงด้วยสัญชาตญาณ สายตาเต็มไปด้วยความอิจฉา
พวกเขาไม่ได้อิจฉาในความเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องของหลี่เคอหมิงและซูเย่ แต่อิจฉาในความสัมพันธ์บทบาทหน้าที่
สำหรับคณบดีทุกท่าน
นักศึกษาอย่างซูเย่คือสิ่งที่พวกเขาใฝ่ฝันถึง
นี่เป็นนักศึกษาชั้นดีที่ช่วยยกระดับของทั้งมหาวิทยาลัยได้เลยนะ!
น่าเสียดาย
ไปเข้ามหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยาง
หลิวเจิ้นเฉียงถอนหายใจและเอ่ยเศร้า ๆ “อัจฉริยะที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้ ทำไมถึงโดนโฉบไปได้ แผนกแพทย์แผนตะวันตกทำฉันเสียโอกาสจริง ๆ”
หลังจากความฮือฮาที่เกิดจากซูเย่สงบลง ทุกคนพุ่งความสนใจไปที่ข้อสอบอีกครั้ง แต่ละคนจรดปากกาอย่างว่องไว
ไม่รู้ว่าโดนซูเย่กระตุ้นหรือเปล่า ทุกคนเร็วขึ้นกันหมด
ผ่านไปอีกหนึ่งชั่วโมง
ในที่สุดก็มีคนลุกขึ้นส่งข้อสอบอีกครั้ง
คราวนี้คนส่งข้อสอบไม่ได้สร้างเสียงฮือฮาในสนามสอบ ราวกับภายใต้การกระตุ้นจากแรงกดดัน ความเร็วในการตอบคำถามของทุกคนเพิ่มขึ้นอย่างมาก
เริ่มมีคนส่งข้อสอบเรื่อย ๆ
หนึ่งชั่วโมงต่อมา
“หมดเวลา!”
ภายใต้การเร่งเร้าจากผู้คุมสอบ บรรดาคนที่ยังเขียนไม่เสร็จจำต้องวางปากกาลง
คนพวกนี้ถูกกำหนดไว้แล้วว่าตกรอบ
เพราะก่อนเวลาหมดได้มีคนส่งกระดาษคำตอบเกินห้าสิบคนแล้ว
แต่ผู้คุมสอบรัดกุมมาก
เขาเก็บข้อสอบของทุกคนก่อนแล้วจึงทำการตรวจ
ด้วยความพยายามของผู้คุมสอบทุกคน ห้าโมงเย็น รายชื่อสามสิบสามคนสุดท้ายก็ออกมาเป็นที่เรียบร้อย
“ตอนนี้ฉันขอประกาศคะแนน และจะประกาศแค่สามสิบสามอันดับแรกเท่านั้น”
หลิวเจิ้นเฉียงหยิบรายชื่อและขึ้นไปบนเวที สูดหายใจเข้าลึก ข่มความตะลึงเอาไว้และกล่าว “อันดับหนึ่ง ซูเย่ 300 คะแนน!”
เมื่อเขาประกาศออกไปเช่นนี้
ฟึ่บ!
นักศึกษาทุกคนในที่นี้หันมองซูเย่กันหมด แต่ละคนหน้าตาตะลึงงัน
คะแนนเต็ม?