เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - บทที่ 106 ซูเย่โดนดูถูก!
บทที่ 106 ซูเย่โดนดูถูก!
อะไรนะ?
ทุกคนที่อยู่ในหอประชุมตะลึงจนพูดไม่ออก
มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?
ไม่ใช่ว่าเมื่อวานนี้ อัตราการรักษาของซูเย่เป็นศูนย์หรอกเหรอ?
แล้วเขาชนะได้อย่างไร?!
โกงเหรอ?
ทันใดนั้นหอประชุมก็เต็มไปด้วยเสียงพูดคุย
ดังและดังมากขึ้นจนแทบจะอึกทึก
“เงียบ!”
หลิวเจิ้นเฉียงตะโกน “เงียบก่อนทุกคน!”
เมื่อได้ยินเสียงตะโกน
เสียงพูดคุยในหอประชุมก็ค่อย ๆ เบาลง และทุกคนหันไปจ้องหลิวเจิ้นเฉียงด้วยความสงสัย เฝ้ารอคำอธิบายถึงเหตุการณ์
โดยเฉพาะนักศึกษาตัวแทนของสาขาแขนงเด็ก จ้องมองหลิวเจิ้นเฉียงเขม็งจนสีหน้าน่าเกลียด พวกเขาล้วนต้องการคำอธิบาย และมันจะต้องมีเหตุผลพอที่ทำให้พวกเขาเชื่อ!
“ตอนที่ได้รับรายงานผล ฉันก็เป็นเหมือนพวกเธอนั่นแหละ” หลิวเจิ้นเฉียงกล่าว “ฉันเข้าใจดี ว่าทำไมทุกคนถึงสงสัยในผลการตัดสิน เช่นนั้นแล้ว จะขอให้ผู้คุมสอบที่เป็นคนตัดสิน ออกมาอธิบายให้พวกเธอได้ฟังกัน”
สิ้นสุดคำพูด
ผู้คุมสอบก็ก้าวเดินออกมาทันที
“เมื่อวานนี้ อัตราการรักษาของซูเย่เป็นศูนย์ เพราะเขาทำเพียงสอนวิธีการรักษาให้พ่อแม่เด็กกลับไปทำเอง พอกลับไปและทำตามวิธีการของซูเย่……”
“…สถิติที่ออกมาวันนี้ คือรักษาสำเร็จไป 95%!”
แรกเริ่ม ทุกคนไม่มีใครเชื่อ
ทว่าหลังจากฟังคำอธิบายของผู้คุมสอบ สายตาของทุกคนก็เบิกกว้าง ตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง
ไม่แปลกใจเลย ที่เมื่อวานผลคือศูนย์
อย่างนี้นี่เอง!
“อันที่จริง ฉันก็อยากถามซูเย่หน่อย ว่าทำไมเธอถึงทำเช่นนี้?”
หลังอธิบายจบ ผู้คุมสอบหันไปมองซูเย่โดยสายตาเต็มไปด้วยความสงสัย
ทุกคนในที่แห่งนั้นเองก็มองไปเช่นเดียวกัน
“ผมคิดว่า สอนวิธีตกปลาให้คน ดีกว่ามอบปลาให้เขาครับ”
ซูเย่ลุกยืนขึ้นและกล่าว “การรมยา ไม่ใช่วิธีการรักษาที่ยาก กลับกัน มันเป็นอะไรที่ทำได้ง่ายมาก หากสอนให้พ่อแม่เด็กทำเป็น แล้วหากเด็กเป็นอะไรขึ้นมาในอนาคต พวกเขาจะได้ทำการรักษาทันทีที่บ้านด้วยตัวเอง ถือได้ว่าเป็นผลดีต่อทั้งเด็กและพ่อแม่ ผมคิดว่านี่คือสิ่งที่หมอควรทำ ไม่ใช่เพียงคอยรักษา แต่ยังต้องเผยแพร่วิธีดูแลสุขภาพและป้องกันการเกิดโรคด้วยครับ”
ตึง!
ทุกคนตกตะลึงไปทั้งกายและใจ
หมอที่ดีจะต้องเผยแพร่วิธีดูแลสุขภาพและป้องกันการเกิดโรค!
สีหน้าของทุกคนเคร่งขรึมขึ้นมาในทันที
ซูเย่เป็นหมอ
และทุกคนที่อยู่ในหอประชุมเองก็เป็นหมอ!
ทว่า
ซูเย่ยังคงเป็นนักศึกษาอีกด้วย นักศึกษาที่เพิ่งเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยการแพทย์ และได้เรียนแพทย์แผนจีนเพียงไม่นาน ทุกคนที่เหลือ ล้วนเป็นนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาและดุษฎีบัณฑิตเกือบทั้งหมด ซึ่งผ่านการเรียนรู้ ค้นคว้า และวิจัยมาไม่น้อยกว่าหกปี
ซูเย่คิดเช่นนี้ออกมาได้ ทำในสิ่งที่หมอแท้ ๆ ควรจะทำ
แล้วพวกเขาล่ะ?
หลังจากร่ำเรียนมาหลากหลายปี ผ่านการค้นคว้าวิจัยทางวิชาการมามากมาย ไล่ล่าตามหาอัตราความสำเร็จในการรักษา แต่เรื่องพื้นฐานสุดแสนสำคัญอย่างการช่วยชีวิต รักษาบาดแผล และเผยแพร่วิธีการดูแลสุขภาพกลับถูกลืมไป
ช่างน่าละอายใจ!
ความยกย่องและชื่นชมซูเย่ก่อตัวขึ้นในใจของพวกเขา
บนเวที
เมื่อได้ฟังคำตอบของซูเย่
ผู้คุมสอบ หลิวเจิ้นเฉียง และเหล่าคณบดีจากสถาบันทั้งหลาย พากันพยักหน้าชื่นชม
พูดได้ดี!
“ถ้าอย่างนั้น มีใครจะคัดค้านอะไรไหม?” หลิวเจิ้นเฉียงเอ่ยถาม
ทั้งหอประชุมเงียบสงัด
ไร้เสียงพูดใด ๆ แม้แต่นักศึกษาตัวแทนทั้งสามสิบสามคน ที่ออกมาตั้งคำถามกับซูเย่ก่อนหน้านี้ด้วยสีหน้าไม่พอใจเอง ก็กลับไปนั่งที่กันอย่างเรียบร้อย
“ในเมื่อไม่มีการคัดค้าน ฉันจะขอประกาศ” หลิวเจิ้นเฉียงสูดหายใจลึก ก่อนจะกล่าวต่อ “ตัวแทนแข่งขันในแขนงเด็กคือซูเย่!”
เสียงปรบมือดังกระหึ่ม
ศาสตร์แขนงที่หก!
ผู้นำสถาบันหลายคนยิ้มเจื่อน มองหน้ากันเอง
ซูเย่คนเดียว ได้เป็นตัวแทนไปแล้วครึ่งหนึ่งจากสิบสามแขนง
โชคยังดีที่การคัดเลือกลำดับต่อ ๆ ไปนั้นจะถูกแบ่งเป็นสองภาค หากจัดการคัดเลือกติดต่อกันแล้ว จากผลงานของเขา ซูเย่จะไม่เป็นตัวแทนทั้งสิบสามหรอกหรือ?
สายตาของนักศึกษาทั้งหอประชุม จ้องมองซูเย่ด้วยความชื่นชมนับถือ
ในครั้งนี้
ซูเย่ได้ใจของทุกคนไปเต็ม ๆ
ไม่รู้ว่าเป็นเพียงเพราะความสามารถทางการแพทย์ของเขา หรือเป็นเพราะจรรยาบรรณแพทย์มากกว่า
บุคคลที่เก่งฉกาจดุจดั่งตำราแพทย์และเต็มไปด้วยคุณธรรม ก็สมควรได้รับการยกย่อง!
“เอาล่ะ การคัดเลือกอันดับต่อไปในวันพรุ่งนี้” หลังจากเสียงปรบมือเริ่มซาลง หลิวเจิ้นเฉียงจึงกล่าวต่อ “วันพรุ่งนี้ จะมีการคัดเลือกทั้งหมดสามแขนง คือแขนงสตรี ไข้ และบาดแผล ทุกคนสามารถเลือกลงทะเบียนได้เลยตอนนี้ แต่ตามกฏแล้ว หนึ่งคนจะเลือกได้เพียงหนึ่งแขนงเท่านั้น”
“อันดับแรกแขนงสตรีหรือนรีเวชศาสตร์ ยกมือขึ้นถ้าหากต้องการลงคัดเลือก”
สิ้นเสียงนั้น
นักศึกษาหญิงหลายคนยกมือขึ้น
ทว่าสิ่งที่น่าเป็นห่วง ไม่ใช่นักศึกษาเหล่านี้แต่เป็นซูเย่!
‘พรึ่บ!’
ในจังหวะที่หลิวเจิ้นเฉียงประกาศให้ลงสมัครได้ ทุกคนก็หันหน้าขวับไปหาซูเย่
เขาจะลงด้วยหรือเปล่า?
เมื่อเห็นว่าซูเย่ไม่ได้ยกมือขึ้น
ทุกคนจึงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่ง โดยเฉพาะกลุ่มนักศึกษาหญิงที่สมัคร
ในที่สุด!
ในที่สุดหมอนี่ก็ไม่ได้ลงสมัครด้วย และในที่สุดก็มีศาสตร์ทางการแพทย์ที่เขาไม่มั่นใจ!
“อย่างไรเขาก็ต้องลงแน่ ๆ หนึ่งในสามแขนง แต่ฉันไม่รู้ว่าเขาจะเลือกอันไหน”
ผู้คนพากันซุบซิบ
“อันดับที่สอง ศาสตร์แห่งการรักษาบาดแผล” เสียงของหลิวเจิ้นเฉียงดังขึ้นอีกครั้ง “ยกมือขึ้นถ้าหากต้องการลงคัดเลือก”
ด้านล่างเวที
คนอีกกลุ่มหนึ่งจึงยกมือขึ้น
และเห็นว่าซูเย่ยังคงยิ้มอยู่โดยไม่ได้ยกมือขึ้น
ผู้คนที่ลงสมัครในศาสตร์แห่งการรักษาบาดแผลจึงโล่งอก และในขณะเดียวกัน พวกเขาก็ยิ้มเยาะและจ้องมองไปยังผู้ที่เตรียมลงสมัครในแขนงที่สามอย่างหวังร้าย
ซูเย่ที่ไม่ได้ยกมือในสองแขนงแรก เขาจะต้องลงสมัครในแขนงสุดท้ายอย่างแน่นอน หมอนี่ไม่ยอมปล่อยโอกาสให้หลุดมือหรอก
นักศึกษากลุ่มที่เตรียมตัวยกมือลงสมัครในด้านการรักษาไข้ ล้วนยิ้มเจื่อน หัวเราะออกมาอย่างสิ้นหวัง
“ศาสตร์แห่งการรักษาไข้ ยกมือขึ้นหากต้องการลงคัดเลือก”
บนเวที ระหว่างที่พูด หลิวเจิ้นเฉียงก็ย้ายสายตาไปจับจ้องที่ซูเย่โดยอัตโนมัติ
เป็นไปตามคาด
เพียงสิ้นเสียงของเขา ซูเย่ก็ยกมือขึ้น
“เฮ้อ……”
เป็นไปตามคาด!
ตัวแทนที่ลงสมัครทุกคน อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา เมื่อเห็นว่าซูเย่ยกมือขึ้น
คู่แข่งตัวฉกาจอยู่ที่นี่แล้ว!
แต่แล้วมันอย่างไรล่ะ
นักศึกษาบางส่วนเองก็ยังคงเต็มไปด้วยจิตใจนักสู้
ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ก็ทำได้แต่รอวัดของจริงกันสักตั้ง ใครจะแพ้ ใครจะชนะ มันยังไม่แน่นอนเสียหน่อย!
พอได้เห็นหลายคนมีสายตามุ่งมั่น หลิวเจิ้นเฉียงก็แอบยิ้มและพยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะกล่าวต่อ “การคัดเลือกทั้งสามแขนงจะต้องใช้เวลาสามวัน เนื่องจะมีเวลาในการฟื้นตัวที่นาน ดังนั้นวันแรกจะเป็นการตรวจและรักษา วันที่สองเพื่อสังเกตอาการ และวันที่สามถึงจะได้ผลสรุป”
นักศึกษาทุกคนพยักหน้าเข้าใจ
หลังจากผ่านการทดสอบคัดเลือกมาหลายสาขาแล้ว ทุกคนจึงเข้าใจกฏและกระบวนการเป็นอย่างดี แม้ว่าจะเปลี่ยนศาสตร์ที่ใช้คัดเลือกไป แต่กฏก็ยังคงเดิม
……
วันถัดมา
เริ่มต้นการคัดเลือก
ซูเย่และตัวแทนในศาสตร์แห่งการรักษาไข้ ได้เข้ามายังห้องสอบด้วยกันเพื่อจับฉลาก
สนามสอบยังคงเป็นโรงพยาบาลในเครือของมหาวิทยาลัยการแพทย์จงหยวน และผู้เข้าสอบทุกคนจะมีหมอรู้แจ้งคอยคุมสอบ
คนไข้มาถึง
หมอรู้แจ้งที่เป็นผู้คุมสอบรับใบบันทึกประวัติไป
จากนั้นซูเย่จึงเริ่มต้นวินิจฉัยและทำการรักษา
……
และในขณะเดียวกัน
บนอินเทอร์เน็ตนั้น ภาพจากสนามสอบจำนวนมากก็ถูกเผยแพร่ออกไป!
ก่อนหน้านี้ ทุกคนให้ความสนใจกับศึกระหว่างสถาบันวิชาการทางแพทย์แผนจีน และกลุ่มแพทย์แผนจีนพื้นบ้านเป็นอย่างมาก ต่างเฝ้ารอมาจนถึงวันนี้ เพื่อที่จะได้เห็นการต่อสู้แห่งยุค ในวงการแพทย์แผนจีน
ทว่ารอมาหลายวันแล้ว ก็ยังไร้การเคลื่อนไหวใด ๆ
จนถึงเวลาที่ชาวเน็ตเกือบจะลืมเรื่องนี้ไปแล้ว ทันใดนั้นบนสื่อออนไลน์ต่าง ๆ นานา ก็ได้มีภาพจำนวนมากถูกเผยแพร่
ภาพเหล่านี้ถูกคัดมาโดยสถาบันการแพทย์แผนจีนเอง
ในนั้นมีกระทั่งภาพโต๊ะคลินิกของซูเย่
ทันทีที่ภาพเหล่านี้ปรากฏขึ้น
ก็ได้กลายเป็นกระแสลูกใหม่โดยพลัน
“ดูเหมือนสถาบันทางการแพทย์เอาจริงเลยนะเนี่ย โดยปกติแล้ว พวกเขาคงแค่สอบภาคทฤษฎีวัดคะแนน ใครคะแนนสูงกว่าก็ได้รับเลือกเป็นตัวแทนไป ไม่คิดเลยว่าครั้งนี้ พวกเขาถึงกับจัดวัดความถนัดเฉพาะทางขึ้นมา”
“ฉันดูไม่ผิดใช่ไหม? ซูเย่ตรวจคนไข้หกสิบคน อัตราการรักษาเป็นศูนย์?”
“ไม่จริง! ซูเย่ความสามารถแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ถ้าซูเย่ยังได้แค่นี้ แล้วคนอื่นจะได้แค่ไหน?”
“ถ้าดูของคนอื่นแล้วเทียบกัน ของพวกเขาสูงกว่าเยอะเลยว่าไหม ทำไมซูเย่ถึงโดนนำห่างได้ขนาดนี้?”
“มหาเทพซูเย่รักษาไม่ได้เลยสักคน ไม่อยากจะเชื่อ!”
ความสนใจของชาวเน็ต ล้วนพุ่งตรงไปยังภาพโต๊ะคลินิกของซูเย่ ที่มีอัตราการรักษาเป็นศูนย์
ไม่มีใครคิดว่าผู้ชนะรายการแพทย์แผนจีนรุ่นใหม่ และถูกเรียกว่าเป็นอนาคตแห่งวงการแพทย์แผนจีนอย่างซูเย่ จะมีความสามารถทางการรักษาที่ห่วยได้ขนาดนี้
สถานการณ์นี้ สร้างความตื่นตกใจให้พวกเขาเป็นอย่างมาก!
……
“พวกสถาบันการศึกษาทางการแพทย์ ส่งคนเหล่านี้ไปคัดเลือกในสถานที่ขนาดใหญ่โต ดูเหมือนพวกเขาจะให้ความสำคัญในการแข่งขันกับพวกเราเป็นอย่างมาก”
ผู้นำจากสิบสามตระกูลแพทย์แผนจีนพื้นบ้านได้ประชุมกันผ่านอินเทอร์เน็ต
ผู้นำตระกูลฉินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ทว่าสิ่งที่พวกเราต้องการจากพวกเขาก็คือความสนใจนี่แหละ ยิ่งสนใจมากเท่าไร เมื่อเราชนะ ก็จะยิ่งได้รับความสนใจจากชาติและสังคมมากขึ้นกว่าเดิม!”
ผู้นำตระกูลคนอื่นพยักหน้าเห็นด้วย
“อย่างไรก็ตาม ดูถูกศัตรูอย่างมีกลยุทธ์ แต่ต้องใส่ใจในยุทธวิธี! พวกเขาพยายามอย่างหนัก พวกเราก็ต้องพยายามเช่นกัน”
ผู้นำตระกูลฉินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวขึ้นมา “เหล่าผู้นำ หลังจากดูรูปภาพพวกนี้แล้วคิดอย่างไรกันบ้าง? ทั้งสิบสามตระกูลของเรา ต่างศึกษาศาสตร์การแพทย์แผนจีนตระกูลละหนึ่งแขนง มีความจำเป็นที่จะต้องจัดการคัดเลือกตัวแทนแบบพวกเขาไหม?”
ผู้นำอีกตระกูลตอบกลับ “ไม่จำเป็น ใครที่เก่งกาจที่สุดในหมู่คนรุ่นใหม่ของตระกูล พวกเรารู้ดีอยู่แล้ว ที่ต้องการก็เพียงแค่ทำให้มั่นใจว่า พวกเขาจะอยู่ในสภาพสมบูรณ์และพร้อมที่สุดเมื่อถึงเวลาแข่ง ตัดสินจากรูปภาพเหล่านี้แล้ว พวกสถาบันจะเลือกใครมา ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับพวกเรา”
“ใช่แล้ว ฉันจำได้ว่า ผู้นำตระกูลฉินเคยบอกให้พวกเราระมัดระวังนักศึกษาที่ชื่อซูเย่ไว้”
ผู้นำตระกูลอีกคนกล่าวพร้อมหัวเราะเย้ยหยันออกมา “รักษาคนไข้หกสิบคน อัตราสำเร็จเป็นศูนย์ ควรค่าพอที่เราจะต้องใส่ใจด้วยหรือ?”
“เขาเป็นเพียงนักศึกษาใหม่จริงด้วย และไม่ได้ศึกษาในด้านการแพทย์แผนจีนโดยตรงอีก ก็แค่ดาวเด่นแห่งวงการแพทย์แผนจีนปลอมเปลือก ที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยพวกสถาบันและรัฐ” ผู้นำอีกคนกล่าว
“พวกเรามาจดจ่อกับศาสตร์ที่เชี่ยวชาญกันดีกว่า ไม่ต้องไปสนใจไอ้คนที่ชื่อซูเย่นี่หรอก อย่าไปตามกระแสคนอื่น”
ผู้นำตระกูลพยักหน้ากันไปมา
“ทุกคน!”
ผู้นำตระกูลฉินทำหน้าเครียด กล่าวออกมาเสียงเข้ม “พวกเราไม่ควรประมาทซูเย่นี้เลย รูปภาพบนอินเทอร์เน็ตอาจจะไม่ใช่เรื่องจริงทั้งหมดก็ได้ พวกเราต้องเข้มงวดและระมัดระวัง ห้ามผิดพลาดโดยเด็ดขาด”
แม้จะกล่าวออกมาเช่นนั้น ก็ไม่มีใครสนใจอีกต่อไป
คิ้วของผู้นำตระกูลฉินยิ่งขมวดแน่นกว่าเดิม เขารู้สึกมาโดยตลอดว่าซูเย่นั้นอันตราย
แต่พอคิดขึ้นมาว่า ต่อให้ซูเย่จะเก่งขนาดไหน เขาก็เป็นตัวแทนแข่งขันได้เพียงแขนงเดียว แพ้หรือชนะแค่ศาสตร์เดียวนั้นไม่ได้เกี่ยวกับผลรวมเท่าไร อย่างไรเสียตระกูลแพทย์แผนจีนพื้นบ้านของพวกเขาก็ยังชำนาญกว่าโดยรวม เขาจึงเลิกสนใจและผ่อนคลายลง
……
ที่ไหนสักแห่งในเมืองเหอหนาน
“การสอบคัดเลือกตัวแทนแข่งขัน?”
ชายชรานอนอยู่บนม้านั่งในสวนสาธารณะ เมินสายตาไม่พอใจจากผู้คนที่เดินผ่านไปมาเพราะไร้ที่นั่ง เขากลับเผยอยิ้ม แสดงให้เห็นฟันสีเหลืองเต็มปาก
“เบื้องบนคงจะคิดอะไรออกแล้ว”
‘ติ๊ดติ๊ด’
ทันใดนั้นมีเสียงดังมาจากโทรศัพท์
“กะแล้วเชียว!”
ชายชราที่ดูเหมือนขอทานยิ้มก่อนนำโทรศัพท์ที่มีตราผลไม้ออกมาจากกระเป๋ากางเกง
ปลดล็อก
เปิดข้อความ
เห็นคำว่า ‘กำจัด’ !