เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - บทที่ 108 โชคยังดี ที่มีคริสตัลปราณระดับเก้า!
บทที่ 108 โชคยังดี ที่มีคริสตัลปราณระดับเก้า!
เมืองจงหยวน ย่านฉุ่ยโป
ภายนอกโรงแรมถูกล้อมรอบไปด้วยผู้คนหนาแน่น มีกระแสปราณผันผวนปกคลุมร่างของคนเหล่านี้ พวกเขาล้วนเป็นผู้ฝึกยุทธ์
“ฮี่ฮี่……”
ชายชราแต่งตัวเหมือนขอทานแสยะยิ้มแสดงให้เห็นฟันสีดำ เดินออกมาจากฝูงชน จ้องมองไปยังโรงแรมและทำเสียงเย้ยหยัน “จะทำอะไรก็ต้องใช้ปัญญา มีคนที่ต่อกรด้วยยาก ก็แค่ทำการล่อเสือออกจากถ้ำ ช่างง่ายดาย”
กล่าวจบ เขาโบกมือขวา
“เผาให้ราบ!”
สิ้นเสียง กลุ่มของผู้ฝึกยุทธ์เตรียมพุ่งออกไป
“ดูเหมือนว่าจะกลับมาทันนะ”
ในขณะที่ผู้คนเหล่านี้กำลังจุดไฟและเตรียมลงมือวางเพลิง ก็ได้มีเสียงอันเย็นยะเยือก ดังขึ้นมาจากบนท้องฟ้า
หลังจากได้ยินเสียง
ร่างเงาสีดำปรากฏขึ้นบนดาดฟ้าของโรงแรม ยืนอยู่ตรงขอบและมองลงมาด้วยสายตาแสนเย็นชา
เสียงที่ได้ยินนั้นไม่ได้ดังมาก ทว่าเย็นไปถึงสันหลัง!
ชายชราที่เป็นผู้นำจ้องมองขึ้นไป
ซูเย่!
ทุกคนล้วนสะพรึง
“ไม่ได้ออกไปเหรอ?”
“เป็นไปไม่ได้! ก่อนหน้านี้เห็นว่าเขาออกไปแล้วนี่ เขาเพิ่งกลับมา!”
ชายชรามองซูเย่ เอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้าตื่นตระหนก “ทำไมถึงได้เร็วขนาดนี้?”
“พูดว่าอะไรนะ?”
ซูเย่ก้าวเดินจากขอบดาดฟ้า ล่องลอยลงมาสู่พื้นดิน
สายตาของชายชราแข็งทื่อ เห็นใบหน้าของซูเย่ที่แสนมืดมนและเย็นชา เขาโบกมืออีกครั้งและออกคำสั่ง “ลงมือเร็ว!”
ทันใดนั้น ร่างของคนนับสิบก็พุ่งตรงไปสู่ทางเข้าโรงแรม
“รนหาที่ตาย!”
ซูเย่ตะโกนออกมาระหว่างที่อยู่กลางอากาศ
“ซู่!”
กระตุ้นพลังปราณในร่างกาย
ความเร็วของร่างที่ร่วงหล่นลงมาเพิ่มขึ้นสูง ดุจดั่งอุกกาบาตที่มาจากบนท้องฟ้า
‘ปัง!’
ลงมาสู่หน้าประตูโรงแรม
เป็นคนหนึ่งคน ที่จะทำการขวางคนจำนวนมากเอาไว้
“คนพวกนั้นเป็นใคร?”
ในตอนนั้นเอง พนักงานต้อนรับและพนักงานรักษาความปลอดภัยของโรงแรม มองดูผู้คนที่อยู่ด้านนอกด้วยความแปลกใจ กำลังจะเดินออกไปถาม
‘ฟู่!’
ซูเย่สะบัดมือ พลังปราณสองสายพุ่งออกไป
โดนเข้าที่หลังคอของพนักงานสองคนพอดี ทำให้สลบไป
“สายลมเยือกเย็นและสายน้ำเยือกแข็ง……”
เสียงสวดคาถาออกจากปากอย่างแผ่วเบา
ลมในบริเวณโดยรอบที่เคยสงบ เกิดพัดแรงขึ้นมาในทันใด คมมีดสายลมจำนวนมากก่อตัวและปกคลุมไปทั่วทั้งโรงแรม
ต่อจากนี้ เสียงที่เกิดจากการปะทะก็จะไม่รบกวนผู้คนที่พักอยู่
“ฆ่ามัน!”
ชายชราตะโกนสั่งอย่างเด็ดขาด
ร่างนับสิบกระโจนออกมาล้อมรอบซูเย่เอาไว้
“บอกแล้ว ว่ารนหาที่ตาย!”
ความโกรธของซูเย่ระเบิดออกมาทันที
พลังปราณพวยพุ่ง กลายเป็นคมดาบอยู่ในมือ!
“หนึ่งแสงคมดาบปราบสิบสี่รัฐ!”
มือสะบัดไป ทำให้ดาบยาวนั้น ปล่อยพลังปราณออกมาอย่างมหาศาล
แสงรูปกางเขนส่องสว่างขึ้นมาและระเบิดออก
ผู้คนนับสิบที่พุ่งใส่เขา โดนระเบิดทำให้กระเด็นลอยกลับไป
เมื่อมองดูดี ๆ
จะพบว่ากลุ่มคนที่โดนแรงระเบิดจากพลังปราณนั้น มีบาดแผลจากคมดาบขนาดใหญ่อยู่ทั่วร่างกาย นอนดิ้นทุรนทุรายอยู่บนพื้น
พอได้เห็นภาพนี้เข้า
คนที่ไม่ได้ออกมาโจมตีก็ตกตะลึงไป
“แข็งแกร่ง?”
“ชายคนนี้แกร่งเกินไป พวกเราจัดการไม่ได้แน่!”
กลุ่มผู้ฝึกยุทธ์พากันตื่นตระหนก
“อย่าได้กลัวไป!” ชายชราก้าวเดินออกมา ทำท่าเหมือนมองเห็นซูเย่ทะลุปรุโปร่ง กล่าวต่อด้วยน้ำเสียงนิ่งเฉยว่า “กระบวนดาบอันทรงพลังเช่นนั้น พลังปราณในร่างคงหมด ทำอะไรไม่ได้ไปอีกสักพัก เข้าไปรุมเดี๋ยวนี้เลย!”
เสียงตะโกนสั่งดังขึ้น
ทว่าไม่มีใครกล้าก้าวเดินออกไปเลย
พวกเขารู้สึกได้ถึงกลิ่นคาวเลือดแตะอยู่ที่ปลายจมูกอย่างชัดเจน และยังได้เห็นสีหน้าสุดแสนทรมานของคนนับสิบ ที่โดนฟันจากดาบของซูเย่เข้า
แม้รู้ว่าซูเย่อาจจะใช้พลังไม่ได้สักพัก แต่ถ้าพุ่งเข้าไป ก็อาจจะตายได้อยู่ดี
สุดท้ายจึงไม่มีใครกล้าเข้าไป เพราะพวกเขาล้วนไม่อยากตาย
“ไอ้พวกเศษสวะ!” ชายชราตะโกนอย่างเดือดดาล พร้อมพุ่งตัวไปข้างหน้า “ฉันไปเอง!”
พลังปราณระเบิดออกมาทันที
“ขั้นห้าระดับห้า?” ซูเย่นิ่วหน้าและเอ่ยถาม “แกเป็นผู้นำขององค์กรคนเหนือคนแห่งมณฑลเหอหนานเหรอ?”
หือ?
ดวงตาของชายชราเบิกกว้าง
รู้ตัวด้วยหรือ?
“ดูเหมือนจะใช่สินะ”
พอเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของอีกฝ่าย ซูเย่จึงยิ้มออกมา
สีหน้าของชายชรากลับมาเป็นปกติอีกครั้ง ยิ้มและกล่าวเย้ยหยันออกมา “ใช่หรือไม่ใช่ แกก็จะต้องตายวันนี้อยู่ดี รวมถึงพวกที่อยู่ในโรงแรมด้วย”
“จริงเหรอ?” ซูเย่กล่าวออกมาอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว “โทษทีนะ ผู้นำขององค์กรคนเหนือคนแห่งมณฑลฉีถูกฉันจับเป็น แต่แกอาจจะไม่โชคดีแบบนั้น เพราะว่าแกจะต้องตาย!”
ชายชราตกตะลึง แสดงสายตาไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
“แกจับกุมผู้นำมณฑลฉีเหรอ??”
เขาเคยได้รับแจ้งเมื่อไม่นานมานี้ ว่าผู้นำขององค์กรคนเหนือคนแห่งมณฑลฉีถูกจัดการแล้ว เขาคิดว่าจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ทรงพลังที่เป็นคนทำ ไม่คาดคิดเลยว่าจะเป็นเด็กน้อยที่อยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้
“อานสีเงินสะท้อนภาพอาชาขาว พุ่งทะยานดุจดั่งดาวตก!”
ซูเย่ฉวยโอกาสขณะที่อีกฝ่ายตกอยู่ในภวังค์ ทำการขยับมือ
กระบวนดาบที่สองแผลงฤทธิ์
พลังปราณของดาบในมือเขาส่องประกาย ระเบิดแสงสว่างออกมาในพริบตา ร่วมกับการโบกสะบัดมือของเขา
แสงที่ส่องออกมาหยุดนิ่งแข็งไป กลายร่างเป็นคมดาบพลังปราณที่ทรงพลังจนหาที่เปรียบไม่ได้
เสมือนว่ากลายเป็นเทพเจ้าสงครามที่ยืนอยู่กลางสมรภูมิ
และด้วยความเร็วอันน่าสะพรึง เขาพุ่งไปปรากฏตรงหน้าชายชราอย่างไม่ทันตั้งตัว
‘ฉึบ!’
เสียงฝ่าอากาศดังขึ้นทันที ดาบเข้าใกล้ร่างชายชรา
“หือ!”
ชายชราที่เพิ่งรู้สึกตัวก็สีหน้าเปลี่ยนไป เขารู้สึกได้เลยว่ากระบวนดาบนี้ทรงพลังอย่างมาก ต่อให้พยายามแค่ไหนก็ไม่สามารถต่อต้านได้
ในเวลาเพียงเสี้ยววินาที เขาโยกร่างหลบได้ทัน
ช่วงเวลาที่วิถีดาบปราณตัดผ่านเขาไป ทำให้เกิดเหงื่อเม็ดโตผุดขึ้น
หากโดนดาบนี้เข้า
ร่างของเขา ถ้าไม่ตายก็บาดเจ็บสาหัส!
แม้จะใช้พลังปราณจนหมดร่างเพื่อป้องกัน ก็คงต่อต้านไม่อยู่
ช่างเป็นคมดาบที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก!
เด็กคนนี้เก่งกาจเกินไป ไม่เสียแรงที่ให้ค่า และเตรียมแผนการมาเผื่อรับมือ
“ใช้แผน C !”
เพราะไม่กล้าประจันหน้ากับซูเย่ ชายชราก้าวถอยหลังและตะโกนออกมา
สิ้นเสียงตะโกน
เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ที่ไม่กล้าโจมตีเมื่อสักครู่นี้ หยิบระเบิดที่เตรียมไว้ล่วงหน้าออกมา โยนใส่โรงแรมโดยตรงจากหลากหลายทิศทาง
พวกเขาตั้งใจจะระเบิดโรงแรมอีกครั้ง!
ซูเย่หน้าเสีย!
แย่แล้ว!
เขาป้องกันโรงแรมด้วยตัวคนเดียวไม่ได้!
“อาจจะเหนื่อยหน่อย โชคยังดี ที่มีคริสตัลปราณระดับเก้า!”
“เฉิงหวง”
เขาตะโกนออกมา
เฉิงหวงปรากฏขึ้นมาในพริบตา ต่อหน้าทุกคนที่จ้องมองอย่างตกใจ
เขาหยิบคริสตัลปราณระดับเก้าที่เก็บมาจากแดนลับแห่งชายคลั่งนครจือ ออกมาจากกระเป๋าที่อยู่บนหลังของเฉิงหวง วาดผังภาพลงไปบนพื้นดินโดยตรงด้วยการขยับเพียงสองสามครั้ง จากนั้นนำคริสตัลปราณระดับเก้าฝังลงไปตามรอยที่วาดขึ้นมา และกระตุ้นพลังปราณ
“พายุจงก่อตัว!”
เขาตะโกนออกมาเสียงดัง
คริสตัลปราณระดับเก้าส่องสว่าง พายุขนาดยักษ์พัดพุ่งขึ้นมาจากพื้นดิน
พายุที่เพิ่งเกิดขึ้นมาเข้าไปปกคลุมทั่วทั้งโรงแรม ความเร็วลมนั้นเพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่ง
ในพริบตา ชั้นลมหนาแน่นจำนวนมากได้ก่อตัว จนดูเหมือนเป็นหมอกหนาที่ปกคลุมทั้งโรงแรมเอาไว้
ในตอนนั้นเอง ระเบิดจากทุกทิศทางได้กระทบกับพายุเข้า
‘ตูม ตูม……’
เสียงระเบิดดังขึ้น
และในไม่นาน ระเบิดที่เหลือทั้งหมดก็ระเบิดพร้อมกัน
ประกายไฟทั้งหลายที่ปะทุขึ้นมา ถูกลมพายุพัดให้สลายหายไป
เมื่อแรงระเบิดทั้งหมดหยุดลงแล้ว
พายุก็ยังคงหมุนรอบโรงแรมอยู่ต่อไป
ภายใน ไร้รอยขีดข่วน!
พอได้เห็นภาพเช่นนี้ ทุกคนก็ตื่นตระหนก
ระเบิดนับหลายสิบลูกถูกกันเอาไว้หมด โรงแรมไม่มีแม้แต่รอยสักนิดเดียว
พลังนี่มันอะไรกัน?
กลุ่มคนที่มาโจมตีล่าถอยออกไปโดยไม่ลังเล
ชายชราได้เห็นภาพอันน่าสะพรึงปรากฏขึ้น สีหน้าทั้งสับสนและตื่นตระหนก เขาเป็นคนแรกด้วยซ้ำที่ออกวิ่งก่อนใคร
“จะหนีไปไหน?”
สายตาของซูเย่เยือกเย็น ไม่ปล่อยให้หนีแน่
“เกิดอะไรขึ้น?”
ตึกรามบ้านช่องรอบโรงแรมเริ่มเปิดไฟ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาตื่นขึ้นเพราะเสียงระเบิด
ชะโงกหน้าออกมาดูจากหน้าต่าง หลังแล้ว หลังเล่า
พบว่าพื้นดินรอบโรงแรมนั้นเต็มไปด้วยหลุมบ่อจำนวนมาก และบางจุดเองก็ยังมีไฟลุกติดอยู่
ส่วนโรงแรมไม่ได้รับผลกระทบจากระเบิดแม้แต่น้อย
สถานการณ์นี้ทำให้ผู้คนที่ตื่นขึ้นมาสับสน ไม่เข้าใจเลยว่าเกิดอะไรขึ้น
‘พรึ่บ!’
ทันใดนั้น ทั้งเมืองก็มืดสนิทไป
“เกิดอะไรขึ้น? ทำไมไฟดับล่ะ?”
ระหว่างที่ทุกคนกำลังโวยวายอยู่นั้น
‘ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว……’
ในความมืด เกิดสายลมพัดผ่านมา
ร่างเงาจำนวนมาก กระโดดออกมาจากทุกทิศทาง ตรงไปสู่ประตูทางเข้าโรงแรม
ผู้ที่มีพลังปราณแข็งแกร่งที่สุด ยืนอยู่ตรงหน้าซูเย่พอดิบพอดี จ้องมองเขาเขม็ง
ซูเย่โยนเหรียญตราระดับเร้นลับใส่
ชายวัยกลางคนที่อายุใกล้เคียงกับเกาหรงกวงรับไว้ ดวงตาหรี่เล็กเมื่อเห็นว่าสิ่งที่รับคือเหรียญตราทีมสืบสวน
“สวัสดี คุณคือซูเย่สินะ”
เขาคือหัวหน้าทีมสืบสวนเมืองจงหยวน เหลิ่งซาน
“คุณคือหัวหน้าทีมสืบสวนเมืองจงหยวนเหรอครับ?”
ซูเย่เอ่ยถามพร้อมเก็บเหรียญตราลงกระเป๋า
“ใช่ครับ!” เขาตอบกลับด้วยใบหน้าจริงจัง
เขาเองก็เป็นระดับเร้นลับเช่นเดียวกันกับชายหนุ่มตรงหน้า แถมเหรียญตราที่เพิ่งได้เห็นไปก็เป็นของจากศูนย์บัญชาการใหญ่อีกด้วย
ซึ่งมีเพียงมหานครตะวันออกเท่านั้น
กล่าวอีกอย่างได้ว่า เหรียญตราทีมสืบสวนระดับเร้นลับของอีกฝ่าย เหนือกว่าเขาอยู่ครึ่งระดับ
ความหมายของมันแน่ชัด
จุดประสงค์ที่อีกฝ่ายแสดงเหรียญตราให้ดูก็ชัดเจน
ว่าให้ทำตามคำสั่ง!
“ผมส่งแจ้งเตือนฉุกเฉินไประหว่างทางกลับมาโรงแรม พวกคุณมากันสายพอตัว มีผู้ฝึกยุทธ์มาก่อการร้ายตั้งหลายคน ผมไม่อยากเชื่อเลยว่าพวกคุณจะไม่รู้!”
ซูเย่กล่าวดุอย่างเย็นชา
สีหน้าของเหลิ่งซานแสดงออกถึงความอับอาย
พวกเขาทำงานผิดพลาดจริง ๆ หลังจากได้รู้ว่ากลุ่มคนที่พักอาศัยอยู่ในโรงแรมคือใคร พวกเขาก็เกือบซวยกันยกใหญ่แล้ว!
“ขออภัยด้วยครับ!” เหลิ่นซางก้มหัวเอ่ยขอโทษ
“ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาขอโทษอะไรหรอก” ซูเย่เอ่ยถามต่อ “จับคนที่เพิ่งหนีออกไปกันได้หรือเปล่า?”
“ครับ! ระหว่างทางมาที่นี่ พวกเราได้จัดตั้งกองกำลังควบคุมและคอยจับตาดูเอาไว้แล้วครับ พร้อมกับส่งคนกระจายกำลังออกไปเพื่อคอยจับกุมจากทุกทิศทาง ตราบใดที่พวกเขายังอยู่ในเขตอำนาจเมืองจงหยวน ก็ไม่สามารถหนีไปได้ครับ!”
เหลิ่งซานกล่าว
“คนอื่นผมให้ทางคุณจัดการ ห้ามเหลือแม้แต่คนเดียว” ซูเย่กล่าว “แต่หัวหน้าของพวกมันที่เป็นชายชรา พวกคุณต่อกรไม่ได้แน่ ผมจะไปเอง”
กล่าวจบ ร่างของซูเย่ก็ขยับ
มุ่งหน้าออกไปในทิศทางเดียวกับที่ชายชราใช้หนี ตามไปอย่างว่องไว
“ห้ามเหลือแม้แต่คนเดียว!” เหลิ่งซานออกคำสั่ง
“รับทราบ!” กลุ่มคนจำนวนมากกระจายตัวออกไปทุกทิศในทันที
……
ชายชราวิ่งหน้าตั้ง
เขาคิดว่าจะหนีพ้นได้ แต่ไม่คาดคิดว่าจะเจอกับการสกัดกั้นจากทีมสืบสวนแห่งเมืองจงหยวนเข้าระหว่างทาง
เขาจึงต้องจู่โจม
หลังจากทำสมาชิกทีมสืบสวนบาดเจ็บสาหัส เขาก็ได้ยินเสียงฝ่าอากาศไล่ตามมาจากด้านหลัง
พอหันกลับไป
ใบหน้าของชายชราพลันซีดขาว!
ซูเย่!
เขารีบ.