เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - บทที่ 109 ฉันจะยอมเป็นหมารับใช้ของเธอ!
บทที่ 109 ฉันจะยอมเป็นหมารับใช้ของเธอ!
“พวกคุณกลับไปก่อน!”
ซูเย่นำเหรียญตราเร้นลับออกมาแสดงขณะที่กำลังวิ่งไล่ชายชรา กล่าวบอกสมาชิกทีมสืบสวนที่บาดเจ็บอยู่ และออกตามล่าต่อไป
ไกลออกไปนั้น
ดูเหมือนว่าชายชราจะวิ่งอย่างตื่นตระหนกเข้าไปในภูเขา แต่เมื่อเขาพบว่าซูเย่ไล่ตามมา ก็กลับเผยอยิ้มที่มุมปาก
อันที่จริง เขาไม่ได้ตื่นตระหนกเลยแม้แต่น้อย กลับมีร่องรอยของการทนรอไม่ไหวและความใจร้อน
“ภูเขาเหรอ?”
พอไล่ตามมาได้สักพัก ซูเย่ก็ลดระยะห่างระหว่างเขากับชายชราขึ้นเรื่อย ๆ
อย่างไรก็ตาม เขาก็พบว่าชายชราวิ่งลึกเข้าไปในภูเขาแล้ว
ด้วยนิสัยของคนเหล่านี้แล้ว หากพวกเขาต้องการหลบหนีเอาชีวิตรอดจริง ก็คงเลือกที่จะวิ่งเข้าไปในพื้นที่อยู่อาศัยที่มีประชาชนธรรมดามากกว่า และลงมือทำร้ายชาวบ้านเพื่อดึงดูดความสนใจ แต่ทำไมถึงได้เลือกวิ่งเข้าหุบเขาที่ไร้ตัวช่วย?
กับดัก?
ซูเย่เลิกคิ้ว พ่นลมเย้ยหยันออกมา
มีกับดักแล้วจะทำไม!
เขาพุ่งตรงผ่านป่าและภูเขาไปจนถึงหุบเขา
ชายชราที่ทำท่าวิ่งอย่างหวาดกลัวก็หยุดลงที่ตรงหุบเขา
“เข้ามาสิ!”
ชายชราหยุดยืนอยู่กลางหุบเขา ยิ้มแสดงฟันที่ดำและผุ พร้อมชี้นิ้วไปยังซูเย่
“หึหึ”
ซูเย่หัวเราะเยาะแล้ววิ่งตรงเข้าใส่
“ฮี่ฮี่……”
เมื่อเห็นว่าซูเย่มุ่งหน้าเข้ามาหาแล้ว ชายชราใช้นิ้วหัวแม่เท้าส่งแรงและกระโดดขึ้นสูง ออกจากหุบเขาไปอย่างรวดเร็ว
ซูเย่ไล่ตามไปต่อ
ในจังหวะที่กระโดดนั้นเอง
‘ซ่า!’
เสียงน้ำ ดังขึ้นในทันใด
ม่านน้ำหลายชั้นก่อตัวขึ้นจากมุมของหุบเขา ทันใดนั้นก็สานตัวกันและก่อเป็นทรงกรงนก กักขังร่างของซูเย่ไว้
“ค่ายกล?”
ซูเย่หน้านิ่วเล็กน้อย
เขาเพิ่งลองตรวจสอบอย่างละเอียดว่าไม่มีพลังปราณผันผวนจากค่ายกลใด ๆ แล้วมันก่อตัวขึ้นมาได้อย่างไร?
ในตอนนั้นเอง บนภูเขารอบ ๆ ก็ได้มีร่างมากมายปรากฏขึ้น ทุกสายตาล้วนจ้องมองดูถูกซูเย่
ซูเย่เหลือบมองกลับ
พบว่าทุกคนเป็นเพียงผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองและขั้นสาม
ทำให้ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าคนเหล่านี้จะเป็นผู้ก่อตั้งค่ายกล แม้จะมีคนเป็นสองเท่าจากที่เห็น ก็ไม่สามารถทำให้ค่ายกลเกิดขึ้นได้อย่างฉับพลัน
“แล้วค่ายกลนี้ก่อตั้งขึ้นมาได้อย่างไร?”
ซูเย่ครุ่นคิดเล็กน้อย มองไปยังชายชราบนยอดเขาภายนอกค่ายกล
มีความเป็นไปได้สามอย่าง ที่จะทำให้ก่อค่ายกลขึ้นมาได้อย่างฉับพลัน
อย่างแรกคือปรมาจารย์ด้านค่ายกล เพียงโบกมือก็สามารถตั้งขึ้นมาได้แล้ว
อย่างที่สองก็คือยันต์ที่สร้างมาจากพลังของปรมาจารย์ด้านค่ายกล เป็นยันต์ที่ซ่อนพลังของค่ายกลไว้ได้
และวิธีการสุดท้ายก็คือ เครื่องมืออาคม!
ในยุคสมัยนี้
ไม่ต้องพูดถึงปรมาจารย์ด้านค่ายกล แค่ตัวค่ายกลเองก็ถือว่าเป็นของหายาก
แม้ว่าจะยังมีสำนักที่ชำนาญในด้านค่ายกลหลงเหลืออยู่ แต่พวกเขาก็มีอยู่เพียงไม่กี่วิชา ไม่มีโอกาสที่ตัวปรมาจารย์จะคงเหลืออยู่ ดังนั้นยันต์ค่ายกลเองก็ไม่สามารถถูกสร้างขึ้นมาได้
ความเป็นไปได้สองอย่างแรกนั้น ไม่มีอีกแล้วในปัจจุบัน
จึงเหลือเพียงความเป็นไปได้ที่สาม
“นี่คือเครื่องมืออาคมเหรอ?” ซูเย่เอ่ยถาม จ้องมองไปยังชายชรา
“หือ?”
ชายชราที่ยิ้มเยาะอยู่นอกค่ายกลตกตะลึง สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย
มองกลับไปที่ซูเย่ด้วยความประหลาดใจ
“เหมือนว่าฉันจะเดาถูกนะ!” ซูเย่หัวเราะสวนและกล่าว “ถือว่าเป็นเครื่องมืออาคมที่ดี แต่น่าเสียดายที่แกไม่รู้จักวิธีใช้”
เหมือนกับเมืองยักษ์ที่ซูเย่มอบให้เจียงซาน
จำเป็นจะต้องรู้วิธีการใช้เครื่องมืออาคม เพื่อที่จะให้มันสำแดงพลังออกมาได้เต็มที่
เครื่องมืออาคมชิ้นนี้มีพลังของค่ายกลที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง พลังวิญญาณที่บรรจุอยู่ในตัวเครื่องมือ ก็คงจะทรงพลังอย่างมากเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม หากดูจากสถานการณ์ในตอนนี้
ค่ายกลกลับทำได้เพียงล้อมรอบกักขังเอาไว้
เหตุผลนั้นง่ายมาก
ชายชรารู้จักเพียงวิธีเปิดใช้งานเครื่องมืออาคม และไม่รู้วิธีการควบคุมค่ายกล จึงสามารถใช้เป็นกรงขังได้เพียงอย่างเดียว
“เด็กน้อยเอ๋ย จะตายอยู่แล้วยังจะพูดมากอีก! โชคดีนะ ที่ฉันเตรียมการรับมือเอาไว้ ผู้คนเหล่านี้และกับดัก ล้วนเตรียมเอาไว้ให้แกโดยเฉพาะเลย! ยอมรับชะตากรรมเสียเถอะ!”
ชายชราจ้องมองซูเย่และหัวเราะเยาะออกมา
“ทั้งหมดนี่ เพื่อเอาชีวิตฉันเหรอ?” ซูเย่ยิ้มและก้าวเดินขึ้นไปหาชายชราที่อยู่บนยอดเขา ระยะห่างจากตัวของทั้งสองเกินกว่าสิบเมตร และมีม่านน้ำที่กั้นอยู่ จากนั้นกล่าวต่อ “น่าขันสิ้นดี!”
“ฮ่าฮ่า” ชายชราหัวเราะสวน “นี่แหละคือจุดมุ่งหมายของค่ายกล มันจะไม่มีทางหยุดตราบใดที่ฉันไม่เป็นฝ่ายปิดเอง แกจะไม่มีทางออกมาได้ แม้แต่ฉันก็ฆ่าแกไม่ได้ แกจะต้องเน่าตายอยู่ในนั้น ฮ่าฮ่าฮ่า……เฮือก?”
เสียงหัวเราะหยุดลงไปอย่างกระทันหัน
เขาจ้องมองภาพตรงหน้าตาเขม็ง
นี่มันอะไร?
ซูเย่เดินฝ่าม่านน้ำออกมาโดยตรงอย่างง่ายดาย
แค่เดินออกมา!
เป็นไปได้อย่างไร!
พอผ่านม่านน้ำมาได้ ระยะห่างระหว่างทั้งสองก็ลดเหลือน้อยกว่าสิบเมตร ใบหน้าของชายชราแข็งทื่อไป
ซูเย่ยิ้มเยาะใส่ชายชราและกล่าว “แกนี่มันโง่เขลา”
“แก แก……”
ชายชราตะลึงงันไป จากนั้นหน้าของเขาเปลี่ยนอีกครั้ง และตะโกนออกมาทันที
“ฆ่ามัน!”
ทันใดนั้น หลายสิบร่างที่อยู่ทั่วภูเขาก็วิ่งเข้าล้อมหาซูเย่จากทุกทิศทางอย่างบ้าคลั่ง
“หนึ่งแสงคมดาบปราบสิบสี่รัฐ!”
แสงดาบทรงกางเขนส่องสว่างขึ้นกลางค่ำคืนอันมืดมิด
พลังปราณแสนรุนแรงระเบิดออก
ผู้คนหลายสิบที่วิ่งเข้าใส่เมื่อสักครู่ โดนแรงระเบิดและตายไป!
ซูเย่มองหาชายชราอีกครั้ง แต่กลับพบว่าอีกฝ่ายหายไปจากจุดที่ยืนอยู่เมื่อครู่นี้แล้ว
“แม่งเอ๊ย เด็กนี่มันเชี่ยอะไรวะ?”
“ทำไม?”
“ทำไมมันถึงเดินออกมาได้อย่างนั้น?”
ชายชราวิ่งหน้าตั้งอีกครั้ง พึมพำกับตัวเองตลอดทาง
แรกเริ่ม
เมื่อเด็กนั่น ซูเย่ เดาถูกว่าค่ายกลก่อขึ้นมาจากเครื่องมืออาคม เขาก็ตกใจมากพอแล้ว
ทั่วทั้งโลก ไม่ควรจะมีบุคคลที่สองนอกจากเขา ที่รู้ว่าเขาถือครองเครื่องมืออาคมสำหรับใช้ก่อค่ายกล แม้แต่องค์กรเองยังไม่รู้ เพราะเขาได้มาโดยบังเอิญ!
แต่เด็กนี่
แค่ใช้ตาสำรวจ ก็เดาออกมาได้!
“เด็กเวรนี่มันมาจากไหน!”
ชายชรากล่าวออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว
หากโชคดีเดาถูกเฉย ๆ ก็ไม่เท่าไร แต่การที่เดินออกมาจากค่ายกลได้ โดยที่ไร้ร่องรอยบาดแผลนี่สิ เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้
นั่นเป็นถึงวิชาค่ายกลโบราณ ค่ายกลที่ใช้พลังเก่าแก่สุดทรงพลัง กักเก็บอยู่ในเครื่องมืออาคม
ซูเย่ก็เป็นแค่เด็ก เขาทำแบบนั้นได้อย่างไร?
ยิ่งลองคิดมากเท่าไร ก็ยิ่งประหลาดใจมากเท่านั้น
“และดาบนั่นอีก!”
ชายชราพลันนึกถึงเหตุการณ์หน้าทางเข้าโรงแรม ที่ดาบของซูเย่ระเบิดออก
กระบวนดาบเช่นนั้น เขาไม่เคยเห็นหรือเคยได้ยินมาก่อน
พลังของมันเองก็น่าเหลือเชื่อ
และแล้ว เขาจึงเข้าใจแล้วว่าทำไมเด็กคนที่ชื่อซูเย่ ถึงได้มีชื่อเสียงโด่งดังทั้งในดินแดนภูผามหานทีและโลกแห่งความเป็นจริง เพราะเด็กนี่มันสัตว์ประหลาดชัด ๆ!
คราวนี้ยิ่งเขาลองคิดมากเท่าไร ก็ยิ่งกระวนกระวายมากเท่านั้น
ระหว่างที่กำลังวิ่งหน้าตั้งอยู่ เขาหันหลังกลับไปมอง
พบว่าซูเย่ยังตามมาไม่ทัน เขาจึงถอนใจด้วยความโล่ง ทว่าก็ยังไม่กล้าลดความเร็วลงแม้แต่น้อย
และเมื่อเขาคิดว่าสลัดซูเย่พ้นแล้ว ก็เริ่มคิดว่าจะหยุดพักและหลบซ่อนตรงไหน แต่กลับมีเสียงแหวกอากาศอันคุ้นเคยดังเข้าหูของเขาอีกครั้ง
“แกนี่ไม่สนใจความเป็นความตายลูกน้องเลยสินะ!”
เสียงของซูเย่ดังขึ้น
ชายชราสั่นไปทั้งร่าง หันกลับไปอย่างรวดเร็ว
ไม่รู้ว่าเป็นไปได้อย่างไร แต่ซูเย่ก็ตามติดเขาเข้ามาใกล้แล้ว
รวดเร็วมาก
เหมือนกับเสือชีตาร์ที่วิ่งอยู่กลางป่า เหมือนกับดวงวิญญาณยามค่ำคืน ยิ่งใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ
ทันใดนั้นสีหน้าของชายชราก็บิดเบี้ยวน่าเกลียด
ในเมื่อหนีไม่ได้ ก็ต้องสู้!
อีกฝ่ายก็แค่ขั้นสี่ระดับสาม!
สายตาส่องประกายความดุดันออกมา
เขาเลือกสภาพแวดล้อมที่น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับเขาและหยุดลง มองกลับไปหาซูเย่ด้วยสายตาเย็นชาพร้อมกล่าว “พวกมันก็แค่ขยะ แมลงไร้ค่า ตายแล้วจะอย่างไร เพราะฉันก็คือคนเหนือคน!”
ซูเย่ไม่ได้หยุดตาม
เขากระโดดพุ่งใส่ชายชราโดยตรง
“แกพูดอย่างนั้นก็สมควรตาย”
ดาบพลังปราณในมือของซูเย่ สะบัดเข้าหาร่างของชายชรา
“เด็กน้อย ฉันแนะนำให้เธอหนีไปจะดีกว่า” ชายชราหลบไปได้อย่างง่ายดาย และกล่าวสวนกลับ “แกมันก็แค่ขั้นสี่ระดับสาม ส่วนฉันน่ะขั้นห้าระดับห้า อยากตายมากเหรอ?”
“แกเพิ่งอยากจะฆ่าฉันไม่ใช่เหรอ?” ซูเย่หัวเราะเยาะออกมา “แล้วทำไม จู่ ๆ ถึงจะมาบอกให้ฉันหนีไปล่ะ?”
“ฉันอยากไปฆ่าแกตอนไหน?” ชายชราเอ่ยถามด้วยความโกรธ
“พูดอย่างกับเป็นห่วงฉันมากแหละ ก่อนหน้านี้ยังส่งคนมาล่อฉันไปฆ่าอยู่เลยไม่ใช่เหรอ?” ซูเย่สวนพร้อมยิ้ม
“ก็ใช่ แต่สุดท้ายฉันไม่ได้ทำร้ายแกเลยสักนิด กลับไปเถอะ แล้วฉันจะทำเป็นว่าวันนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น” ชายชรายังคงพยายาม
“ถึงแกไม่อยากฆ่าฉัน แต่ฉันอยากฆ่าแก!” ซูเย่ยิ้มกว้างออกมา ทำให้เห็นฟันขาวทั่วทั้งปาก
ดาบปราณในมือโบกสะบัด
“หนึ่งแสงคมดาบปราบสิบสี่รัฐ!”
กระบวนดาบที่หนึ่งสำแดงฤทธิ์
พลังปราณแสนรุนแรงจากดาบระเบิดออก โดยไม่ให้ชายชราได้ทันตั้งตัว เป่าอีกฝ่ายให้กระเด็นไปไกลกว่าสิบเมตร
ในขณะเดียวกัน
ซูเย่ยังคงตามไปโจมตี
ดาบปราณในมือส่งพลังออกมาปกคลุมไปทั่วทั้งร่างกาย เสริมเข้ากับแรงพุ่งทำให้มีพลังทำลายล้างสูง ตรงเข้าไปหายชายชรา
“ราชันน้อยแปดเครื่องสังเวย!”
ชายชราคำรามออกมา พร้อมกระตุ้นพลังปราณทั่วทั้งร่าง
ทันใดนั้นก็ก่อรูปร่างขึ้นมาเป็นโล่อยู่เบื้องหน้าเขา
“ปัง!”
เกิดการกระทบกันระหว่างดาบในมือของซูเย่และโล่ตรงหน้าของอีกฝ่าย
‘แกรก’
ตามมาด้วยเสียงร้าว
ภายใต้แรงกระแทงสุดแสนทรงพลังของซูเย่ ชั้นพลังงานโล่ของอีกฝ่ายจึงเริ่มร้าวและแตกออก
แม้ว่าโล่จะต้านทานเอาไว้ได้ แต่ร่างของชายชราค่อย ๆ ถูกผลักถอยไปซ้ำแล้วซ้ำอีก
“แก รนหาที่ตายเองนะ!” ชายชรากล่าวออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว
เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าดาบปราณในมือของซูเย่นั้นมีพลังปราณล้อมรอบอยู่อย่างหนาแน่น
ซูเย่กำลังจะใช้กระบวนดาบเดียวกับที่เคยใช้ไปตรงทางเข้าโรงแรม
ชายชราตัดสินใจกระโดดถอยหลังกลับมาอีกกว่าสิบเมตร
และรีบดึงกล่องใส่เข็มฉีดยาจากในกระเป๋ากางเกงออกมา
ภายในเข็มฉีดยามีของเหลวสีเขียวบรรจุอยู่ ดูเหมือนเป็นพิษ
“ตายซะไอ้หนู!”
ชายชราตะโกนออกมาอย่างเดือดดาล
เขารีบเปิดกล่องออก นำเข็มปักแขนตัวเอง และฉีดสารชีวภาพสีเขียวในหลอดฉีดยาทั้งหมดเข้าสู่ร่างกาย
“อ๊าก.…..”
ชายชราใบหน้าบิดเบี้ยว กรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
กล้ามเนื้อทั่วทั้งร่างกายเกร็งแข็ง และกระตุกขึ้นลงอย่างต่อเนื่อง
ซูเย่มองภาพตรงหน้าอย่างประหลาดใจ
ไม่กี่วินาทีต่อมา
สภาพร่างกายของชายชราเริ่มทรงตัว และพลังปราณทั้งร่างของเขาก็พวยพุ่งแบบก้าวกระโดด!
จากขั้นห้าระดับห้า กลายเป็นขั้นหก!
สีหน้าของซูเย่กลายเป็นนิ่งเฉย ตัดสินใจโจมตีอย่างเด็ดขาด!
“อานสีเงินสะท้อนภาพอาชาขาว พุ่งทะยานดุจดั่งดาวตก!”
เสียงสุดแสนเยือกเย็นของซูเย่ดังออกมาจากลำคอ
แสงสีเงินส่องสว่างขึ้นมาจากดาบ เสมือนมังกรที่บินขึ้นจากสมุทร ความเร็วดุจดั่งสายฟ้า ในพริบตาก็ปรากฏอยู่หน้าของอีกฝ่าย
ชายชราที่เพิ่งได้รับสารชีวภาพสีเขียว ร้องคำรามขึ้นมาในทันที พร้อมกับกระตุ้นพลังปราณทั่วทั้งร่างกาย พยายามต้านทานการโจมตีของซูเย่
‘ปัง!’
เสียงกระแทกดังขึ้น
เขาต้านทานไว้ได้
ดาบของซูเย่ถูกป้องกันเอาไว้
พลังปราณแสนรุนแรงของดาบ ที่สามารถผ่าอีกฝ่ายออกเป็นสองท่อนได้ กลับถูกต้านทานไว้
แม้ว่าร่างจะไม่ได้ถูกผ่า แต่แรงกระแทกอันน่าสะพรึงจากพลังปราณของดาบ ก็ส่งอีกฝ่ายกระเด็นลอยออกไป
และพลังปราณทั้งหมดที่เขานำมาใช้ป้องกันก็สลาย
‘ตุบ!’
จังหวะที่ร่างหล่นกระแทกลงกับพื้น ชายชราก็ดูท่าว่าจะได้รับบาดเจ็บหนัก เขาอ้าปากกระอักเลือดออกมากองโต จ้องมองซูเย่ด้วยสายตาหวาดกลัว
เขาไม่อาจเข้าใจได้เลย ว่าทำไมถึงเป็นเช่นนี้!
เขาแน่ใจว่าตัวเองได้ฉีดสารชีวภาพเข้าไปแล้ว และได้รับพลังของขั้นหกมาอย่างแน่นอน แม้จะเป็นเพียงเวลาอันสั้น แต่ก็เป็นความแข็งแกร่งของขั้นหกที่แท้จริง
ทำไมเขาจึงเอาชนะเด็กคนนี้ไม่ได้?
“หากต้องพึ่งสิ่งของภายนอก มันก็ไม่ใช่พลังที่แท้จริงหรอก ถ้าหากว่าเป็นขั้นหกที่แท้จริงล่ะก็ ฉันคงวิ่งหนีไปนานแล้ว”
ซูเย่ยิ้มเยาะ และเดินหน้าเข้าไปหา
พอเห็นว่าซูเย่ก้าวเดินใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ สีหน้าของชายชราก็เปลี่ยนไป
สายตาของเขาแสดงความรู้สึกบางอย่างออกมา
ดิ้นทุรนทุรายด้วยความวิตกกังวล ลุกขึ้นมานั่งและวางมือทั้งสองลงบนพื้น จนถึงขั้นที่ว่าส่ายหัวไปมาร้องขอชีวิต “ไม่ ไม่ อย่าฆ่าฉัน”
“ขอแค่ไว้ชีวิตฉัน ฉันจะบอกทุกอย่างที่เธอต้องการ ฉัน…. ฉันจะยอมเป็นหมารับใช้ของเธอ!”