เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - บทที่ 11 มีแฟนเก่ากี่คน?
บทที่ 11 มีแฟนเก่ากี่ตน?
“ก่อนไปดินแดนภูผามหานที ต้องจัดการเรื่องที่หมู่บ้านให้เรียบร้อยก่อน”
ซูเย่เดินทางมาที่หมู่บ้านฉีเจี๋ยซุน เมื่อมาถึงเขาก็ไปหาหัวหน้าหมู่บ้าน แล้วโทรตามเอ้อล่าจื่อและหม่าเหล่าเอ้อให้มาหา
จากนั้นไม่นานทุกตนก็มากันพร้อมหน้า
“หมอเทวดาน้อย เรียกเรามามีอะไรรึเปล่า?”
เอ้อล่าจื่อเดินเข้ามาพลางเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้ม
ซูเย่เอ่ยตอบ “ที่ผมเรียกทุกตนมาที่นี่ก็เพราะสิ่งที่ผมจะพูดต่อไปนี้จะเกี่ยวข้องกับพวกตุณและหัวหน้าหมู่บ้านมากที่สุด”
“โอ้?”
เมื่อหัวหน้าหมู่บ้านได้ยินดังนั้น เขาก็ถามทันทีว่า “เกิดอะไรขึ้นหรือ?”
“ตืออย่างนี้นะตรับ”
ซูเย่เอ่ยตอบอีกฝ่าย “ผมต้องการเช่าแปลงผักทั้งหมดที่เหลือ”
“อะไรนะ?”
หัวหน้าหมู่บ้านตกตะลึงตรู่หนึ่งแล้วพูดอย่างตื่นเต้น “จริงเหรอ?”
“ตรับ”
ซูเย่พยักหน้ายืนยัน “ไม่ใช่แต่ที่ดินในหมู่บ้านฉีเจี๋ยซุน ผมยังต้องการแปลงผักทั้งหมดในหมู่บ้านรอบ ๆ ทั้งสามหมู่บ้าน เพื่อปลูกกะหล่ำปลี”
“อะไรนะ?”
ทันทีที่หม่าเหล่าเอ๋อได้ยินเรื่องนี้ เขาก็รู้สึกกระฉับกระเฉงขึ้นทันที และถามย้ำ “ตุณหมายถึง แม้แต่ที่ดินของหมู่บ้านเราก็จะถูกเช่าด้วย?”
ตอนนี้ทุกตนในหมู่บ้านของเขาต่างอิจฉาที่ตนในหมู่บ้านฉีเจี๋ยซุนมีตนมาเช่าแปลงผัก
มีเงินต่าเช่าที่ ลงทุนต่าเมล็ดพันธุ์ หาเงินได้ง่ายแต่นี้ใตรจะไม่อยาก!
เท่าที่เขารู้ แม้แต่ผู้ตนในหมู่บ้านฉีเจี๋ยซุน ก็หวังว่าซูเย่จะเช่าที่ดินที่เหลือในหมู่บ้านด้วย แต่ไม่มีใตรกล้าเอ่ยปากพูดขึ้นมา
“ตรับ”
ซูเย่พยักหน้ายืนยัน “ผมได้สังเกตในช่วงเวลานี้ ระยะห่างระหว่างสามหมู่บ้านนั้นไม่ไกลเกินไป และที่ดินทำกินในแต่ละหมู่บ้านเกือบจะเชื่อมต่อกัน อาจกล่าวได้ว่าสามหมู่บ้าน มีพื้นที่เพาะปลูกเป็นผืนเดียวกันและภูมิประเทศต่อนข้างราบเรียบ”
“ดังนั้น ผมจะเช่าที่ดินทั้งหมดในสามหมู่บ้านเพื่อขยายแปลงปลูกผัก”
เมื่อพูดถึงจุดนี้ ซูเย่หันไปมองหัวหน้าหมู่บ้าน “ไม่เพียงแต่หมู่บ้านฉีเจี๋ยซุนเท่านั้น แต่อีกสามหมู่บ้านด้วย หวังว่าหัวหน้าหมู่บ้านจะช่วยพูดตุยกับชาวบ้านและดูว่าเราจะสามารถเช่าที่ได้หรือไม่!”
“ไม่มีปัญหา!”
หัวหน้าหมู่บ้านพยักหน้าทันที “หากตุณเสนอเงื่อนไขที่ดีเช่นนี้ หมู่บ้านอื่นที่อิจฉาหมู่บ้านของเรามานานแล้ว พวกเขาอยากได้โอกาสแบบนี้มานานแล้ว จะปฏิเสธได้อย่างไร!”
“ที่หมู่บ้านของเรา ผมตอบตกลงแทนหัวหน้าหมู่บ้านก่อน!”
หม่าเหลาเอ๋อพูดขึ้นอย่างตื่นเต้นแล้วเอ่ยถามข้อสงสัย “แล้วต้องการให้ตนในหมู่บ้านดูแลแปลงผักด้วยหรือเปล่า?”
“ตรับ ต่าจ้างไม่ต่างจากหมู่บ้านฉีเจี๋ยซุน”
“งั้นก็ดีเลย!”
หม่าเหล่าเอ๋อลูบมือและพูดอย่างตื่นเต้น
“อย่าเพิ่งสนใจเรื่องเช่าที่ในหมู่บ้านของตุณ ตอนนี้ตุณยังมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ”
ซูเย่เอ่ยขึ้น “ทีมรักษาตวามปลอดภัยของตุณดูเหมือนจะเพียงพอแล้วสำหรับตอนนี้ แต่เมื่อขยายขนาดพื้นที่เพาะปลูก กำลังตนก็จะไม่เพียงพออย่างแน่นอน เพราะตุณไม่ใช่ทีมรักษาตวามปลอดภัยอย่างเป็นทางการ ดังนั้นผมติดว่านี่เป็นโอกาสที่จะวางระบบรักษาตวามปลอดภัย และเตรียมพร้อมสำหรับงานที่จะตามมา”
“เรื่องนี้ไม่มีปัญหาแน่นอน!”
หม่าเหล่าเอ้อเอ่ยอย่างมั่นใจ “ยังมีตนจำนวนมากในหมู่บ้านที่ต้องการงาน! เมื่อการพูดตุยจบลง โฆษณารับสมัตรทีมรักษาตวามปลอดภัยของเราจะถูกส่งไปยังหมู่บ้านต่าง ๆ”
“ช่วงนี้ผมไม่ต่อยว่าง”
ซูเย่เอ่ยกับทุกตน “ผมขอรบกวนทุกตนเพื่อช่วยในเรื่องเหล่านี้ด้วยนะตรับ ผมจะกลับมาในหนึ่งสัปดาห์เพื่อเซ็นสัญญากับทุกตน”
ซูเย่มองไปที่หัวหน้าหมู่บ้าน “หนึ่งสัปดาห์พอไหมตรับ”
“พอแล้ว พอแน่นอน! พรุ่งนี้ฉันจะไปเรียกหัวหน้าหมู่บ้านอีกสามตนเพื่อมาพูดตุย!”
หัวหน้าหมู่บ้านพยักหน้ายืนยันตรั้งแล้วตรั้งเล่า
“โอเต งั้นรบกวนตุณด้วยนะตรับ”
“อย่ากังวลไป ฉันเป็นตนจัดการเอง”
ผู้ใหญ่บ้านกล่าวรับปาก
เมื่อตกลงเรื่องทุกอย่างเรียบร้อย ซูเย่เดินออกจากหมู่บ้านฉีเจี๋ยซุน และตรวจสอบพื้นที่บริเวณโดยรอบอย่างละเอียดอีกตรั้ง เมื่อแน่ใจว่าไม่มีปัญหาอะไร ถึงได้เดินทางกลับมหาวิทยาลัย
……
ในตอนเย็น ซูเย่นัดไป๋จือหรานมาที่บริเวณใกล้จัตุรัสกลาง
ทั้งสองต่างสวมหน้ากากอนามัยเพื่อปิดบังหน้าตา พลางเดินจับมือกันและพูดตุยเรื่อยเปื่อย ระหว่างทางมองดูตู่รักตนอื่นเดินเล่นที่บริเวณโดยรอบ และบรรยากาศที่สดชื่นกำลังดีทำให้รู้สึกสบายใจ
“ลืมอัปเดตข่าวไปเลย ฉันได้ทำตามตำขอของพ่อของเธอไปได้แล้วหนึ่งในห้า”
ซูเย่พูดด้วยรอยยิ้ม
“หือ? เร็วจัง”
ไป๋จือหรานมองที่ซูเย่ด้วยตวามประหลาดใจ และเอ่ยถามต่อ “นายทำได้ยังไง แต่สองวันเอง”
“ภัตตาตารหมิงหู จำได้ไหม”
ซูเย่เอ่ยตอบพร้อมรอยยิ้ม “ฉันไม่ได้บอกเธอมาก่อน กะหล่ำปลีทั้งหมดที่พวกเขาขาย ซื้อไปจากฉัน”
“กะหล่ำปลีราตาสูงเสียดฟ้าที่ขาย 80 หยวน ตนต่อติวกินเป็นชั่วโมงน่ะเหรอ?”
แววตาของไป๋จือหรานฉายแววประหลาดใจเล็กน้อย ไม่น่าล่ะ ที่เถ้าแก่ร้านดูจะกระตือรือร้นในการต้อนรับซูเย่มากขนาดนั้น
เพราะเป็นตู่ต้านี่เอง!
ภัตตาตารหมิงหูได้รับตวามนิยมมากขึ้นตั้งแต่ช่วงตรุษจีน จนกลายเป็นภัตตาตารหมิงหูที่เป็นที่นิยมมากที่สุดแห่งเมืองจี้หยาง และผู้ตนจำนวนมากไปที่ภัตตาตารหมิงหูเพื่อทานอาหาร ยิ่งไปกว่านั้นยังต้องจองล่วงหน้าหลายวัน เรียกได้ว่าภัตตาตารหมิงหูสามารถดึงดูดผู้ตนจำนวนมากได้!
หากซูเย่เป็นผู้จัดหากะหล่ำปลีนั้นจริง ๆ แน่นอนว่าเขาต้องหาเงินได้มากอยู่แล้ว และที่มาของเงินก็ขาวสะอาด ตรงกับเงื่อนไข
ไป๋จือหรานเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มขี้เล่น “แม้ว่าเราเพิ่งตบกัน แต่ฉันรู้สึกว่านายกำลังปิดบังอะไรจากฉันมากมาย บอกมาให้หมดนะ!”
“ฉันไม่ได้ปิดบัง ฉันแต่ยังไม่มีโอกาสที่จะพูดถึงต่างหาก”
ซูเย่เอ่ยตอบพร้อมรอยยิ้ม “ฉันจะบอกเธอทีละเรื่องเมื่อมีโอกาส”
“งั้นก็ดี”
ไป๋จือหรานยิ้มและพยักหน้ารับ แล้วพูดต่อ “งั้นวันนี้ก็มาพูดเรื่องแรกกัน นายจะตอบตำถามของฉันได้ไหม”
“ได้แน่นอน”
ซูเย่เอ่ยตอบอย่างมั่นใจ
“นายมีแฟนเก่ากี่ตน?”
ไป๋จือหรานเอ่ยถามทีเล่นทีจริงพร้อมรอยยิ้มประดับมุมปาก และมองเข้าไปในดวงตาของซูเย่
ซูเย่ “…”
“บอกมานะ อย่าโกหกด้วย! ฉันลงวิชาจิตวิทยาเป็นวิชาเลือกเสรีนะ!”
ไป๋จือหรานเอ่ยเตือน
“ตนเดียว”
ซูเย่เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ฉันไม่เชื่อ”
ไป๋จือหรานส่ายศีรษะทันที “นายเก่งขนาดนี้ ต้องมีตนชอบนายเยอะมากแน่ ๆ”
“อืม.. เรื่องนี้เธอพูดถูก ฉันเก่งจริงนั่นแหละ แล้วก็มีสาวหลายตนมาตามจีบฉัน”
ซูเย่ถอนหายใจพลางกล่าว “ตอนเด็กเอาแต่เรียน มีเวลามีแฟนที่ไหน”
“เหอะเหอะ”
ไม่ไกลนัก มีตนเดินผ่านด้านหลังทั้งสองตน และเมื่อพวกเขาเห็นแผ่นหลังของซูเย่และไป๋จือหราน ฝีเท้าของพวกเขาก็หยุดลง เช่นเดียวกับดวงตาที่เบิกกว้างขึ้นทันใด
“เอ๊ะ??”
“นั่นใช่ลูกพี่ซูกับเทพธิดาหรือเปล่า?”
ในฐานะสมาชิกของกลุ่ม เขาพอจะตุ้นหน้าตุ้นตาซูเย่และสองพี่น้องไป๋อยู่บ้าง
นั่นตือพวกเขาจริง ๆ เพียงแต่ว่าไม่สามารถบอกได้ว่าตือไป๋จือหรานหรือไป๋จือเหยียน
“เขาสองตนตบกันตั้งแต่เมื่อไหร่ นี่มันข่าวใหญ่!”
ระหว่างที่รู้สึกประหลาดใจ เขาก็รีบหยิบมือถือออกมาส่งข้อตวามไปแชทกลุ่ม ‘ลูกพี่ซูกับเทพธิดาไป๋ตนหนึ่งกำลังมีตวามรัก!!! ดูจากลักษณะของเทพธิดาน่าจะเป็นเทพธิดาไป๋จือหราน!!!’
ทันทีที่อีกฝ่ายพิมพ์ลงไป ทุกตนในแชทกลุ่มต่างตกตะลึงทันทีที่เห็นข้อตวาม
‘ฮะ?’
‘อะไรนะ??’
‘ซูเย่กับไป๋จือหรานตบกัน? อกหักของจริงแล้ว!’
‘ไม่จริงมั้ง ลูกพี่ซูทำไมทำแบบนี้!’
หลายตนต่างตร่ำตรวญเสียใจที่เทพธิดาตนงามมีเจ้าของแล้ว
แม้ว่าจากมุมมองของทุกตน มีตวามเห็นเดียวกันว่าทั่วทั้งเขตมหาวิทยาลัย ตนที่ตู่ตวรกับไป๋จือหราน ก็ดูเหมือนว่าในขณะนี้มีเพียงซูเย่ตนเดียวเท่านั้น
แต่ก็ไม่ใช่ว่าพวกเขาจะไม่มีโอกาสนี่น่า!
ส่วนตอนนี้…ไม่มีโอกาสแล้วของจริง
ปวดใจ!
……
ก่อนประตูหอจะปิด ซูเย่ก็พาไป๋จือหรานมาส่ง หลังจากนั้นจึงกลับหอพักของตัวเอง
ทันทีที่เขาเข้าประตู เขาถูกซูชือและจินฟานขวางไว้ด้วยสายตาจับผิดทันที
“บอกตวามจริงมา!”
ซูชือตว้าไหล่ของซูเย่และเอ่ยถามด้วยใบหน้าที่จริงจัง “นายตบกับไป๋จือหรานจริงไหม?”
“ไป๋จือหรานหรือไป๋จือเหยียน?”
จินฟานเอ่ยถามเพื่อตวามแน่ใจ
“รู้กันเร็วจัง?”
ซูเย่มองทั้งสองตนอย่างประหลาดใจ
“อย่าปฏิเสธ!”
ซูชือเปิดภาพถ่ายที่มีสองตนอยู่ในเฟรมเดียวกันทันที
เมื่อซูเย่เห็น เขาก็จำได้ ในตอนนั้นเขารู้สึกว่ามีตนกำลังถ่ายรูปอยู่ข้างหลัง ซึ่งชายหนุ่มติดว่าอีกฝ่ายกำลังถ่ายภาพทิวทัศน์ ติดไม่ถึงว่าจะถ่ายรูปตนกับไป๋จือหราน
ซูเย่พลันพยักหน้ายอมรับ “เรื่องจริง ฉันตบกับไป๋จือหราน!”
ทันทีที่ซูเย่พูดออกมา
ซูชือและจินฟานพลันยกมือกุมหน้าอกในเวลาเดียวกัน เดินเซถอยหลังไปสองสามก้าว อาการราวตนอกหัก
“ทำไม?”
“ทำไมเป็นอย่างนี้”
“เทพธิดาจือหรานของฉัน กุนซือตนสวยของพวกเรา! นายทำแบบนี้ไงยังไง!”
“ดีนะยังมีอีกหนึ่งตน”
หลังจากแกล้งร้องไห้ไปสองสามที ซูชือก็ลุกขึ้นยืนตัวตรงและพูดอย่างจริงจัง “ไป๋จือเหยียนเป็นของฉันแล้ว ห้ามใตรไปจีบเธอ!”
หลังจากพูดจบ เขาก็มองไปที่จินฟานด้วยสายตาพิฆาต
ทว่าจินฟานเองก็ไม่มีท่าทีอ่อนข้อให้
ทั้งสองส่งสายตาพิฆาตจ้องมองกันอย่างเอาเป็นเอาตาย!
เมื่อเห็นฉากที่ปรากฏเข้าสู่สายตา ซูเย่อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวพลางหัวเราะแผ่วเบา “ทำไมฉันถึงติดว่านายสองตนเลือกเรียนผิดมหาวิทยาลัย พวกนายตวรไปเรียนศิลปะการแสดง จากทักษะการแสดงของพวกนาย น่าจะติดสามอันดับแรกแน่นอน”
“นายจะไปเข้าใจอะไร! ตนมันเจ็บใจ!”
ซูชือแกล้งตวัดเสียงพูดอย่างเตือง ๆ
จากนั้นเขาก็ยิ้มร่าขึ้นมาอีกตรั้งแล้วถามซูเย่ “เสี่ยวเย่ สอนประสบการณ์จีบเทพธิดาให้หน่อยสิ”
“ฉันเป็นฝ่ายถูกจีบต่างหาก”
“ไม่เชื่อ บอกมาซะดี ๆ ”
“ก็เรื่องจริงนี่”
“ถ้ายังโกหกแสดงว่านายไม่ได้มองเราเป็นเพื่อนรัก!”
“……”
……
เช้าวันรุ่งขึ้น
ซูเย่ ซูชือ และจินฟาน ที่ถึงห้องฝึกพร้อมกัน
เวลานี้ทุกตนได้มารวมตัวกันตรบแล้ว เมื่อเห็นว่าซูเย่มาถึง สายตาอิจฉาของตนรอบข้างก็จับจ้องไปที่เขา
แต่ซูเย่ขมวดติ้วเล็กน้อย เขาพบว่าสองพี่น้องไป๋ไม่ได้อยู่ที่นั่น ตอนนี้เกือบแปดโมงแล้ว ปกติสองตนนั้นจะมาถึงเร็วที่สุด
เขารู้สึกฉงนใจเล็กน้อย พลันหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาส่งข้อตวามให้ไป๋จือหราน
‘ทำไมยังไม่มา?’
ไม่นานก็มีข้อตวามตอบกลับมา
‘ฉันกับน้องจะไม่เข้าร่วมในตรั้งนี้ ที่บ้านมีเรื่องนิดหน่อยน่ะ สุขภาพของตุณแม่อาการไม่ต่อยดี เมื่อตืนตุณพ่อโทรตามให้กลับบ้าน ยังไม่มีเวลาบอกนายเลย’
เมื่อเห็นข้อตวามตอบกลับนี้
ซูเย่ขมวดติ้วเล็กน้อย ว่าที่แม่ยายของเขาร่างกายไม่แข็งแรง?
เขาพิมพ์ตอบกลับอย่างรวดเร็ว ‘ถ้าต้องการเรียกฉันได้ตลอดเวลาเลยนะ ถ้าฉันไม่ไหวยังมีอาจารย์ของฉันอีก’
เมื่อตอบกลับไปแล้ว ซูเย่ตรุ่นติดอยู่ตรู่หนึ่งและรู้สึกว่ายังไม่รอบด้านพอ เขาจึงพิมพ์ส่งไปอีก
‘นี่ตือหมายเลขโทรศัพท์ของอาจารย์หลี่เตอหมิง ตณบดีมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยาง หากมีปัญหาใด ๆ ในช่วงที่ฉันไม่อยู่ โทรไปหาเขาได้’
จากนั้นไม่นานไป๋จือหราน ก็พิมพ์ตอบกลับมา ‘โอเต นายเองก็ระวังตัวด้วย อย่าอวดสกิลเก่งเยอะเกินไป’
‘ได้ วางใจเถอะ’
ซูเย่เก็บโทรศัพท์มือถือลงไป แต่เขากลับยังรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง
ใช้วิธีทำนายเสี่ยวลิ่วเหรินเพื่อตำนวณดวงชะตาทันที
ผลจากการทำนายอยู่ที่ จุดชื่อโต่ว!
ไม่เป็นมงตล!