เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - บทที่ 112 ซูเย่ประลองในนามตัวแทนเจ็ดวิชา!
บทที่ 112 ซูเย่ประลองในนามตัวแทนเจ็ดวิชา!
“อยู่นี่จริง ๆ ด้วย”
เมื่อได้ยินเสียงสนทนา ซูเย่หัวเราะเย็น ๆ และก้าวไปข้างหน้า
เขากำลังจะลงมือ ทว่าเท้าที่ก้าวออกไปชะงัก
ทันใดนั้นชายหนุ่มก็รู้สึกว่าฆ่าพวกเขาไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุด
ในเมื่อรู้แล้วว่าที่นี่คือจุดรวมพลขององค์กรกองทุนต่างประเทศ รอเวลาตกปลาใหญ่ไม่ดีกว่าเหรอ?
คลำทางผ่านกองทุนต่างประเทศจะได้ข้อมูลขององค์กรคนเหนือคนมาแน่ ๆ
หลังจากจุดรวมพลองค์กรคนเหนือคนในมณฑลเหอหนานโดนกวาดล้างหมดแล้ว พวกเขาต้องติดต่อกับเบื้องบนของตัวเองแน่ ๆ แล้วเบื้องบนก็จะติดต่อกับองค์กรคนเหนือคน
องค์กรคนเหนือคนค่อยติดต่อกับจุดรวมพลมณฑล
ถึงตอนนั้นจุดรวมพลของกองทุนและคนเหนือคนไม่ยิ่งเผยให้เห็นมากขึ้นหรือ?
ซูเย่แสยะยิ้มมุมปาก
“ตามหาจุดรวมพลองค์กรคนเหนือคนให้มากกว่านี้ ถึงตอนนั้นไม่แน่ว่าจะเจอบทอื่น ๆ ของ ‘จารึกวิญญาณปฐมปราณ’ ในจุดรวมพลอื่น ๆ ก็เป็นได้”
เขาหันหลังเดินลงไปโดยไม่ลังเล
รออยู่ในหลืบลับตาคนอยู่สิบกว่านาที ชายหนุ่มถึงเห็นทั้งสามคนลงมา
ซูเย่ยืนอยู่ตรงทางแยกฝั่งตรงข้าม แอบถ่ายรูปทั้งสามคนไว้ ก่อนส่งรูปให้สวีหมินหมินทางวีแชต
“สืบตัวตนของสามคนนี้ จับตาดูบัญชีพวกเขา เวลามีเงินเข้าออกแบบจำนวนมากให้บอกฉันทันที”
สิบนาทีต่อมา
ซูเย่ได้รับข้อความตอบกลับจากสวีหมินหมิน
“หลัวปิน ชาย อายุ 32 อาจารย์ภาษาอังกฤษสาขาภาษาต่างประเทศ มหาวิทยาลัยจงหยวน”
“ไมค์ ชาย อายุ 21 นักศึกษาต่างชาติ เรียนอยู่ที่สาขาภาษาจีน มหาวิทยาลัยจงหยวน”
“นิค หญิง อายุ 27 อาจารย์พิเศษองค์กรอบรมบัณฑิตเมืองจงหยวน”
ประวัติแต่ละคนแนบรูปถ่ายมาด้วย
“ตัวตนที่เผยให้เห็นต่อหน้าเสแสร้งได้แนบเนียนดีนี่”
ซูเย่หัวเราะเย็น ๆ กลับไปที่ย่านฉุ่ยโป
มีสวีหมินหมินจับตาดูอยู่ เขาไม่จำเป็นต้องกังวลอะไร
หากสามคนนี้มีความเคลื่อนไหวใด ๆ สวีหมินหมินจะบอกเขาทันที
เขาค่อย ๆ รอเก็บเกี่ยวทีเดียวก็พอ
…..
สองวันต่อมา เวลาบ่าย
ห้องประชุมโรงแรมเหลียงซาน
คณบดี และนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยทั้งสามสิบสามแห่งรวมถึงผู้คุมสอบวิชาแขนงต่าง ๆ ล้วนมารวมตัวกันที่นี่
หลิวเจิ้นเฉียงเดินขึ้นเวทีท่ามกลางสายตาทุกคน
“ฉันขอประกาศ อันดับหนึ่งวิชาตจวิทยา(ผิวหนัง) จ้าวเหวินซิน”
“อันดับหนึ่งวิชาทันตกรรม จางปิง”
“อันดับหนึ่งวิชาโสต ศอ นาสิกวิทยา กู้จวิ้นฮุย”
“วิชาจักษุวิทยา……”
หลิวเจิ้นเฉียงเหลือบมองซูเย่ ก่อนจะเอ่ยขึ้น “อันดับหนึ่ง เมิ่งชุน”
แต่สายตานี้
ส่งผลให้ซูเย่กลายเป็นคนที่ได้รับความสนใจมากที่สุดในที่นี้
กระทั่งเมิ่งชุนที่ได้อันดับหนึ่งวิชาจักษุวิทยายังหันมองซูเย่
ตอนที่ซูเย่สมัครสอบวิชาจักษุวิทยา ทุก ๆ คนรวมถึงเมิ่งชุนต่างคิดว่าตัวแทนวิชาจักษุวิทยาต้องโดนซูเย่แย่งไปแน่ ๆ
ทว่าคิดไม่ถึงเลย
ตอนเริ่มสอบวิชาจักษุวิทยาซูเย่กลับไม่ยอมมา
เจ้านี่ไปทำอะไร?
“ตอนนี้ นักศึกษาที่เป็นตัวแทนสอบสิบสามวิชาโปรดก้าวออกมา”
เสียงของหลิวเจิ้นเฉียงดังเข้ามา
ซูเย่ก้าวไปข้างหน้า
นอกจากสี่คนที่โดนเรียกชื่อเมื่อกี้ ยังมีหลี่เชี่ยนวิชานรีเวชศาสตร์ กับจ้าวชุนหวี่
ทั้งหมดเจ็ดคน
สายตาของทุกคนในที่นี้ทอดมองมายังทั้งเจ็ดคน
ซูเย่ยังคงเป็นที่ถูกจับตามองมากที่สุด
“เฮ่อ คนเดียวเป็นตัวแทนสอบไปเจ็ดวิชา เจ้าซูเย่นี่สุดยอดเลย”
“ฉันคิดมาตลอดว่าฉันเก่งมากในบรรดาเพื่อนนักศึกษาชั้นเดียวกันแล้วนะ หลังจากรู้จักซูเย่ฉันถึงได้รู้ว่าฉันเป็นแค่พวกดาด ๆ เจ็ดแขนงวิชาเลยนะ! มิน่าล่ะถึงเป็นหมอรู้แจ้งได้ ถ้าฉันเก่งขนาดนั้นฉันคงได้เป็นหมอรู้แจ้งแล้ว!”
“เขาเป็นอัจฉริยะจริง ๆ เขามาเรียนแพทย์แผนจีนได้ไม่ถึงหนึ่งปี ส่วนพวกเราเรียนกันมาเกินห้าปีแล้ว”
“ไม่ใช่แค่เจ็ดวิชา ถ้าเขาไม่ไปสายฉันคิดว่าวิชาจักษุวิทยาก็เป็นของเขาเหมือนกัน”
“แต่ถ้าสมัครได้ ไม่แน่ว่าทั้งสิบสามวิชาจะเป็นของเขาหมดเลย”
ทุกคนซุบซิบกันไปมา ยิ่งพูดก็ยิ่งไปกันใหญ่
แพทย์แผนจีนเน้นประสบการณ์ แต่การปรากฏตัวของซูเย่พลิกผันสิ่งที่พวกเขาคิดว่าใช่ไปอย่างสิ้นเชิง
บนเวที
“ได้เวลาแล้ว”
หลิวเจิ้นเฉียงมองพวกซูเย่เจ็ดคนและเอ่ยเสียงเข้ม “ยังเหลืออีกสองวันกว่าจะถึงวันประลอง สองวันหลังจากนี้เราจะมีศึกชี้ชะตาที่สุสานเสินหนงมณฑลซีฉินกับพวกตระกูลแพทย์แผนจีน พวกนั้น ศึกนี้เกี่ยวพันถึงเกียรติหลายสิบปีมานี้ของพวกเรามหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีน พวกเราชนะได้อย่างเดียว ห้ามแพ้เด็ดขาด!”
เขาสูดหายใจเข้าลึก
โค้งต่ำคำนับพวกซูเย่ เอื้อนเอ่ยอย่างจริงจัง “เกียรติของแพทย์แผนจีนสายมหาวิทยาลัยฝากทุกคนด้วย”
“ฝากทุกคนด้วย!”
คณบดีจากมหาวิทยาลัยอื่น ๆ ที่ยืนอยู่ด้านข้างโค้งคำนับพวกซูเย่ทั้งหมด
“ฝากทุกคนด้วย!”
นักศึกษาแพทย์แผนจีนทุกคนก็โค้งคำนับพวกซูเย่เจ็ดคนเช่นกัน
ชั่วพริบตานั้น
ซูเย่และคนที่เหลือรู้สึกเหมือนมีภูผาใหญ่กว้างทับลงมา สีหน้าพลันขึงขังขึ้นมาในบัดดล
นาทีนี้ พวกเขาถึงรู้ในที่สุดว่าตัวแทนของแต่ละวิชาหมายความถึงสิ่งใด
นั่นก็คือแพ้ไม่ได้!
ต้องชนะเท่านั้น!
“ได้โปรดวางใจ”
ซูเย่ยืนหยัดออกมา
โค้งคำนับให้กับคณบดีทุกคนและนักศึกษาทุกคนในที่นี้ ก่อนจะเอ่ยขึ้น “พวกเราจะทำสุดความสามารถ ด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี!”
“ทำสุดความสามารถ ด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี!”
ทั้งหกคนพูดพร้อมกัน และโค้งคำนับกลับ
“ซูเย่”
หลิวเจิ้นเฉียงยืดตัวตรงเดินไปอยู่ข้างกายซูเย่ พูดด้วยสีหน้าจริงจัง “นายรับหน้าที่ถึงเจ็ดวิชา เกินกว่าครึ่งของสิบสามวิชา ความรับผิดชอบใหญ่ยิ่ง ฝากด้วยนะ!”
พูดจบ
ก็โค้งคำนับอีกครั้ง
“คุณเกรงใจเกินไปแล้ว ผมจะทำสุดความสามารถครับ”
ซูเย่โค้งคำนับกลับ
“ซูเย่สู้ ๆ!”
“ซูเย่ พวกเราเชื่อใจนาย”
“ซูเย่ต้องชนะอยู่แล้ว ทุกคนต้องชนะอยู่แล้ว!”
ทุกคนพากันตะโกน
“ต้องชนะแน่นอน!”
ซูเย่ยกกำปั้นขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง
“ต้องชนะแน่นอน!”
คนอื่น ๆ หกคนยกกำปั้นขึ้นเช่นกัน สีหน้าแน่วแน่!
“เยี่ยม”
หลิวเจิ้นเฉียงยืดตัวตรง ตะโกนลั่น “ออกเดินทาง!”
ทั้งเจ็ดคนและคณบดีจากมหาวิทยาลัยตัวเองเดินทางไปยังสนามบินนานาชาติจงหยวนท่ามกลางเสียงปรบมือ
บ่ายวันนั้น
ทั้งหมดสิบสี่คนขึ้นเครื่องและบินไปที่มณฑลซีฉิน
สุสานเสินหนงอยู่ห่างจากทิศเหนือเมืองเฉินลังห้ากิโลในมณฑลซีฉิน เป็นสุสานที่ใช้ในการบูชาเสินหนง
เสินหนง*[1] คือบรรชนผู้ก่อตั้งแพทย์แผนจีนแห่งประเทศจีน
เรื่องใหญ่อย่างแพทย์แผนจีนชาวบ้านท้าสู้แพทย์แผนจีนฝ่ายมหาวิทยาลัย เลือกจัดที่สุสานเสินหนงนับว่าเหมาะสมมากจริง ๆ
ระหว่างทาง
ตามที่สัญญากันก่อนหน้านี้ ก่อนวันต่อสู้สองวัน ทั้งสองฝ่ายจะกำหนดรายชื่อเข้าประลองสุดท้าย
พันธมิตรแพทย์แผนจีนชาวบ้านประกาศรายชื่อในเน็ตตั้งแต่นาทีแรก
หลังจากรายชื่อเข้าประลองประกาศออกมา ก็เป็นที่สนใจของชาวเน็ตมากมาย
‘รอมาเกือบสองอาทิตย์ ในที่สุดก็จะเริ่มแล้ว รายชื่อออกมาแล้ว รอแค่รายชื่อของฝ่ายมหาวิทยาลัย’
‘ไม่ต้องสงสัยหรอก มีซูเย่แน่นอน’
‘ตระกูลแพทย์แผนจีนชาวบ้านเอ่ยชื่อขนาดนี้ ไม่มีซูเย่สิแปลก’
‘ได้ข่าวว่าทั้งประเทศเรามีมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนอยู่สามสิบสามแห่ง ก่อนหน้านี้มีข่าวเรื่องการสอบคัดเลือกไม่ใช่เหรอ ไม่รู้ว่ามีคนจากมหาวิทยาลัยไหนเข้ารอบบ้าง’
‘ถ้าเช่นนั้นนี่เป็นการประลองระหว่างมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนครั้งแรกน่ะสิ’
‘ทำไมฉันถึงมีความคาดหวังแปลก ๆ ล่ะ’
ชาวเน็ตพากันวิพากษ์วิจารณ์
เวลานั้น
รายชื่อฝ่ายมหาวิทยาลัยประกาศอย่างเป็นทางการ
[แผนกอายุรกรรม : ซูเย่]
[แผนกกุมารเวชศาสตร์ : ซูเย่]
[แผนกกระดูก : ซูเย่]
[แผนกนวดกดจุด : ซูเย่]
[แผนกฝังเข็ม : ซูเย่]
[แผนกไข้ : ซูเย่]
[แผนกวิชาอาคม : ซูเย่]
[แผนกนรีเวชศาสตร์ : หลี่เชี่ยนหวี]
[แผนกรักษาบาดแผล : จ้าวชุนหวี่]
[แผนกตจวิทยา : จ้าวเหวินซิน]
[แผนกทันตกรรม : จางปิง]
[แผนกโสต ศอ นาสิกวิทยา : กู้จวิ้นฮุย]
[แผนกจักษุวิทยา : เมิ่งชุน]
พอรายชื่อออกมา
หลังจากชาวเน็ตได้เห็นก็โกลาหลกันทันที
‘เกิดอะไรขึ้น ซูเย่คนเดียวเป็นตัวแทนถึงเจ็ดวิชาเลยเหรอ!’
‘ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันเพิ่งมีการแฉไม่ใช่เหรอว่าอัตราหายป่วยของซูเย่เป็นศูนย์ แล้วทำไมให้เขาคนเดียวประลองตั้งหลายวิชาล่ะ ใครก็ได้บอกฉันทีว่านี่มันเรื่องอะไรกันแน่ ตกลงซู เย่แข็งแกร่งจนน่าตกใจหรือฝ่ายมหาวิทยาลัยไม่มีใครแล้ว’
เหล่าชาวเน็ตมึนงงกันหมด
เรื่องที่อัตราหายป่วยของซูเย่เป็นศูนย์ลือกันทั่วโลกออนไลน์ก่อนหน้านี้
จนชาวเน็ตมากมายคิดว่าเกิดปัญหาบางอย่างกับซูเย่ และถึงขั้นเริ่มเป็นห่วงว่าซูเย่จะประลองกับแพทย์แผนจีนชาวบ้านในนามมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนได้หรือไม่
ทว่าตอนนี้
ซูเย่กลับเหมาไปเจ็ดวิชาด้วยตัวคนเดียวเลยเหรอ!?
นี่มันเกิดอะไรขึ้น!!
ไม่ใช่แค่ชาวเน็ต
ทั้งวงการแพทย์แผนจีนที่จับตาดูการประลองครั้งนี้อยู่ต่างอึ้งกันหมดเมื่อได้เห็นรายชื่อนี้
“ซูเย่? เจ็ดวิชา?”
“ฝ่ายมหาวิทยาลัยไม่มีคนอื่นแล้วเหรอ ทำไมถึงส่งคนคนเดียวเป็นตัวแทนถึงเจ็ดวิชาล่ะ”
“ถึงแม้อีกฝ่ายจะเอ่ยชื่อขอท้าซูเย่ แต่ด้วยความสามารถของซูเย่รับคำท้าแค่วิชาเดียวก็ดีมากแล้ว ทำไมถึงเป็นตัวแทนถึงเจ็ดวิชาล่ะ”
คนจากตระกูลแพทย์แผนจีนชาวบ้านก็งงกับรายชื่อนี้
ฝ่ายมหาวิทยาลัยมาไม้ไหน?
“ทำไมถึงเป็นซูเย่หมดเลยล่ะ”
ด้วยความสงสัยนี้
สิบสามตระกูลแพทย์แผนจีนประชุมในกลุ่มอย่างรวดเร็ว
“เจ้าพวกฝ่ายมหาวิทยาลัยเล่นอะไรกันอยู่”
“ที่พวกเขาทำแบบนี้มีทั้งหมดสามความเป็นไปได้ หนึ่งคือดูถูกพวกเรา สองคือพวกเขาไม่มีคนแล้ว สามคือซูเย่มีความสามารถโดดเด่น”
“ข้อสามเป็นไปไม่ได้ ข้อสองก็เป็นไปไม่ได้ ฉันว่าพวกเขาดูถูกเรานั่นแหละ บอกให้เจ้าเด็กที่ไม่ได้เรียนสาขาแพทย์แผนจีนจริงจังด้วยซ้ำมาประลองกับพวกเรา ถ้าชนะก็จะบอกว่าพวกเราสู้ คนที่ไม่ได้เรียนสายตรงมายังไม่ได้ ถ้าแพ้ก็จะบอกว่าพวกเขาไม่ได้ส่งคนที่เรียนสายตรงมา ความตั้งใจนี้เลวร้ายสิ้นดี!”
“เฮอะ ลูกไม้ตื้น ๆ ของพวกเขาไร้ประโยชน์สำหรับเรา”
“ข้อสามพอเป็นไปได้อยู่ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร พวกเราก็ต้องให้ความสำคัญ”
“ใช่! สิงโตสู้กับกระต่ายยังทุ่มเทเต็มที่ อย่าลืมว่าพวกเราไม่ใช่แค่ต้องชนะ แต่ต้องใช้โอกาสนี้แสดงความสามารถของเราด้วย”
“ถูกต้อง!”
“ออกเดินทาง!”
…..
ตอนบ่าย
ทั้งสิบสามตระกูลเดินทางมาถึงสุสานเสินหนง
หลังจากพักกันเป็นเวลาสั้น ๆ
ทั้งสองฝ่ายมารวมตัวประชุมกันที่สนามหน้าประตูสุสานเสินหนง
ผู้เข้าแข่งขันทั้งสองฝ่ายยืนประจันหน้ากัน
สิบสามคนของอีกฝ่ายล้วนแต่อายุน้อยและดูดีมีความสามารถ
ฝั่งซูเย่กลับมีแค่เจ็ดคน
“นายน่ะเหรอซูเย่?”
เจอกันปุ๊บ ผู้ชายอายุน้อยลักษณะตาตกอายุยี่สิบกว่ายิ้มเย็น จับจ้องไปที่ซูเย่และถามด้วยสายตาดูถูก “นายก็คือซูเย่ที่ลงแข่งคนเดียวเจ็ดวิชาเหรอ”
“ฉันก็นึกว่ามีสามหัวหกแขน ที่แท้ก็คนธรรมดา ๆ”
“บรรพชนสอนสั่งไว้ว่าคนเป็นหมอต้องมีความเมตตา ต้องมีจริยธรรม เจออะไรต้องอดทน ฉันว่าฝ่ายมหาวิทยาลัยในตอนนี้ห่างไกลจากวิถีแพทย์อย่างสิ้นเชิง โอหังสิ้นดี!”
“พอเถอะ ก็แค่ดาราไอดอลไม่ใช่เหรอ จะเอาอะไรมาสู้กับแพทย์แผนจีนอย่างพวกเรา”
“ดาราไอดอล? ก็แค่เท่านี้เอง”
คนจากสิบสามตระกูลแพทย์แผนจีนพูดกันไปปากต่อปาก เมินผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ๆ ไปอย่างสิ้นเชิง เอาแต่พูดจาเหน็บแนมซูเย่
“ไม่เคยได้รับการศึกษาอย่างเป็นระบบ สมแล้วที่ไม่มีมารยาท”
ซูเย่ยิ้มน้อย ๆ พูดโดยไม่มีอารมณ์เลยสักนิด “คนที่ปากดีฝีมือแพทย์มักไม่ดี ยังไงซะก็เป็นจ้าวแห่งปากกล้าไปแล้วนี่”
[1] เสินหนง หนึ่งในสามจักรพรรดิตามความเชื่อของจีน โดยเสินหนงถือเป็นผู้พัฒนาการเกษตรและการใช้ยาสมุนไพรของจีน