เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - บทที่ 113 ผมเป็นผู้ดำเนินการแผนพัฒนาแพทย์แผนจีน
บทที่ 113 ผมเป็นผู้ดำเนินการแผนพัฒนาแพทย์แผนจีน
ประโยคเดียว
ส่งผลให้สิบสามคนฝั่งตรงข้ามสีหน้าอึมครึมลงในบัดดล
ไอ้เวรนี่จี้ใจดำพวกเขาต่อหน้า หาว่าพวกเขาเรียนไม่สูงไม่เคยถูกอบรมมา!
“เอาล่ะ เลิกทะเลาะกันได้แล้ว”
ฝ่ายตรงข้าม พอเห็นว่าเด็กฝ่ายตัวเองสะอึกเพราะประโยคเดียว ชายวัยกลางคนหน้าตาเคร่งขรึมคนหนึ่งหยุดการทะเลาะของทั้งสองฝ่าย
“พอได้แล้ว นายก็พูดให้น้อย ๆ หน่อย”
หลิวเจิ้นเฉียงมองซูเย่และยิ้ม
ซูเย่ยักไหล่ เรื่องเปลืองน้ำลายก่อนแข่งเขาไม่เคยกลัวใครอยู่แล้ว ดูซิใครจะสร้างผลกระทบต่ออารมณ์ของใครได้
“ถึงกันหมดแล้วเหรอ?” ชายชราคนหนึ่งและชายวัยกลางคนคนหนึ่งเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม
“หัวหน้าหน่วยหลี่ อธิบดีสวี”
หลิวเจิ้นเฉียงรีบเดินเข้าไปทักทายด้วยรอยยิ้ม
เทียบกับคณบดีฝ่ายมหาวิทยาลัยแล้ว เหล่าเจ้าบ้านฝ่ายตระกูลแพทย์แผนจีนชาวบ้านดูไม่ร่าเริงขนาดนั้น แต่ละคนเพียงแต่พยักหน้าด้วยความเคารพให้กับทั้งสองคนที่เดินเข้ามา
“คนผู้นี้ก็คือหัวหน้าหน่วยหลี่แห่งหน่วยผู้เชี่ยวชาญแพทย์แผนจีนของประเทศเรา หลี่เจิ้งต้าว หรือก็คือพยานอันดับหนึ่งในการประลองครั้งนี้ของเรา”
หลิวเจิ้นเฉียงชี้ชายชราและแนะนำกับทุกคน ก่อนจะชี้ไปที่ชายวัยกลางคน “คนผู้นี้คืออธิบดีสวีจากกรมควบคุมโรค เป็นพยานของเราเช่นกัน”
“สวัสดีสหายร่วมวิถีทุกท่าน”
ผู้เฒ่าหลี่เจิ้งต้าวกล่าวยิ้ม ๆ “จุดประสงค์ที่เรามานั้นง่ายมาก เรามาเพื่อเป็นพยานให้กับการประลองครั้งนี้ ในขณะเดียวกันขอรับประกันถึงความยุติธรรมของการประลองครั้งนี้ นอกจากเราสองคนแล้วยังมีพยานอีกสี่ท่าน น่าจะใกล้ถึงแล้ว มาจากฝ่ายมหาวิทยาลัยสองท่าน ฝ่ายแพทย์แผนจีนชาวบ้านสองท่าน”
สิ้นเสียง
ผู้เฒ่าทั้งสี่คนเดินมาจากที่ไกล ๆ
หลิวเจิ้นเฉียงลุกขึ้นรีบเข้าไปต้อนรับสองในสี่ผู้เฒ่า
“ขอแนะนำ นี่คือปรมาจารย์แพทย์แผนจีน ว่านเฉิงหยาง”
“ท่านผู้นี้คือปรมาจารย์แพทย์แผนจีน ตู้ชิวเฟิง”
“ทั้งสองท่านล้วนเป็นบุคคลมีบารมีแห่งวงการแพทย์แผนจีนของประเทศจีนเรา”
หลิวเจิ้นเฉียงแนะนำให้กับทุกคนด้วยท่าทีอ่อนน้อม “ขณะเดียวกันก็เป็นผู้ริเริ่มแผนกแพทย์แผนจีนของมหาวิทยาลัยเรา”
“พูดแบบนั้นก็ถูก”
ว่านเฉิงหยางผู้หน้าตาฝาดเลือดสดใสยิ้มขณะที่มองซูเย่พร้อมกล่าว “แต่นี่เป็นเพียงการประลองที่เกิดจากจุดยืนที่ต่างกันเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องผูกใจเจ็บต่อกัน ฉันเองก็จะไม่เข้าข้างลูกศิษย์น้อยของตาหวาเพียงเพราะเราสนิทกัน พวกเธอวางใจได้”
“แพทย์แผนจีนไม่มีการเข้าข้างกันหรอกนะ ดีหรือไม่ดีทุกคนต่างมองเห็น”
ด้านข้าง ผู้เฒ่าผอมสูงแต่งตัวธรรมดาทว่าดูมีชีวิตชีวาเอ่ยขึ้นยิ้ม ๆ
คนผู้นี้ก็คือหนึ่งในสิบแพทย์แผนจีนชื่อดังระดับประเทศ ตู้ชิวเฟิง
“พวกเขาพูดถูก”
เจ้าบ้านทั้งสิบสามตระกูลเดินเข้ามาต้อนรับผู้เฒ่าทั้งสอง
“ฉันขอแนะนำให้พวกนายได้รู้จัก”
เจ้าบ้านฉินเดินออกมา “ทั้งสองท่านนี้คือผู้อาวุโสยอดฝีมือแห่งแพทย์แผนจีนชาวบ้าน พวกเขาไม่ได้มาจากตระกูลแพทย์แผนจีนใด ๆ แต่ชื่อเสียงของพวกเขาในแวดวงแพทย์แผนจีนชาวบ้านไม่ต่ำไปกว่าปรมาจารย์แพทย์แผนจีน หรืออาจสูงกว่าด้วย!”
เมื่อเขาพูดเช่นนี้
พวกหลิวเจิ้นเฉียงขมวดคิ้ว
“จุดยืนต่างกัน”
ว่านเฉิงหยางพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ในหมู่ชาวบ้าน แพทย์แผนจีนชาวบ้านย่อมมีชื่อเสียงมากกว่าพวกเรา”
พอเขาพูดแบบนี้
ผู้เฒ่าสองคนฝ่ายนั้นพยักหน้าเบา ๆ
ปรมาจารย์แพทย์แผนจีนส่วนใหญ่รักษาให้กับคนระดับสำคัญ ๆ เท่านั้น มีแต่เจอปัญหาที่แก้ไขไม่ได้เท่านั้นถึงจะรบกวนพวกเขา
แต่แพทย์แผนจีนชาวบ้านไม่เหมือนกัน ชื่อเสียงของพวกเขาได้คนไข้บอกกันปากต่อปาก
จุดยืนต่างกัน กลุ่มคนไข้ต่างกัน ย่อมไม่เหมือนกัน
แต่พวกเขาและปรมาจารย์แพทย์แผนจีนสองท่านนี้ก็รู้จักกันมานาน
“เอาล่ะ”
หลี่เจิ้งต้าวเอ่ยเสียงเข้ม “เบื้องบนอนุมัติกิจกรรมของพวกนายเป็นนัย ๆ แล้ว สถานที่ก็เตรียมไว้ให้พวกนายเรียบร้อย พยานก็มากันครบ หลังจากนี้หวังว่าพวกนายทั้งสองฝ่ายจะแสดงความสามารถของตัวเองให้เห็น”
“ไม่ว่าผลจะออกมายังไง สุดท้ายก็เพื่อการพัฒนาของแพทย์แผนจีน”
“หวังว่าหลังจากกิจกรรมนี้จบลง ทุกคนจะไม่ทะเลาะกันเรื่องภูมิหลังอีก ในวันหน้าเราจะพูดกันเฉพาะเรื่องจรรยาบรรณแพทย์และช่วยคนได้มากเท่าไหร่”
เมื่อคำพูดนี้ถูกเอื้อนเอ่ย
สีหน้าทุกคนก็ชะงัก และเข้าใจความต้องการของเบื้องบน
ประลองกันด้วยความยุติธรรม คุยกันด้วยความสามารถ ไม่ผูกใจเจ็บต่อกันเพื่อแพทย์แผนจีน!
ทุกคนพยักหน้าและปรบมืออย่างพร้อมเพรียงกัน
“วันนี้เรามาพบกันที่นี่อย่างเรียบง่าย ซึ่งถือเป็นการประชุมเล็ก ๆ”
หัวหน้าหน่วยหลี่พูดต่อ “ตอนนี้ก็สายมากแล้ว ทุกคนมาถึงได้ไม่นาน กลับไปพักผ่อนกันก่อนเถอะ พรุ่งนี้ค่อยมาหารือกันว่าจะแบ่งกลุ่มยังไง”
…..
ออกจากสนาม
พวกซูเย่ตามหลิวเจิ้นเฉียงมาพักที่โรงแรมใกล้ ๆ แห่งหนึ่ง
ส่วนคนจากสิบสามตระกูลแพทย์แผนจีนไปพักที่โรงแรมอีกด้านของสนาม
ฝ่ายแพทย์แผนจีนชาวบ้านเคร่งครัดระวังตัวกว่าฝ่ายมหาวิทยาลัยอย่างเห็นได้ชัด
กลับมาถึงโรงแรม พวกเขาก็รวมตัวกันประชุมทันที
“ทุกท่าน!”
เจ้าบ้านฉินมองเจ้าบ้านตระกูลอื่น ๆ ด้วยสีหน้าเคร่งเครียดพร้อมกล่าว “ถึงแม้ประเทศจะส่งเจ้าหน้าที่มาเป็นพยาน แต่รูปแบบการประลองเราก็ยังต้องกำหนดเอง”
“มีเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งอยู่ตรงหน้าเรา ทุกคนคิดว่าจะเรียงลำดับสิบสามวิชายังไงดี”
เมื่อได้ฟัง
เจ้าบ้านทุกคนขบคิด
“ผมรู้สึกว่าเจ็ดวิชาของซูเย่ควรจะอยู่ก่อน”
เจ้าบ้านคนหนึ่งกล่าว “แค่นักศึกษาอายุน้อยคนหนึ่งเท่านั้น หากเราสกัดเขาตั้งแต่แรก เช่นนั้นจิตวิญญาณของอีกฝ่ายต้องโดนเราทลายลงแน่ ถึงตอนนั้นเราจะสามารถชนะขาดลอย”
“ไม่ได้”
เจ้าบ้านคนหนึ่งรีบค้าน “ผมรู้สึกว่าไม่ควร”
“หืม?”
เจ้าบ้านทุกท่านหันไปมอง
“การประลองครั้งนี้สร้างความฮือฮาไว้ไม่น้อย ถือเป็นเหตุการณ์ใหญ่ได้เลยล่ะ ในโลกออนไลน์ก็มีคนจับตาดูอยู่มากมาย”
เจ้าบ้านผู้นั้นลุกขึ้น อธิบาย “พูดถึงโลกออนไลน์ ฝ่ายมหาวิทยาลัยคุ้นเคยมากกว่าเรา พวกเขารู้ดีกว่าเราว่าการประลองครั้งนี้เป็นที่จับตามองมากแค่ไหน ด้วยสถานการณ์เช่นนี้พวกเขายังให้ซูเย่คนเดียวประลองตั้งเจ็ดวิชา พวกเขาไม่ได้โง่ แค่นี้ก็บ่งบอกได้แล้วว่าซูเย่คนนี้ไม่ธรรมดา”
“ทุกคนลองคิดดูสิ ทำไมถึงเป็นเจ็ดวิชาแต่ไม่ใช่หกวิชา”
เจ้าบ้านทุกคนได้ฟังก็คิ้วขมวดในบัดดล
“ประลองกัน 13 ครั้ง ชนะ 7 ครั้งถือว่าชนะเลิศ”
เจ้าบ้านฉินหรี่ตาลง พูดอย่างจริงจัง “ซูเย่คนเดียวเหมาไปครึ่งนึง ผมขอเตือนอีกครั้ง เจ้าบ้านทุกท่านอย่าดูแคลนซูเย่คนนี้เด็ดขาด เราต้องให้ความสำคัญเขา”
“แล้วจะจัดเรียงยังไงดีล่ะ” คนหนึ่งถาม
“เจ็ดวิชานั้นไว้ทีหลัง”
เจ้าบ้านที่ยืนอยู่เสริม “เอาเจ็ดวิชาที่ซูเย่เป็นตัวแทนทั้งหมดไปไว้ทีหลัง เริ่มสอบจากวิชาเฉพาะทางที่เราได้เปรียบก่อน เพราะตอนนี้พวกเรายังไม่รู้ความสามารถที่แท้จริงของซูเย่ จึงได้แต่เอาเขาไปไว้รอบหลัง ขอเพียงชนะทั้งหกวิชาแรกได้ ซูเย่จะเก่งหรือไม่ก็ไม่สำคัญแล้ว ชนะอีกแค่วิชาเดียวก็พอ! ผมไม่เชื่อว่าพวกเราจะเอาชนะไม่ได้เลยสักวิชา!”
เจ้าบ้านทุกคนไตร่ตรอง ก่อนจะพยักหน้า
จัดแจงแบบนี้ เหล่าลูกหลานตระกูลใหญ่ฝ่ายพวกเขาจะกดดันน้อยลง
“ก๊อก ๆๆ….”
ในตอนนั้นเอง เสียงเคาะประตูดังเข้ามา
ประตูห้องประชุมเปิดออก เจ้าบ้านทั้งสิบสามตระกูลอึ้งกันหมด
พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา!
คนที่ยืนอยู่หน้าประตู
ก็คือซูเย่!
เขามาได้ยังไง
“สวัสดีครับเจ้าบ้านทุกท่าน”
ซูเย่เดินเข้ามาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม และคำนับเจ้าบ้านทั้งสิบสามตระกูล “ต้องรบกวนพวกคุณโดยพลการ แต่พวกคุณไม่ต้องห่วงนะครับ ผมไม่ได้มาแอบฟังแผนการลับอะไร และไม่ได้มาหาเรื่อง ที่มาวันนี้เพราะมีเรื่องอยากจะหารือกับทุกท่านหน่อยครับ”
“เรื่องอะไร?” เจ้าบ้านฉินถามเสียงเข้ม
ไอ้หนุ่มนี่ยิ้มเสแสร้งขนาดนี้ ทำตัวดีโดยไร้สาเหตุ ไม่มาโกงก็มาปล้น
สายตาทุกคนมองซูเย่ขึ้นลงอย่างพิจารณา
“เกี่ยวกับสมุนไพรที่ใช้ในการประลองครั้งนี้ครับ”
ซูเย่ยิ้มและเดินเข้ามา “ผมอยากขอให้ทุกท่านใช้สมุนไพรที่เภสัชกรรมกู่เต๋อผลิต ขณะเดียวกันก็หวังว่าทุกท่านจะยอมให้เภสัชกรรมกู่เต๋อเป็นผู้สนับสนุนในการประลองครั้งนี้”
เจ้าบ้านทั้งสิบสามตระกูลได้ยินก็ชะงักกันหมด
นี่มาทำธุรกิจบนหัวพวกเขาเลยเหรอ?!
“ฉันเคยเห็นข่าว เภสัชกรรมกู่เต๋อเหมือนจะเป็นบริษัทของนายนะ”
เจ้าบ้านคนหนึ่งคิ้วขมวดขณะพูด
เมื่อเขาพูดเช่นนี้
บรรดาเจ้าบ้านคนอื่นงงเข้าไปใหญ่
อะไรของเจ้าเด็กนี่?
ก่อนการประลองครั้งใหญ่
มาโปรโมตสินค้าถึงรังของศัตรู
“ใช่ครับ”
ซูเย่ยิ้มและพยักหน้า “เภสัชกรรมกู่เต๋อเป็นบริษัทใต้ชื่อผมจริง ๆ ครับ แต่ที่ผมแนะนำเภสัชกรรมกู่เต๋อไม่ใช่เพราะเหตุนี้ แต่เพราะสมุนไพรจีนที่เภสัชกรรมกู่เต๋อของเราผลิตนั้นก่อผลมากกว่าสมุนไพรจีนชนิดเดียวกันในตลาดสิบเท่า! จะได้สะดวกต่อการประลองครั้งนี้มากขึ้น ผมไม่ได้หวังกอบโกยอะไรเลยนะครับ”
สิบเท่า?
เจ้าบ้านทั้งสิบสามตระกูลอดขำไม่ได้
คำพูดไร้สาระที่บอกว่าไม่ได้หวังกอบโกยอะไรยิ่งไม่อยากฟัง
พวกเขามองหน้ากัน ราวกับจะสื่อสารด้วยสายตาว่าเจ้าเด็กนี่เห็นพวกเขาเป็นไอ้โง่
“ทุกท่านไม่เชื่อเหรอครับ”
ซูเย่ถามยิ้ม ๆ “ตอนนี้สมุนไพรที่เภสัชกรรมกู่เต๋อผลิตเป็นตัวยาที่สมาคมแพทย์แผนจีนมณฑลฉีแนะนำให้ใช้ ตอนนี้ยังเหลือเวลาอีกหนึ่งวันก่อนจะถึงวันประลอง พวกท่านมีเวลาเพียงพอให้ลองครับ”
“เรื่องสมุนไพรยังไม่ต้องไปพูดถึง”
เจ้าบ้านคนหนึ่งก้าวออกมา ถามอย่างจริงจัง “ฉันแค่อยากรู้ว่าวิชาแพทย์ของนายเก่งกาจมากจริงเหรอ”
“ทุกท่านอ่อนให้ทั้งนั้นครับ”
ซูเย่พูดด้วยสีหน้าละอาย “ตัวผมเองฝีมือธรรมดา เนื่องจากอาจารย์ผมเป็นปรมาจารย์แพทย์แผนจีนจึงให้ผมเป็นตัวแทนของหลายวิชาครับ ที่จริงตอนนี้ผมก็กระวนกระวายใจอยู่เหมือนกัน”
พอได้ฟัง
เจ้าบ้านทั้งสิบสามตระกูลโล่งอก
ที่เขาว่ามาสมเหตุสมผลอยู่
ลูกศิษย์ของปรมาจารย์แพทย์แผนจีนต้องให้เกียรติในหลาย ๆ ด้าน
“ในส่วนของสมุนไพรจีนพวกเราไม่เห็นด้วย”
เจ้าบ้านฉินเดินเข้ามา เอ่ยเสียงเข้ม “นี่เป็นการประลองฝีมือแพทย์อย่างสง่าผ่าเผย ไม่มีผลประโยชน์อื่นใดเข้ามาเกี่ยวข้อง เรื่องเป็นผู้สนับสนุนไม่ต้องพูดอีก”
เจ้าบ้านคนอื่นพากันพยักหน้า
การประลองฝีมือทางการแพทย์ไม่ควรจะดึงทุนนิยมและธุรกิจเข้ามาเกี่ยวข้อง
ซูเย่เห็นดังนั้นจึงยิ้มน้อย ๆ พร้อมเอ่ย
“ถ้าผมช่วยให้แพทย์แผนจีนชาวบ้านอย่างพวกคุณมีโอกาสก้าวหน้ากว่านี้ และมีสิทธิ์ได้ใบประกอบอาชีพของหมอล่ะครับ”
หืม?
เจ้าบ้านทั้งสิบสามตระกูลสะท้านกันหมด
‘ฟึ่บ!’
สายตาทุกคู่จับจ้องไปที่ซูเย่ในพริบตา
แต่ละคนคิ้วขมวดโดยไม่รู้ตัว
“ช่วยให้แพทย์แผนจีนชาวบ้านได้ใบประกอบอาชีพของหมอเหรอ? เจ้าหนุ่ม นายอายุเท่าไหร่เอง อย่างนายน่ะเหรอจะเอาอะไรไปขอให้”
“หวังพึ่งที่อาจารย์ของนายเป็นปรมาจารย์แพทย์แผนจีนเหรอ ข้อนี้ปรมาจารย์แพทย์แผนจีนก็คงทำไม่ได้ ซ้ำนายยังเป็นแค่นักศึกษาอีก”
“เจ้าหนุ่ม เกลือที่พวกเรากินมากกว่าข้าวที่นายกินอีก จะโม้ก็ให้มันน้อย ๆ หน่อย อย่างเอาเหมือนเรื่องฝีมือแพทย์ของนาย”
เจ้าบ้านทั้งหลายพากันหัวเราะเย็นชา
สิบสามตระกูลอย่างพวกเขายังทำไม่ได้ แค่นักศึกษาอายุน้อยคนหนึ่งจะทำได้ยังไง
เพื่อโปรโมตสมุนไพรของบริษัทตัวเองต้องโกหกถึงขั้นนี้เลยเหรอ?
ฝ่ายมหาวิทยาลัยสอนสั่งคนแบบไหนออกมากัน
“ถ้าผมเป็นผู้ดำเนินการแผนพัฒนาแพทย์แผนจีนของประเทศล่ะครับ?”
ซูเย่ยิ้มและถามขึ้นอีกครั้ง
เจ้าบ้านสิบสามตระกูลผงะ ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างเด็ดเดี่ยว
“เป็นไปไม่ได้!”
“อย่ามาล้อเล่น แผนพัฒนาแพทย์แผนจีนของประเทศจะปล่อยให้เด็กเมื่อวานซืนอย่างนายรับหน้าที่ผู้ดำเนินการได้ยังไง”
“นายเป็นแพทย์แผนจีน ต้องไม่พูดปด”
“รอสักครู่ครับ”
เมื่อเผชิญกับความข้องใจ ซูเย่ยิ้มน้อย ๆ ไม่ทำการอธิบาย เพียงแต่หยิบมือถือออกมาโทรไปที่เบอร์ของเจียงซาน
“ฮัลโหล”
มีคนรับสาย
“ผู้บังคับการเจียงครับ ตอนนี้ผมกำลังต่อรองกับตระกูลแพทย์แผนจีนชาวบ้านอยู่ ผมมีแผนการหลังจากนี้แล้ว แต่ผมต้องการคนมายืนยันฐานะ ‘ผู้ดำเนินการแผนพัฒนาแพทย์แผนจีน’ ของผม” ซูเย่กล่าว
“นายนี่เข้าใจสวมหัวโขนให้ตัวเองจริง ๆ ก็ได้ ยศนี้ไม่เลว ฉันรู้แล้ว รอแป๊บ”
เจียงซานหัวเราะเสียงเย็นและวางสาย
“รบกวนทุกท่านรอสักครู่นะครับ” ซูเย่บอก
เจ้าบ้านทั้งสิบสามตระกูลแค่นเสียงเย็น รอแค่สิบนาที จะดูซิว่านายจะมาไม้ไหน
ในขณะที่ทุกคนเริ่มจะรอไม่ไหวแล้ว
“นี่ ยังต้องรออีก…..”
ไม่ทันพูดจบ
หัวหน้าหน่วยหลี่แห่งหน่วยผู้เชี่ยวชาญแพทย์แผนจีน และอธิบดีสวีแห่งกรมควบคุมโรคปรากฏตัว
ตอนที่มาถึงห้องประชุม ทั้งสองต่างมองซูเย่ด้วยสายตาทึ่งแบบสุด ๆ