เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - บทที่ 119 คำสอนกลางสนามแข่งของซูเย่
บทที่ 119 คำสอนกลางสนามแข่งของซูเย่
คืนวันนั้น
ข่าวหนึ่งได้กระจายไปทั่วทั้งอินเทอร์เน็ต
“การต่อสู้แห่งวงการแพทย์แผนจีน วันแรก ฝั่งมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนแพ้หมดทั้งหกศาสตร์!”
เมื่อข่าวออกไป ก็ทำให้ทั้งโลกออนไลน์เกิดความโกลาหลทันที
‘แพ้หมด?’
‘มีทั้งหมดสิบสามศาสตร์ แต่วันแรกก็แพ้ไปหกศาสตร์เลย?’
‘เวรเอ๊ย กลุ่มแพทย์แผนจีนพื้นบ้านเก่งขนาดนั้นเลยเหรอ?’
‘หรือว่าฝั่งมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนอ่อนเกินไป?’
‘คำเดียวเลย กาก สี่คำก็ได้ แม่งโคตรกากเลย!’
แพ้หกศาสตร์รวด?
พอได้รู้เรื่องนี้เข้า นักศึกษาจากสถาบันทั้งสามสิบสามแห่งทั่วประเทศก็พากันร่ำไห้ออกมา
‘แพ้หนักขนาดนี้ได้อย่างไร?’
‘มหาวิทยาลัยของพวกเราเก่งสู้แพทย์แผนจีนพื้นบ้านไม่ได้จริงเหรอ? มันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ? ไปแข่งกันท่าไหน’
สิ่งที่ทำใจยากที่สุดของทุกคน คือการที่ตัวแทนนั้น เป็นนักศึกษาที่เก่งที่สุดในบรรดาพวกเขาแล้ว แต่ก็ยังคงแพ้อยู่
หากเป็นพวกเขาจะไม่แย่ยิ่งกว่าเหรอ ทำไมความต่างชั้นกับแพทย์แผนจีนพื้นบ้านถึงได้มากขนาดนี้?
เมื่อนักศึกษาจากหลากมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนนั้นกำลังสิ้นหวัง
ก็ได้มีอีกข่าวหนึ่งปรากฏขึ้นมา
“ทางฝั่งมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนส่งซูเย่เป็นตัวแทน นำชัยชนะมาให้หนึ่งศาสตร์!”
ชนะแล้ว!
พอเห็นข่าวนี้
นักศึกษาและอาจารย์จากมหาวิทยาลัยจึงพากันถอนใจด้วยความโล่ง
ยังไม่แพ้สักหน่อย
มีซูเย่อยู่!
ซูเย่ สู้สู้!
ชาวเน็ตไม่แปลกใจนักเมื่อได้เห็นข่าวนี้ กลับกัน พวกเขารู้สึกยอมรับ
‘ดูเหมือนว่าซูเย่จะยังเก่งเช่นเดิมเลยนะ’
‘เขาชนะด้วยตัวคนเดียวเลย ในสถาบันก็ถือได้ว่าเป็นอันดับหนึ่ง’
‘อย่างไรซะเขาก็เป็นผู้ชนะรายการอนาคตแพทย์แผนจีน คงไม่แพ้ง่าย ๆ หรอก’
‘น่าเสียดาย ฉันอยากดูว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในสนามแข่ง ถ่ายทำรายการอะไรของมันวะ ใครสปอยล์ได้บ้าง บอกด้วยนะ!’
‘จะมีใครนอกจากทีมงาน.…..’
……
กลางดึก เวลาห้าทุ่ม
ในโรงแรมที่กลุ่มแพทย์แผนจีนพื้นบ้านพักอยู่
เว่ยเย่ชิง ตัวแทนจากตระกูลเว่ย ยืนอยู่ด้านข้างเตียงนอน จ้องมองไปยังดวงจันทร์ท่ามกลางท้องฟ้า หันหลังกลับเดินออกจากโรงแรมมายังสนามแข่ง
ขณะนั้น ซูเย่เองก็ยืนอยู่ในสนามเช่นกัน
“หือ?”
การที่ได้พบซูเย่อยู่ในสนามนั้น ทำให้เว่ยเย่ชิงต้องตกตะลึงอยู่ครู่ใหญ่ ทันใดนั้น เขาพ่นลมเย้ยหยันก่อนจะตรงไปยังตรงกลางสนาม
“มีปราณไม่มากพอ”
พอเห็นเว่ยเย่ชิงเดินเข้ามา ชายหนุ่มทำท่าเหมือนคาดการณ์เอาไว้อยู่แล้ว ยิ้มออกมาและเดินจากไป ติดต่อหาเหล่าพี่น้องพรรคถูโช่วจย้าเทียนที่ห่างหายกันไปนาน
เว่ยเย่ชิงผงะ
ไม่คิดว่าซูเย่จะเดินออกไปทันที
แต่เดิม เขาคิดว่าซูเย่จะทำเช่นเดียวกับเขา
แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่
“หึ!”
เสียงพ่นลมเย้ยหยันตามมาอีกครั้ง
เว่ยเย่ชิงหยุดยืนอยู่ตรงกลางสนาม เท้าทั้งสองข้างแยกออกกว้างระดับไหล่ มือประสาน เกิดเป็นท่ายืนสงบนิ่ง
หลับตาลงอย่างเชื่องช้า
ยืนอยู่กลางสนามโดยไร้การเคลื่อนไหว
……
เช้าวันถัดมา
ผู้คนต่างพบว่าเว่ยเย่ชิงยืนอยู่กลางสนามคนแล้วคนเล่า
ไม่มีใครกล้ารบกวน ทำได้เพียงกระซิบพูดคุยกันอยู่ห่าง ๆ
ผู้คนจากกลุ่มแพทย์แผนจีนพื้นบ้านที่ได้มาเห็น ทำตัวเหมือนว่าคุ้นเคยกับภาพนี้อยู่แล้ว พากันพูดคุยและหัวเราะเนื่องจากมั่นใจในตัวเว่ยเย่ชิงเป็นอย่างมาก
ทางฝั่งมหาวิทยาลัยมาถึง
เมื่อรู้ว่าเว่ยเย่ชิงยืนอยู่กลางสนามทั้งคืน ทุกคนก็ประหลาดใจ
“การนวดในแพทย์แผนจีนนั้น ต้องใช้กำลังและพลังงานเป็นอย่างมาก อีกฝั่งยืนอยู่แบบนี้ตลอดทั้งคืนจริงเหรอ?”
หลิวเจิ้นเฉียงขมวดคิ้วและกล่าวต่อ “ไม่ทานแม้แต่อาหารเช้า ไม่กลัวว่าจะเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำหรืออย่างไร?”
“เขาฝึกชี่กงอยู่ครับ ไม่จำเป็นต้องนอนหลังเข้าสู่สภาวะสงบ หนังสือของขงจื๊อเองก็บอกว่า ผู้ที่ฝึกปราณอายุยืนนานกว่า จึงไม่จำเป็นต้องกินเช่นกัน”
ซูเย่กล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้ม
ทุกคนพากันตกตะลึงเมื่อได้ฟัง
ในขณะนั้น เว่ยเย่ชิงที่ยืนนิ่งมาตลอดได้ชูแขนขึ้นอย่างกะทันหัน ปล่อยลมหายใจออกมาอย่างยาวนอน หยุดการฝึกและลืมตาขึ้น
ดวงตาของเขา เกิดเป็นประกายส่องสว่าง ดูเหมือนสถิตไปด้วยจิตวิญญาณอันแรงกล้า
พอได้เห็นเช่นนั้น ผู้นำตระกูลทั้งสิบสามจากฝั่งแพทย์แผนจีนพื้นบ้านต่างพยักหน้าชื่นชม
“ทั้งสองฝั่งมาถึงแล้ว”
หลี่เจิ้งต้าวเข้ามาพอดี และกล่าวขึ้น “กฏสำหรับการแข่งขันในวันนี้นั้นง่ายมาก แต่ละฝ่ายต้องทำการนวดให้เพียงสองคน ด้วยเกณฑ์ของหมอพื้นบ้านแล้ว เวลาที่ใช้และผลของการรักษา ในคนไข้รายแรกจะไม่ถูกนำมานับผล มีไว้เพื่อแสดงวิชาการนวดเพียงอย่างเดียว”
“ส่วนรายที่สองจะมีน้ำหนักอยู่ที่แปดสิบกิโลกรัม ผู้เข้าแข่งขันจะต้องลงมือนวดกดจุด เพื่อลดน้ำหนักให้ผู้ที่เข้ารับการนวดจำนวนห้ากิโลกรัม ภายในเวลาหนึ่งชั่วโมง”
ประโยคนั้นถูกกล่าวออกมา
ทำให้เหล่าผู้ชมพูดคุยกันอึกทึกอีกครั้ง
หนึ่งชั่วโมง ห้ากิโลกรัม?
การแพทย์แผนจีนทรงพลังถึงขนาดนั้นเลย?
หญิงสาวหลากหลายคนเกิดตาเป็นประกาย หากลดน้ำหนักได้โดยไม่ต้องคุมอาหารหรือออกกำลัง ก็คงดีมากเลย!
ซูเย่ขมวดคิ้ว
เขาที่เพิ่งได้ทราบกฎ คิดว่าหนึ่งชั่วโมงห้ากิโลกรัมนั้นไม่ใช่เรื่องเล็ก
มองไปหาเว่ยเย่ชิง
อีกฝ่ายมองกลับมาหาเขาด้วยสีหน้ามั่นใจและรอยยิ้ม
“ผู้เข้าแข่งขันประจำตำแหน่งได้” หลี่เจิ้งต้าวประกาศ “ขอเชิญอาสาสมัครเข้าสนามแข่ง”
สิ้นเสียง
ซูเย่และเว่ยเย่ชิงเดินเข้าประจำที่ เตรียมพร้อมสำหรับการแข่งขัน
วันนี้ไม่เหมือนกับปกติ ไม่มีการจัดที่เพื่อใช้สำหรับทำการรักษา
มีเพียงเตียงนวดที่เตรียมไว้ให้ทั้งสอง มีระยะห่างกันห้าเมตร ซ้ายหนึ่งตัว ขวาหนึ่งตัว
ทั้งสองนั่งลงแสดงความพร้อม คนไข้รายแรกจึงเดินขึ้นสนามไปด้วยกัน
ซูเย่ลงมือวินิจฉัยสี่วิถี ตรวจพบว่าเป็นโรคไขข้อ
ในขณะที่เขากำลังจะลงมือ
อีกฝั่งหนึ่ง เว่ยเย่ชิงได้เริ่มไปก่อนแล้ว
เขาหันไปสังเกตการณ์ พบว่าเว่ยเย่ชิงให้ผู้ป่วยนอนลงบนเตียงนวด ใช้ชี่กงทันที ลงมือนวดขับเลือดและถ่ายชี่ คนไข้ของอีกฝ่ายเองก็ป่วยด้วยอาการเดียวกัน
ขั้นตอนทั้งหมดของอีกฝ่ายดำเนินไปได้อย่างราบรื่นและนิ่มนวล
เสร็จไปหนึ่งชุด
จากนั้นนิ้วของเว่ยเย่ชิงแตะลงที่จุดปวดของผู้ป่วย
“อ๊า……”
คนไข้ปลดปล่อยเสียงเนื่องด้วยความสบาย
บรรยากาศในสนามแข่งเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ทันใดนั้นเอง
“โอ๊ย ร้อน”
คนไข้ที่เพิ่งทำเสียงผ่อนคลาย กลับกรีดร้องขึ้นมาแทน
เมื่อได้ยินเสียงตะโกน ผู้ชมจึงพากันทำหน้าประหลาดใจ
เกิดอะไรขึ้น?
ร้อน? ร้อนได้อย่างไร?
เว่ยเย่ชิงหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะกล่าว “อดทนหน่อยนะครับ”
คนไข้จึงพยักหน้าและนอนลงไปเหมือนเดิม
ผ่านไปอีกพักหนึ่ง
“เรียบร้อย” เว่ยเย่ชิงกล่าวพร้อมปล่อยมือ
“หา?”
คนไข้ลุกขึ้นและลองขยับตัว จากนั้นกล่าวออกมาอย่างแปลกใจว่า “เหมือนจะดีขึ้นแล้วเลย ไม่ปวดสักนิดเดียว”
“ขอปรอท”
เว่ยเย่ชิงไม่ได้ตอบคนไข้ แต่ตะโกนขึ้นมา
ทีมงานจัดการแข่งรีบหาปรอทและนำไปให้เว่ยเย่ชิง
เว่ยเย่ชิงนำมานาบเข้ากับนิ้วหัวแม่มือของเขา
ครู่เดียว
ตัวเลขปรากฏขึ้นมาบนปรอทว่า ‘หกสิบองศาเซลเซียส!’
ภาพเดียวกันนี้เองก็ถูกฉายลงบนจอขนาดใหญ่ในสนามแข่ง
บรรดาคณบดีพากันตกใจเมื่อได้เห็น
หกสิบองศา? ทำได้อย่างไร?
ไม่เห็นว่าเขาถูมือเพื่อทำความร้อนด้วยซ้ำ!
“นี่แหละคือวิชาเฉพาะของตระกูลเว่ย ผู้เชี่ยวชาญในศาสตร์แห่งการนวดกดจุด เป็นอย่างไรบ้างล่ะ?”
เว่ยเย่ชิงเอ่ยถามกับกล้องด้วยรอยยิ้มโอ้อวด จากนั้นหันไปมองรอบสนามแข่ง
จนในท้ายที่สุด สายตาก็ไปอยู่ที่ซูเย่
“เป็นไงบ้าง ตกใจล่ะสิ?”
“ไม่เลว ไม่เลว” ซูเย่ตอบพร้อมกับยิ้ม “แต่ไม่เห็นจะเฉพาะตรงไหน”
“ผมขอปรอทด้วยครับ”
ทีมงานนำมาให้เขาในทันที
ซูเย่รับมาและวัดเข้าไปกับฝ่ามือของเขาต่อหน้าทุกคน
แสงสว่างวาบปรากฏขึ้นในดวงตา เขาแอบใช้ชี่กงแบบลับ ๆ
อุณหภูมิทั่วทั้งฝ่ามือพุ่งสูงไปถึงเจ็ดสิบองศา
เมื่อได้เห็นตัวเลขแสดงขึ้นบนจอขนาดใหญ่ของสนาม
ทำให้ทั้งผู้นำฝั่งมหาวิทยาลัยและแพทย์แผนจีนพื้นบ้านต้องทึ่งไป
เจ็ดสิบองศา?
ก่อนหน้านี้เว่ยเย่ชิงเพิ่งทำให้นิ้วหัวแม่มือร้อนถึงหกสิบองศา คราวนี้เป็นซูเย่ที่ทำให้ทั้งฝ่ามือไปได้ถึงเจ็ดสิบองศา ทั้งสองคนทำกันได้อย่างไร?
เว่ยเย่ชิงที่ได้เห็นตัวเลขของซูเย่เป็นเจ็ดสิบองศา ก็ตกตะลึงไปตามคนอื่น
เขาฝึกชี่กงมาตั้งแต่ยังเล็ก และฝึกวิชาเฉพาะของตระกูลมาเมื่อหนึ่งเดือนที่แล้ว
ซูเย่ทำเหมือนเขาได้อย่างไร แถมยังทำได้เหนือกว่าอีกด้วย?
ในตอนนั้นเอง ซูเย่จึงเริ่มลงมือทำการนวดบ้าง
ด้วยฝ่ามือร้อนเจ็ดสิบองศา เขานวดขับเลือดและปราณให้กับผู้ป่วยที่นอนอยู่บนเตียงนวด
เห็นได้ชัดว่าขั้นตอนดำเนินไปอย่างรวดเร็วยิ่งกว่าเว่ยเย่ชิง
“ทำได้อย่างไร?”
เว่ยเย่ชิงจ้องมองซูเย่ทำการนวดรักษา สีหน้าของเขาตื่นตกใจ
“ก็วิธีการเดียวกันนั่นแหละ” ซูเย่ยิ้มออกมาเล็กน้อย “ฉันก็ใช้ชี่กง แต่ขอฉันเตือนนายหน่อยว่าตอนที่ทำการรักษาต้องใช้พลังปราณของตน ยิ่งใช้มาก ยิ่งเสียมาก แม้ว่าจะมีวิธีการเต ติมพลังปราณ แต่มันไม่สามารถเติมได้มากเท่าตอนเสีย และถ้าหากเผลอใช้จนเกินพอดี จะเป็นการบั่นทอนชีวิตตัวเองได้”
กล่าวจบ
ทั้งเว่ยเย่ชิงและผู้นำตระกูลเว่ย ต่างดวงตาเบิกกว้าง
ซูเย่พูดถูก มีสมาชิกในตระกูลเว่ยไม่มากนัก ที่มีชีวิตยาวนานเกินเจ็ดสิบปี
พวกเขาตามหาสาเหตุมาอย่างเนิ่นนาน คิดว่าเป็นเพียงอาการเหนื่อย
คำเตือนของซูเย่ เหมือนได้ทำการปลุกให้พวกเขาตื่นขึ้นพบความจริง
ความทระนงตอนที่พวกเขามีต่อวิชาและความสามารถของตัวเอง เป็นต้นเหตุของการที่ตระกูลเขาอายุสั้น!
“อยากจะพูดอะไรกันแน่?” เว่ยเย่ชิงจ้องซูเย่ตาเขม็ง
“อันที่จริง ถ้าอยากจะพัฒนาก็ทำได้นะ” ซูเย่กล่าวต่อขณะที่ยังยิ้มอยู่ “ลืมความยิ่งใหญ่ที่คิดว่าตนเป็นอยู่ ทำความดีและบริหารจิต เมื่อไรที่เปิดจิตเปิดใจสื่อสารกับเบื้องบนได้ ก็จะสามารถใช้ปราณจากสวรรค์และโลก ฉันอยากแนะนำให้ไถ่ถามลัทธิเต๋าเรื่องการสื่อสารกับสวรรค์ แล้วชี่กงจะกลายเป็นวิธีเด็ก ๆ ไปเลย”
เว่ยเย่ชิงนิ่วหน้าและครุ่นคิด
ห่างออกไป
ผู้นำตระกูลเว่ยเลิกคิ้วสูง ไตร่ตรองถึงคำพูดของซูเย่อย่างละเอียด
จนผ่านไปครู่ใหญ่
“โดนสอนเข้าแล้ว” เว่ยเย่ชิงเหมือนจะตระหนักได้ถึงบางสิ่ง ประกบกำปั้นยกขึ้นเคารพซูเย่ จากนั้นกล่าว “แต่ไม่ว่าอย่างไร ฉันก็จะชนะการแข่งขันนี้อยู่ดี”
“ต่อกันได้เลย” ซูเย่ยิ้มกลับ
กล่าวจบ คนไข้น้ำหนักแปดสิบกิโลกรัมก็เดินขึ้นสนามแข่งมา
ผู้ชมทั้งหมดในสนามรู้สึกตื่นเต้น เลือดสูบฉีด
พวกเขารู้ว่า เวลาสำคัญที่สุดของการแข่งได้มาถึงแล้ว
ทั้งซูเย่และเว่ยเย่ชิงล้วนมีความสามารถในการนวดกดจุดขั้นสูง แต่การนวดผู้ที่น้ำหนักแปดสิบกิโลกรัม ให้ลดไปได้ห้ากิโลกรัมภายในหนึ่งชั่วโมงนั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่ง่าย
ทุกคนอยากเห็นเต็มทนว่าทั้งสองจะทำได้หรือไม่?
ในสนาม อาสาสมัครได้มาถึงในที่สุด
ซูเย่ลงมือวินิจฉัยสี่วิถี
พบว่าผู้ป่วยมีกระเพาะและม้ามที่อ่อนแอ ความชื้นในร่างกายสูง มีปัญหาโรคอ้วน
“นอนลงครับ”
ซูเย่ทำมือบอกคนไข้และเตรียมพร้อมลงมือรักษา
มันอาจจะฟังดูยาก บางคนเองก็คิดว่าเหนือธรรมชาติ แต่สำหรับเขาแล้ว ผู้ป่วยแบบนี้ การลดห้ากิโลกรัมภายในหนึ่งชั่วโมงไม่ยากนัก
การลงมือนวดและกดจุดทั้งหลายก็เพียงพอแล้ว
เพียงผู้ป่วยนอนลงไป ซูเย่ก็เริ่มใช้วิชาการนวดกดกระตุ้นจุดฝังเข็มทั้งหมดบนร่างทันที