เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - บทที่ 121 เด็กสาวผู้มีพลังปะทุสูง
บทที่ 121 เด็กสาวผู้มีพลังปะทุสูง
เช่นเดียวกับตระกูลอื่น ๆ
ตระกูลเกาก็มาแค่สองคน
เจ้าบ้านตระกูลเกาที่รูปร่างสูงใหญ่ ไว้หนวดไว้เครา
ข้างกายเขาเป็นเด็กสาวตัวไม่ค่อยสูงอายุราว ๆ สิบเจ็ดสิบแปด เธอตัวเล็กน่าทะนุถนอม หน้าตาแบบมองปุ๊บก็รู้สึกเลยว่าน่ารัก
เด็กสาวคนนี้มีชื่อว่าเกาชิงเยี่ยน
เป็นลูกสาวคนเล็กของเจ้าบ้านเกา
และเป็นคนเดียวในคนรุ่นใหม่ตระกูลเกาที่มีพรสวรรค์และความสามารถยอดเยี่ยม
“ฉันไม่อยากชนะด้วยความไม่เท่าเทียม”
เกาชิงเยี่ยนเดินตาโตออกมา จ้องซูเย่พลางถาม “คุณมั่นใจเหรอว่าคุณทำได้”
“ฉันทำได้” ซูเย่พยักหน้าอย่างแน่วแน่
“ดี”
เกาชิงเยี่ยนพยักหน้าพลางกล่าว “ถ้าอย่างนั้นก็ประลองกันตอนบ่าย คุณขอให้หยุดได้ทุกเมื่อก่อนการประลองเริ่ม”
ซูเย่ยิ้มน้อย ๆ
“มีพักครึ่ง เวลาประลองคือบ่ายสามโมง”
หลังจากเสียงของหลี่เจิ้งต้าวดังออกมา
ฝูงชนในที่ตรงนั้นก็สลายตัว
กลับมาถึงโรงแรม
ฝ่ายแพทย์แผนจีนชาวบ้านรีบจัดการประชุมเร่งด่วน
“ตอนนี้ทุกคนน่าจะรู้จักความสามารถของซูเย่แล้วนะ”
เจ้าบ้านฉินนั่งอยู่บนตำแหน่งประธานในห้องประชุม พูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ก่อนหน้านี้ฉันเตือนทุกท่านครั้งแล้วครั้งเล่าว่าต้องให้ความสำคัญกับเจ้าซูเย่คนนี้ ตอนนั้นทุกท่านไม่เก็บไปใส่ใจ ดีที่ตอนนี้ยังไม่สาย”
“ถูกต้อง” เว่ยเย่ชิงที่เพิ่งพ่ายแพ้มาพยักหน้าทันที
“พวกเราประเมินเขาต่ำไปจริง ๆ”
เจ้าบ้านเว่ยกล่าว “ตอนนี้ซูเย่ชนะสองวิชารวด และความสามารถที่เขาแสดงออกมานั้นแกร่งกล้าสุด ๆ แม้จะไม่แน่ใจว่าเขาถนัดวิชาหลังจากนี้มากแค่ไหน แต่เราจะสบประมาทเขาไม่ได้อีกเป็นอันขาด”
ทุกคนหันไปมองสองคนจากตระกูลเกา
“ฉันได้ลองแล้ว สมุนไพรจีนของซูเย่ดีมากจริง ๆ ฉันใช้สมุนไพรจีนของเขาปรุงยาทาขึ้นมาจำนวนหนึ่ง การบาดเจ็บทางกระดูกที่แต่เดิมใช้เวลาหนึ่งเดือนถึงหาย เมื่อใช้ยาทาชนิดนี้กระดูกหักก็หายได้ภายในสามวัน”
เจ้าบ้านเกาเอ่ย
ได้ยินดังนั้น ทุกคนตาเป็นประกาย บรรยากาศคึกคักขึ้นมาในบัดดล
“กระดูกหักหายได้ในสามวัน? เร็วขนาดนั้นเชียว?”
“สูตรลับของตระกูลเกาไม่ธรรมดาจริง ๆ”
“มีผลลัพธ์โดดเด่นถึงเพียงนี้ การประลองจัดกระดูกบ่ายนี้มีโอกาสชนะมากขึ้น”
“ในเมื่อตระกูลเกามั่นใจขนาดนี้ พวกเราจะตั้งตารอ”
เจ้าบ้านตระกูลเกาเอ่ย “ต้องได้ตามหวังแน่นอน!”
…..
อีกด้าน
ในโรงแรมที่ฝ่ายมหาวิทยาลัยพักอยู่
“พยายามต่อไป บ่ายนี้ห้ามแพ้เด็ดขาด!”
หลิวเจิ้นเฉียงวนเวียนอยู่รอบตัวซูเย่ “ถึงฉันจะรู้ว่าห้ามกดดันนาย แต่เวลานี้ฝ่ายมหาวิทยาลัยของเราชะตาใกล้ขาดแล้ว แพ้ไม่ได้อีกแล้วจริง ๆ”
“วางใจเถอะครับ”
ซูเย่ตอบยิ้ม ๆ “สำหรับคนอื่นอาจเป็นการกดดัน สำหรับผมแค่ทำตัวตามปกติก็พอครับ”
หลิวเจิ้นเฉียงชะงัก
พูดไม่ออกกับประโยคของซูเย่ ไม่รู้ว่าต้องตอบยังไง
เงียบไปครู่หนึ่ง
“ดี!”
หลิวเจิ้นเฉียงตบไหล่ซูเย่ ได้แต่พยักหน้าพร้อมเอ่ย “มีความมั่นใจก็ดีแล้ว”
“รีบพักผ่อนตอนที่ยังมีเวลาเถอะ”
หลิวเจิ้นเฉียงถาม “เอายานอนหลับไหม? ฉวยโอกาสพักสนาม นอนสักหน่อย”
“ไม่ต้องครับ” ซูเย่ส่ายหัว
เขาพิงโซฟาตัวนั้น หลับตาลงและกรนทันที
“……”
หลิวเจิ้นเฉียงผงะ แกว่งมือตรงหน้าซูเย่และสำรวจอย่างละเอียด เมื่อมั่นใจแล้วว่าซูเย่หลับไปจริง ๆ ถึงเดินเบามือเบาเท้าออกจากห้องด้วยสีหน้าเหลือเชื่อระคนสงสาร
ดูสิว่าเด็กต้องเหนื่อยขนาดไหน หลับในพริบตาเดียว
……
บ่ายสาม
ทุกคนมารวมตัวกันที่สนามอีกครั้ง
การประลองจัดกระดูกเริ่ม!
“คราวนี้เป็นการประลองของวิชาจัดกระดูก”
หลี่เจิ้งต้าวพูดโดยหันหน้าเข้าไปซูเย่และเกาชิ่วเหวิน “กติกาการประลองมีอยู่ว่า ทั้งสองฝ่ายได้คนไข้ไปฝ่ายละสิบคน คนไข้ทั้งยี่สิบคนที่มาในที่นี้ล้วนผ่านการคัดเลือกอย่างเคร่งครัดมาแล้ว ความยากในการรักษาเท่ากัน”
“ขณะเดียวกัน หลังจากการแข่งขันเริ่ม พวกเราเตรียมใบเอ็กซ์เรย์ล่าสุดของคนไข้ให้กับผู้เข้าประลองทั้งสองท่าน เพื่อช่วยให้ผู้เข้าประลองทั้งสองท่านได้รู้อาการร่างกายของคนไข้ได้ชัดเจนขึ้น”
“ไม่ต้องหรอก”
สิ้นเสียงหัวหน้าหน่วยหลี่ เกาชิงเยี่ยนก็เชิดหัวเล็ก ๆ ขึ้นพร้อมพูดอย่างเย่อหยิ่ง “ใช้มือในการจับกระดูกเป็นความสามารถพื้นฐานของแผนกจัดกระดูก ถ้าแค่นี้ยังทำไม่ได้จะจัดกระดูกได้ยังไง”
เมื่อเธอพูดแบบนี้ ทุกคนในที่นี้ต่างพยักหน้าและชื่นชมด้วยความประหลาดใจ
เด็กผู้หญิงตัวแค่นี้กลับพูดจากแข็งกร้าวได้ถึงเพียงนี้
ดูท่า เด็กผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดา
ทุกคนหันมองซูเย่
เด็กผู้หญิงเขาพูดขนาดนี้แล้ว นายเป็นผู้ชายจะทำยังไงล่ะ
ซูเย่กล่าวยิ้ม ๆ “ที่จริงการผสานทั้งแพทย์แผนจีนและแพทย์แผนตะวันตกไม่ใช่เรื่องไม่ดีหรอกครับ ใช้ผลตรวจทางแพทย์ตะวันตกเป็นการตรวจที่ห้านอกเหนือจากการตรวจทั้งสี่อย่าง การดู การฟัง การถาม และการจับชีพจรก็ไม่เลวนะครับ”
ทุกคนผงะ
ก่อนสายตาจะเปล่งประกายเจิดจ้า
การตรวจที่ห้านอกเหนือจากการตรวจทั้งสี่
พวกเขาไม่เคยนึกถึงข้อนี้เลย พอได้ยินที่ซูเย่บอกก็ถึงบางอ้อ
จริงสิ นอกจากการตรวจทั้งสี่แล้ว รวมผลตรวจทางแพทย์แผนตะวันตกด้วยช่วยให้วินิจฉัยอาการของคนไข้ได้ดียิ่งขึ้นนี่นา!
นี่ต่างหากการผสมผสานแพทย์แผนจีนและแพทย์แผนตะวันตก
ทุกคนมองซูเย่ทึ่ง ๆ ข้อนี้วงการแพทย์แผนจีนไม่เคยนึกถึงเลย หรือว่าพวกเขาแก่กันหมดแล้วเหรอ หลังจากนี้เป็นยุคของหนุ่มสาวที่มีความสามารถสร้างสรรค์แล้วหรือนี่
“แต่ในเมื่อเป็นการประลอง เพื่อความยุติธรรมผมก็ไม่ต้องการครับ” ซูเย่กล่าวยิ้ม ๆ
“เฮอะ ๆ”
เกาชิงเยี่ยนมองซูเย่และแค่นเสียงเย็น หันหลังกลับไปเตรียมตัว
“ทุกคนเข้าที่”
หลี่เจิ้งต้าวปลุกทุกคนขึ้นจากภวังค์ “ให้เวลาจำกัดสองชั่วโมง เริ่มการแข่งขันได้!”
เวลานั้น
สองฝ่ายซ้ายขวาของสนามมีการจัดเรียงเตียงนวดด้านละสิบเตียง
คนไข้นอนกันอยู่บนเตียงนวด
สิ้นเสียงหลี่เจิ้งต้าว ทั้งสองฝ่ายลงมือทันที
คณบดีฝ่ายมหาวิทยาลัยและเจ้าบ้านทั้งสิบสามตระกูลแพทย์แผนจีนล้วนเพ่งความสนใจไปที่เกาชิงเยี่ยนในตอนแรก
หลังได้เห็นฝีมือของเกาชิงเยี่ยน ทุกคนที่จับตาดูเธออยู่พากันพยักหน้า
แม้ว่าเด็กผู้หญิงคนนี้ดูน่ารักน่าเอ็นดู แต่เริ่มรักษาปุ๊บก็เข้าสู่สภาวะจริงจังทันที ท่าทางเคร่งครัดและช่ำชอง
หันไปดูอีกด้าน
ทุกคนกลับพบว่าซูเย่ไม่ได้อยู่ข้างกายคนไข้คนแรก และไม่ได้อยู่ข้างกายคนไข้คนที่สอง กลับอยู่ข้างกายคนไข้คนที่สาม
เขาทำอะไรอยู่
ในตอนที่ทุกคนกำลังสงสัย ก็เห็นซูเย่เดินไปหาคนไข้คนที่สี่
“เจ้านั่นทำอะไรอยู่?”
“ไม่เริ่มรักษาจากคนไข้คนแรกเหรอ?”
ทุกคนจ้องมองซูเย่ด้วยใบหน้าสงสัย
“ดูจากมือแล้วเขาน่าจะจับดูอาการของคนไข้ทุกคนก่อน แล้วค่อยรักษา”
หลิวเจิ้นเฉียงลูบคางพลางกล่าว
ถูกต้อง!
ซูเย่ทำเช่นนี้ตั้งแต่คนไข้คนแรกจริง ๆ เขาจับกระดูกให้คนไข้ทีละคน
ขณะเดียวกับที่จับกระดูก ตาของเขากลับมองเกาชิงเยี่ยนที่เริ่มรักษาให้คนไข้คนแรกอยู่ตลอด
ถ้าสิ่งที่ซูเย่ทำทุกคนยังพอจะอธิบายได้ แต่สายตาของซูเย่ทำให้ทุกคนในที่นี้ต่างขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้
“เจ้านั่นจะทำอะไรกันแน่”
“ถึงแม้เด็กผู้หญิงตระกูลเกาจะน่ารักจริง ๆ แต่ในฐานะลูกผู้ชายจะไปจ้องเธอเขม็งแบบนั้นไม่ได้”
ซูเย่หูดีขนาดไหน เขาได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์เบา ๆ จากโดยรอบ แต่หน้าไม่แดงและไม่ให้ความสนใจเลยสักนิด
เขาตรวจดูอาการของคนไข้ก่อน และฉวยโอกาสนี้สำรวจวิธีจัดกระดูกของเกาชิงเยี่ยน
อีกด้าน
เกาชิงเยี่ยนผู้ตัวเล็กน่ารักเปรียบเสมือนแพทย์แผนจีนผู้ช่ำชองมากด้วยประสบการณ์ที่กำลังรักษาจัดกระดูกให้คนไข้
คนไข้คนแรก
“คุณบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อ แค่ทายาก็พอ”
หลังจากจับกระดูกเสร็จ เกาชิงเยี่ยนก็รีบหยิบยาทาที่เตรียมเอาไว้มาทำแผลให้คนไข้
ก่อนจะเดินไปหาคนไข้คนที่สอง
“คุณไม่สบายที่คอใช่ไหม?”
เห็นว่าคนไข้ขยับมือเท้าได้ มีแต่ส่วนหัวที่ดูตึง ๆ เกาชิงเยี่ยนจึงถามทันที
“ใช่”
คนไข้ตอบ “ไปตรวจที่โรงพยาบาลแล้ว บอกว่ามีปัญหาตรงกระดูกสันหลัง แต่ปัญหาคืออะไรฉันก็ไม่ค่อยรู้ สรุปก็คือปัญหาจากกระดูกสันหลังทำให้ฉันเวียนหัวบ่อย ๆ”
ในขณะที่คนไข้พูดอยู่ เกาชิงเยี่ยนก็เริ่มทำการตรวจจับกระดูก
“ทำตัวตามสบายนะ”
หลังจากตรวจเสร็จ เกาชิงเยี่ยนยิ้มและใช้สองมือจับคอของคนไข้ พูดไปก็ใช้มือบิดไปหนึ่งที
เสียงดังกร๊อบ
คนไข้ยังไม่ทันตั้งตัว เกาชิงเยี่ยนก็ซ้ำอีกรอบ
จากนั้น
ลองจับดูอีกครั้ง
“เรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้ก้มดูมือถือให้น้อย ๆ หน่อย เงยหน้ามองฟ้าใช้มือเขียนคำว่าขี้ให้มาก ๆ”
เกาชิงเยี่ยนเตือนและเดินไปหาคนถัดไป
“เขียนคำว่าอุจจาระได้ไหม?”
เสียงถามอย่างร้อนใจจากคนไข้ดังมาด้านหลัง
เกาชิงเยี่ยนสะดุด ตอบเสียงเย็น “ได้!”
เธอเดินไปหาคนไข้คนที่สาม
“หมอ ข้อมือผมเคลื่อน ตอนนี้ขยับไม่ได้เลย”
พอเห็นเกาชิงเยี่ยนเดินมาหา คนไข้ตะโกนเสียงดังแต่ไกล
พอมองดูดี ๆ
มือขวาของคนไข้ข้อมือเคลื่อน ส่งผลให้ฝ่ามือของเขากดอยู่บนแขนด้วยท่าเหมือนตีนไก่ ไม่สามารถคลายมือ และไม่สามารถขยับ
“ฉันขอดูหน่อย”
เกาชิงเยี่ยนยกแขนของคนไข้ขึ้นและสำรวจอย่างถี่ถ้วน
“หืม?” เกาชิงเยี่ยนส่งเสียงสงสัย
“เป็นอะไรไป” คนไข้สีหน้าเปลี่ยนพร้อมถาม หรือว่าจะร้ายแรงมาก?
ฉวยจังหวะที่คนไข้ใจลอย
กร๊อบแกร๊บ!
เกาชิงเยี่ยนกระชากอย่างแรง ก่อนจะดันเข้าที่
“อ๊าก…..”
คนไข้ร้องเสียงหลงขณะมองข้อมือตัวเอง
และพบว่าหายแล้ว
ขยับได้แล้ว!
คนไข้สะบัดข้อมือไปมาอย่างรวดเร็ว และพบว่าขยับได้แล้วจริง ๆ ซ้ำยังไม่เจ็บเลยด้วย
“ขอบคุณหมอนะครับ!”
สิ้นเสียง เกาชิงเยี่ยนก็เดินไปถึงคนไข้คนถัดไปแล้ว
คนไข้คนที่สี่ จัดกระดูกหลังค่อม
พอเห็นคนไข้คนนี้
เกาชิงเยี่ยนลังเลเล็กน้อย
อาการแบบนี้ต้องกดกระดูกสันหลังของคนไข้ไว้ก่อน รอให้กล้ามเนื้อสองฝั่งของกระดูกสันหลังผ่อนคลายลงแล้วค่อยกดกระดูกสันหลังเข้าไป
“ฉันนวดให้นายก่อนแล้วกัน”
เกาชิงเยี่ยนยิ้มขณะพูดกับคนไข้ และนวดหลังให้คนไข้ไปพลาง นวดไปฝ่ามือก็เลื่อนไปทาบไว้ตรงกระดูกสันหลังของคนไข้
“ผ่อนคลายหน่อย ผ่อนคลายหน่อย คุณเครียดเกินไปแล้ว”
เสียงของเกาชิงเยี่ยนดังเข้าหูคนไข้เรื่อย ๆ
ราวกับมีเวทมนตร์
พอได้ยินคำพูดของเกาชิงเยี่ยน ร่างกายของคนไข้คนนี้ก็เริ่มผ่อนคลายลงจริง ๆ
ทุกคนในสนามต่างรอดูว่าเกาชิงเยี่ยนจะรักษาคนหลังค่อมยังไง
ทว่า
ในตอนนั้นเอง
กร๊อบ!
เสี้ยววินาทีที่กล้ามเนื้อสองฝั่งกระดูกสันหลังของคนไข้ผ่อนคลายลง ทันใดนั้นร่างอ้อนแอ้นของเกาชิงเยี่ยนก็ปะทุแรงระเบิดออกมาและกดไปที่กระดูกสันหลังคนไข้และดันกระดูกสันหลังเข้าไป
พอเห็นภาพนี้
ทุกคนในที่นี้ตกใจกันหมด
ทุกคนคิดไม่ถึงเลยว่าร่างเล็ก ๆ ของเกาชิงเยี่ยนจะระเบิดพลังออกมาได้มากขนาดนี้
นั่นกระดูกสันหลังเลยนะ กระดูกสันหลังที่ชายฉกรรจ์สามคนขึ้นไปเหยียบยังไม่เป็นไร
ขณะเดียวกัน ทุกคนต่างอึ้งกับฝีมือจัดกระดูกของเกาชิงเยี่ยนกันหมด
“สมกับเป็นอัจฉริยะของตระกูลที่เกี่ยวกับการจัดกระดูก”
“เด็กผู้หญิงคนเดียวทำได้ดีขนาดนี้เลยเหรอ”
“ความสามารถเก่งกล้าเกินไปแล้ว”
ทุกคนพากันชื่นชม
ฝ่ายมหาวิทยาลัย
นอกจากหลี่เคอหมิงที่ยังมีสีหน้าเรียบเฉย คณบดีคนอื่น ๆ ร้อนใจกันหมด
สายตาของพวกเขาสลับไปมาระหว่างซูเย่และเกาชิงเยี่ยนไม่หยุด พอเห็นเกาชิงเยี่ยนรักษาไปสี่คนแล้ว ซูเย่กลับยังไม่เริ่ม
สถานการณ์เช่นนี้จะไม่ให้พวกเขาร้อนใจได้ยังไง
แต่คิดไปคิดมาสิ่งเดียวที่ทำได้เหมือนจะเป็นการร้อนใจเปล่า ๆ ปลี้ ๆ
เวลานั้น
เกาชิงเยี่ยนเดินไปถึงคนไข้คนที่ห้าแล้ว เธอเริ่มจับกระดูกตรวจคนไข้ หลังจากแน่ใจในปัญหาแล้ว กลับชะงักสิ่งที่ทำอยู่กะทันหัน และเริ่มนวดกล้ามเนื้อให้คนไข้
ฉวยเวลานี้ เกาชิงเยี่ยนนวดไปพลางหันมองซูเย่ไปพลาง อยากดูว่าซูเย่ไปถึงไหนแล้ว
แต่พอมองไป
ก็พบว่าซูเย่ยังไม่เริ่มรักษาเลยสักคน
นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
สายตาเกาชิงเยี่ยนฉายแววสงสัยอยู่แวบหนึ่ง