เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - บทที่ 124 พ่อแม่ของวีรบุรุษ
บทที่ 124 พ่อแม่ของวีรบุรุษ
“บังอาจเลียนแบบฉันงั้นเหรอ” เจ้าอ้วนหลี่ขมวดคิ้วเหลือบมองซูเย่ นัยน์ตาฉายแววตะลึงทว่าไม่แสดงออก แต่หยิบกล่องใบนึงออกมา
“ฉันเป็นคนขึ้นเขาไปเก็บเกี่ยวแท่งโกฐเหล่านี้ในเทศกาลตวนอู่เดือนห้าเองทั้งหมด และเก็บเฉพาะแท่งโกฐตอนเก้าโมงเช้าถึงบ่ายสาม พร้อมผสมกับสมุนไพรจีนสิบชนิด และสกัดอย่างละเอียด”
เจ้าอ้วนหลี่เปิดกล่องไปพลางอวดดีไปพลาง “ในหนึ่งปีนี้ มีเพียงหญ้าโกฐในวันนั้นที่ดีที่สุด และฉันเก็บเกี่ยวมาตั้งแต่ตอนห้าขวบ การรักษาแท่งโกฐด้วยสูตรลับเฉพาะตระกูลมาสิบกว่าปีบวกกับการสกัดอย่างละเอียดของฉัน ผลลัพธ์ของแท่งโกฐเหล่านี้ยอดเยี่ยมไปเลยล่ะ!”
หลังจากแนะนำเสร็จ
เจ้าอ้วนหลี่แค่นเสียง หันมองซูเย่พร้อมกล่าว “ดูซินายจะเอาอะไรมาแข่งกับฉัน”
ซูเย่ยิ้มราบเรียบ
หยิบแท่งโกฐที่ห่อไว้เรียบร้อยออกมาหนึ่งกล่อง
“นี่คือผลิตภัณฑ์ของผมเอง กู่เต๋อ และถ้าใช้เภสัชกรรมกู่เต๋อก็คือ good!”
พูดไป ซูเย่โบกแท่งโกฐในมือใส่หน้าเจ้าอ้วนหลี่
เจ้าอ้วนหลี่ผงะ กระอักกระอ่วนนิดหน่อย
เขาลืมไปเลยว่าสมุนไพรจีนที่ไอ้หนุ่มนี่ผลิตให้ผลลัพธ์สิบเท่า
แต่…
แล้วยังไงเล่า!!?
เจ้าอ้วนหลี่ไม่กลัวเลยสักนิด เขาเชิดหน้าขึ้นอย่างเย่อหยิ่งพร้อมกล่าว “ผลลัพธ์ยานี้ของฉันก็สูงถึงสิบเท่าเหมือนกัน”
พูดจบ
ก็ยื่นกล่องที่มีแท่งโกฐมากพอให้กับผู้ช่วยหกคนข้างกาย
ซูเย่ยิ้มน้อย ๆ
และยื่นแท่งโกฐให้ผู้ช่วยทั้งหกคนเช่นกัน
การรักษาดำเนินต่อ
คนไข้หลังจากนั้นล้วนต้องใช้แท่งโกฐ
ไม่นานนัก
ก็รักษามาถึงคนไข้คนที่สิบ
“มานี่ ๆ”
ทันใดนั้น เจ้าอ้วนหลี่ที่ไม่ได้พูดอะไรมาพักใหญ่ก็หันไปเรียกกล้องเสียงดัง และพูดด้วยท่าทางอวดเบ่ง “นอกจากการฝังเข็มแล้ว ตระกูลหลี่ของเรายังมีวิชานวดคลึงกุมารโดยเฉพาะ รักษาอาการท้องเฟ้อ ปวดท้อง และโรคที่พบได้บ่อยในเด็กได้ อย่างเช่นเด็กที่กะเพาะเจริญเติบโตไม่เต็มที่ส่งผลให้อาหารไม่ย่อยคนนี้ เราสามารถรักษาได้ด้วยวิธีนวดคลึง”
“มา มาถ่ายตรงนี้”
เขาออกแรงดึงกล้องมาที่มือตัวเอง และเริ่มนวดคลึงให้เด็ก
ลงมือปุ๊บ
เด็กที่กำลังงอแงอยู่ก็หยุดร้องไห้ทันที
เจ้าอ้วนหลี่นวดไปพลางแนะนำไปพลาง
“วิธีนวดคลึงทั่วไปแม้จะรักษาอาการท้องเฟ้อในเด็กได้เหมือนกัน แต่ทำให้เด็กรู้สึกทรมานมาก จนเด็กร้องไห้โวยวาย”
“แต่วิธีนวดคลึงของพวกเราตระกูลหลี่ต่างออกไป เราช่วยให้เด็กได้รับการรักษาอย่างสบาย ไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดเลยสักนิด”
“ดูสิ หายแล้วนี่ไง”
ไม่นานนัก เจ้าอ้วนหลี่ก็รักษาเด็กคนนั้นหายด้วยการนวดคลึงจริง ๆ
รอจนพ่อแม่เด็กพาลูกเดินออกไปด้วยความพึงพอใจแล้วเขาถึงหันไปมองซูเย่ด้วยสีหน้าได้ใจ “ซูเย่ก็นวดคลึงเป็นเหมือนกัน แต่วิธีนวดคลึงของเขาไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปเรียนได้ แต่ของฉันไม่เหมือนกัน เรียนรู้ได้ง่าย ยินดีต้อนรับทุกคนมาเจรจาร่วมธุรกิจ รับประกันว่าเป็นแน่ ๆ”
พูดจบ ก็หันไปคลี่ยิ้มยิงฟันใส่กล้อง
ทุกคนในที่นี้ผงะกันหมด
นี่มันเวลาอะไรกันแล้ว ยังคิดเรื่องโฆษณาอีก?
นายมาประลองหรือมาโปรโมตตัวเองกันแน่?
อีกด้าน
“ไม่เลว ลูกชายฉันมีหัวคิดจริง ๆ”
เจ้าบ้านตระกูลหลี่ลูบเคราด้วยท่าทางพึงพอใจและพยักหน้ายิ้ม ๆ
เจ้าบ้านทั้งหลาย บรรดาคณบดีมหาวิทยาลัย “……”
ห่างออกไปไม่ไกล ผู้กำกับจ้าวเหมียนที่คอยชี้แนะการถ่ายทำอยู่หน้าเสียขึ้นมา
เจ้าอ้วนนี่ฉลาดจริง ๆ ได้โฆษณาจากเขาไปโดยไม่เสียเงินสักแดง
แม้ว่าตัดออกทีหลังได้ แต่ทุกครั้งที่เจ้านี่จะพูดอะไรมักจะอยู่ในช่วงสำคัญที่ตัดไม่ได้ หากจะตัดก็ต้องตัดช่วงนี้ออกทั้งหมด แต่ช่วงนั้นดันเป็นจุดขายที่เขายั่วยุซูเย่ ให้ทำไงได้เล่า
โฆษณาผู้สนับสนุนของซูเย่ โฆษณาแฝงของเจ้าอ้วนนี่อีก กำไรหายไปหลายสิบล้าน สุดยอดกันจริง ๆ เลยโว้ย!
ซูเย่ได้ยินที่เจ้าอ้วนหลี่โฆษณาแล้วเป็นต้องหลุดขำ
“ดูท่า คนรุ่นใหม่มีคนเก่งมากมาย ไม่ใช่แค่ฉันที่มีหัวคิด”
การรักษาดำเนินต่อ
บ่ายสาม
“เรียบร้อย”
“เสร็จสิ้น”
สองเสียงที่ต่างกันดังขึ้นพร้อมกัน
คนที่พูดอยู่ก็คือเจ้าอ้วนหลี่และซูเย่
ขณะนั้น เจ้าอ้วนหลี่กำลังปรบมือด้วยสีหน้ามั่นใจ ทำท่าทำทางประหนึ่งชนะแน่นอน
แต่พอได้ยินเสียงของซูเย่
เขาชะงักไปครู่หนึ่ง และหันมองซูเย่ด้วยความอึ้งนิดหน่อย ก่อนจะกลับมามีความสุขกับตัวเองอีกครั้ง
เสร็จพร้อมกันอีกแล้ว!
ทุกคนถอนหายใจ เจอเรื่องประหลาดบ่อยจนเลิกประหลาดแล้ว
“การประลองจบลง ขอเชิญกรรมการทั้งสี่ท่านแลกกันตรวจสอบ”
หลี่เจิ้งต้าวลุกขึ้นอย่างถูกจังหวะพร้อมกล่าว
ปรมาจารย์แพทย์แผนจีนและปรมาจารย์แพทย์แผนจีนพื้นบ้านลุกขึ้นทันที เดินไปตรวจในทิศทางที่ต่างกัน
ทั้งสองฝ่ายรอผลเงียบ ๆ
และในตอนนั้นเอง
ตึงตึง
เสียงฝีเท้ารีบร้อนพลันดังเข้ามา
มองไปตามเสียง
ก็เห็น…
พ่อแม่วัยกลางคนอายุห้าสิบกว่า ต่างคนต่างอุ้มลูกไว้หนึ่งคน พุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูงพร้อมคนติดตามจำนวนหนึ่ง
พวกเขาไม่ใช่ผู้ฝึกปราณ กองสืบสวนด้านนอกจึงไม่ได้ขวาง
เนื่องจากกำลังถ่ายทำรายการกันอยู่ เจ้าหน้าที่ถ่ายทำก็ไม่ได้ขวางคนกลุ่มนี้ กว่าจะได้สติพวกเขากลับโดนฝูงชนที่ตามหลังพ่อแม่คู่นี้มาขวางเอาไว้เสียเอง
“เกิดอะไรขึ้น?”
พอเห็นมีคนบุกเข้ามา
หลี่เจิ้งต้าวและอธิบดีสวีที่ไม่ได้เข้าร่วมการสลับตรวจผลรีบเดินเข้าไป
เจ้าหน้าที่รายการก็ล้อมกันเข้ามาอย่างรวดเร็ว
ซูเย่และเจ้าอ้วนหลี่สังเกตเห็นเหตุการณ์ด้านนี้เหมือนกัน
พอเห็นคนที่มาอุ้มลูกมาด้วยสีหน้าร้อนรน ทั้งคู่สบตากันเหมือนเดาอะไรได้ ก่อนจะขมวดคิ้วและเดินเข้าไปทันที
“คุณคือหัวหน้าหน่วยผู้เชี่ยวชาญแพทย์แผนจีนของประเทศ หลี่เจิ้งต้าวใช่ไหม?”
ก่อนที่หลี่เจิ้งต้าวจะได้เอ่ยถามอะไร ชายวัยกลางคนหนึ่งที่ติดตามมาด้านหลังพ่อแม่คู่นั้นก็ชิงเดินขึ้นมา มองหลี่เจิ้งต้าวกับอธิบดีสวีก่อนจะถามอย่างเป็นกังวล “ถ้าอย่างนั้น คุณก็คืออธิบดีสวีแห่งกรมอนามัยใช่ไหมครับ?”
“คุณคือ?”
หลี่เจิ้งต้าวถาม
“ผมคือรองผู้ว่าเมืองเฉินชาง หลัวหย่งคัง”
ชายวัยกลางคนรีบแนะนำตัวเอง ก่อนจะเอ่ยเสริม “ที่มาวันนี้กะทันหันมากและเสียมารยาทมาก ท่านทั้งสองให้อภัยผมด้วยนะครับ”
รองผู้ว่า?
ได้ยินคำแนะนำตัวของหลัวหย่งคัง ทุกคนในที่นี้ตะลึงกันหมด
รองผู้ว่ามาได้ยังไง?
เจ้าหน้าที่ถ่ายทำได้ยินก็หยุดความคิดจะไล่พวกเขาไปทันที
จ้าวเหมียนก็สั่งให้ตากล้องเข้าไปถ่ายให้ไว
รองผู้ว่ามาเอง
ไม่ใช่เรื่องเล็กแน่นอน!
“รองผู้ว่าหลัว นี่พวกคุณ?” หลี่เจิ้งต้าวถามอย่างสงสัย
“ต้องการหมอด่วนครับ”
หลัวหย่งคังสูดหายใจเข้าลึก พูดด้วยสีหน้าไม่สู้ดี “ขอร้องล่ะครับ พวกคุณโปรดช่วยเด็กสองคนนี้ด้วย”
พูดไปก็ชี้เด็กในอ้อมอกของชายหญิงคู่หนึ่งที่ยืนอยู่ด้านข้างด้วยสีหน้าโศกเศร้า
“ตอนนี้ฝาแฝดคู่นี้อันตรายมาก พวกเราทำการตรวจที่โรงพยาบาลที่หนึ่งประจำมณฑลแล้วครับ แต่เนื่องจากเด็กเล็กเกินไป ทีมผู้เชี่ยวชาญในโรงพยาบาลที่หนึ่งประจำมณฑลไม่มั่นใจว่าจะรักษาได้ ผมรู้ว่าที่นี่รวบรวมแพทย์แผนจีนที่เก่งที่สุดในประเทศ จึงรีบมาโดยพลการ นี่ก็เป็นวิธีที่หมดทางเลือกแล้วครับ”
“ทั้งสองท่านนี้คือ?”
หลี่เจิ้งต้าวมองสามีภรรยาวัยกลางคนที่อุ้มลูกอยู่
“เป็นพ่อแม่ของเด็กครับ”
หลัวหย่งคังตอบและถอนหายใจ
คนรอบ ๆ ขมวดคิ้วเล็กน้อย
พ่อแม่ของเด็กทารกคู่แฝดคือสามีภรรยาอายุห้าสิบกว่าปีเชียวหรือ?
นี่มันเรื่องอะไรกัน
“เรื่องมันเป็นอย่างนี้ครับ”
หลัวหย่งคังถอนหายใจพร้อมกล่าว “แม้ว่าพวกเขาเป็นครอบครัวคนงานธรรมดา แต่พวกเขามีลูกชายที่เป็นวีรบุรุษ”
เพิ่งจะปริปาก
สามีภรรยาวัยกลางคนด้านข้างก็ตาแดงขึ้นมา
“ลูกชายเพียงคนเดียวของพวกเขาชื่อว่าเจียงถี”
หลัวหย่งคังเอ่ยเสียงทุ้ม “เจียงถีเป็นพนักงานดับเพลิงของเมืองเรา หนึ่งปีก่อน โรงงานเคมีประจำเมืองของเราเกิดระเบิดครั้งใหญ่ ตอนนั้นเจียงถีเพิ่งผ่าตัดเสร็จ ได้รับคำสั่งให้เข้าร่วมการช่วยเหลือ ตามหลักเขาไม่ต้องเข้าร่วมการช่วยเหลือหรอกครับ แต่เนื่องจากเพื่อนคนหนึ่งขอลา เจียงถีจึงอาสาขอรับหน้าที่เป็นคนกลุ่มแรกที่เข้าไปในพื้นที่ระเบิด”
“หนึ่งวันหลังจากนั้น ติดต่อเจียงถีไม่ได้”
“สามวันหลังจากนั้น พบร่างของเจียงถี ตอนที่สละชีพมีอายุเพียงยี่สิบสี่ปี”
ได้ยินมาถึงตรงนี้
ทุกคนเงียบกันไปหมด
ใบหน้าของทุกคนฉายแววเคร่งเครียดจริงจัง
“ลูกชายเพียงคนเดียวตายไป ทั้งสองท่านเจ็บปวดรวดร้าวถึงที่สุด จนแทบมีชีวิตต่อไปไม่ได้”
เสียงของหลัวหย่งคังสั่นเล็กน้อย “หลังจากนั้น พวกเขาได้ยินว่าญาติพนักงานดับเพลิงที่เจอเหตุการณ์คล้ายกันมีลูกผ่านกระบวนการเด็กหลอดแก้วได้สำเร็จ ทั้งคู่จึงเกิดความคิดนี้ขึ้น”
“หลังจากล้มเหลวไปห้าครั้งรวด พวกเขายังไม่ยอมแพ้”
“ในที่สุดหลังจากพยายามเป็นครั้งที่หก ก็ท้องสำเร็จ และเป็นลูกแฝดอีกด้วย”
พูดพลาง
หลัวหย่งคังหันไปมองเด็กในอ้อมอกทั้งสองคนไปพลาง “แต่ไม่คิดเลยว่าหลังจากเด็กคลอดออกมาก็ถูกตรวจพบว่าป่วยเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว……”
พูดมาถึงตรงนี้เขาก็ไม่อาจเอื้อนเอ่ยอะไรต่อไปได้อีก
พ่อแม่วัยกลางคนยิ่งน้ำตาไหลพราก
ทุกคนในที่นี้ใจหายวาบกันหมด สายตาที่มองสามีภรรยาวัยกลางคนคู่นี้เต็มไปด้วยความเห็นใจ
เด็กที่ป่วยเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวเรียกได้ว่าไม่มีทางรักษา
หากมาให้ไวกว่านี้บางทีอาจยังพอมีทาง แต่ตอนนี้สายไปแล้ว
ซูเย่กลับเดินเข้ามาและเอ่ยขึ้น
“มะเร็งเม็ดเลือดขาว? ผมรักษาให้เองครับ”
ทุกคนผงะ
“ฉันด้วย”
เจ้าอ้วนหลี่เดินเข้ามาอย่างไม่ยอมแพ้และเสริม “คนละคนไปเลย”
เมื่อได้ฟัง
ซูเย่ชำเลืองเจ้าอ้วนหลี่
“ได้”
ซูเย่พยักหน้าและอุ้มเด็กคนหนึ่งเดินไปยังเขตรักษาของตัวเองท่ามกลางสายตาคาดหวังของพ่อแม่เด็กและผู้ว่า และเริ่มตรวจร่างกายให้เด็ก
เจ้าอ้วนหลี่ก็อุ้มเด็กอีกคนเดินเข้าไปรักษาในเขตรักษา
ณ ที่ตรงนั้น
กล้องสองตัวของกองถ่ายมากันคนละฟากและเล็งไปที่ซูเย่กับเจ้าอ้วนหลี่ และสองสามีภรรยาที่ตามมาติด ๆ แล้วก็ยังมีกล้องอีกตัวที่เล็งไปที่หลัวหย่งคัง
หลังจากพาเด็กมายังเขตรักษาแล้ว
ซูเย่รีบหยิบเข็มเงินออกมาทำการฝังเข็ม
หนนี้
ซูเย่ไม่ได้ใช้การฝังเข็มธรรมดา แต่ผสานวิชาฝังเข็มเด็กและวิชาฝังเข็มสองมือไว้ด้วยกัน ก่อนจะลอบเร่งพลังปราณเพื่อรักษาเด็ก
เมื่อเห็นภาพนี้
ทุกคนในที่นี้ตะลึง
โดยเฉพาะตระกูลเจิ้งผู้เชี่ยวชาญการฝังเข็มและตระกูลหลี่ผู้เชี่ยวชาญกุมารเวชศาสตร์
เมื่อเห็นซูเย่ใช้วิชาลับของทั้งสองตระกูลได้พร้อมกัน เจ้าบ้านทั้งสองตระกูลอึ้งไป
พวกเขาไม่คิดเลยว่า
ซูเย่จะเรียนรู้วิชาลับของพวกเขาไปหมด ซ้ำยังรู้จักผสมผสานปรับใช้อีกด้วย!
และตอนผสานดูช่ำชองมาก ไม่มีทีท่าไม่ชินเลยแม้แต่น้อย
ซูเย่รักษาได้ว่องไวมาก
ช่วงคาเข็ม
ซูเย่แหงนหน้ามองเจ้าอ้วนหลี่ที่กำลังรักษาอยู่ฟากโน้น พบว่าตอนที่เจ้าอ้วนหลี่ตรวจเสร็จและเตรียมทำการรักษา กลับขมวดคิ้วขึ้นมากะทันหัน เหมือนไม่รู้จะลงมือตรงไหนดี
ลังเลอยู่พักใหญ่
เจ้าอ้วนหลี่คิ้วขมวดเป็นปม ส่ายหัวอย่างอ่อนใจ
“ไม่ได้”
ตอนที่พูดคำนี้ เขาวางเข็มเงินในมือลง
“ให้เป็นหน้าที่ฉัน”
เสียงของซูเย่ดังเข้ามาอย่างถูกจังหวะ
“หืม?”
เจ้าอ้วนหลี่ตกใจ ถามขึ้นทันควัน “นายรักษาเสร็จแล้วเหรอ”
ซูเย่พยักหน้า
บูม!
ทุกคนในที่นี้ตะลึงกันหมด
รักษาเสร็จแล้วเหรอ!!?