เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - บทที่ 125 ซูเย่เริ่มบรรยาย!
บทที่ 125 ซูเย่เริ่มบรรยาย!
“นี่มันเป็นไปได้ยังไง”
เมื่อเห็นซูเย่พยักหน้ายืนยัน เจ้าอ้วนหลี่สีหน้าเปลี่ยนไปทันที รีบอุ้มเด็กเดินไปทางซูเย่ ขณะเดียวกับที่วางเด็กที่ตัวเองรักษาไม่ได้ลงก็ทำการตรวจร่างกายให้เด็กที่ซูเย่รัก กษา
ระหว่างการตรวจ ใบหน้าของเจ้าอ้วนหลี่ฉายแววเหลือเชื่อออกมาช้าๆ
ไม่นึกเลย
ซูเย่ทำได้จริง ๆ ถึงขั้นรักษาเด็กหายได้จริง ๆ
เจ้าบ้านตระกูลแพทย์แผนจีนหลายท่านรวมถึงปรมาจารย์แพทย์แผนจีนสองท่านและปรมาจารย์แพทย์แผนจีนพื้นบ้านอีกสองท่านรีบเข้ามาตรวจร่างกายให้เด็ก
ตรวจเสร็จ ทุกคนอึ้งกันหมด
“เจ้าหนุ่มนี่ใช้ได้ รักษาหายแล้วจริง ๆ”
ปรมาจารย์แพทย์แผนจีนว่านเฉิงหยิงมองซูเย่ที่กำลังรักษาด้วยหน้าตาอึ้ง ๆ
โรคแบบนี้ ต่อให้เขาลงมือรักษาเองก็ใช่ว่าจะหาย แต่ซูเย่กลับรักษาหายในเวลาสั้น ๆ แค่สิบกว่านาที
ปรมาจารย์แพทย์แผนจีนตู้ชิวเฟิงก็จ้องซูเย่ด้วยสีหน้าตะลึงเช่นกัน ไม่เข้าใจว่าซูเย่รักษาคนไข้หายในเวลาสั้น ๆ แค่สิบกว่านาทีได้ยังไง
คนอื่น ๆ ต่างมองซูเย่ด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ
มีเพียงแม่ของเด็กที่ใบหน้าฉายแววตื้นตันและดีใจ น้ำตาไหลนองหน้า สายตาที่มองซูเย่เต็มไปด้วยความซาบซึ้ง
ซูเย่ตรวจดูอาการของเด็กอีกคน หลังจากรู้อาการแน่ชัดแล้วว่าเหมือนกัน
จึงลงมือทันที
และรักษาต่อด้วยวิธีเดียวกัน
ฝูงชนล้อมอยู่รอบ ๆ แต่ละคนจ้องซูเย่ตาไม่กะพริบ อยากเห็นว่าซูเย่รักษายังไงกันแน่
ทว่า
จนกระทั่งซูเย่รักษาลูกคนที่สองหายแล้วก็ยังไม่มีใครดูออกว่าอะไรเป็นอะไร
“เรียบร้อย”
เขาทำการคาเข็มให้เด็กคนที่สอง
ซูเย่พ่นลมหายใจยาว พูดด้วยท่าทางอ่อนล้า “โรคของเด็ก ๆ หายหมดแล้ว เพื่อความสบายใจ พวกคุณรีบพาลูกไปตรวจที่โรงพยาบาล ผมยังอยู่ที่นี่อีกหลายวัน หากมีปัญหามาหาผมได้ทุกเมื่อ ”
“รักษาหายแล้วจริง ๆ เหรอ?”
พ่อแม่ถามด้วยความรู้สึกที่ทั้งคาดหวังและไม่อยากเชื่อในคราเดียวกัน น้ำเสียงเปี่ยมไปด้วยความหวัง ราวกับกลัวว่าฝันจะสลายอีกครั้ง
พวกเขาฝันสลายไปสองหนแล้ว
หากครั้งนี้สลายอีก พวกเขาคงรับไม่ได้อีกต่อไปแล้วจริง ๆ
ซูเย่กล่าวยิ้ม ๆ “หายแล้วจริง ๆ ครับ”
พ่อแม่ยังไม่ค่อยอยากเชื่อ รีบหันไปมองคนอื่น
หลี่เจิ้งต้าวที่ตรวจร่างกายเด็กคนที่สองเสร็จยิ้มพยักหน้าให้พ่อแม่เด็ก
ฟึ่บ!
น้ำตาของพ่อแม่คู่นั้นไหลลงมาอย่างหยุดไม่ได้
“ขอบคุณ ขอบคุณท่านมากหมอซู”
พวกเขาอุ้มลูกไว้คนละคน โค้งคำนับขอบคุณซูเย่ไม่หยุด
“ขอบคุณ ขอบคุณ!”
รองผู้ว่าหลัวหย่งคังก็โค้งคำนับขอบคุณซูเย่เช่นกัน และโค้งคำนับทุกคน
“เป็นสิ่งที่พวกเราควรทำ รีบไปตรวจเถอะ พวกคุณจะได้สบายใจ”
ซูเย่โบกมือพลางกล่าว
“อืม ๆ”
พ่อแม่คู่นั้นอุ้มลูกเดินไปตรวจที่โรงพยาบาลที่หนึ่งแห่งมณฑลพร้อมกับรองผู้ว่าภายใต้การนำทางของเจ้าหน้าที่
รอจนหลัวหย่งคังพาคนออกไปแล้ว สายตาทุกคู่เพ่งไปที่ซูเย่
“นายรักษาได้ยังไง?”
ไม่รอให้ใครได้พูดอะไร เจ้าอ้วนหลี่ชิงถามขึ้นมาก่อน สายตาจ้องซูเย่เขม็ง
“ในระบบของแพทย์แผนจีนตะวันตก สาเหตุมะเร็งเม็ดเลือดขาวจนบัดนี้ยังไม่เป็นที่ชัดเจน รู้เพียงเม็ดเลือดขาวพุ่งขึ้นสูงไม่หยุด ส่วนเม็ดเลือดแดงก็ลดลงเรื่อย ๆ สาเหตุอะไรกันที่ทำให้ สมดุลเสียยังไม่รู้ชัดเจน และไม่มีวิธีป้องกัน”
ซูเย่เริ่มเอ่ยขึ้น “ในแพทย์แผนจีน เวลาตรวจอาการของคนไข้ประเภทนี้จะเจออาการเย็นจริงร้อนลวง มือเท้าเย็นเยียบ ชีพจรย้อนกลับ”
ทุกคนพยักหน้า เรื่องพวกนี้พวกเขาก็ทราบ
“แพทย์แผนจีนของเราใช้หลักหยินหยาง แต่หยินหยางประกอบด้วยสิ่งใดบ้าง”
ซูเย่กล่าว “ตัวผมเองคิดว่าหยางในแพทย์แผนจีนบางส่วนคือเม็ดเลือดขาว หยินบางส่วนคือเม็ดเลือดแดง”
เมื่อเขาพูดเช่นนี้ ทุกคนก็สะท้านกันหมด
พวกเขาไม่เคยแยกหยินหยางอย่างละเอียดจากมุมนี้มาก่อนเลย
“หยางมากเกินไป หยินย่อมลด นี่คือหลักการปู๋ยี่”
“หยางคือแรงกระตุ้นให้ก่อประโยชน์ต่อร่างกาย หยินคือประโยชน์ต่อร่างกาย ประโยชน์ต่อร่างกายมีสัดส่วนแรงกระตุ้นที่เข้าคู่กัน แต่การสลายประโยชน์มาเป็นแรงกระตุ้นก็มีกระบวนการของมั นเช่นกัน”
พูดมาถึงตรงนี้ ซูเย่เว้นจังหวะนิดหน่อย “อย่างเช่นเราตั้งหมอบนกองไฟ ในหม้อมีน้ำมันก็จะทำกับข้าวได้ แต่ถ้าไม่มีหม้อ ราดน้ำมันลงกองเพลิงเลย ผลเป็นยังไงเราต่างรู้กันดี”
“เราสามารถมองลำไส้เล็กของมนุษย์ให้เป็นหม้อ แหล่งไฟเกิดจากจุดหมิงเหมินระหว่างกลางของทั้งสองไต เวลานี้จุดศูนย์กลางของชีวิตมนุษย์มีไฟและหม้อแล้ว ของเหลวที่ตับม้ามสกัดเปรียบ บดั่งน้ำมัน หากรวมทั้งหมดเข้าด้วยกันก็จะเกิดพลังย่อยมหาศาล สามารถดูดกลืนประโยชน์เข้าม้ามสู่ร่างกายได้สูง ประโยชน์เหล่านี้ถูกแบ่งสรรโดยม้ามเข้าไปในหัวใจ ตับ ม้าม ปอด ไต การลำเล ลียงประโยชน์เหล่านี้พึ่งพาเส้นเลือด น้ำเหลือง และระบบฮอร์โมน”
“ประโยชน์เหล่านี้เก็บกักไว้ในอวัยวะภายในต่าง ๆ ทว่าไม่มีการระบายออก”
“การปลดปล่อยพลังงานหรือก็คือ ‘หยาง’ ในเวลาที่ร่างกายมนุษย์ต้องการเพื่อหล่อเลี้ยงร่างกาย ส่วนพลังงานที่เกิดจากอวัยวะภายในต้องเข้าสู่ไขสันหลังก่อนจึงจะกระจายไปทั่วร่าง หลังจากป ปลดปล่อยพลังงานออกไปแล้วย่อมก่อให้เกิดน้ำ น้ำส่วนหนึ่งไหลออกมาจากร่างกายเพื่อถ่วงดุลอุณหภูมิที่สูงเกินไปของร่างกาย น้ำที่เหลือจะหล่อเลี้ยงไปทั่วร่างเพื่อรักษาประโยชน์ในกาย”
“ด้วยเหตุนี้ หยินหยางจึงถ่วงดุลกันและกัน”
“คนที่แข็งแรงเป็นปกติหลังจากร่างกายเสียสมดุลมีความสามารถในการรักษาตัวเอง อย่างเช่นมืออักเสบหรือภายในอักเสบ เม็ดเลือดขาวหรือก็คือ ‘หยาง’ จะพุ่งสูง หลังจากอาการหายดีแล้วจะกลับ บสู่ภาวะสมดุลอีกครั้ง”
“เช่นนั้น ในสถานการณ์ที่หยินหยางสมดุล ประโยชน์ความหนาแน่นสูงไม่อาจเข้าไปในอวัยวะภายในได้เช่นกัน และในเวลาที่มีอาการรั่วซึมออกมาข้างนอกจะเกิดสถานการณ์สองรูปแบบ หนึ่งคืออวัยวะ ะภายในป่วย สองคือมะเร็งเม็ดเลือดขาว”
พูดมาถึงตรงนี้
ซูเย่หยุดลง
หลังจากนี้ไม่มีอะไรให้ต้องพูดอีก ในเมื่อบอกทฤษฎีการเกิดไปแล้ว จะรักษายังไงต่อนั้นทุกคนเป็นผู้เชี่ยวชาญกันหมด ต่างมีฝีมือของตัวเอง
คนรอบ ๆ ครุ่นคิดกันหมด
“มีเหตุผล”
ปรมาจารย์แพทย์แผนจีนว่านเฉิงหยางขบคิดอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้น “เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ยินว่ามีคนแยกแยะหยินหยางจากเม็ดเลือดแดงและเม็ดเลือดขาวของแพทย์แผนตะวันตก แต่ที่พูด ดมาก็มีเหตุผล”
ว่านเฉิงหยางมองซูเย่ด้วยความตะลึงและถาม “นายรู้ได้ยังไง?”
“เพราะก่อนหน้านี้ผมเรียนแพทย์แผนตะวันตกครับ”
ซูเย่ตอบยิ้ม ๆ
ทุกคนกระจ่างแจ้ง
เรียนแพทย์แผนตะวันตกมาก่อน ค่อยมาศึกษาแพทย์แผนจีน
ด้วยพรสวรรค์ด้านแพทย์แผนจีนที่ซูเย่แสดงออกมา พรสวรรค์ด้านแพทย์แผนตะวันตกของเขาก็ต้องเก่งกาจจนเหลือเชื่อเช่นกัน
อัจฉริยะที่มีความรู้ในทุกด้านของแขนงแพทย์แผนจีนและแผนตะวันตก หนำซ้ำยังผสมผสานได้อย่างลงตัว บอกหลักการเช่นนี้ได้ก็ไม่แปลก
ดูท่าหินจากเขาอื่นทลายหยกในเขานี้ได้จริง ๆ
หลี่เจิ้งต้าวมองซูเย่อย่างมีความหมาย ก่อนจะเดินไปอยู่ข้างกายกรรมการทั้งสี่และสอบถามทั้งสี่ท่านถึงผลการสลับตรวจเมื่อกี้
“เอาล่ะ”
หลังจากสอบถามเสร็จ หลี่เจิ้งต้าวตะโกนเรียกความสนใจจากทุกคนในที่นี้เข้ามาพลางกล่าว “ผลการประลองสุดท้ายวิชากุมารเวชศาสตร์ออกมาแล้ว”
“หลังจากปรมาจารย์แพทย์แผนจีนสองท่านและปรมาจารย์แพทย์แผนจีนพื้นบ้านสองท่านสลับกันตรวจผล ผลลัพธ์สุดท้ายคืออัตราหายป่วยของทั้งสองฝ่าย 100%!”
“ถ้าเช่นนั้น การประลองนี้จะตัดสินยังไง”
ขณะที่พูด
หลี่เจิ้งต้าวหันมองซูเย่และเจ้าอ้วนหลี่
ในฐานะกรรมการ เขาต้องตัดสินด้วยความยุติธรรม แต่ผลการประลองแทบจะเสมอกันทุกครั้ง สถานการณ์แบบนี้ทำให้เขาผู้ทำอะไรเด็ดขาดมาตลอดยังไม่รู้ว่าต้องตัดสินยังไง
ไม่ใช่แค่เขา
กรรมการอีกสี่ท่านรวมถึงทุกคนในที่นี้ต่างไม่รู้ว่าควรตัดสินยังไง
ในขณะที่ทุกคนลำบากใจไม่รู้จะเลือกยังไง เจ้าอ้วนหลี่พลันถอนหายใจยาว
“ฉันแพ้แล้ว”
พูดเสร็จเขาหันไปมองซูเย่ “ฉันแพ้แล้ว คู่แฝดถือเป็นการประลองเพิ่มเติม หลังได้เห็นขั้นตอนการรักษาสองแฝด ฉันสู้ซูเย่ในด้านกุมารเวชศาสตร์ไม่ได้จริง ๆ”
เมื่อเขาพูดเช่นนี้
ฝ่ายแพทย์แผนจีนพื้นบ้านคิ้วขมวด ถอนหายใจเงียบ ๆ
ถึงแม้ใจจะไม่อยากเห็นผลลัพธ์แบบนี้ แต่พวกเขารู้ดีว่าตัวเองต้องยอมรับผล เพราะความจริงก็เป็นเช่นนั้น
เทียบกับแพทย์แผนจีนพื้นบ้าน
ฝ่ายมหาวิทยาลัย ดีใจกันหมดทุกคน
“ซูเย่โคตรเจ๋ง!”
“ฉันรู้อยู่แล้วว่านายต้องชนะ”
“สมกับเป็นอัจฉริยะฝ่ายมหาวิทยาลัยของเรา”
ทุกคนชมซูเย่โดยไม่งกคำชมเลยสักนิด
ตอนนี้ชนะมาสี่วิชาแล้ว
จากแพ้วิชารัวมาในจุดที่ชนะสี่วิชารวด ซูเย่เป็นคนพลิกสถานการณ์ด้วยตัวคนเดียว
หลังจากนี้เหลืออีกสามวิชา
ทุกคนฝ่ายมหาวิทยาลัยกำหมัดแน่นกันหมด
ชนะอีกวิชาไม่ขาดทุน ชนะอีกสองวิชาเสมอ ชนะอีกสามวิชากำไรงาม!
“เดี๋ยวก่อน!”
จู่ ๆ เจ้าอ้วนหลี่ก็เดินเข้าไปจับแขนซูเย่มาโอบไหล่ตัวเอง ยิ้มกว้างให้กล้องพร้อมกล่าว “แม้ว่าฉันจะแพ้ แต่วิธีนวดคลึงของตระกูลหลี่เรายังคงดีที่สุดในประเทศ ยินดีต้อนรับผู มีอุดมการณ์มาเข้าร่วม ผู้สมัครหนึ่งร้อยคนแรกมีส่วนลดพิเศษนะครับ!”
พูดเสร็จหันไปยิ้มกว้างให้กล้องอีกครั้ง
จากนั้น
เขาปล่อยมือซูเย่
เดินกลับไปทางด้านแพทย์แผนจีนพื้นบ้าน
เมื่อเห็นภาพนี้
ทุกคนในที่นี้ “…..”
ซูเย่ก็คิดไม่ถึง
ว่าตัวเองจะตกเป็นป้ายโฆษณาของคนอื่น
เจ้าอ้วนนี่ น่าสนใจแฮะ
“ถ้าคิดตามแล้ว นี่ก็เป็นธุรกิจที่ไม่เลวนะ”
ซูเย่เริ่มอยาก
เจ้าอ้วนหลี่ทำแบบนี้ได้ ทำไมตัวเองจะทำไม่ได้
ค่าสมัครบวกค่าอบรมคนละแสน สมัครหนึ่งพันคนก็ได้หนึ่งร้อยล้านเลยนะ
อีกอย่าง
นี่เป็นการถ่ายทอดวิชาอย่างเดียว
ไม่มีต้นทุน กำไรเน้น ๆ ไม่มีขาดทุน!
ที่สำคัญกว่านั้นการนวดคลึงไม่จำเป็นต้องมีใบประกอบอาชีพหมอ ขอเพียงใบอนุญาตหมอนวดก็พอ เรื่องนี้ง่าย!
“ใช้ได้นี่ เจ้าอ้วน”
ซูเย่หันไปมองเจ้าอ้วนหลี่ที่หัวเราะเฮ่ะ ๆ “ขอบใจนะ”
“ฉันขอประกาศ”
หลี่เจิ้งต้าวประกาศเสียงดังฟังชัด “เนื่องจากหลี่เผียวชุนยอมแพ้เอง ผู้ชนะวิชากุมารเวชศาสตร์คือซูเย่จากมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยาง”
ทุกคนพยักหน้า เสียงปรบมือดังกึกก้องไปทั้งสถานที่
“พรุ่งนี้จะเริ่มการประลองวิชารักษาไข้”
หลี่เจิ้งต้าวกล่าวต่อ “ขอให้ผู้เข้าประลองทุกท่านเตรียมตัวล่วงหน้า”
“วันประลองวันนี้จบลงเท่านี้ ทุกคนสลายตัวได้”
ฝูงชนในที่ตรงนั้นแยกย้ายกันไป
ด้านแพทย์แผนจีนพื้นบ้าน
ทันทีที่กลับถึงโรงแรม เจ้าบ้านฉินก็เรียกทุกคนเข้าประชุมในห้องประชุม
ต่างจากก่อนหน้านี้
ครั้งนี้สีหน้าที่ทุกคนเดินเข้าห้องประชุมเคร่งเครียดกันหมด
บรรยากาศหนักอึ้งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“นั่งลงกันเถอะ”
เจ้าบ้านฉินนั่งลงตรงที่ประธานก่อน พร้อมกวาดสายตามองเจ้าบ้านแต่ละคนพร้อมสูดหายใจเข้าลึก และพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ตอนนี้สถานการณ์ที่เราเผชิญเกิดการผิดพลาดจากที่คาดไว้ ทุ กคนว่ามาได้เลยว่าตอนนี้พวกคุณมีความเห็นยังไง”
ทุกคนเงียบกันหมด
ทีแรกนึกว่าจะชนะได้ง่ายดาย แต่ไม่คิดเลยว่าหลังจากชนะหกวิชารวดในวันแรก สิ่งที่ได้มากลับเป็นการแพ้สี่หนติด ซ้ำยังแพ้ให้กับคนคนเดียว
“เหลืออีกสามวิชาไม่ใช่เหรอ พวกเรายังมีโอกาส”
เจ้าบ้านคนหนึ่งถาม
เสียงพูดเซ็งแซ่
ทุกคนในห้องประชุมหันไปมองสามตระกูลใหญ่ผู้เชี่ยวชาญอายุรศาสตร์ การรักษาไข้รากสาด และวิชาอาคมที่เหลืออยู่
“ใช่แล้ว ยังมีโอกาสอีกสามวิชา”
เจ้าบ้านฉินพยักหน้าอย่างแน่วแน่พร้อมกล่าว “ดังนั้น สามวิชาหลังจากนี้พวกเราจำต้องชนะหนึ่งวิชาให้ได้ ห้ามเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้นอีกเป็นอันขาด”
พูดไป
เจ้าบ้านฉินหันไปมองสามตระกูลใหญ่ผู้เป็นตัวแทนของสามวิชาที่เหลือ
“อายุรศาสตร์ของตระกูลฉินเรา การรักษาไข้รากสาดของตระกูลหม่า รวมถึงวิชาอาคมของตระกูลหย่วน”
ขณะที่พูดถึงทั้งสามตระกูลใหญ่ เจ้าบ้านฉินขมวดคิ้วและถาม “พวกคุณมีความมั่นใจไหม?”
ตระกูลหม่าเงียบ
ถ้าเป็นยี่สิบสี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ พวกเขาสามารถให้คำตอบได้เลยว่าชนะแน่นอนด้วยความมั่นใจ
แต่ตอนนี้
หลังพวกเขาได้เห็นความน่าทึ่งที่ซูเย่แสดงให้เห็น ก็ไม่กล้ายืดอกมั่นใจได้อีกต่อไป
ในฐานะเจ้าบ้านฉินผู้เชี่ยวชาญอายุรศาสตร์ หลังจากถามก็เงียบไปเช่นกัน
เขาก็ไม่กล้ารับประกันว่าชนะได้แน่นอน
ที่เหลืออยู่คือวิชาอาคม
“วิชาอื่นฉันไม่สะดวกให้ความเห็น แต่วิชาของฉันชนะแน่นอน!”
เสียงมั่นใจของผู้เข้าประลองตระกูลหย่วนดังออกมา