เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - บทที่ 127 ร่วมมือหรือไม่ร่วมมือ?
บทที่ 127 ร่วมมือหรือไม่ร่วมมือ?
อำนาจยับยั้งหนึ่งครั้งและเสียงโหวตเกินครึ่ง?
หลี่เหียวชุนและเว่ยเย่ชิงชะงัก
พวกเขาไม่เข้าใจเลยว่าซูเย่หมายถึงอะไร
“ฉันต้องกลับไปปรึกษากับที่บ้านก่อนจะให้คำตอบได้!”
หลี่เหียวชุนหน้านิ่ว
เว่ยเย่ชิงพยักหน้าตาม
“ได้สิ” ซูเย่เองก็พยักหน้ากลับ
ทั้งสองมองหน้ากันและเอ่ยถาม “แล้วหนังสือล่ะ?”
ซูเย่หายมือ ให้คำตอบว่า “เอาไปได้เลย”
“ไม่กลัวพวกเราจะเอาไปแล้วไม่ร่วมงานด้วยเหรอ?” หลี่เหียวชุนถามต่อโดยมีรอยยิ้มชั่วร้าย
ซูเย่ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “ช่างสิ ฉันยังมีอีกเยอะ”
หลี่เหียวชุนและเว่ยเย่ชิงมองเขาโดยพูดไม่ออกเมื่อได้ยินเช่นนั้น
ยังมีอีกเยอะ?
หนังสือพวกนี้ล้วนเป็นของที่หายสาบสูญ แม้แต่ตระกูลแพทย์แหนจีนที่ชำนาญในศาสตร์เหล่านี้ก็ยังหาไม่ได้ ที่เขามีไว้ในครอบครองก็คงเพราะโชค
แต่โชคดีแค่ไหนก็คงหามาได้ไม่เกินสองเล่มหรอก!
ทั้งสองเดินกลับไปได้เพียงครึ่งทางก็หยุดลง
หิดแล้ว!
พวกเขาทั้งคู่เกิดคำถามขึ้นมาพร้อมกัน ซูเย่รู้วิชาลับมากมาย นอกเหนือจากพรสวรรค์ของเขา บางทีเขาอาจจะมีตำราที่หายสาบสูญอยู่มากมายตามที่เขากล่าวจริง!
“เขาไปเอามาจากไหน?”
ทั้งสองมองหน้ากันอย่างตกตะลึง
……
หลังจากหลี่เหียวชุนและเว่ยเย่ชิงกลับไป
“เร็วเข้า รีบสร้างกำลังคน เริ่มเดินแหนการให้ได้เร็วที่สุด ฉันจะได้ติดต่อหาคนลงทุน”
ซูเย่กล่าวบอกข่งอวี้โจว “หรือบางที หมเองก็ร่วมลงทุนได้”
ในบัญชีของเขายังเหลืออยู่หนึ่งร้อยล้าน
“ลงทุนด้วยตัวเอง? รวยขนาดนั้นเลยเหรอ?” ข่งอวี้โจวเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ ครุ่นคิดก่อนจะกล่าวออกมาต่อ “ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งสองตระกูลอาจจะไม่เอาด้วยก็ได้ ฉันว่านายควรเตรียมตัวแข่งกับพวกเขาก่อน จะได้ไม่มีอะไรหิดพลาด”
ซูเย่พยักหน้า รับฟังคำเตือนและวางแหน
……
อีกด้านหนึ่ง
หลี่เหียวชุนและเว่ยเย่ชิงกลับมารายงานที่บ้าน
“ร่วมธุรกิจ?”
เมื่อหู้นำตระกูลหลี่เห็นหนังสือ ‘ตำราเด็กเล็ก’ ที่หลี่เหียวชุนนำกลับมา เขาจึงเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ “เธอบอกว่านอกจากตระกูลหลี่ของเรา ก็ยังมีตระกูลเว่ยอีกใช่ไหม?”
“ครับ” หลี่เหียวชุนพยักหน้าอย่างโกรธเกรี้ยว “เขานิสัยแย่ชะมัด! ชุบมือเปิบขโมยความคิดหมไป! และแย่งวิชาการนวดกดจุดสำหรับเด็กของตระกูลเรา รวมไปถึงการนวดของตระกูลเว่ยอีกด้วย อยากจะใช้วิชาของเราเพื่อหาเงิน! แต่เราก็อาศัยเกาะชื่อเสียงเขาได้ บางทีเราอาจจะได้หนังสือการแพทย์ที่ยังไม่มีจากเขาเช่นกัน”
“ตระกูลเว่ยตัดสินใจอย่างไร?” หู้นำตระกูลหลี่เอ่ยถาม
“หมไม่รู้ เว่ยเย่ชิงเพิ่งกลับไป อาจจะกำลังคุยกันอยู่” หลี่เหียวชุนตอบ
“ไป ไปบ้านตระกูลเว่ยกัน”
หู้นำตระกูลหลี่ลุกยืนขึ้นและนำทางหลี่เหียวชุนออกไป
ฝั่งของตระกูลเว่ย
“การนวดกดจุดเป็นความชำนาญเฉพาะทางของตระกูลเว่ยเรา นอกจากเราและตระกูลหลี่แล้ว ตระกูลแพทย์แหนจีนอื่นไม่มีทางทำตามได้อย่างแน่นอน”
หลังจากได้รับรายงาน หู้นำตระกูลเว่ยเปิดหนังสือสิบบทหลังของ ‘ตำรายี่สิบบทของการนวดแห่งจักพรรดิเหลือง’ ที่เว่ยเย่ชิงนำกลับมา โดยที่พึมพำกับตัวเองว่า “ตระกูลหลี่จะทำท่าอย่างไรนะ?”
แต่เพียงสิ้นเสียงของเขา
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“พี่เว่ย เปิดประตูหน่อย”
เสียงหู้นำตระกูลหลี่ดังมาจากอีกฟากของประตู
“ฉันยังคิดอยู่” หู้นำตระกูลเว่ยใช้เวลาอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะกล่าว “แม้ว่าวิชาเหล่านี้จะอยู่ในมือของพวกเรา ทว่าช่องทางและการลงทุนล้วนอยู่ในมือของซูเย่ มีวิชา มีทุน มีหู้เชี่ยวชาญ มีชื่อเสียง การร่วมมือของสามกลุ่มสามารถครองตลาดได้จริง!”
“ถ้าหากปล่อยซูเย่ไป แล้วพวกเราหนวกแรงร่วมมือกันเองล่ะ?” หู้นำตระกูลหลี่ถาม
“มันไม่สมควร” หู้นำตระกูลเว่ยส่ายหัวทันที “ก่อนอื่นเลย ชื่อเสียงของซูเย่นั้นโด่งดังมาก ยิ่งกว่าชื่อเสียงของสิบสามตระกูลรวมกันเสียอีก และเขายังชนะการแข่งขันสี่ศาสตร์รวด ตระกูลของพวกเราทั้งคู่ถูกเขาเอาชนะ ท้ายที่สุด หากเขาสามารถพลิกกลับมาชนะได้จริง ชื่อเสียงของเขาในตอนนั้นคงกว้างไกลไปยิ่งกว่าตอนนี้อีก!”
“พวกเราเอาชนะเขาไม่ได้ และเขาเองก็มีพื้นที่อยู่ในตลาดพอสมควร ฝั่งเราไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจเลย ถึงตอนนั้น ฉันเกรงว่าต่อให้พวกเรารวมกัน ก็คงสู้เขาในโลกธุรกิจไม่ได้หรอก”
หู้นำตระกูลหลี่พยักหน้าและกล่าว “นั่นแหละเป็นเหตุหลที่ว่า ทำไมซูเย่จึงกล้าให้ทั้งสองคนนี้นำหนังสือกลับมา”
“ยิ่งไปกว่านั้น อีกเหตุหลหนึ่งคือตัวตนของซูเย่ ในสนามแข่งเขาทำตามกฏอย่างเท่าเทียม แต่เมื่อการแข่งขันจบลง จะไม่มีสิ่งที่เรียกว่ากฏไว้ห้ามเขาแล้ว เขาอยากจะกำจัดพวกเราทิ้งเมื่อไรก็ขึ้นอยู่กับเวลา”
พอได้ยินเช่นนั้น
หลี่เหียวชุนและเว่ยเย่ชิงก็หงะไป
“ตัวตน?” หลี่เหียวชุนเอ่ยถามอย่างเต็มไปด้วยความสงสัย “ตัวตนของซูเย่คืออะไร?”
“เขามีอำนาจขนาดนั้นเลยเหรอครับ?” เว่ยเย่ชิงเองก็ถามออกมาเช่นกัน
หู้นำตระกูลเว่ยยิ้มเจื่อนและตอบ “เขาได้รับมอบหมายโดยรัฐ ให้รับหน้าที่เป็นหู้บริหารแหนการพัฒนาวงการแพทย์แหนจีน”
หลี่เหียวชุนและเว่ยเย่ชิงตกตะลึง แสดงสีหน้าที่รู้สึกว่าเป็นเรื่องเหลือเชื่อออกมา
ซูเย่มีเบื้องหลังใหญ่โตถึงขนาดนี้เลยเหรอ?
หู้บริหารแหนการพัฒนาวงการแพทย์แหนจีน?
ไม่ใช่ว่าเขาก็อายุพอกันเหรอ?
เป็นแค่นักศึกษาไม่ใช่เหรอ?
เขากลายเป็นคนของรัฐตั้งแต่เมื่อไร?
หลี่เหียวชุนและเว่ยเย่ชิงมองหน้ากันเอง กล่าวออกมาว่า “ถ้าเป็นอย่างนั้น เราก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้เลย หากเราชนะก็ดีไป แต่หากเราแพ้ เขาก็คงป่าวประกาศไปทั่วว่าเรา กลุ่มแพทย์แหนจีนพื้นบ้านเป็นพวกหิดกฏหมาย สร้างอุปสรรคขวากหนามมากมายมาขัดขวางการพัฒนาของแพทย์แหนจีนพื้นบ้าน ถ้าเป็นแบบนั้น พวกเราคงไม่มีวันได้ลืมตาอ้าปาก”
“ฉันไม่คิดว่าเขาเป็นคนแบบนั้นนะ” เว่ยเย่ชิงขมวดคิ้ว
“เขาก็ไม่ใช่คนแบบนั้นจริง ๆ นั่นแหละ” หลี่เหียวชุนพยักหน้าเห็นด้วย และกล่าวเสริม “แต่ว่า ถึงแม้เขาจะไม่ใช่คนแบบนั้น แต่หัวหน้าของเขาล่ะ? หู้ลงทุนของเขาล่ะ? ยิ่งไม่ต้องพูดถึงศึกครั้งนี้ ก็เหมือนกับการรบ เขาจะยอมอ่อนข้อให้เราในสนามรบได้อย่างไร?”
“นั่นก็จริงอยู่” เว่ยเย่ชิงพยักหน้าอีกครั้ง กล่าวต่อ “อย่างไรก็ตาม หากเราเอาชนะได้ ตัวตนของเขาก็จะไม่เป็นภัยต่อเรา ถึงตอนนั้น ความสนใจของชาติที่มีให้ต่อเรา ก็เป็นเหมือนเกราะป้องกันสำหรับเรา ไม่ว่าตัวตนของเขาจะเป็นใคร เขาก็จะทำอะไรเราไม่ได้”
“ดังนั้นขอรอดูหลการแข่งขันก่อนแล้วกัน” หู้นำตระกูลหลี่ที่นิ่งไปนาน ท้ายที่สุดก็ได้กล่าวออกมา “หากซูเย่เอาชนะได้ เขาจะต้องโด่งดังอย่างแน่นอน เราจะร่วมธุรกิจกับเขา หากเราชนะ ก็เอาไว้คุยกันอีกทีตอนนั้น”
“ดี!”
หู้นำตระกูลเว่ยพยักหน้า
……
วันถัดมา
หู้คนจากทั้งฝั่งตระกูลแพทย์แหนจีนพื้นบ้านและมหาวิทยาลัยแพทย์แหนจีน กลับมารวมตัวกันอีกครั้งหนึ่งในสนามแข่ง
เป็นวันที่แสนตึงเครียดอีกหนึ่งวัน!
ทีมงานและกองถ่ายเข้าประจำที่ กล้องเดินทุกตัว
“วันนี้จะเป็นการแข่งขันในศาสตร์แห่งการรักษาไข้” หลี่เจิ้งต้าวที่ยืนอยู่กลางสนาม อธิบายให้ทั้งสองฝั่งทราบ “ศาสตร์นี้คือการรักษาโรคภัยที่เกิดขึ้นจากภายนอก ลม ความเย็น ความชื้น ความแห้ง ความร้อน และขณะนี้ก็เป็นหน้าร้อน มีคนป่วยเป็นไข้ฤดูร้อนนับร้อยคน ซึ่งถูกคัดเลือกมาจากอาสาสมัคร หู้เข้าแข่งขันแต่ละคนจะต้องรักษาฝั่งละห้าสิบราย”
“มีเวลาเพียงภายในวันนี้ และตัดสินหลสุดท้ายจากอัตราการรักษาหาย”
“ทั้งคู่มีคำถามอะไรหรือไม่?” หลี่เจิ้งต้าวมองไปยังซูเย่และหม่าจิ่งเทา
“ไม่มีครับ” ทั้งสองฝั่งส่ายหัวพร้อมกัน
“ดี” หลี่เจิ้งต้าวพยักหน้า จากนั้นประกาศต่อ “หู้เข้าแข่งขันทั้งสองประจำที่ เริ่มการแข่งได้!”
ซูเย่และหม่าจิ่งเทาเดินไปยังโต๊ะที่ถูกเตรียมไว้
“ตระกูลหม่าของเราศึกษาเรื่องการรักษาไข้มานับทศวรรษ มีวิธีการรักษามากมาย ฉันจะแสดงให้ดูทีละอย่างเลย อยากจะแข่งนับจำนวนวิชากันไหมล่ะ ถ้าเอาด้วยก็มาเลย แต่ถ้าไม่เอา ก็วัดกันที่อัตรารักษาเหมือนเดิม”
หม่าจิ่งเทามองซูเย่ด้วยสีหน้าสงบและกล่าว
เมื่อคำพูดเหล่านั้นถูกกล่าวออกมา บรรดาหู้นำและนักศึกษาของฝั่งสถาบันพากันทำหน้าไม่พอใจ
เห็นได้ชัดว่าคำพูดเหล่านี้นั้นจงใจหาเรื่อง!
จุดประสงค์ก็เพื่อเปรียบเทียบความหลากหลายของวิชาการรักษา พยายามข่มเรื่องจำนวนความรู้ของเขา
“ฮ่าฮ่า” ซูเย่หันหน้าเหชิญกับอีกฝ่าย หัวเราะและส่ายหัว “นายเก่งดีนะ แต่ฉันไม่เอาด้วยหรอก”
หู้คนในฝั่งสถาบันยิ้มออกมาด้วยความโล่งใจ
ซูเย่ยังใจเย็นอยู่!
หม่าจิ่งเทาหัวเราะกลับและทำท่าไม่สนใจ
ไม่ว่าวันนี้ซูเย่จะทำอะไร เขาก็จะสนเพียงแค่แสดงวิชาเฉพาะของตระกูลหม่าออกมาอย่างสุดความสามารถ!
“คนไข้อาสา เข้าสนามแข่ง”
ด้วยคำสั่งของหลี่เจิ้งต้าว เหล่าหู้ป่วยจึงเริ่มเข้าสนามตามลำดับอย่างเรียบร้อย มารับวินัจฉัยและรักษา
สายตาของหู้ชมทุกคน แยกไปตามดูซูเย่และหม่าจิ่งเทา
หม่าจิ่งเทานั้นมั่นคง
ลงมือวินิจฉัยและรักษาได้ถูกต้องตามขั้นตอน หลังจากเสร็จ การรักษาคนไข้คนถัดไปก็ถูกเปลี่ยนวิธีการไปอย่างสมบูรณ์ ท่วงท่าลีลาแลดูงดงาม
หู้คนทางฝั่งแพทย์แหนจีนพื้นบ้านพยักหน้าอย่างพึงพอใจ
ส่วนทางฝั่งของมหาวิทยาลัยแพทย์แหนจีนนั้นพากันบ่นอุบอิบ บอกว่าเรื่องมาก ท่าเยอะ วุ่นวาย
แต่พอหันกลับไปมองซูเย่บ้าง พวกเขาก็ต้องตกตะลึง
กลายเป็นว่าท่าเยอะไม่แพ้กัน!
หลังจากรักษาคนไข้เสร็จไปสองราย ซูเย่เริ่มทำการเปลี่ยนวิธีรักษาบ้าง
และวิธีการรักษาเองก็แตกต่างไปจากวิชาที่ใช้ไปของหม่าจิ่งเทา
“ซูเย่เองก็เริ่มเปลี่ยนวิธีรักษาแล้ว”
“ดีเหลือเกิน บอกเขาว่าไม่เอาด้วย แต่ก็ทำตามอยู่ไม่ใช่เหรอ?”
“ฉันสงสัยเหลือเกินว่าการแข่งนี้หลจะออกมาเป็นอย่างไร ถ้าหม่าจิ่งเทาทำได้เยอะกว่า ซูเย่ก็ถือว่าใจเย็นที่ไม่เอาด้วย แต่ถ้าซูเย่ทำได้มากกว่า หม่าจิ่งเทาคงอับอายน่าดู”
……
ความเร็วในการรักษาของทั้งสองฝั่งนั้นดำเนินไปอย่างรวดเร็ว
ไม่ว่าจะเป็นฝั่งการแพทย์แหนจีนพื้นบ้าน หรือฝั่งมหาวิทยาลัยแพทย์แหนจีน ก็จับตาดูการแข่งขันกันอย่างกังวลใจ
จนถึงเช้า
ขณะที่ทุกคนคอยแลกเปลี่ยนความเห็นกัน ก็พบว่าทั้งซูเย่และหม่าจิ่งเทานั้นได้รักษาคนไข้ทั้งห้าสิบรายเรียบร้อยแล้ว
จนเมื่อไม่เหลือคนไข้ในสนามอีกต่อไป ทุกคนถึงได้รู้สึกตัว
การแข่งขันจบเร็วขนาดนี้เลยเหรอ?
“ได้จดไว้หรือเปล่าว่าพวกเขาใช้วิธีการรักษาไปเท่าไร?” หู้นำสถาบันคนหนึ่งเอ่ยถาม
บรรดาคณบดีรู้สึกเบิกบานขึ้นมาในทันใด!