เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - บทที่ 128 วิชาอาคมสุดยอด!
บทที่ 128 วิชาอาคมสุดยอด!
หม่าจิ่งเทาใช้ไปสิบเก้าวิธี ส่วนซูเย่ใช้ไปสามสิบสองวิธี?
สีหน้าของกลุ่มแพทย์แผนจีนพื้นบ้านเริ่มบิดเบี้ยวน่าเกลียด
หม่าจิ่งเทาถือว่าเก่งมากแล้ว แต่ซูเย่ก็ยังเก่งกว่าอยู่ดี!
พวกเขายังดูถูกซูเย่เกินไป!
แต่ก็ยังไม่ถึงกับประมาทเลินเล่อ เพราะต่อให้แพ้ศาสตร์นี้ ก็ยังคงมีแผนรับมือในศาสตร์แห่งวิชาอาคม!
หม่าจิ่งเทาอับอายหน้าแดง
เขาถือโอกาสท้าทายประชันจำนวนวิชากัน แต่กลับถูกซูเย่ทิ้งห่างไกลโข เหมือนกับโดนลากมาตบหน้ากลางสนาม!
ประเด็นสำคัญก็คือ
ขนาดใช้ไปถึงสามสิบสองวิธีการรักษา ซูเย่ยังพูดอีกว่าไม่อยากแข่งวัดจำนวนวิชา
แต่ผลคือ ตัวเขาเองใช้ไปเพียงสิบเก้าวิธี
ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน!
“พักก่อน” หลี่เจิ้งต้าวประกาศ “ผลการแข่งขันจะออกในช่วงบ่าย”
ได้ยินเช่นนั้น
หม่าจิ่งเทาหันหลังเดินกลับที่ด้วยสีหน้าน่าเกลียด
“ไม่เป็นไร” ผู้นำตระกูลหม่าถอนใจและปลอบ “ซูเย่บอกว่าไม่ได้อยากแข่งกันวัดจำนวนวิชารักษา ผลแพ้ชนะจึงวัดกันที่อัตราการหายอยู่ดี และต่อให้แพ้ก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยเธอก็ได้แส สดงวิชาความสามารถของตระกูลหม่าให้โลกได้เห็น”
“ผมยอมรับไม่ได้!” หม่าจิ่งเทากัดฟันกำหมัด “วิชาผมยังน้อยกว่าคนอื่นอีกเหรอ? ผมยอมรับที่ผมอ่อนแอกว่าคนอื่นไม่ได้!!”
“ผมขอกลับบ้านก่อน! ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร ผมก็จะกลับไปทบทวนวิชาและเรียนรู้เพิ่ม ในศาสตร์แห่งการรักษาไข้ ผมจะไม่ยอมแพ้ใครทั้งนั้น!”
กล่าวจบ เขาเดินจากไปในทันที
ถึงอย่างนั้นผู้นำตระกูลหม่าก็รู้สึกโล่งใจ อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
……
ช่วงบ่าย
“ขณะนี้ ฉันจะประกาศผมสรุปของการแข่งขันในศาสตร์แห่งการรักษาไข้”
หลี่เจิ้งต้าวยืนอยู่กลางสนาม เปิดซองใส่ผลการแข่งขันออกอ่าน “อัตราการรักษาหายของหม่าจิ่งเทาอยู่ที่ 97% และอัตราการรักษาหายของซูเย่อยู่ที่ 100%!”
“ผู้ชนะการแข่งขันในศาสตร์แห่งการรักษาไข้ได้แก่ ซูเย่ จากมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยาง!”
แปะแปะแปะแปะ!
เสียงปรบมือดังขึ้นจากทั่วทิศทาง
ทุกคนจากฝั่งมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ
“อีกหนึ่งศาสตร์แล้ว!”
“พวกเราชนะมาห้าแขนงแล้ว”
“ขออีกแค่หนึ่งศาสตร์ เราก็จะตีเสมอ”
“เหลืออีกสองสาขาเท่านั้น พวกเราต้องเอาชนะให้ได้! พวกเราจะเป็นกำลังใจให้ ซูเย่”
ทุกคนส่งเสียงเชียร์ซูเย่
จากแพ้หก ชนะศูนย์ในวันแรก มาถึงตอนนี้ ชนะห้าศาสตร์รวด ในที่สุดพวกเขาก็เห็นความหวังที่จะชนะ!
ไกลออกไปนั้น ผู้บัญชาการมหานครตะวันตกเฉียงใต้ ปาปู้เต๋อ มองดูด้วยสายตาตกตะลึงเมื่อได้ยินผลการแข่งขัน
“ไม่คิดเลย ความสามารถทางการแพทย์ของเด็กคนนี้ช่างแข็งแกร่ง”
“ชนะห้าศาสตร์รวด สุดยอดเสียจริง!”
ปาปู้เต๋อลูบคางและวิเคราะห์อย่างละเอียด “ตามกำหนดการแล้วสองศาสตร์ต่อไป จากผลงานของเด็กคนนี้ เป็นไปได้ว่าเขาจะแพ้ ฉันคิดว่าอย่างน้อยเขาจะต้องแพ้ในศาสตร์แห่งอาคมอย่างแน น่นอน”
“การตีตื้นแบบนี้จะต้องเป็นเรื่องดังแน่เลย ช่างสวยงามยิ่งนัก” ผู้กำกับจ้าวเหมียนกล่าวออกมาอย่างตื่นเต้น “ถ้าสุดท้ายแล้วซูเย่ชนะ คงจะต้องขออนุญาตเอาไปสร้างหนังสักหน่อย! เมื่อถ ถึงเวลาเอาการแข่งขันครั้งนี้ไปฉาย ตั๋วจะต้องขายดีติดอันดับแน่เลย ยิ่งไปกว่านั้น เด็กนี่ก็หล่อเหลาเอาการ อาจจะขอให้เขามาแสดงด้วยตัวเองเลยก็ได้!”
“ดีใจเฉลิมฉลองกันเร็วเกินไปหรือเปล่า?” ผู้นำตระกูลฉินเย้ยหยันฝั่งมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีน เมื่อเห็นทางนั้นกำลังตื่นเต้นดีใจ “อย่าลืมสิ ว่าต่อไปเป็นอาคม!”
อาคม?
ได้ยินเช่นนั้น เหล่าคณบดีพากันหัวเราะออกมา
เสียงหัวเราะทำให้กลุ่มแพทย์แผนจีนพื้นบ้านขมวดคิ้ว
เอ่อ?
หัวเราะอะไรกัน?
“จะมีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”
ผู้คนจากหลากหลายตระกูลมองหน้ากัน
ท่ามกลางฝูงชน
คนจากตระกูลหย่วนผู้เชี่ยวชาญในศาสตร์แห่งวิชาอาคม ชายหนุ่มในชุดสูทลายตาราง สวมแว่นกรอบทอง ท่าทางสุภาพอ่อนโยน เดินออกมาข้างหน้า
“ฮึ่ม……” เขากระแอมออกมาเล็กน้อย และกล่าวต่อ “สวัสดีครับทุกท่าน ผมหย่วนหลิงอวี้ ตัวแทนแข่งขันในศาสตร์แห่งวิชาอาคม”
ความสนใจของทุกคนในสนามเพ่งมาที่เขาทันที
หย่วนหลิงอวี้ยิ้มออกมาเล็กน้อย มองไปยังซูเย่และกล่าว “เนื่องจากยังพอมีเวลาเหลือในวันนี้ ก็ไม่ต้องรอถึงวันพรุ่งนี้หรอกครับ ยิ่งแข่งเร็วก็ยิ่งจบเร็ว อาคมน่ะไม่เหมือนกับศ ศาสตร์อื่น ไม่จำเป็นต้องใช้พลังกาย ถ้าเห็นด้วยก็สามารถเริ่มได้เลย คิดว่าอย่างไรล่ะ?”
จะแข่งต่อเลยเหรอ?
ทุกคนรีบหันไปมองทางซูเย่
“ได้สิ” ซูเย่ตอบพร้อมรอยยิ้ม
“สมกับที่เป็นผู้ชนะถึงห้าแขนง น่าเกรงขามเสียจริง!”
หย่วนหลิงอวี้ยิ้มออกมา หันไปโค้งคำนับให้หลี่เจิ้งต้าวและผู้ตัดสินอีกห้าคนที่กำลังเข้ามา และกล่าวต่อ
“ผมว่าเราไม่จำเป็นต้องมีผู้ตัดสินในการแข่งนี้หรอกครับ”
“ศาสตร์แห่งวิชาอาคมนั้นแตกต่างจากแพทย์แผนจีนแขนงอื่น ให้คนอื่นมาตัดสินจะเป็นเรื่องยาก ให้พวกเราตัดสินกันเองเถอะครับ”
ทุกคนในสนามขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจ
นี่คือการแข่งแบบไหน?
ห้ามคนอื่นตัดสิน?
จะรู้ผลแพ้ชนะด้วยตัวเอง?
จะไม่มีการโต้แย้งกันเหรอ?
“ไม่ต้องเป็นห่วงว่าผมจะไม่พูดความจริงนะครับ” หย่วนหลิงอวี้ยิ้มกว้าง “ผมเป็นถึงผู้อำนวยการสถานสงเคราะห์เด็ก เอาตัวตนเป็นประกัน แม้ว่าตระกูลของผมจะสืบสายวิชาอาคมกันมา แต่พวกเ เราก็อุทิศตนเพื่อการกุศลมาโดยตลอด ศึกนี้เป็นการแข่งขันกันระหว่างแพทย์พื้นบ้านและมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีน การแพ้ชนะไม่ได้เกี่ยวอะไรกับตระกูลหย่วนเลย”
“ปัจจุบันเป็นยุคสมัยแห่งวิทยาศาสตร์ แม้รัฐจะออกใบรับรองวิชาชีพการแพทย์ให้ตระกูลเรา ก็คงไม่ได้รับอนุญาตให้เปิดทำการรักษาอยู่ดี”
ทุกคนที่ฟังอยู่ได้แต่อึ้งไป
ที่เขากล่าวมาล้วนเป็นเรื่องจริง ไม่มีทางเลยที่รัฐจะสนับสนุนการใช้วิชาอาคมเพื่อการรักษา ดังนั้นตระกูลหย่วนที่เชี่ยวชาญในด้านศาสตร์แห่งวิชาอาคม จึงหันไปพัฒนาความก้าวหน้าในทิศท ทางอื่นแทน
เป็นเหตุให้พวกเขาไม่ได้สนใจว่ารัฐจะสนับสนุนหรือไม่
ผู้คนของตระกูลหย่วนเองก็รู้ดีว่าจุดประสงค์ในการแข่งขันคืออะไร
พวกเขาทำเพียงเพื่อชื่อเสียงของกลุ่มการแพทย์แผนจีนพื้นบ้านเท่านั้น
เพราะอย่างไรเสีย จะยอมให้ชื่อเสียงและวิชาที่สืบทอดต่อกันมาจากบรรพบุรุษของแพทย์แผนจีนพื้นบ้านสูญหายไปไม่ได้
“และอีกอย่างหนึ่ง ด้วยความก้าวหน้าของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในปัจจุบัน ทำให้วิชาอาคมได้สูญหายไปจากการแพทย์แผนจีน ผมจึงมีจุดประสงค์ในการแข่ง เพื่อจะพิสูจน์ว่าวิชาอาคมนั้นยังม มีอยู่จริง”
หย่วนหลิงอวี้มองไปยังกล้องที่กำลังบันทึกภาพ และเริ่มกล่าวต่อ “แม้ว่าจะถ่ายทำกันอยู่ แต่ก็อาจจะไม่ได้ออกอากาศใช่ไหมครับผู้กำกับจ้าว? แล้วผมจะโกหกสร้างปัญหาให้ตัวเองทำไม ใช่ไหมครับทุกท่าน?”
กล่าวจบ ทุกคนรู้สึกอับอายเล็กน้อย
ที่เขาพูดมาทั้งหมดเป็นความจริง
ผู้กำกับจ้าวเหมียนเองก็เข้าใจ เพราะหากทั้งหมดนี้เป็นเพียงเรื่องไสยศาสตร์ เขาจะนำไปออกอากาศไม่ได้
“ได้ พวกเราจะตัดสินผลแพ้ชนะกันเอง”
ในตอนนั้น ซูเย่ถือโอกาสพังบรรยากาศแสนอึมครึมลง
“ถ้าอย่างนั้นก็มาเริ่มกันเลย” หย่วนหลิงอวี้กล่าว “ผมต้องการคนไข้เพียงสามราย เพื่อแสดงสามวิชาพอครับ ฝากทีมงานจัดการให้หน่อย แล้วนายล่ะ?”
เขามองไปหาซูเย่
ซูเย่พยักหน้าและตอบ “ผมด้วยครับ”
ได้ยินเช่นนั้น หลี่เจิ้งต้าวจึงจัดการเตรียมพร้อมให้ทันที
สักพักหนึ่งก็มีคนไข้หกรายเข้ามาในสนามแข่ง
นอกจากเหล่าคนไข้แล้ว ทุกคนมองซูเย่และหย่วนหลิงอวี้ด้วยความสงสัย
รวมไปถึงปรมาจารย์ทั้งสี่จากสองฝั่ง ทุกคนต้องการรู้ว่าวิชาอาคมจะสามารถทำอะไรได้เกี่ยวกับการแพทย์
“ในเมื่อเราไม่ต้องการผู้ตัดสินสำหรับการแข่งขันนี้ ก็ไม่จำเป็นต้องแข่งทำเวลากันก็ได้” หย่วนหลิงอวี้ยิ้มและกล่าวกับซูเย่ “ฉันเริ่มก่อน นายจับตาดู นายทำต่อ ฉันดู จะได้ตรวจส สอบระดับความสามารถได้ แบบนี้เป็นไง?”
“ได้” ซูเย่พยักหน้า
“เชิญคนไข้รายแรกครับ”
หย่วนหลิงอวี้กล่าวเชิญคนไข้และเอ่ยถาม “ขอโทษนะครับ รู้สึกไม่สบายตรงไหนเหรอครับ?”
“ท้อง” คนไข้กล่าวออกมาพร้อมนำมือทั้งสองกุมไว้
“ผมขอตรวจก่อนนะครับ”
หย่วนหลิงอวี้พยักหน้าและเริ่มตรวจวินิจฉัยคนไข้ เขายื่นมือขวาออกไปกดลงบริเวณที่คนไข้บอก และถามว่าจุดไหนที่ปวดเป็นพิเศษ
ทว่ามือซ้ายของเขาแบออกกว้าง แทนที่จะมองคนไข้ เขากลับมองไปที่มือซ้าย
“เยื่อบุลำไส้อักเสบนะครับ” หย่วนหลิงอวี้กล่าวบอกพร้อมรอยยิ้ม “รักษาง่ายครับ”
ทุกคนในสนามรู้สึกตกตะลึงกับภาพที่เกิดขึ้นในขณะนี้
หย่วนหลิงอวี้ทำอะไร?
ไหนล่ะการวินิจฉัยสี่วิถี?
ไม่ต้องวินิจฉัยสี่วิถี วางมือลงไปบนจุดที่ปวดโดยตรง ดูอีกมือหนึ่งของตัวเองก็รู้อาการได้ด้วยเหรอ?
ทำได้อย่างไร?
จ้าวเหมียนยิ้มเจื่อนพึมพำกับตัวเอง “เรียบร้อย ออกอากาศไม่ได้แล้ว”
ซูเย่ที่ดูอยู่ตลอดยิ้มออกมา เขารู้จักวิธีการแบบนี้อยู่
ในตอนนั้น หย่วนหลิงอวี้กล่าว “ต่อไปผมจะรักษาด้วยอาคมจากฝ่ามือ โปรดทำตัวให้ผ่อนคลายและสบายที่สุดเท่าที่จะทำได้ด้วยครับ”
กล่าวจบ หย่วนหลิงอวี้จัดท่าทางให้คนไข้ หันหน้าอีกฝ่ายไปทางทิศเหนือ ส่วนตัวเองหันไปทางทิศใต้
จากนั้นนำมือทั้งสองไปไว้ตรงจุดตันเถียน ทำรูปร่างที่แสนประหลาดขึ้นมา
ไม่นาน เขาก็ใช้มือทั้งสองกดลงไปยังลำตัวของอีกฝ่าย!
ปากขยับเหมือนสวดบางสิ่งอยู่ตลอดเวลา แต่ไม่มีใครเข้าใจได้
สีหน้าเคร่งขรึม
ความเร็วของการสวดยิ่งเร็วขึ้น เร็วขึ้น และเร็วขึ้นจนไม่สามารถจับใจความได้อีกต่อไป
ไม่กี่นาทีต่อมา ทุกอย่างก็หยุดลงอย่างกระทันหัน!
“เรียบร้อยแล้วครับ” หย่วนหลิงอวี้นำมือออกจากร่างของคนไข้และกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ฮะ? เสร็จแล้วเหรอ?” คนไข้ผงะ เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“ใช่แล้วครับ!” หย่วนหลิงอวี้พยักหน้ากล่าวต่อ “ยังมีอาการปวดท้องอยู่อีกไหมครับ?”
คนไข้นำมือไปแตะท้องดู สีหน้าปรากฏความประหลาดใจออกมาอย่างชัดเจน
“ไม่ปวดแล้ว” คนไข้ลูบท้องต่อไป พูดต่อออกมาอย่างตื่นเต้นว่า “เอ๊ะ ไม่ปวดแล้วจริงด้วย สุดยอดไปเลย”
ได้เห็นภาพนี้เข้า ผู้ชมทุกคนก็ตะลึง
นี่น่ะหรืออาคม?
สุดยอดไปเลยไม่ใช่เหรอ?!
ผู้เชี่ยวชาญทุกคนวิ่งตรงเข้าไปในสนามเพื่อตรวจสอบอาการของคนไข้
หลังจากตรวจสอบ พวกเขาทั้งหมดก็ต้องตกตะลึงไปอีกครั้ง
ผู้นำจากตระกูลอื่นและอาจารย์จากทางมหาวิทยาแพทย์แผนจีนเองก็อดไม่ได้ที่จะออกมาบ้าง ตรวจสอบ แล้วก็เกิดอาการเหมือนคนอื่น
เป็นเรื่องจริง
หย่วนหลิงอวี้รักษาด้วยวิธีการนี้ได้จริง
นี่มันบ้าเกินไปแล้ว!
“เชิญคนไข้รายที่สองครับ”
หย่วนหลิงอวี้กล่าวเชิญคนไข้มาระหว่างที่ทุกคนกำลังสับสน
“คุณมีอาการเอ็นยึด” หลังตรวจดูแล้ว หย่วนหลิงอวี้ยืนยันอาการของอีกฝ่ายและกล่าว “ผมจะรักษาด้วยยันต์อาคม”
“ขอชามใส่น้ำมาหนึ่งในห้าหน่อยครับ”
ทีมงานที่อยู่แถวนั้น รีบจัดการหาชามและนำไปเติมน้ำให้
“ขอพู่กันและผงชาดสำหรับเขียนครับ” หย่วนหลิงอวี้เอ่ยขอขึ้นมาอีกครั้ง
ทุกคนในสนามพยายามคาดเดาว่าเขาจะทำอะไร
ไม่นานทีมงานก็เตรียมทุกอย่างมาพร้อมและนำมาให้เขา
“ดูให้ดีล่ะ”
หย่วนหลิงอวี้ยิ้มและกล่าวบอกซูเย่ กลั้นหายใจ ยกพู่กันขึ้นมาชุบผงชาด และเริ่มลงมือวาดบนผ้ายันต์อย่างรวดเร็ว
ครู่เดียว ยันต์ที่คนทั่วไปไม่สามารถเข้าใจได้ก็ปรากฏขึ้นมา
หลังจากหยุดวาด
หย่วนหลิงอวี้จึงนำยันต์มา เดินไปยังคนไข้รายที่สองและวนรอบ ร่ายคาถาและโบกยันต์ในมือไปมาขณะที่เดินเป็นวงกลม
หลังจากวนไปและวนกลับอย่างละสามรอบ
เขาก็เดินไปยังชามใส่น้ำที่เตรียมเอาไว้และถูมือ
ยันต์ในมือเขาติดไฟขึ้นมาโดยไม่สามารถอธิบายได้ว่าเพราะเหตุใด
มันกลายเป็นเถ้าถ่านสีดำและร่วงหล่นลงไปในชามใส่น้ำ
เขารีบยกชามขึ้นมาและสวดอีกสักพัก
เดินไปยังคนไข้
“ดื่ม!”
หย่วนหลิงอวี้นำชามไปจ่อปากของคนไข้ทันที
คนไข้ขัดขืนเล็กน้อย แต่ด้วยการบังคับของหย่วนหลิงอวี้ เขาก็ต้องจำใจดื่มน้ำที่มีเศษยันต์ลงไป
“แอวะ……”
ทันทีที่ดื่มเสร็จ คนไข้ก็ก้มตัวลงไปอาเจียนอย่างควบคุมไม่ได้
แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามขนาดไหน ก็ไม่มีอะไรออกมาแม้แต่อย่างเดียว
และเมื่อรอจนคนไข้เลิกอาเจียน
“ยังเจ็บเท้าอยู่ไหมครับ?” หย่วนหลิงอวี้เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
คนไข้เอามือเช็ดปากและเตะเท้าเพื่อตรวจสอบไปด้วย
ผลปรากฏว่า เท้าที่ยกขึ้นมาซึ่งเคยมีการบวมที่บริเวณข้อเท้าจากอาการเส้นเอ็นที่ยึด ได้หายดีกลับเป็นปกติแล้ว ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหายตั้งแต่เมื่อไร!
“โห!”
พอได้เห็นภาพตรงหน้า ผู้ชมทั่วทั้งสนามก็โหวกเหวกโวยวายกันเสียงดัง
มันเกิดขึ้นเร็วมาก
ไม่มีการใช้ยา ไม่มีการนวด แล้วหายดีได้อย่างไร?
ขณะนั้น
ไม่เพียงผู้คนจากสถาบันหรือกองถ่ายรายการ แม้แต่ผู้คนจากกลุ่มแพทย์แผนจีนพื้นบ้าน และเหล่าผู้นำตระกูลทั้งสิบสองเองก็ตกใจไปด้วย
อาการบาดเจ็บหายดีสนิท โดยที่พวกเขาไม่ได้เห็นการลงมือรักษาแบบที่ควรจะเป็นเลยแม้แต่น้อย!
พวกเขาเพิ่งจะเห็นข้อเท้าที่ปูดบวมอยู่เมื่อไม่นานมานี้เอง!
“เชี่ย มีวิธีการรักษาแบบนี้อยู่ด้วยเหรอ?”
“แบบนี้เจ๋งชะมัดเลย”
“หมอนี่มันเป็นพระเจ้าหรือเปล่า?”
“วิชาอะไรกันเนี่ย?”
“ฉันเรียนบ้างได้ไหม? ทำไมมันรักษาหายง่ายจัง?”
ผู้ชมทุกคนตกตะลึง
กลุ่มแพทย์แผนจีนพื้นบ้านเองก็ตกตะลึง
แม้ว่าพวกเขาจะเป็นตระกูลแพทย์แผนจีนพื้นบ้านด้วยกัน ทว่านี่ก็เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้ดูความสามารถในการรักษาของวิชาอาคมกับตา และผลที่ออกมาก็อยู่เหนือความคาดหมาย
ฝั่งมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนเองก็ตกตะลึงไปกับผลงานของหย่วนหลิงอวี้
ถึงซูเย่จะเคยแสดงอาคมให้ดูมาก่อน แต่มันเทียบกับที่พวกเขาได้เห็นในตอนนี้ไม่ได้เลย
ทุกคนอดไม่ได้ที่จะเป็นกังวล
ซูเย่จะทำได้บ้างหรือเปล่า?