เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - บทที่ 129 วิชาอาคมของซูเย่!
บทที่ 129 วิชาอาคมของซูเย่!
เมื่อได้ดูกระบวนการแสดงอาคมทั้งหมดของอีกฝ่าย
ซูเย่พยักหน้าเล็กน้อย
สิ่งที่หย่วนหลิงอวี้ทำนั้นเป็นวิชาอาคมของจริง ระหว่างที่เขากำลังประกอบพิธีทำอาคมอยู่ ซูเย่รู้สึกได้ถึงพลังห่าวหรานอย่างชัดเจน
อาคม แม้จะถูกเรียกว่าเป็นไสยศาสตร์ แต่ความเป็นจริงทั้งในอดีตกาลและปัจจุบัน สิ่งที่ใช้กระตุ้นเพื่อแสดงพลังอาคมนั้น ล้วนเป็นความดีที่ดึงดูดพลังปราณในแดนสวรรค์และโลก
การที่หย่วนหลิงอวี้สามารถใช้พลังห่าวหรานได้จริง ถือเป็นการพิสูจน์ตัวตนของเขาได้อย่างดี
“เชิญคนไข้รายที่สามครับ”
หลังจากรักษาให้คนไข้รายที่สองและให้ผู้ตัดสินทั้งหมดตรวจอาการอยู่ หย่วนหลิงอวี้จึงกล่าวเชิญคนไข้รายถัดไป
คนไข้รายที่สามเดินเข้ามาขณะที่เช็ดน้ำตา
“ตาแห้งแล้วก็ตาแดงสินะครับ”
หลังจากตรวจสอบคร่าว ๆ หย่วนหลิงอวี้ก็ยืนยันอาการออกมา
“คราวนี้ ผมจะใช้คาถาอาคม!”
กล่าวจบ เขาก็เริ่มเดินวนคนไข้ พร้อมร่ายคาถาออกมาด้วย
“เทพนัยตาแดง เทพนัยตาแดง ข้ารู้เหตุผลของท่านดี ท่านกวาดทำความสะอาดถนน พัดพาฝุ่นผงเข้าสู่นัยน์ตาไม้ ทิ้งชายตาแดงเอาไว้เบื้องหลัง……”
ร่ายจบ
เขาจึงเดินตรงเข้าไปหาคนไข้รายที่สาม ทันใดนั้นก็พ่นลมใส่ตา
จากนั้น เริ่มร่ายคาถาต่อ “เป็นปีที่ย่ำแย่ ทำอะไรก็ไม่ดี เป็นเดือนที่ย่ำแย่ ทำอะไรก็ไม่ดี เป็นวันที่ย่ำแย่ ทำอะไรก็ไม่ดี เป็นเวลาที่ย่ำแย่ ทำอะไรก็ไม่ดี ทุกอย่างล้วนย่ ำแย่ สิ่งดีเป็นสิ่งต้องห้าม!”
“เกลียดหัวมังกร กำจัดหัวมังกร เกลียดร่างมังกร กำจัดร่างมังกร เกลียดเล็บมังกร กำจัดเล็บมังกร เกลียดหางมังกร กำจัดหางมังกร ลูกศิษย์เชื่อฟังกัดลงไปหนึ่งครั้ง หนึ่งครั้งหนึ่ง ลี้ สองครั้งสองลี้ สามครั้งสามลี้ คนเฒ่าคนแก่รีบออกบัญชา!”
พ่นลมใส่ตาของคนไข้ต่อถึงสามครั้งติด!
ในสนาม ทุกคนได้แต่มองภาพที่เกิดขึ้นอย่างสับสน
ท้ายที่สุด จึงมีบทสวดที่เข้าใจได้ดังออกมาว่า “คนเฒ่าคนแก่รีบออกบัญชา!”
เป็นสิ่งที่เห็นได้บ่อยตามภาพยนตร์ มักจะทำให้ผู้ชมสงสัยถึงจุดประสงค์ของการร่ายคาถาเช่นนี้ ว่าจะมีประโยชน์และทำการรักษาได้อย่างไร?
ในตอนนั้นเอง หย่วนหลิงอวี้สวดจบ
“ลืมตาครับ”
เขายื่นมือออกไปแตะคนไข้ที่หลับตาสนิทจนเกือบชนคิ้ว
คนไข้ลืมตาออกมาด้วยความสงสัย
ดวงตาที่แดงก่ำเต็มไปด้วยเส้นเลือดในตอนแรกนั้น หายดีเป็นปกติเรียบร้อยแล้ว
กลับกัน มันเต็มไปด้วยประกายแห่งความกระจ่างแจ้ง!
อะไรกัน?
ผู้ชมโหวกเหวกโวยวายกันขึ้นมาอีกครั้ง!
ร่ายคาถาแล้วพ่นลมใส่สามครั้งก็รักษาได้?
“เอ๊ะ ไม่รู้สึกเคืองตาแล้ว”
คนไข้กะพริบตารัว เหล่มองไปมา ไม่รู้สึกถึงอาการระคายเคืองที่เคยมี และเขาก็ตื่นเต้นดีใจ
ผู้ตัดสินทั้งหกเข้ามาตรวจสอบ
พบว่าดวงตาของคนไข้นั้นไม่อักเสบและหายดีแล้วจริง ๆ
นี่ยังถือเป็นวิธีการรักษาตามแพทย์แผนจีนอยู่อีกหรือ?
ใช่หรือเปล่า?
ผู้ตัดสินทั้งหกพูดไม่ออก
ทุกคนในสนามอึ้งยิ่งกว่า พวกเขาไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น
ภาพตรงหน้าเต็มไปด้วยเรื่องลึกลับและน่าเหลือเชื่อ
ไม่แปลกใจที่ทำไมเขาจึงไม่ขอผู้ตัดสิน เพราะถ้าไม่เข้าใจ ก็ไม่มีทางตัดสินได้
“ฉันเรียบร้อยแล้ว” หย่วนหลิงอวี้ผายมือไปทางซูเย่ กล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ถึงตานายแล้ว”
“ได้”
“ขอเชิญคนไข้รายแรกครับ”
ซูเย่ยิ้มและพยักหน้า
พอถูกเรียกเขาก็เดินเข้าไปหาทันที
ซูเย่เองก็ทำการตรวจสอบอาการของคนไข้ด้วยมือขวา และมองไปยังมือซ้ายของเขา
ผู้คนจากฝั่งแพทย์แผนจีนพื้นบ้านจ้องเขม็ง ซูเย่เองก็ทำได้เหรอ?
หย่วนหลิงอวี้มองซูเย่อย่างประหลาดใจ เขาไม่คิดว่าซูเย่ก็จะทำแบบเดียวกัน และรู้สึกสนใจขึ้นมาเล็กน้อย
“ท้องไส้ทำงานไม่ดี อาหารไม่ย่อย” ซูเย่ยิ้ม “โรคนี้รักษาได้ด้วยมืออาคมครับ”
กล่าวจบ เขาเดินเข้าไปหาคนไข้ ยกมือขึ้นสูงระดับอก นิ้วชี้ประกบ นิ้วอื่นประสาน
จากนั้นนำมือไปยังบริเวณท้องของคนไข้ แตะลงไปเบา ๆ
“ปางพระพุทธเจ้าเป่าเชิง?”
พอได้เห็นวิชาที่ซูเย่ใช้ สีหน้าของหย่วนหลิงอวี้ก็เต็มไปด้วยความตกตะลึง
ต่อมา ซูเย่ก็ปล่อยมือออกจากกัน
สองมือเปลี่ยนรูปร่างไปเป็นอีกอย่าง
ปัง
กระแสลมปราณรุนแรงปรากฏขึ้น
เมื่อรู้สึกได้ถึงความหนาแน่นของห่าวหราน ใบหน้าของหย่วนหลิงอวี้ได้เปลี่ยนไปอีกครั้ง
ตกตะลึงถึงสุดหัวใจ
ทุกคนในสนามก็เช่นกัน
ซูเย่สามารถทำวิชามือสองอย่างได้ในเวลาเดียวกัน?
ยิ่งไปกว่านั้น ผลลัพธ์ของวิชาหนึ่งมือยังดีกว่าวิชาสองมืออีกเสียด้วย
แต่แค่พลังจากวิชาสองมือของเขาก็รู้สึกรุนแรงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนแล้ว
แม้ว่าเขาจะเป็นลูกหลานของตระกูลที่สืบทอดวิชาอาคม แต่ก็ไม่เคยได้สัมผัสพลังห่าวหรานที่เข้มข้นขนาดนี้มาก่อน
ซูเย่ไปร่ำเรียนมาจากที่ไหน? นอกเหนือจากตระกูลหย่วนแล้ว ยังมีคนรู้วิชาอาคมอยู่อีกหรือ?
เขาเริ่มรู้สึกตัว และรีบหันไปมองคนไข้
พบว่าอาการของคนไข้ดีขึ้นอย่างรวดเร็วจนเห็นได้ด้วยตาเปล่า
ไม่กี่วินาทีต่อมา ใบหน้าของคนไข้ก็ดูมีเลือดไหลเวียน
“รู้สึกเป็นอย่างไรบ้างครับ?” ซูเย่คลายท่าทางของมือออก
“หือ?” คนไข้นิ่งไป กล่าวขึ้นมาอย่างประหลาดใจ “ไม่ปวดแล้ว แถมยังรู้สึกอุ่นสบายอีกด้วย”
“ไม่ต้องห่วงครับ อาการที่เคยมีหายดีแล้ว ต่อจากนี้ควรใส่ใจบำรุงกระเพาะให้มากขึ้นด้วยนะครับ”
ซูเย่กล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้ม
จากนั้นหันไปและตะโกน “เชิญคนไข้รายที่สองครับ”
พอได้ยินเช่นนั้น
ผู้ตัดสินทั้งหกจึงเข้าไปตรวจอาการของคนไข้รายแรก
ขณะเดียวกัน ทางฝั่งของแพทย์แผนจีนพื้นบ้าน
ทุกคนอดไม่ได้ที่จะทำหน้าคร่ำเครียด เหตุการณ์ตรงหน้าถือเป็นเรื่องไม่คาดคิดมาก่อน
“เด็กนั่นใช้อาคมเป็นได้อย่างไร?”
“ซูเย่เองก็ใช้อาคมได้? แถมดูไม่เลวเลยด้วย”
พวกเขาคิดว่าการแข่งขันในศาสตร์แห่งวิชาอาคม เป็นสิ่งที่รับประกันชัยชนะได้อย่างแน่นอน ด้วยการที่ซูเย่มาจากฝั่งมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีน จึงไม่มีทางที่จะได้เรียนศาสตร์แขนงนี้ ทว ว่าภาพที่เกิดขึ้นในตอนนี้ได้พังแผนการของพวกเขาลงไปอย่างสมบูรณ์
เขาจะชนะการแข่งขันนี้ด้วยไหม?
ทุกคนหันไปดูทางหย่วนหลิงอวี้ ได้เห็นว่าเขากำลังพยักหน้าและยิ้มอยู่
พวกเขาจึงถอนใจออกมาด้วยความโล่ง
และฝั่งทางมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนเองก็ถอนใจออกมาเช่นกัน
เพราะดูเหมือนว่าวิชาอาคมของซูเย่จะไม่เลวเลย
อย่างน้อยจากมุมมองของผู้ชมแล้ว ซูเย่สามารถรักษาคนไข้รายแรกได้เร็วกว่าหย่วนหลิงอวี้
คนไข้รายที่สอง เดินเข้าไปพร้อมกับทุบหลังของตัวเอง
“ปวดกล้ามเนื้อเอว หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท”
ซูเย่ตรวจสอบอย่างว่องไว และกล่าวออกมาต่อ “ครั้งนี้ผมจะใช้ยันต์”
เขาเอ่ยขออุปกรณ์เช่นเดียวกับหย่วนหลิงอวี้
“คุณหมอ” คนไข้พลันนึกถึงความทรมานที่เขาได้เห็นจากผู้ป่วยคนก่อนหลังจากที่ได้ดื่มน้ำยันต์ เอ่ยถามออกมาอย่างเขินอายว่า “ฉันขอไม่ดื่มน้ำได้ไหม?”
“ผมไม่ได้จะให้คุณดื่มครับ” ซูเย่ยิ้มตอบ “ผมจะวาดยันต์ลงบนตัวคุณโดยตรง”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น
หย่วนหลิงอวี้สั่นไปทั้งร่าง สายตามองซูเย่ไม่ขยับ
วาดยันต์ลงบนคนไข้?
“เขาทำได้ด้วยเหรอ?”
ความจริงแล้ว การวาดยันต์ของวิชาอาคม เดิมทีนั้นจะวาดลงบนบริเวณที่มีอาการของคนไข้ เพื่อให้ยันต์ดึงดูดพลังห่าวหรานเข้าสู่ร่างกาย และรักษาอาการป่วย
อย่างไรก็ตาม การวาดลงไปโดยตรงมักจะมีปัญหาเมื่อปาดพู่กันแต่ละครั้ง ส่งผลให้สูญเสียพลังการรักษา และอาจจะถึงขั้นไร้ผลไปเลย
ดังนั้น หากผู้ทำไม่มีความชำนาญมากพอ ก็คงไม่กล้าที่จะลองทำ!
ซูเย่กลับกล้าเลือกใช้วิธีการนี้?
“ถ้าบนร่างก็ไม่เป็นไรครับ”
คนไข้ยิ้มและพยักหน้า เปิดเสื้อขึ้นเพื่อให้เห็นเอว
ซูเย่เดินไปด้านข้าง หยิบพู่กันและผงชาดขึ้นมา
รอจนคนไข้เตรียมตัวเรียบร้อย จุ่มพู่กันลงไป
“ดูให้ดีนะ”
ซูเย่ยิ้ม กล่าวบอกหย่วนหลิงอวี้ และเริ่มลงมือ
พู่กันแตะลง ยันต์ถูกวาดขึ้นมาอย่างราบรื่นตั้งแต่ต้นจนจบ
ยันต์เสร็จเรียบร้อย
พลังจากสวรรค์และโลกถูกดึงดูด พุ่งตรงเข้าไปยังร่างของคนไข้!
พลังห่าวหรานหนาแน่นเกิดขึ้นมาอีกครั้ง!
หย่วนหลิงอวี้จ้องมองทุกอย่างตรงหน้าอย่างละเอียด เขารู้สึกได้ถึงพลังที่พุ่งเข้าไปในร่างของผู้ป่วยอย่างชัดเจน
ซูเย่ทำได้จริง!
รอจนหมึกชาดบนร่างของคนไข้แห้งลง
ซูเย่ใช้มือเพื่อปาดออกและเอ่ยถาม “รู้สึกอย่างไรบ้างครับ?”
“หือ?” คนไข้ที่ไม่กล้าขยับตัวแม้แต่น้อยผงะไป หันหน้าไปมองซูเย่ พอเห็นซูเย่ส่งสัญญาณให้ลุกขึ้นได้ เขาจึงดึงเสื้อลงอย่างสับสน ลุกยืนขึ้น
“เอ๊ะ!”
คนไข้ใช้มือลูบเอวของเขา ยืดตัวและบิดไปมา ความตื่นเต้นปรากฏขึ้นบนใบหน้าและกล่าว “หายดีแล้ว ไม่เจ็บเอวแล้วจริงด้วย!”
ประโยคนี้ถูกกล่าวออกมา
ความโกลาหลเกิดขึ้นในสนามแข่งอีกครั้ง
ซูเย่รักษาได้อีกแล้ว?
แถมยังเร็วกว่าหย่วนหลิงอวี้อีกด้วย
คิ้วของคนจากสิบสามตระกูลแพทย์แผนจีนพื้นบ้านยิ่งขมวดแน่นขึ้น
ตัดสินจากผลงานของซูเย่แล้ว
ศาสตร์แห่งวิชาอาคมไม่สามารถใช้เป็นการรับประกันชัยชนะได้อีกต่อไป!
เพราะพวกเขาเห็นหย่วนหลิงอวี้เริ่มทำหน้าเครียดแล้วเช่นกัน
ทว่าไม่ได้สังเกตเห็นรอยยิ้มประหลาดที่ปรากฏขึ้นตรงมุมปากของเขา
“เชิญคนไข้รายที่สามครับ”
ซูเย่เรียกคนไข้ขึ้นมาและตรวจสอบ
“โรคข้ออักเสบแสบร้อน”
วินิจฉัยเสร็จ ซูเย่กล่าวต่อ “ผมจะรักษาด้วยคาถานะครับ”
จากนั้น เขาจึงเริ่มสวดคาถาให้กับคนไข้ที่โล่งใจจากการที่ไม่ต้องดื่มน้ำยันต์
“คุณชายตระกูลโหม คุณหญิงตระกูลโหม ลูกผู้ทนทรมานตระกูลโหม……”
ซูเย่ใช้คาถาขับไล่สิ่งชั่วร้าย
คาถาประเภทนี้จะให้ผลดีเป็นอย่างมาก ต่ออาการข้ออักเสบที่เกิดมาจากสิ่งชั่วร้าย
ทว่า
ขณะที่ซูเย่สวดคาถาอยู่นั้นเอง
นอกสนาม
ริมฝีปากของหย่วนหลิงอวี้ที่อยู่ท่ามกลางฝูงชนก็ขยับ ร่ายคาถาที่คนทั่วไปไม่สามารถได้ยินออกมา
วิชาคำสาป!
เขาสาปให้อาการป่วยของคนไข้รักษาไม่หาย!
ระหว่างที่ร่ายคาถาอยู่
พลังความชั่วร้ายที่ไม่อาจอธิบายได้ ถูกรวบรวมมาจากทุกทิศทาง พุ่งตรงเข้าไปหาซูเย่อย่างบ้าคลั่ง
“หืม?”
ดวงตาของซูเย่หรี่เล็กลง
ในจังหวะที่เขารู้สึกได้ถึงพลังชั่วร้ายที่จู่โจมใส่เขา ซูเย่พ่นลมเย้ยหยันออกมา และมองไปยังหย่วนหลิงอวี้ที่อยู่กลางฝูงชน
จะเล่นแบบนี้กับฉันใช่ไหม? อ่อนหัด!
เขาหยุดคาถาที่ร่ายอยู่ลงและหันมาสวน “อย่าทำกับคนอื่น ถ้าไม่อยากให้เขาทำกลับ!”
เสียงตะโกนที่ดังออกมา ทำให้พลังห่าวหรานกล้าแกร่งได้โอบล้อมร่างของคนไข้เอาไว้ การจู่โจมจากสิ่งชั่วร้าย ถูกสะท้อนกลับไปทันที
ทำให้สีหน้าของหย่วนหลิงอวี้แปรเปลี่ยนไปโดยฉับพลัน
ทันใดนั้น เขารู้สึกเหมือนโดนลมพัดโถมกระหน่ำใส่ สั่นไปทั้งร่าง ยิ้มออกมาอย่างขมขื่น
“สิ่งชั่วร้ายย้อนกลับเข้าตัว” หย่วนหลิงอวี้กล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้มเจื่อน “ดูเหมือนจะต้องซวยไปสักพัก”
กล่าวจบ
เขาก็รู้สึกปวดท้องขึ้นมาอย่างกระทันหัน
หายใจไม่ออก.…..