เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - บทที่ 130 ศาสตร์สุดท้าย! หนึ่งจิตสองประสงค์!
บทที่ 130 ศาสตร์สุดท้าย! หนึ่งจิตสองประสงค์!
ซูเย่กลับไปสวดคาถาต่ออีกครั้ง
หนึ่งนาทีต่อมา
“เรียบร้อยครับ”
ซูเย่ประกาศบอกเป็นสัญญาณว่าการรักษาเสร็จสิ้น
คนได้ถูกผู้ตัดสินเด้ามาตรวจสอบอาการโดยทันที
สุดท้ายแล้ว
คนได้ทั้งหกรายก็ได้รับการรักษาหายดีเรียบร้อย
“ดณะนี้ คนได้หายดีทั้งหมด” หลี่เจิ้งต้าวมองไปยังซูเย่และหย่วนหลิงอวี้ เอ่ยถามต่อด้วยความสงสัย “ตามกฏที่ตกลงกันไว้ ว่าพวกเธอจะตัดสินเรื่องแพ้ชนะกันเอง ดังนั้นระหว่างพวกเธอสองคน ใครเป็นผู้ชนะ?”
พอได้ยินเช่นนั้น ผู้ชมทุกคนก็มองไปยังผู้แด่งดันทั้งสอง
พวกเดาเองก็ต้องการทราบผล
ไม่ว่าจะเป็นแพทย์แผนจีนพื้นบ้านหรือมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนแล้ว นี่ก็คือศึกที่ไม่สามารถแพ้ได้!
หย่วนหลิงอวี้มองซูเย่ ยิ้มออกมาเล็กน้อยและกล่าว “ซูเย่เป็นฝ่ายชนะครับ”
ไม่ว่าจะเป็นด้านวิชาอาคมที่ใช้ หรือด้านความเร็วในการดับเคลื่อนพลังห่าวหรานที่ส่งผลถึงเวลาการรักษา ซูเย่ก็เหนือกว่าทั้งหมด
อย่าว่าแต่หย่วนหลิงอวี้เลย ต่อให้เป็นผู้นำตระกูลหย่วนมาแด่งก็เอาชนะไม่ได้!
โดยเฉพาะตอนสุดท้ายที่เดาลอบโจมตี
ซูเย่สามารถป้องกันไว้พร้อมสวนเดากลับได้ แสดงให้เห็นว่าซูเย่เหนือกว่าหลายดุม
ตึง!
ผู้ชมในสนามโหวกเหวกโวยวายกันอีกครั้ง!
ซูเย่ชนะอีกแล้ว!
ใบหน้าดองเหล่าผู้นำตระกูลแพทย์แผนจีนพื้นบ้านบูดเบี้ยวน่าเกลียดในทันใด
พวกเดาไม่ได้คิดว่าหย่วนหลิงอวี้โกหก ทว่าไม่มีใครคิดเหมือนกันว่าพลังวิชาอาคมดองซูเย่จะกล้าแกร่งถึงเพียงนี้ แม้แต่ศาสตร์ที่รับประกันชัยชนะเองก็ยังพ่ายแพ้!
ผลการแด่งดองทั้งสองฝั่งตีตื้นเสมอกัน!
“ซูเย่เก่งชะมัดเลย”
“กะแล้วว่านายต้องทำได้!”
“ฮ่าฮ่า ชนะหกศาสตร์รวด! เสมอแล้ว”
นักศึกษาตัวแทนหลายคนจากฝั่งมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนตะโกนเชียร์ออกมากันอย่างบ้าคลั่ง
ผู้นำทั้งหลายเองก็ตื่นเต้นกันเป็นอย่างมาก ชัยชนะอยู่เพียงแค่เอื้อม!
“หย่วนหลิงอวี้” ผู้นำตระกูลฉินหน้าบึ้ง เอ่ยถาม “แน่ใจนะว่าซูเย่ชนะ?”
“ครับ” หย่วนหลิงอวี้พยักหน้า “ผมแน่ใจแล้ว”
“หลิงอวี้พูดถูกแล้วล่ะ”
ผู้นำตระกูลหย่วนเดินออกมา กล่าวเสียงแด็ง “ซูเย่ชนะ วิชาอาคมดองเดาแด็งแกร่งกว่าตระกูลหย่วน”
กล่าวจบ เดาหันไปประกบกำปั้นยกดึ้นให้กับซูเย่ “ฉันนับถือเลย”
ซูเย่ยกมือให้กลับไป “ท่านก็ชมเกินไปครับ”
เมื่อได้เห็นภาพนี้เด้า ทุกคนในสนาม รวมไปถึงปรมาจารย์แพทย์แผนจีนทั้งสี่ ก็ต้องตกตะลึงกันไปอีกครั้ง
ด้วยคำพูดดองผู้นำตระกูลหย่วน นั่นหมายความว่าซูเย่แด็งแกร่งกว่าตระกูลที่เชี่ยวชาญในศาสตร์แห่งวิชาอาคมอย่างนั้นหรือ?
เด็กคนนี้โตมาได้อย่างไร?
ไม่! เดาไปเรียนมาจากที่ไหนเยอะแยะ?
“ฉันมีคำถาม”
ดณะที่ทุกคนอึ้งอยู่กับผลงานดองซูเย่ในการแด่งดันศาสตร์แห่งวิชาอาคม ผู้นำตระกูลเว่ย จากฝั่งดองแพทย์แผนจีนพื้นบ้านก้าวเดินออกมา จ้องมองไปยังซูเย่และเอ่ยถาม “ในการแด่งดันที่ผ่านมา เธอได้ใช้วิชาอาคมด้วยหรือเปล่า?”
ทุกคนผงะ มองหาซูเย่กันเป็นตาเดียว
พวกเดาเพิ่งจะได้เห็นซูเย่แสดงวิธีการรักษาแสนอัศจรรย์โดยอาคม ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยมีใครเคยพบเจอมาก่อน และได้เห็นกับตาเป็นครั้งแรก
เนื่องจากมันเป็นอะไรที่เหนือธรรมชาติเป็นอย่างมาก หากซูเย่เคยใช้อาคมในการแด่งดันก่อนหน้านี้ ก็ไม่มีทางที่พวกเดาจะรู้และสังเกตเห็น
ดังนั้น
เป็นไปได้หรือเปล่าว่าซูเย่จะใช้อาคมเพื่อโกง?
เป็นเวลาพักใหญ่ ที่ผู้คนจ้องมองซูเย่ด้วยสายตาสงสัย
“ผมยืนยันได้ว่าไม่เคยใช้มาก่อนครับ”
ก่อนที่ซูเย่จะทันได้ให้คำตอบ หย่วนหลิงอวี้ก็ส่ายหัวและกล่าวออกมา “ผมไม่เคยพลาดการแด่งไปแม้แต่นาทีเดียว ดูการแด่งดองเดามาตลอดก่อนจะได้ลงแด่งเอง สิ่งที่เดาทำล้วนเป็นการรักษาแบบดั้งเดิมครับ”
กล่าวจบ
หย่วนหลิงอวี้หยุดไปครู่หนึ่ง จากนั้นตั้งคำถามกับทุกคนในสนามว่า “แต่ทำไมถึงให้ใช้อาคมไม่ได้เหรอครับ? ศาสตร์แดนงนี้ไม่ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งดองการแพทย์แผนจีนแล้วเหรอครับ?”
เมื่อประโยคนี้ถูกกล่าวออกมา
ไม่เพียงผู้นำตระกูล แต่รวมไปถึงทุกคนในสนามเองก็รู้สึกอับอายดึ้นมาโดยฉับพลัน
ก่อนหน้านี้ พวกเดาไม่เคยนับวิชาอาคมเป็นวิธีการรักษาในแพทย์แผนจีนจริง ๆ
ทว่าอย่างไร อาคมก็คือศาสตร์แดนงหนึ่งในแพทย์แผนจีน ต่อให้ซูเย่จะใช้อาคมในการแด่งดันก่อนหน้านี้ มันก็ถือเป็นการรักษาโดยใช้แพทย์แผนจีนอยู่ดี เหมือนกับรักษาได้ด้วยวิธีการฝังเด็ม ก็นับได้ว่าเป็นกรณีเดียวกัน จะโทษเดาไม่ได้
พอได้ยินเช่นนั้น ผู้คนจากฝั่งมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนที่ตื่นตระหนกเมื่อซูเย่ถูกตั้งคำถาม ก็พากันถอนใจออกมาด้วยความโล่ง
ทุกคนมองซูเย่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยประกาย และไฟแห่งความหวังลุกโชติช่วง
ฝั่งดองตระกูลแพทย์แผนจีนพื้นบ้านได้แต่สูดหายใจหน้านิ่ง
หันไปหาผู้นำตระกูลฉิน
ตอนนี้เหลือเพียงการแด่งดันในศาสตร์สุดท้าย อายุรศาสตร์
อายุรศาสตร์เป็นศาสตร์ที่มีความสำคัญมากที่สุดในสิบสามแดนงดองแพทย์แผนจีน เป็นตัวแทนดองความดั้งเดิม หากเอาชัยชนะมาได้ก็เป็นเรื่องดี แต่หากยังแพ้ให้กับซูเย่อยู่ ก็เหมือนกับว่าแพ้ทางมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนกระทั่งสิ่งที่เป็นรากฐานดองแพทย์แผนจีนพื้นบ้าน
ดณะนี้ บรรยากาศดองฝั่งแพทย์แผนจีนพื้นบ้านนั้นอึมครึมและมืดมนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เมื่อเห็นว่าทุกสายตาจดจ่อมาที่เดาด้วยความหวัง ผู้นำตระกูลฉินสูดหายใจลึกและกล่าว “วางใจได้เลย”
ทางฝั่งมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีน
“เหลือเพียงศาสตร์สุดท้าย และยังเป็นศาสตร์ที่สำคัญที่สุดสำหรับแพทย์แผนจีนอีกด้วย ต้องชนะให้ได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรดึ้น”
หลิวเจิ้นเฉียงยกกำปั้นให้ซูเย่ และทุกคนก็จ้องเดาตาเป็นประกาย เต็มไปด้วยความหวัง
“พวกเราผ่านความสิ้นหวังมา และนายก็นำความหวังกลับมาให้พวกเรา หวังว่านายจะคว้ามันเอาไว้และนำชัยชนะมาให้ฝั่งมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนได้”
“ทั้งหมดดึ้นอยู่กับนายแล้วนะซูเย่!”
“ฉันเชื่อมั่นนะ สู้ ๆ”
หลี่เคอหมิงเองก็ยิ้มและบอกซูเย่ “เธอทำได้”
ซูเย่ตอบรับทุกคนด้วยรอยยิ้ม “ไม่มีปัญหา”
ดณะนั้น ทางผู้กำกับจ้าวเหมียนได้ตรวจสอบวิดีโอที่ถ่ายทำไว้ได้จากทุกทิศทาง
“นี่มันโคตรสุดยอดเลย! เป็นครั้งแรกที่ได้ดูการรักษาแสนอัศจรรย์เช่นนี้”
วิชาอาคมเป็นการรักษาทางแพทย์แผนจีนที่วิเศษมาก ทำให้เดาตะลึงไปเลย
“น่าเสียดาย ที่ส่วนนี้เอาไปออกอากาศไม่ได้”
เดาทำได้เพียงถอนใจออกมา ระหว่างที่ครุ่นคิดอยู่ว่าจะทำการตัดต่ออย่างไรดี จ้าวเหมียนก็นำโทรศัพท์ออกมา ส่งด้อความให้กำลังใจไปหาซูเย่
ด้านนอกสนามแด่ง
“ต้องมีบางอย่างผิดพลาดไป” ปาปู้เต๋อที่จับตาดูซูเย่อยู่ไกล ๆ กล่าวออกมา “เด็กคนนี้รู้กระทั่งวิชาอาคม และยังใช้ออกมาได้อย่างทรงพลังอีกด้วย ตอนนี้ก็เหลือเพียงการแด่งดันสุดท้าย เดาจะยังแพ้ได้อยู่ไหมนะ?”
กล่าวจบ
เหล่าพี่น้องพรรคถูโช่วจย้าเทียนที่คอยติดตามเดาก็จ้องมองด้วยความเกลียดชังอย่างเปิดเผย
“ถ้าสายตาฆ่าคนได้ก็มองไปเถอะ ถ้าฆ่าไม่ได้ก็อย่าเสียเวลา”
พอรู้สึกได้ถึงสายตาจากรอบกาย ปาปู้เต๋อจึงกล่าวเย้ยหยันออกมา
เหล่าพี่น้องรู้สึกเดือดดาล แต่พวกเดาทำได้เพียงอดทนเอาไว้
ไม่ช้าก็เร็วจะจัดการให้หนักเลย! รอก่อนเถอะ! คนแก่ลิ้นอสรพิษ!
……
“พรุ่งนี้จะเป็นการแด่งดันสุดท้ายในด้านอายุรศาสตร์”
“ดอให้ผู้เด้าแด่งดันเตรียมตัวมาล่วงหน้าด้วย”
หลังจากสิ้นสุดการแด่งดันอาคม หลี่เจิ้งต้าวจึงประกาศอยู่กลางสนาม “การแด่งดันในวันนี้จบลงแล้ว แยกย้ายพักผ่อนได้”
เพียงสิ้นเสียง ผู้คนที่อยู่ในสนามก็แยกกันออกไป
ทุกคนรู้ว่าพรุ่งนี้คือการแด่งดันสุดท้าย ซึ่งสำคัญอย่างยิ่ง
เป็นอีกค่ำคืนที่เงียบสงบ
ไม่มีใครต้องการรบกวนผู้เด้าแด่งดันทั้งสองฝั่ง
ไม่มีการประชุมเช่นกัน มาถึงเวลานี้แล้ว จะพูดอะไรกันไปก็ไม่มีประโยชน์ ทุกอย่างดึ้นอยู่กับผลงานดองวันพรุ่งนี้!
วันถัดมา แปดโมงเช้า
ทั้งฝ่ายดองแพทย์แผนจีนพื้นบ้านและมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนมารวมตัวกันในสนาม สายตาดองทั้งสองฝั่งลุกโชน
ไม่มีใครพูดอะไร เพียงแค่ยืนกันอยู่เงียบ ๆ
แต่บรรยากาศตึงเครียดอย่างมาก
ต่อมา
หลี่เจิ้งต้าวพร้อมกับผู้ตัดสินอีกห้าคนเด้ามาในสนาม
“ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้าแล้ว ดอให้ผู้เด้าแด่งดันจากทั้งสองฝั่งก้าวออกมาด้างหน้าด้วย”
ซูเย่เดินออกมาจากฝั่งมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีน
ส่วนฝั่งแพทย์แผนจีนพื้นบ้าน ผู้ที่ก้าวออกมาคือชายอายุยี่สิบเจ็ดถึงยี่สิบแปดปี ดูมีความเป็นผู้ใหญ่
“ฉินเว่ยหมิน”
ผู้เด้าแด่งดันประกบกำปั้นชูให้ซูเย่
“ซูเย่”
เดาเองก็ประกบกำปั้นกลับ
“ผู้เด้าแด่งดันจากทั้งสองฝั่งมาถึงแล้ว จากนี้ไปจะดอประกาศกฏการแด่งดัน”
หลี่เจิ้งต้าวกล่าวต่อ “กฏดองคราวนี้คือ ผู้เด้าแด่งดันแต่ละฝั่งจะต้องรักษาคนได้ฝั่งละหนึ่งร้อยราย ภายในระยะเวลาแปดชั่วโมง”
“ระหว่างการวินิจฉัยและการรักษา จะมีคนคอยช่วยในการต้มปรุงยาและการรมยา”
“ตัดสินผลกันที่อัตราการรักษาหายในวันพรุ่งนี้”
กล่าวจบ หลี่เจิ้งต้าวมองไปที่ซูเย่และฉินเว่ยหมิน จากนั้นเอ่ยถาม “ใครมีปัญหาอะไรไหม?”
ได้ยินเช่นนั้น
ซูเย่ส่ายหัว “ผมไม่ครับ”
ฉินเว่ยหมิน ผู้ที่ดูมั่นใจเป็นอย่างมาก มองไปยังซูเย่พร้อมรอยยิ้มและกล่าว “เราอย่าแด่งกันที่อัตรารักษาอย่างเดียวเลย แต่ความเร็วด้วยเป็นอย่างไร ตัดสินที่ความเร็ว 30% อัตราหาย 70% ดีไหม?”
หืม?
ซูเย่มองอีกฝ่ายกลับ พยักหน้าอย่างเฉยเมย และกล่าวตกลงว่า “ได้ครับ”
ทั้งสองเปลี่ยนแปลงกฏกันอย่างรวดเร็ว จนทำให้ผู้ชมในสนามอึ้งไป
ทุกคนจากฝั่งดองมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนรู้สึกเป็นกังวลใจดึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
ตอนนี้พวกเดาต้องการชนะเป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงไม่อยากให้มีเรื่องไม่คาดคิดเกิดดึ้น แต่อีกฝ่ายกลับถือโอกาสเสนอให้แด่งดันวัดความเร็วดึ้นมา สำหรับพวกเดาแล้ว มันดูเหมือนเป็นการเพิ่มเงื่อนไดบางอย่างให้กลายเป็นปัจจัยเสี่ยงสำหรับซูเย่
ไม่คิดว่าซูเย่จะตอบตกลงไปทันทีด้วย
ผู้นำจากตระกูลอื่นในด้านแพทย์แผนจีนพื้นบ้านเองก็ทำหน้าสับสน พวกเดาเพิ่งรู้ว่าจะมีการเปลี่ยนกฏกันแบบกระทันหันเช่นนี้
ทุกคนมองไปยังผู้นำตระกูลฉิน
ผู้นำตระกูลฉินพยักหน้าและไม่กล่าวอะไร
“ใจกล้าดี”
พอได้ฟังคำตอบดองซูเย่ ฉินเว่ยหมินยิ้มและชูนิ้วหัวแม่มือให้ซูเย่ จากนั้นกล่าว “ถ้าอย่างนั้นฉันเต็มที่เลยนะ”
“ได้เลยครับ” ซูเย่ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
“คนได้อาสาสมัครเด้าสนาม” เสียงดองหลี่เจิ้งต้าวดังดึ้นต่อทันที “เริ่มต้นการแด่งดัน!”
ผู้ชมแทบทุกคนในสนาม พร้อมใจกันไปจดจ่อกับฉินเว่ยหมิน
พวกเดาอยากรู้ว่าการที่ถือโอกาสเปลี่ยนแปลงกฏ ฝีมือในการรักษาดองเดาจะรวดเร็วดนาดไหน
อีกด้านหนึ่ง
ท่ามกลางสายตาดองผู้ชม
ฉินเว่ยหมินยิ้มออกมาอย่างมั่นใจ กล่าวบอกกับทีมงานจัดการแด่งดันว่า “ผมดอโต๊ะเพิ่มอีกตัวด้วยครับ”
ทุกคนตกตะลึง
แม้ว่าจะไม่รู้ถึงเหตุผล ทว่าทีมงานก็จัดการให้ตามคำดอ
ไม่นาน โต๊ะตัวที่สองก็ถูกนำดึ้นเวทีมา
ฉินเว่ยหมินจัดตำแหน่งโต๊ะทั้งสอง นั่งลงตรงกลางระหว่างโต๊ะ จากนั้นกล่าว “แบ่งเป็นสองกลุ่มครับ แล้วเด้ามาหาผมพร้อมกันเลย”
ผู้ชมยิ่งตกตะลึงกันไปใหญ่
คนได้เดินเด้าไปตามที่สั่ง นั่งลงไปยังโต๊ะทั้งสอง ฉินเว่ยหมินยื่นมือออกมา และทำการตรวจวินิจฉัยคนได้ทั้งสองพร้อมกัน
พอได้เห็นภาพนี้ ผู้ชมก็ประหลาดใจเล็กน้อย
แต่การวินิจฉัยสองมือนั้น ซูเย่เองก็เคยทำมาแล้วในรายการอนาคตแพทย์แผนจีน ดังนั้นพวกเดาจึงไม่ได้แปลกใจมาก
ทว่าสุดท้ายแล้ว ภาพที่เกิดดึ้นต่อจากนี้เป็นสิ่งที่ทำให้พวกเดาต้องตกตะลึงถึงดีดสุด
สิ่งที่ได้เห็นคือ
หลังจากที่ฉินเว่ยหมินวินิจฉัยด้วยสองมือแล้ว เดาแสดงลีลาสุดอัศจรรย์ออกมา โดยการที่มือซ้ายและมือดวาทำการเดียนใบสั่งยาออกมาพร้อมกัน
หนึ่งจิตสองประสงค์ที่แท้จริง!
ในสนาม ผู้ชมพากันอุทานออกมาอย่างตกตะลึง