เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - บทที่ 139 พบคนร้าย! ปรมาจารย์ฮัวได้สติ!
บทที่ 139 พบคนร้าย! ปรมาจารย์ฮัวได้สติ!
“เรียกตำรวจแล้ว กำลังสืบสวนอยู่” หลี่เคอหมิงตอบ
“ส่วนการประลอง” หลี่เคอหมิงสูดหายใจลึก “ไว้ค่อยคุยกัน”
หลิวเจิ้นเฉียงตะลึงไป
ในตอนนั้นเอง ก็มีรายงานเข้ามา
“ผลวิเคราะห์จากกล้องวงจรปิดมาแล้วครับ”
……
ทางฝั่งตระกูลแพทย์แผนจีนพื้นบ้านเอง ก็ตกตะลึงไปกับข่าวปรมาจารย์ฮัวถูกวางยาพิษเช่นเดียวกัน
ด้วยการเรียกของผู้นำตระกูลฉิน เหล่าผู้นำตระกูลทั้งสิบสามจึงเปิดประชุมผ่านช่องทางออนไลน์
“เห็นทุกอย่างที่อยู่บนอินเทอร์เน็ตไหม?” ผู้นำตระกูลฉินกล่าวด้วยใบหน้ามัวหมอง “แม้ว่าพวกเราจะไม่ได้รับการยอมรับจากภาครัฐ ทว่าพวกเราก็เป็นตระกูลที่สืบทอดต่อกันมารุ่นสู่รุ่น ต ต่อให้เสียชื่อเสียงแค่ไหน ก็ไม่ทำเรื่องเลวร้ายเช่นนี้ และยอมละทิ้งจรรยาบรรณแพทย์กับวิชาที่บรรพบุรุษสืบสานมานับพันปีหรอก”
“ตอนนี้ ผู้คนบนอินเทอร์เน็ตบางส่วนกล่าวว่าฝั่งของพวกเราเป็นผู้ทำ ฉันอยากจะถาม”
ผู้นำตระกูลฉินเว้นไปครู่หนึ่ง สุดท้ายจึงเอ่ยถาม “ใครเป็นคนทำ?”
ผู้นำทั้งหมดส่ายหัว
พวกเขาไม่มีทางทำเรื่องเสียเกียรติเช่นนั้นแน่
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง
ผู้นำตระกูลหย่วนถามต่อ สีหน้าเคร่งเครียด “อาจจะเป็นปัญหากับทางด้านฝั่งมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนหรือเปล่า? ปรมาจารย์แพทย์แผนจีนแห่งชาติ ฮัวเหรินเชิง ไม่ใช่คนที่จะกุเรื่องเช่นนี้ใ ให้ผู้คนก่อทฤษฎีสมคบคิดออกมาหรอก ทว่าศึกนี้ไม่ได้เกี่ยวกับเขาเพียงคนเดียว อาจจะเป็นใครที่อยู่ภายใต้เขา และจะได้รับผลกระทบจากการประลองก็เป็นได้?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น
ผู้นำตระกูลอื่นก็ขมวดคิ้ว
หากจะให้พูด ก็มีความเป็นไปได้อยู่
ฝั่งแพทย์แผนจีนพื้นบ้านเป็นตัวแทนสำหรับฝั่งตัวเองเท่านั้น ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับบุคคลอื่น หากจะให้เกี่ยวข้อง ก็คงมีแต่สมาชิกจากภายในตระกูล
หรือกล่าวให้ง่ายขึ้นได้ว่า กลุ่มแพทย์แผนจีนพื้นบ้านนั้นไม่ได้มีการทำงานอย่างเป็นระบบ ชนะหรือแพ้ก็ส่งผลต่อพวกเขาทั้งหมด ทว่าฝั่งสถาบันนั้นแตกต่างออกไป
ปรมาจารย์แพทย์แผนจีนนั้น ถือว่าเป็นยอดสูงสุดของวงการ หากพ่ายแพ้ ก็จะส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง
บางที อาจจะมีใครที่ต้องการเลี่ยงการประลอง?
ผู้นำตระกูลฉินหน้าเครียด เขาเกลียดเรื่องพรรค์นี้เป็นอย่างมาก แต่ตอนนี้ทฤษฎีสมคบคิดต่าง ๆ นานาอยู่ว่อนไปทั่วทุกแห่ง
เขามองไปยังผู้นำตระกูลเจิ้งและกล่าว “ไม่ว่าอย่างไร พวกเราก็ควรไปดูหน่อย พี่เจิ้ง พี่น่ะเหมาะสมที่สุดแล้ว”
ผู้นำตระกูลเจิ้งพยักหน้าตอบรับ
……
ซูเย่ตามเกาหรงกวงไปยังห้องควบคุมกล้องวงจรปิดในสถานีตำรวจย่านมหาวิทยาลัย
ฝ่ายเทคนิครีบดึงภาพจากกล้องวงจรปิด บริเวณลานใกล้เคียงกับบ้านของปรมาจารย์ฮัวขึ้นมา
“นี่เป็นภาพจากกล้องเวลา 10.30 เมื่อคืนนี้ครับ ซึ่งเป็น 5 นาทีก่อนที่ฮัวเหรินเชิง ปรมาจารย์แพทย์แผนจีนจะเข้านอน หลังจากเปรียบเทียบภาพจากกล้องในย่านนี้เป็นเวลา 3 วันติด พบว่ าบุคคลนี้เป็นผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่งครับ แต่ว่ามีภาพนี้เพียงภาพเดียว กล้องอื่นจับภาพเขาไม่ได้อีกเลย”
ซูเย่มองไปยังภาพที่ว่า
มีร่างหนึ่งถูกพบอยู่ใกล้กับสวนของบ้านปรมาจารย์ฮัวเมื่อคืน
เนื่องจากท้องฟ้ามืดครึ้ม จึงทำให้ภาพจากกล้องไม่ชัดเจนนัก
และสามารถมองเห็นหน้าของผู้ต้องสงสัยได้เพียงครึ่งเดียว
“ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด คนนี้ก็คงจะเป็นคนวางยาพิษ” เกาหรงกวงกล่าวเสียงเข้ม
“ครับ” ซูเย่พยักหน้า
เวลากลางคืนในย่านนี้ นอกจากผู้คนในจัตุรัสแล้ว ก็แทบจะไม่มีคนอยู่ที่อื่น ยิ่งไปกว่านั้น บริเวณบ้านปรมาจารย์ฮัวถือว่าอยู่ในที่ค่อนข้างเปลี่ยวอีกด้วย
แค่เวลากลางวันก็ไม่ค่อยมีคนสัญจรไปมา ไม่ต้องให้พูดถึงเวลากลางคืน
ช่วงเวลาเองก็เหมาะเจาะ ในเมื่อกล้องตัวอื่นไม่สามารถจับภาพเขาได้ ถ้าเช่นนั้นเขาคงตั้งใจหลบกล้องวงจรปิด!
คนวางยา จะต้องเป็นคนนี้อย่างแน่นอน
หลังจากจ้องมองใบหน้าครึ่งหนึ่งของบุคคลนี้อยู่นาน
ซูเย่หรี่ตาลงเล็กน้อย
เหมือนเขาจะเคยเห็นใบหน้านี้มาก่อน
สมองแล่นทำงานอย่างรวดเร็ว
ภาพของเงามืดปรากฏขึ้นในราชวังแห่งความทรงจำ และใบหน้านับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นบนเงามืดอีกที
ใบหน้าของผู้คนที่ได้พบในช่วงไม่กี่วันมานี้ ถูกดึงขึ้นมาเพื่อเปรียบเทียบกับภาพในกล้องวงจรปิด
แม้ว่าเขาจะไม่ได้ตั้งใจจดจำใบหน้าของทุกคน เขาก็มีพลังจิตกล้าแกร่ง ผสานกับความจำอันดีเลิศ ขอเพียงได้เคยเห็นหน้าของบุคคลนี้มาก่อน เขาก็สามารถรื้อฟื้นขึ้นมาจากความทรงจำได้ อย่างแน่นอน!
ราชวังแห่งความทรงจำไม่ใช่ของเล่น ๆ!
ไม่กี่นาทีต่อมา
ซูเย่ขมวดคิ้ว
“เจอแล้ว!”
ใบหน้าอันเต็มไปด้วยความมั่นใจปรากฏขึ้นในหัวของเขา
ในงานแถลงข่าว
ฉากที่รู้สึกว่ามีคนมองอยู่ แต่เมื่อตรวจสอบ ก็พบว่าเป็นทุกคนที่มองมาหาเขา
เพียงแวบเดียวที่เขารู้สึก
มีอยู่หนึ่งคนในนั้น!
ซูเย่กล่าวขึ้นมาทันที “ผมขอกระดาษกับปากกาครับ”
เกาหรงกวงผงะ
รีบสั่งให้คนไปนำกระดาษกับปากกามาให้
หลังจากได้รับทั้งสองอย่างแล้ว ซูเย่ลงมือวาดภาพทันที
ไม่ถึงนาที ภาพร่างอันชัดเจนก็ปรากฏขึ้นบนกระดาษ!
พอได้เห็นใบหน้าบนกระดาษ เกาหรงกวงก็สั่นไปทั้งร่าง
สายตาเต็มไปด้วยความอัศจรรย์ใจ
เมื่อลองเปรียบเทียบแล้ว
ภาพวาดของซูเย่นั้น มีความคล้ายคลึงกับภาพในกล้องวงจรปิดจริง!
นี่เป็นเพียงการเปรียบเทียบกับภาพครึ่งหน้า หากสามารถมองเห็นได้ทั้งหน้า ก็คงจะออกมาเหมือนกันพอดิบพอดี!
แน่นอนว่าเขารู้จักความสามารถในการวาดภาพของซูเย่
แต่ไม่ว่าจะเก่งแค่ไหน ก็คงไม่สามารถวาดคนออกมาได้โดยที่เห็นเพียงครึ่งหน้า ใช่ไหม?
“นี่คือ?” เกาหรงกวงเอ่ยถามทั้งที่ยังประหลาดใจไม่หาย
“ตามหาเขา” ซูเย่กล่าวโดยไม่อธิบายอะไร “แต่อย่าแหวกหญ้าให้งูตื่นนะครับ หลังจากพบเขาแล้ว แจ้งผมให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วผมจะไปหาเขาด้วยตัวเอง!”
เกาหรงกวงพยักหน้าให้
“ได้!”
ในตอนนั้น
ซูเย่ได้รับโทรศัพท์แจ้งว่าปรมาจารย์ฮัวตื่นแล้ว
เขาจึงรีบกลับไปทันทีโดยไร้ความลังเล
ข่าวการได้สติของปรมาจารย์ฮัว ทำให้ทุกคนที่เป็นห่วงเขารู้สึกสบายใจขึ้น
ซูเย่มาถึง
ทุกคนเข้าไปในบ้านด้วยกัน
ในห้องนั้น
ปรมาจารย์ฮัวยังคงนอนอยู่บนเตียง แม้ว่าจะเติมหยางกำเนิดเข้าไปให้แล้ว แต่เขาก็ยังอ่อนแออยู่
“มากันหมดเลยหรือ?”
พอเห็นทุกคนยืนอยู่ปลายเตียง ปรมาจารย์ฮัวจึงยิ้มและกล่าวออกมา “เหมือนฉันจะยังไม่ตายจากเมื่อคืนสินะ บอกฉันหน่อยได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น?”
“อาจารย์ ท่านถูกวางยาพิษครับ” หลี่เคอหมิงกล่าวออกมาอย่างแผ่วเบา
ปรมาจารย์ฮัวรื้อฟื้นความทรงจำจากเมื่อคืน พยักหน้าและกล่าว “ถูกวางยาจริงด้วย เจอยาพิษหรือยัง? ทำมาจากสมุนไพรหรือเปล่า?”
หลี่เคอหมิงมองไปยังซูเย่ เขาจึงเดินหน้าออกมา และกล่าวบอก “ไม่ใช่ครับ เหมือนเป็นสารเคมีมากกว่า ซึ่งมีฤทธิ์สูงมาก”
ปรมาจารย์ฮัวถอนใจและพยักหน้า “มิน่าล่ะถึงเร็วเชียว”
จากนั้นเขาเอ่ยถามต่อ “ใครช่วยฉันเอาไว้?”
หลี่เคอหมิงจึงตอบ “เป็นศิษย์น้องครับ ซูเย่”
“โอ้” ปรมาจารย์ฮัวพยักหน้าอย่างประหลาดใจ มองไปหาซูเย่ จากนั้นกล่าว “ขอบคุณนะ เสี่ยวเย่”
ซูเย่ยิ้มรับคำขอบคุณเอาไว้
เหล่าผู้นำมหาวิทยาลัยรีบเข้ามาหาต่อเพื่อพูดคุย
ไม่กี่นาทีต่อมา ปรมาจารย์ฮัวก็มองหาหลี่เคอหมิง ซึ่งยืนอยู่นอกกลุ่มคน
หลี่เคอหมิงรีบก้าวเข้าไปทันที
“เอาล่ะครับ อาจารย์ปลอดภัยแล้ว ทุกคนวางใจได้นะครับ” หลี่เคอหมิงกล่าวบอกทุกคนในห้อง “ร่างกายของอาจารย์ยังอ่อนแอและต้องการเวลาพักผ่อนอยู่ หากมีคนมากไปจะเป็นการรบกวนนะครั บ”
เหล่าคณบดีมีสิ่งที่ต้องการพูดอยู่อีก แต่พอเห็นหลี่เคอหมิงเกลี้ยกล่อมให้พวกเขาออกไปอย่างสุภาพแล้ว จึงทำได้เพียงกลืนคำพูดกลับไป มองปรมาจารย์ฮัวอีกครั้งด้วยความเป็นห่วง จากน นั้นหันหลังเดินออกไป
“เดี๋ยวฉันไปหาอะไรมาให้ทานนะคะ”
ภรรยาของอาจารย์ยิ้มออกมาเมื่อสบายใจแล้ว ออกจากห้องเพื่อไปจัดเตรียมอาหาร
ในห้องเหลือเพียงซูเย่กับหลี่เคอหมิง
“เมื่อครู่นี้มีคนอยู่เยอะฉันเลยไม่ได้พูดออกไป อันที่จริง ฉันคิดว่าฉันจะตายตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าจะรอดมาได้”
กล่าวจบ ปรมาจารย์ฮัวมองซูเย่ และเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงจริงจัง “การที่เธอช่วยชีวิตฉันได้ นั่นหมายความระดับความสามารถของเธอเหนือกว่าที่ฉันคิดเอาไว้เสียอีก!”
“ช่วยพยุงฉันลุกขึ้นหน่อย” ปรมาจารย์ฮัวพยายามลุกนั่งอย่างยากลำบาก
ซูเย่และหลี่เคอหมิงจึงรีบก้าวเข้าไปหา ช่วยพยุงอาจารย์ขึ้นมานั่งพิงหัวเตียง
ปรมาจารย์ฮัวตรวจสอบสภาพร่างกายของตัวเอง
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง
เขาถอนใจออกมา กล่าวพร้อมรอยยิ้มเจื่อน
“หากจะให้ฉันฟื้นตัวกลับมาเป็นปกติ คงต้องใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งปี”
จากนั้นเขาเอ่ยถาม “ตอนนี้ สถานการณ์ภายนอกเป็นอย่างไรบ้าง?”
สีหน้าของหลี่เคอหมิงนั้นค่อนข้างไม่น่ามอง
ซูเย่นำโทรศัพท์ออกมาเปิดเวยป๋อ และนำไปให้ปรมาจารย์ฮัวดู กล่าว
“ตอนนี้บนเวยป๋อเต็มไปด้วยทฤษฎีสมคบคิดครับ บางคนกล่าวว่าเป็นพิษจากทางแพทย์แผนจีนพื้นบ้าน บางคนก็บอกว่าท่านจงใจแสร้งป่วย บางคนก็กล่าวหาว่าศึกแห่งแพทย์แผนจีนก่อนหน้านี้เป็ นการจัดฉาก แพทย์แผนจีนฝั่งสถาบันไม่มีทางดีขนาดนี้”
ปรมาจารย์ฮัวเปิดดูคร่าว ๆ ขมวดคิ้วและกล่าว “ดูเหมือนว่ามีบางคนจะไม่อยากให้ฉันแข่งเลย ฉันไม่อยากให้แพทย์แผนจีนต้องแบ่งพรรคแบ่งฝ่ายกัน ฉันรู้ว่ายาพิษนี้ไม่ได้มาจากฝั่งแพท ทย์แผนจีนพื้นบ้าน ฉันจะต้องไปประลองในศึกนี้”
“อาจารย์ครับ ท่านจะไปในสภาพนี้ได้อย่างไร?” หลี่เคอหมิงหน้าเครียด เขารีบเกลี้ยกล่อม “ท่านเพิ่งรักษาชีวิตไว้ได้ อย่าเพิ่งฝืนเลยนะครับ”
“ไม่ได้” ปรมาจารย์ฮัวส่ายหัวกล่าว “ฉันตอบตกลงการประลองนี้ด้วยตัวเอง จะไม่รักษาคำพูดได้อย่างไร ฉันจะหลีกเลี่ยงศึกนี้ไม่ได้เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นทฤษฎีเหล่านั้นจะกลายเป็นความจริง แ และฉันก็ต้องให้โอกาสกลุ่มแพทย์แผนจีนพื้นบ้าน เด็กรุ่นใหม่แพ้ไปแล้ว พวกผู้ใหญ่ก็คงรู้สึกกดดัน”
“ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ครับ!” หลี่เคอหมิงพูดต่อ “ร่างกายของท่านอ่อนแอมาก ไม่อยู่ในสภาพที่พร้อมจะประลองแน่นอน หากท่านจะออกไป ผมขอสู้แทนท่านดีกว่า!”
สายตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
ซูเย่ได้ยินเช่นนั้น เขาก็กล่าวออกมา “ผมเองก็เป็นตัวแทนให้ได้ครับ”
หลี่เคอหมิงมองกลับไปหาซูเย่ กล่าวออกมาพร้อมขมวดคิ้วว่า “ครั้งนี้จะต้องเจอกับผู้อาวุโสของตระกูลเจิ้งแห่งตระกูลแพทย์แผนจีนพื้นบ้านนะ ตระกูลเจิ้งเชี่ยวชาญด้านการฝังเข็ม ฉันเ เป็นคนสอนเธอเรื่องการฝังเข็ม ฉันต้องเหมาะสมกว่าในกรณีนี้!”
“มีการวางยาไปแล้วหนึ่งครั้ง อาจจะมีครั้งต่อไปก็ได้นะครับ” ซูเย่ขมวดคิ้ว “ให้เป็นผมดีกว่า อย่างน้อยผมก็รักษาตัวเองได้ และจะได้ล่อให้พวกเขาเป็นฝ่ายมาหาผม”
“ฉันไม่กลัวหรอก” หลี่เคอหมิงกัดฟัน “ให้ฉันตายก็ได้ แต่อย่างน้อยต้องเจอคนร้าย!”
“เลิกทะเลาะกันได้แล้ว” ปรมาจารย์ฮัวโบกมือ
ทั้งสองจึงหยุดทันที
ปรมาจารย์ฮัวก้มหัวลงใช้ความคิด หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เขาเงยหน้าขึ้นมา ทำสีหน้าจริงจัง และกล่าว “ทั้งคู่ต้องการจะสู้เพื่อฉันจริงเหรอ?”
“ครับ!” ซูเย่และหลี่เคอหมิงพยักหน้า
“ได้” ปรมาจารย์ฮัวพยักหน้ากลับ กล่าวขึ้นมาเสียงเข้ม “ถ้าเช่นนั้นฉันจะสอนวิชาเก้าจุดฝังเข็มของฉันให้ แล้วทั้งสองแข่งกันว่าใครจะชนะ!”
“หือ?” หลี่เคอหมิงกล่าวออกมาด้วยความประหลาดใจ “นั่นมันไม้ตายก้นหีบของอาจารย์เลยนะครับ?”
“เอ๊ะ เดี๋ยวก่อน” กล่าวจบ หลี่เคอหมิงนิ่งไปครู่หนึ่ง มองไปยังปรมาจารย์ฮัวอย่างตื่นตกใจ จากนั้นเอ่ยถาม “ไม่ใช่ว่ามีแค่หกจุดเหรอครับ?”
“ฮ่าฮ่า” ปรมาจารย์ฮัวหัวเราะ “เคยหักลบออกไป แล้วเพิ่งได้พิสูจน์น่ะ ครั้งนี้ฉันเพิ่งพ้นความตายมาได้ ก่อนหน้านี้ที่ไม่ได้สอนเพราะคิดว่าร่างกายฉันยังดีอยู่ ฉันเลยต้องการให้ พวกเธอเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ปลูกฝังรากฐานให้มั่นคงก่อน และจากนั้นถึงจะหาเวลาสอนให้”
“ตอนนี้ดูเหมือนว่า หากฉันไม่สอนให้พวกเธอ ตายไปเมื่อไร มันคงจะหายไปพร้อมกับฉัน ไม่หลงเหลืออยู่ในโลกนี้”
ปรมาจารย์ฮัวมองหลี่เคอหมิง จากนั้นกล่าว “เคอหมิง เธอเรียนไปสามจุดแล้ว ครั้งนี้จะต้องเรียนอีกหกจุดที่เหลือ”
หลี่เคอหมิงพยักหน้าตอบรับอย่างตื่นเต้น
“เสี่ยวเย่” ปรมาจารย์ฮัวย้ายไปมองซูเย่ “เธอเป็นศิษย์คนสุดท้ายของฉัน จุดฝังเข็มทั้งเก้าจุดนี้ควรได้รับการส่งต่อให้เธอ ฉันแค่ยังหาเวลาอันเหมาะสมไม่ได้ วันนี้แหละ ที่ฉัน นจะสอนเธอทั้งหมด”
“ขอบคุณครับอาจารย์ แต่ท่านจะพักก่อนไหมครับ แล้วค่อยคุยกันวันพรุ่งนี้” ซูเย่พยักหน้าและโค้งคำนับ
“ไม่จำเป็น” ปรมาจารย์ฮัวสะบัดมือ “แม้ฉันจะไม่รู้ว่าเธอใช้วิชาอะไร แต่วิธีการที่เธอช่วยชีวิตฉันนั้นได้ผลดีเป็นพิเศษ ฉันรู้สึกได้ว่าพลังชีวิตของฉันนั้นมั่นคง เพียงแค่อ่อนแอเล ล็กน้อย ฉันยังพอทนไหว”
“ตอนนี้ทั้งคู่ตั้งใจฟังให้ดี”
ซูเย่และหลี่เคอหมิงใจจดใจจ่อ
ปรมาจารย์ฮัวสูดลมหายใจเข้าลึก จากนั้นกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “หลังจากกว่าเจ็ดสิบปีของการร่ำเรียนการแพทย์แผนจีน ฉันพบว่ามีหกจุดบนร่างกายมนุษย์ ที่การฝังเข็มสามารถข ขับเคลื่อนลมปราณได้พร้อมกันจากทั้งภายในและภายนอก การรักษาจะให้ผลได้มากขึ้นถึงสองเท่า!”
“ตัวอย่างเช่น จุดนี้”
กล่าวจบ
ปรมาจารย์ฮัวชี้ไปยังมือซ้ายของเขาด้วยมือข้างขวา เขากล่าวต่อ “เธอสามารถกระตุ้นจุดมือไท่หยินปอดและมือหยางหมิงลำไส้ใหญ่ พร้อมกับขับลมปราณไปยังเส้นลมปราณของปอดและลำไส้ใหญ่ ได้ ซึ่งทั้งสองนั้นมีตำแหน่งออยู่ใกล้เคียงกัน”
ระหว่างพูด
ปรมาจารย์ฮัวก็หยิบเข็มขึ้นมาจากข้างเตียง ฝังลงไปบนแขนของเขาโดยตรง
เมื่อเห็นเข็มนี้
ดวงตาของซูเย่ก็เบิกกว้าง
เขาพบว่า จุดที่ปรมาจารย์ฮัวฝังเข็มลงไปนั้น เป็นจุดระหว่างเส้นลมปราณที่เขาค้นพบโดยบังเอิญ ภายใต้ความสามารถมองทะลุของเนตรสวรรค์!