เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - บทที่ 20 ไป๋จือหรานลาออกจากสถาบัน!
บทที่ 20 ไป๋จือหรานลาออกจากสถาบัน!
ในดินแดนภูผามหานที
พื้นที่ระดับสี่
“โฮก.…..”
ในจังหวะที่มือของซูเย่แตะโดนเหรียญตรานั้น เหล่ามอนสเตอร์ทั่วทั้งพื้นที่ระดับเหมือนได้รับการกระตุ้นบางอย่างและพากันร้องคำรามกึกก้องดังไปทั่ว
ไม่เพียงแค่พื้นที่ระดับสี่ แต่เสียงคำรามนั้นดังมาถึงกระทั่งมหานครในพื้นที่ระดับสาม
มหานครตะวันออกเฉียงเหนือ
เมื่อได้ยินเสียงดังกังวานมาจากพื้นที่ระดับ
สีหน้าของบรรดาผู้คนในเมืองก็ล้วนเปลี่ยนไป
มหานครแหล่งอื่นก็เช่นกัน
“เกิดอะไรขึ้น?”
เป็นช่วงเวลาที่น่าแปลกและสับสน
……
ซูเย่ที่ยังคงอยู่ในแดนลับเองก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติ
ทว่าเหรียญตราอยู่ตรงหน้าเขา พลังปราณที่พุ่งออกมาเองก็ไม่เป็นอันตราย มันเพียงผลักต้านร่างของเขาออกห่าง
“เข้าไปสิ!” ซูเย่ปลดปล่อยพลังปราณออกมาทั่วร่างของเขา พยายามฝืนบังคับให้ก้าวเข้าไปหยิบเหรียญตราได้
เพียงไม่กี่ก้าว ชายหนุ่มรู้สึกได้ถึงแรงกดดันมหาศาลจากฟากฟ้าลงมากดทับเขาเอาไว้
ไม่เพียงแค่ร่างของเขา
แม้ว่าพละกำลังของเขาจะมากพอทำให้พยุงตัวยืนไว้ได้ แต่ภายใต้แรงกดดันเช่นนี้ ซูเย่ไม่สามารถก้าวเท้าเดินต่อได้ ซ้ำยังถูกผลักให้ถอยหลังออกมาทีละก้าว ทีละก้าว
“หา!”
สายตาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ แรงกดดันเช่นนี้ไม่ใช่สิ่งที่ผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไปขั้นสี่จะต้านทานได้อย่างแน่นอน
เขาเองยังทำไม่ได้
นอกจากเขาจะได้เลื่อนขั้นไปยังขั้นสี่
อาจจะยังพอมีหวัง
ซูเย่นึกถึงหญ้าเซียน
จะกินหรือไม่กิน?
ทว่าในตอนนั้นเอง
นาฬิกาอัจฉริยะแจ้งเตือนเขาว่าได้รับข้อความจากโมหลี่
“อุโมงค์ออกดินแดนภูผามหานทีจะปิดในอีกหนึ่งชั่วโมง นายต้องกลับมาให้ทัน”
พอได้เห็นข้อความ ซูเย่ก็ถอนหายใจออกมาเบา ๆ
เขามองไปยังเหรียญตราและส่ายหัวอย่างไม่มีทางเลือก การดูดซึมปราณจากหญ้าเซียนต้องใช้เวลานาน
“ดูเหมือนต้องไว้คราวหน้า”
“ครั้งต่อไป จะเอาไปให้ได้เลย!” เขากล่าว
ซูเย่หันหลังและออกจากแดนลับโดยไม่คิดอะไรอีก
อย่างไรก็ตาม แดนลับแห่งนี้จำเป็นต้องใช้พลังลมปราณภายในสำหรับการเข้า แม้ว่าจะถูกคนอื่นพบ ก็ไม่มีใครสามารถเข้าไปได้ ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องกังวลว่าจะมีคนมาชิงไปก่อน
จะเป็นการดีกว่าหากเขาออกไปเลื่อนขั้นสู่ขั้นสี่ระดับหนึ่งก่อน
ระหว่างทางกลับ
ซูเย่แวะมายังตำแหน่งที่มีพุ่มงาและเก็บงาดำทั้งหมดก่อนจะกลับไปยังมหานครตะวันออก
โมหลี่ยืนเฝ้าหน้าประตูเมือง เมื่อเขาเห็นร่างที่คุ้นตาปรากฏขึ้น เขาจึงรู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมาก
“ในที่สุดก็กลับมาสักที”
ขณะที่ซูเย่กำลังจะเข้าประตูไป โมหลี่ทักเขาขึ้นมาก่อน “เหล่าพี่น้องของนายทิ้งของพวกนี้ไว้ให้”
กล่าวจบ โมหลี่ก็ยื่นกระเป๋าใบใหญ่ให้กับซูเย่
“หยกปราณ 5,000 ก้อนกับหญ้าปราณหลากหลายสายพันธุ์”
เขาพูดออกมาพร้อมความอิจฉา
เด็กพวกนี้ทำเงินได้เยอะมาก แม้ว่าจะหักสามในห้าออก ก็ยังถือว่าเยอะอยู่ดี
ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาให้ความสำคัญกับซูเย่มาก เลือกที่จะกลับไปมือเปล่าและทิ้งทุกอย่างไว้ให้ซูเย่
“ขอบคุณครับ” ซูเย่พยักหน้ากล่าวขอบคุณ
“อุโมงค์ใกล้จะปิดเต็มทีแล้ว รีบไปจัดการเรื่องแล้วกลับซะ” โมหลี่เตือนอีกครั้ง
“เดี๋ยวก่อน ผมช่วยหาทรัพยากรให้มหานครตั้งมากมาย ขออะไรอย่างได้ไหมครับ?”
ซูเย่เอ่ยถามโมหลี่พร้อมรอยยิ้ม
“ต้องการอะไรล่ะ?”
โมหลี่ถามกลับด้วยน้ำเสียงคร่ำครวญ
“ง่ายมาก แค่ให้ผมไม่ต้องแบ่งทรัพยากรกับทางการครับ” เป็นคำขอที่ออกมาจากปากของซูเย่
“ฉันไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจในเรื่องนี้นะ”
โมหลี่เหลือบมองซูเย่และพูดอย่างตรงไปตรงมา
แต่ในครั้งนี้ซูเย่สร้างผลงานไว้มากมาย จะไม่ตอบแทนอะไรเขาเลยก็คงไม่ได้!
ไม่นาน โมหลี่กล่าวต่อ
“จะช่วยก็ได้ แต่ในมือนั่นถือเป็นของจากซูชือและคนอื่น ๆ ไม่ใช่ของนาย ดังนั้นยังต้องแบ่งให้ทางการอยู่ แต่ฉันจะลดให้เหลือสองในห้า”
ซูเย่ทำท่าเหมือนกำลังจะพูดอะไรออกมา โมหลี่จึงเสริมต่อ
“ส่วนที่อยู่ในกระเป๋านาย เอาออกไปได้เลย ไม่ต้องแบ่ง”
ซูเย่ตาเบิกกว้างและถามกลับ “ได้จริงเหรอครับ?”
ในนั้นมีทั้งหญ้าปราณ หญ้าเซียน และตราควบคุมอสูร!
“จริง”
ซูเย่เอ่ยออกมาพร้อมรอยยิ้ม “เท่านี้ก็พอแล้วครับ”
“ดูเหมือนนายเองก็ได้มาเยอะเลยสิท่า” โมหลี่กล่าวขณะจ้องมองซูเย่
“ไม่เยอะเท่าที่มหานครทั้งหกได้หรอกครับ เทียบกันแล้วของผมขนาดเท่าถังใบเดียวเอง” ซูเย่ยิ้มเยาะ
ทำเอาโมหลี่พูดไม่ออก
หลังจากนั้นซูเย่ไปรายงานทรัพยากรและหักส่วนแบ่งที่น่าปวดใจออกสองในห้า โมหลี่พาเขาไปยังอุโมงค์เพื่อเดินทางกลับเมืองจี้หยาง
กลับมาสู่โลกปกติ
ซูเย่เดินทางข้ามป่าเขาไปยังหมู่บ้านฉีเจี๋ยซุน
โดยไร้การรบกวนบรรดาชาวบ้านของหมู่บ้านนี้และหมู่บ้านรอบ ๆ ทั้งสาม
เขาตรงขึ้นไปบนภูเขาเพื่อสำรวจภูมิประเทศอย่างระมัดระวัง จากนั้นนำหยกปราณออกมา 1,000 ก้อนเพื่อจัดตั้งค่ายกลรวบรวมปราณ
ครั้งนี้การตั้งค่ายกลยากกว่าครั้งก่อนเป็นอย่างมาก
ก่อนหน้านี้มีเพียงหมู่บ้านฉีเจี๋ยซุน แต่ครั้งนี้ต้องรวมพื้นที่เพาะปลูกของหมู่บ้านรอบ ๆ ทั้งสามไปด้วย
ในการขยายขอบเขตค่ายกลรวบรวมปราณจะต้องอาศัยความละเอียดแม่นยำมากขึ้น
“โชคดีที่คุ้นเคยกับการตั้งค่ายกลรวบรวมปราณเป็นอย่างดี”
ซูเย่ถอนใจเบา ๆ หากเขาไม่คุ้นเคย การจัดตั้งพื้นที่ขนาดใหญ่เช่นนี้คงไม่ใช่งานง่าย
ด้วยการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและสม่ำเสมอ การสร้างค่ายกลขนาดกว้างนี้ยังคงต้องใช้เวลาพักใหญ่
จนในที่สุดก็จัดตั้งได้สำเร็จ
“เอาล่ะ!”
ซูเย่ตะโกนเสียงดัง และเรียกพลังปราณของเขาออกมา
ค่ายกลรวบรวมปราณเริ่มทำงานทันที
พลังปราณในสภาพแวดล้อมทั้งหมดถูกรวบรวมให้มาอยู่จุดเดียว
“หลังจากหว่านเมล็ดกะหล่ำปลีเรียบร้อย ปราณตรงนี้น่าจะเข้มข้นกำลังดี”
ซูเย่ถอนใจด้วยความโล่ง เหลือเพียงการทำสัญญา การปลูก และทุกอย่างจะดำเนินไปตามแผน
หลังจากทำสิ่งเหล่านั้นครบ
ซูเย่ตรงกลับไปยังเขตมหาวิทยาลัย
ระหว่างทาง
ซูเย่นำโทรศัพท์ออกมา เปิดกลุ่มวีแชทของพรรคถูโช่วจย้าเทียนที่เขาไม่ได้เห็นมานาน
‘พี่น้อง ฉันกลับมาแล้ว’ ซูเย่ส่งข้อความไป
‘อ่า? ลูกพี่ซูกลับมาแล้วเหรอ? ในที่สุดเขาก็กลับมาแล้ว’
‘ลูกพี่ซู ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?’
‘ทำให้พวกเรากลัวแทบแย่!’
ข้อความมากมายปรากฏขึ้นบนหน้าจอ
เป็นเวลาอยู่พักใหญ่ที่ทุกคนแสดงความเป็นห่วงต่อซูเย่
เมื่อได้เห็นเช่นนั้น ซูเย่ก็รู้สึกอุ่นใจ
“ฉันจะไปถึงมหาวิทยาลัยแล้ว ทุกคนมารวมตัวกันที่ป่าแถวจัตุรัสกลางหน่อย มาแบ่งของกัน!”
ซูเย่ส่งข้อความไป
แบ่งของ?
‘ดีเลย!’
ทุกคนตอบกลับอย่างตื่นเต้น
เมื่อซูเย่มาถึงป่า
นอกจากพี่น้องไป๋จือแล้ว ทั้ง 70 คนก็อยู่ที่นี่
ทันทีที่เห็นซูเย่ ทุกคนพากันทักทายเขา
“ขอบคุณทุกคนมาก!”
ซูเย่จับกระเป๋าบนหลังเขาวางลงและกล่าวกับเหล่าพี่น้อง “ครั้งนี้พวกเราได้มาเยอะเลย หยกปราณ 5,000 ก้อนกับหญ้าปราณจำนวนหนึ่ง และเพื่อเป็นการขอบคุณที่ฉันสร้างผลประโยชน์ให้มหานครทั้งหก ทางมหานครตะวันออกจึงลดหย่อนการจ่ายส่วนแบ่งลงหนึ่งในห้า หลังจากแบ่งแล้วจึงเหลือกลับมา 3,000 ก้อน”
“ฉันจะขอหญ้าปราณสองชนิดนี้ ส่วนที่เหลือเป็นของทุกคน แล้วก็พอดีว่าฉันมีเรื่องต้องใช้ด่วนเลยขอหยกปราณไป 1,000 ก้อน”
“นี่ หยกปราณ 2,000 ก้อน”
เขาวางกระเป๋าลงบนพื้นพร้อมเปิดออก จากนั้นเอ่ยถาม “ไม่มีใครคัดค้านใช่ไหม?”
“ไม่มีครับ!”
ทุกคนจ้องมองหยกปราณที่พื้นตาเป็นประกาย จนแทบจะน้ำลายไหล
พอกองเยอะ ๆ แล้วงดงามยิ่งนัก!
ตอนขุดก็ไม่ได้คิดอะไร พอได้เห็นแล้วถึงรู้สึกว่ามันเยอะมาก!
“ลูกพี่ซูน่ะจัดการเรื่องส่วนมากด้วยตัวเอง ทั้งแบกรับความเสี่ยงคนเดียว ตำแหน่งก็ค้นพบเอง”
เฉินเซียนเยว่ลุกยืนขึ้นและกล่าวออกมา “พวกเราแทบไม่ได้ทำอะไร และไม่ต้องออกไปเสี่ยง พันก้อนไม่พอหรอก นายเอาหยกปราณไปทั้งหมดดีกว่า”
“ใช่แล้ว”
ซูชือเองก็ยืนขึ้นมาพร้อมกับกล่าวด้วยรอยยิ้ม “แน่นอนว่าถ้านายยังอยากจะแบ่ง ฉันจะยอมรับไว้เอง”
สิ้นสุดคำพูด เหล่าพี่น้องพากันหัวเราะลั่น
ถ้าเป็นคนอื่นพูด พวกเขาคงรู้สึกอาย แต่ซูชือเป็นเพื่อนร่วมห้องของซูเย่และเขาเป็นคนไม่อายอะไรอยู่แล้ว ทุกคนจึงตามน้ำกันได้อย่างสนุกสนาน
“ไร้สาระน่ะ นายเอาไปแบ่งเลย!”
ซูเย่จ้องมองซูชือด้วยสายตาว่างเปล่า และมอบหมายหน้าที่แบ่งของให้เขา
ทั้งหมด 70 คน แต่ละคนจะได้หยกปราณ 28 ก้อนและหญ้าปราณประมาณ 3 ต้น
เหลืออีก 40 ก้อน จึงแบ่งให้พี่น้องที่แข็งแกร่งไม่เท่าคนอื่น
ทุกคนต่างตื่นเต้นเมื่อได้รับหยกปราณและหญ้าปราณ เพียงพอสำหรับให้พวกเขาเลื่อนระดับ!
“ได้หยกปราณตั้ง 28 ก้อน สามวันไม่สูญเปล่าแล้ว!”
“พาลูกพี่ไปกินเนื้อกันดีกว่า! ถ้าหากไม่มีลูกพี่ซู รอบนี้คงไม่มีอะไรติดมือกลับมา”
“เสียดายที่สองเทพธิดาไม่มา ถ้าพวกเธอรู้ว่าครั้งนี้พวกเราได้เยอะขนาดนี้ ไม่อิจฉาแย่เลยเหรอ?”
พูดไปพูดมา ก็มีคนกล่าวถึงสองพี่น้องไป๋จือ
“จะว่าไป! ลูกพี่ซูยังไม่รู้ใช่ไหม?” มีหนึ่งคนกล่าวขึ้นมากะทันหัน
หืม?
ซูเย่หันไปหาผู้ที่พูด
คน ๆ นั้นกล่าวต่อ “ตอนที่กลับมา ฉันแวะไปสำนักงานของสถาบันดนตรีซิงเหมิง แล้วได้ข่าวว่าบ้านของไป๋จือหรานจะมาทำเรื่องลาออก”
ซูเย่ตกใจ ดวงตาของเขาจ้องเขม็ง
เกิดอะไรขึ้น?
“อะไรนะ? เทพธิดาจะลาออกเหรอ?”
“มันไม่มากไปหน่อยเหรอ? เกิดอะไรขึ้นในครอบครัวของเธอกันนะ?”
“พวกเราไม่อยู่แค่ไม่กี่วัน เกิดอะไรขึ้นเนี่ย?”
ทุกคนพากันสงสัย
ซูเย่ยื่นกระเป๋าของเขาให้ซูชือพร้อมเอ่ย “ช่วยเอากลับไปที่หอพักให้หน่อย”
กล่าวจบ เขาก็หันหลังกลับและรีบมุ่งหน้าไปยังสถาบันดนตรีซิงเหมิง
เขาต้องรู้ให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น!
สิ่งที่เขาทำนายไว้ก่อนแยกจากกันมันเกิดขึ้นจริง
เมื่อเขามาถึง ก็รีบเดินเข้าไปในสำนักงานของสถาบัน
ทันทีที่เขาเปิดประตูเข้าไปก็ได้พบกับชายวัยกลางคนสวมชุดสูท ถือกระเป๋าเอกสาร มีผมเรียบมันเงา กำลังส่งใบลาออกให้กับเจ้าหน้าที่ของสำนักงาน
ไม่ต้องคิดอะไรมาก
บุคคลนี้เป็นคนจากครอบครัวของไป๋จือหรานอย่างแน่นอน
“ใช่แล้วครับ นี่เป็นของไป๋จือหรานและไป๋จือเหยียน”
ชายวัยกลางคนยิ้มอย่างสง่างามต่อหน้าเจ้าหน้าที่สำนักงาน “ลาออกครับ ไม่ได้ลาพัก ไม่จำเป็นต้องรักษาสภาพ”
“นี่เป็นสิ่งที่ไป๋จือหรานต้องการเหรอครับ?” ซูเย่เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์พร้อมกับเดินตรงเข้าไปหา
ชายวัยกลางคนผงะ หันหน้ามามองซูเย่ จากนั้นถามขึ้นมาว่า “ขอโทษครับ ไม่ทราบว่าคุณคือ?”
ซูเย่จ้องเขม็ง
ร่างจำแลงจากราชวังแห่งความทรงจำในหัวของเขาบินออกมาและตรงเข้าไปสู่ฝั่งตรงข้าม
พลังจิตอันแรงกล้าทำให้อีกฝ่ายตกตะลึงนิ่งไปโดยสมบูรณ์
“ผมถามว่า เป็นความต้องการของไป๋จือหรานหรือเปล่าที่จะลาออก?” ซูเย่ถามซ้ำ
“ไม่ใช่” ชายคนนั้นตอบกลับมาเสมือนไร้จิตวิญญาณ
“ตอนนี้ไป๋จือหรานอยู่ที่ไหน?” ซูเย่เปลี่ยนคำถาม
“ที่บ้าน” อีกฝ่ายตอบทันที
ในขณะที่กำลังจะถามถึงที่อยู่บ้านของไป๋จือหราน ซูเย่ได้เหลือบไปเห็นเอกสารบนโต๊ะที่อีกฝ่ายนำมา มีที่อยู่เขียนไว้อย่างชัดเจน
เขารีบหยิบขึ้นมาดูทันที
มณฑลเจ้อเจียง เมืองหางโจว!
เขาเรียกคืนพลังจิตกลับมา
อีกฝ่ายที่เพิ่งกลับมาได้สติ มองไปมาด้วยความสับสน
ซูเย่พุ่งออกนอกประตูไปทันที
เรื่องนี้มันมีบางอย่างผิดปกติ!
เขาต้องไปถามให้กระจ่าง!
ถ้าไป๋จือหรานไม่ต้องการลาออก ก็ไม่ควรมีใครไปบังคับ!
ซูเย่ลงบันไดมาและเรียกรถให้ไปยังสนามบิน เขาโทรหาไป๋จือหรานทันทีขณะนั่งรถ
เขารู้ดีว่าหากเกิดปัญหาจริง คงจะไม่มีใครรับสายหรือไม่ก็ปิดเครื่อง
ผลคือปิดเครื่องอยู่จริง!
เขาลองโทรหาไปจือเหยียน ก็ปิดเครื่องเช่นกัน
สายตาของซูเย่ในตอนนี้มีเพียงความว่างเปล่า
เขาใช้โทรศัพท์จองเที่ยวบินไปยังเมืองหางโจว
สี่ชั่วโมงต่อมา
เครื่องบินของซูเย่ลงจอดที่สนามบินหางโจว
เมื่อเดินออกจากสนามบิน ซูเย่โทรเรียกรถมารับและรีบตรงไปยังบ้านของสองพี่น้องไป๋จือทันที!!