เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - บทที่ 28 กฎหมายในมือซูเย่!
บทที่ 28 กฎหมายในมือซูเย่!
เจ้าสำนักเมฆาครามตามเข้าไป
ในช่วงเวลาที่ซูเย่เข้าไปยังแดนต้องห้ามหลังภูเขา สีหน้าของเธอแสดงความประหลาดใจออกมาชัดเจนอย่างไม่น่าเชื่อ
เป็นไปได้อย่างไร? เขาเข้าไปได้อย่างไร?
เธอพยายามรื้อฟื้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ทันที ว่าอีกฝ่ายใช้วิธีการใดในการเข้าไป
ทว่าเขาไม่ได้ทำอะไรเลย เหมือนแค่เปิดเข้าไปตรง ๆ
เธอนึกออกเพียงแค่ซูเย่เดินเข้าไปโดยฝ่าพลังที่ปิดกั้นอยู่อย่างง่ายดาย
เจ้าสำนักเมฆาครามอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วทำหน้าบึ้งตึง
“ไอ้เด็กคนนี้ มันเป็นใครกัน?”
“รออยู่ที่นี่ รายงานมาทันทีหากเกิดเรื่องอะไร”
เจ้าสำนักหยิงสั่งด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
“รับทราบ!” สมาชิกของสำนักตอบรับพร้อมเพรียง
ในหอพิธี
บรรดาผู้มาชมงานเห็นเพียงแค่เจ้าสำนักหยิงไล่ตามซูเย่ไปยังด้านหลังของภูเขา
พวกเขาไม่ทราบรายละเอียดใด ๆ
ไม่นานนัก เจ้าสำนักหยิงกลับมานั่งตำแหน่งเดิมโดยคงสีหน้าไร้อารมณ์ไว้
ซูเย่อยู่ไหน?
ผู้บัญชาการทั้งหกเริ่มมองหน้ากัน
เจียงซาน ผู้บัญชาการจากมหานครตะวันออกลุกยืนขึ้นทันทีพร้อมเอ่ยถาม “ท่านเจ้าสำนักหยิง ซูเย่อยู่ที่ไหนหรือ?”
“ฉันรู้ว่าเขามาจากทีมสืบสวน” เจ้าสำนักหยิงมองเจียงซานและตอบกลับด้วยน้ำเสียงนิ่งเฉยดังเดิม “ฉันไม่ได้ทำร้ายเขา และยังไม่ฆ่า แต่หากเขาแตะต้องอะไรที่ไม่สมควร เขาจะได้ตายในสำนักของฉัน ทีมสืบสวนคงไม่ถือใช่ไหม?”
หืม?
เจียงซานขมวดคิ้ว
นั่นหมายความว่าอย่างไร?
หรือจะเป็นไปได้ว่าซูเย่ใช้วิชาที่สาบสูญอะไรนั่น บุกรุกไปยังสถานที่ซึ่งไม่ควรเข้าไป?
เจ้าสำนักหยิงกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเช่นเดิม “ฉันจะรอเขาห้านาที”
“หากเกินห้านาที ฉันจะไม่มีวันปล่อยให้เขารอดออกไป!”
เมื่อทุกคนได้ยิน พวกเขาต่างพากันสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น
ทว่าในเวลานั้นเอง
“มีค่ายกลขัดขวางแค่ไม่กี่อัน ไม่ต้องถึงห้านาทีหรอกครับ!”
มีเสียงดังขึ้น และตามมาด้วยเส้นแสงเงามายาพุ่งออกมาจากด้านหลังภูเขาตรงเข้าสู่ในสำนักอย่างว่องไว เพียงพริบตาเขาก็กลับมายืนอยู่ตำแหน่งเดิมในหอพิธี
ซูเย่!
ทุกคนในหอจับจ้องไปยังเขา และพบว่าในมือซูเย่มีของเพิ่มขึ้นมาหนึ่งชิ้น
นั่นคือแผ่นศิลา
แผ่นศิลาที่เต็มไปด้วยรอยสลัก
ด้านหลังของเขาเป็นผู้คุมกฎวิ่งตามมาอย่างมาอย่างโกรธเกรี้ยว
“นี่ครับ!”
ซูเย่โยนแผ่นศิลาไปให้เจ้าสำนักหยิงโดยตรง
เธอคว้ารับเอาไว้อย่างรวดเร็ว
เจ้าสำนักหยิงมองคร่าว ๆ และนำผ้าไหมออกมาห่อแผ่นศิลาไว้ทันที จากนั้นหันไปหาซูเย่และเอ่ยถาม “เธอรู้วิธีฝ่าค่ายกลแดนต้องห้ามของสำนักฉันได้อย่างไร?”
สิ้นสุดคำพูด ผู้ชมทุกคนก็ตื่นตกใจกันอีกครั้ง
เขาบุกรุกไปยังแดนต้องห้ามจริงเหรอ?
แดนต้องห้ามแห่งสำนักเมฆาครามเลื่องชื่อเป็นอย่างมากในบรรดาสำนักฝึกยุทธ์ กล่าวว่าไม่เคยมีผู้ใดบุกฝ่าเข้าไปได้ แต่ซูเย่กลับทำได้จริง
“ผมแค่รู้มาเยอะ” ซูเย่ตอบกลับโดยไร้อารมณ์ จากนั้นจึงย้อนถาม “ของขวัญจากผมเป็นอย่างไรบ้างครับ?”
ทุกสายตาในที่แห่งนั้นย้ายไปจับจ้องยังแผ่นศิลาในมือของเจ้าสำนักหยิงแทน
ถ้าเช่นนั้น สิ่งนี้ก็คือวิชาที่หายสาบสูญไปของสำนักเมฆาคราม?
ผู้คุมกฎของหอบังคับการที่ไล่ตามซูเย่ ในที่สุดก็กำลังจะถึงตัวเขาและจะโจมตีใส่
“พอได้แล้ว” เจ้าสำนักหยิงกล่าวจบ ทั้งหอก็เงียบไป
ของขวัญจากเขาสามชิ้นแรกก็มาค่ามากแล้ว และยังล้ำค่ามากขึ้นกว่าชิ้นก่อนเรื่อย ๆ
ไม่มีใครสามารถมอบของที่วิเศษได้แบบเด็กคนนี้แล้ว
และอย่างไรก็ตาม วิชาของสำนักเองก็ถูกส่งต่อมาจากบรรพชน หากปฏิเสธของขวัญจากซูเย่ จะไม่เหมือนว่าปฏิเสธวิชาของสำนักตนหรือ?
หญิงสาวข้างเจ้าสำนักรับแผ่นศิลาไป เธอจ้องดู จากนั้นหันไปหาสองพี่น้องไป๋พร้อมยิ้มขึ้น และกล่าวกับเจ้าสำนักหยิง “ไป๋จือหรานและไป๋จือเหยียนมีรากฐานที่เยี่ยมยอด ฉันถามจากผู้อาวุโสแล้ว พวกท่านก็บอกว่าสองพี่น้องจำเป็นต่อความก้าวหน้าของสำนักเรา”
“เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ก็ทำให้ยืนยันได้ว่าเป็นเรื่องจริง ถึงแม้วิธีการมันออกจะประหลาดไปหน่อย”
“ได้” เจ้าสำนักหยิงเหลือบมองหญิงสาวกลับ จากนั้นมองไปยังพี่น้องไป๋และซูเย่ ลุกขึ้นยืนและโบกมืออย่างแผ่วเบาตามด้วยกล่าว “เริ่มพิธีได้!”
โอ้โห!
สายตาของผู้ชมทุกคนในหอพิธีจับจ้องไปยังซูเย่ทันที ถ้าเช่นนั้นก็หมายความว่าของขวัญที่ซูเย่มอบให้ถูกยอมรับแล้ว
การยอมรับของขวัญจากเขาก็เหมือนว่าไม่ถือโทษในสิ่งที่เขาเพิ่งทำลงไป
ไป๋จือหรานอมยิ้มเล็กน้อย
ใบหน้าของไป๋จือเหยียนเองก็เต็มไปด้วยความสุข
“ฤกษ์งามยามดีมาถึงแล้ว!”
ในช่วงเวลานั้นเอง หญิงอาวุโสปรากฏตัวออกมาพร้อมถาดในมือ “พิธีรับศิษย์ของสำนักเมฆาครามกำลังจะเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ เริ่มต้นด้วยพิธีบวงสรวง”
ซูเย่ก้าวเดินไปข้างทาง รับชมพิธีด้วยรอยยิ้ม
สองพี่น้องไป๋ก้าวเดินเข้าไประหว่างหญิงชราและหญิงสาว จากนั้นทำการโค้งคำนับ
“เงยหน้าขึ้น!” อาจารย์ของสองพี่น้องไป๋จ้องมองพวกเธอด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
“เริ่มเสิร์ฟน้ำชา!” หญิงชราตะโกนออกคำสั่งเสียงดัง
ลูกศิษย์หญิงหลายคนเดินถือถาดตามหญิงชรา และนำถ้วยชาให้กับไป๋จือหรานและไป๋จือเหยียน
ไป๋จือหรานและไป๋จือเหยียนรับถ้วยชามา จากนั้นยกขึ้นแสดงความเคารพอาจารย์ของพวกเธอ
ต่อไปเป็นคำปราศรัย
ผู้คุมกฎของหอบัญชาการก้าวเดินมาข้างหน้าและมองสองพี่น้องด้วยสายตาเย็นชา กล่าวกฎและข้อกำหนดของสำนักออกมาอย่างชัดเจน
“พวกเธอรับรู้ถึงกฎของสำนักแล้ว จบเท่านี้” อาจารย์ของสองพี่น้องโบกมือ
“จบพิธี!” หญิงชราตะโกนขึ้นพร้อมกับยิ้ม “ขอต้อนรับศิษย์ใหม่ ร่วมสืบสาน รับมรดกพันปี”
เมื่อสิ้นสุดคำพูด ก็ถือว่าพิธีรับศิษย์ใหม่จบลงอย่างเป็นทางการ
“จบพิธีแล้ว” เจ้าสำนักหยิงยกกำปั้นแสดงความเคารพผู้บัญชาการทั้งหกและผู้คนจากหลายสำนัก จากนั้นกล่าวต่อ “ในนามของสำนักเมฆาคราม ฉันขอขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมพิธี เดิมทีฉันอยากจะเชิญชวนทุกท่านให้พักผ่อนที่สำนักก่อนสักวัน ทว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง ต้องขออภัยด้วย”
เมื่อกล่าวจบ เจ้าสำนักเปลี่ยนสีหน้าไป และกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ฉันขอประกาศ”
“ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป สำนักเมฆาครามจะขอปิดกั้นจากโลกภายนอกเป็นเวลาหนึ่งปี!”
สิ้นสุดคำพูด ผู้มาชมพิธีทุกคนมองไปยังเจ้าสำนักหยิงด้วยความแปลกใจ
เกิดเรื่องอะไรขึ้น? ไม่ใช่มีข่าวลือว่าจะเปิดรับโลกภายนอกแล้วเหรอ? ทำไมถึงกลับไปปิดกั้นอีก?
เมื่อได้เห็นสีหน้าของเจ้าสำนักหยิงแล้ว ทุกคนล้วนนึกถึงความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว
แผ่นศิลาในผ้าไหม!
วิชาที่หายสาบสูญ!
จุดประสงค์ของการปิดกั้นดูเหมือนจะเป็นเพราะต้องการเรียนรู้และฝึกฝนวิชาที่หายสาบสูญ
ช่วงเวลานั้น สายตาของทุกคนดูร้อนระอุจากความตื่นเต้น
วิชาที่สืบทอดกันมานับพันปีของสำนักเมฆาครามได้รับการฟื้นฟูกลับมาแล้ว
พละกำลังของพรรคเมฆาครามคงจะพัฒนาก้าวแกร่งขึ้นอย่างมหาศาล!
ผู้คนบางส่วนกลับไปจดจ่อกับซูเย่อีกครั้ง
สุดท้ายแล้วเด็กคนนี้ไปนำวิชาที่สาบสูญของสำนักเมฆาครามออกมาได้อย่างไร?
แล้วยังมีตราคำสั่งสร้างนครและควบคุมอสูรอีก เด็กนี่ความลับเยอะเป็นบ้า!
พวกเขาเองก็อยากได้ของเหล่านั้น
แต่พอนึกถึงตัวตนของซูเย่ ว่าเขาเป็นทีมสืบสวน พวกเขาก็ทำได้แค่ถอนใจออกมา
จะไปมีปัญหากับคนของทางการไม่ได้เด็ดขาด!
ในขณะนั้นเอง ซูเย่เดินตรงเข้าไปหาไป๋จือหราน
บรรดาผู้ชมก็พากันคิดว่า เขาจะพูดอะไรก่อนบอกลา?
แต่คาดไม่ถึงเลยว่า
ซูเย่จะโอบเอวไป๋จือหรานโดยตรง จากนั้นก็จูบ!
ภาพตรงหน้าล้วนทำให้ทุกสายตาต้องตกตะลึง
นี่มันโจ่งแจ้งเกินไป!
พอเห็นว่าสำนักเมฆาครามไม่ถืออะไรแล้ว ก็เลยจะกระตุกหนวดเสืออย่างนั้นเหรอ?
“ตั้งใจฝึกนะ” ซูเย่ปล่อยมือจากไป๋จือหราน จากนั้นยกมือไปลูบหัวเธอพร้อมรอยยิ้ม
ไป๋จือหรานเองขณะนี้ก็หน้าแดงระเรื่อ
ไปจือเหยียนที่ยืนอยู่ด้านข้างทำหน้าบึ้งตึงมองทั้งสอง
“ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป แฟนของผมจะเป็นคนจากสำนักเมฆาครามของพวกคุณ คนนอกไม่มีสิทธิ์รังแกเธอได้ ในสำนักของคุณเองก็ห้ามรังแกเธอ หากมีใครทำ อย่ามาโทษว่าผมไม่เตือน!”
เสียงของซูเย่ดังกึกก้องไปทั่วทั้งหอ
เขาเข้ามาสร้างความวุ่นวาย และยังไม่ไว้หน้าสำนักเมฆาครามอีก ลูกศิษย์ของสำนักจึงอาจจะเกิดความแค้นขึ้นกับเขา
เป็นไปได้ว่า ในอนาคต พวกเธออาจจะเอาความโกรธไปลงกับไป๋จือหราน
ดังนั้น เขาจึงอยากทำตัวอวดดีให้เต็มที่ไปเลย!
เพื่อให้คนจากสำนักเมฆาครามรู้ ว่าก่อนคิดที่จะรังแกไป๋จือหราน พวกเขาต้องชั่งใจให้ดีก่อน!
ในขณะเดียวกัน เหล่าผู้อาวุโสเองก็ได้ยินคำพูดของเขา
สิ้นคำพูดของซูเย่
“หึ!”
เสียงเย้ยหยันดังขึ้นมาจากสมาชิกสำนักเมฆาครามทุกคนอย่างพร้อมเพรียง จ้องมองซูเย่เขม็งด้วยสายตาอันเต็มไปด้วยความรังเกียจและปองร้าย
คิดว่าตัวเองเป็นใคร?
กล้าพูดจาใหญ่โตโอ้อวด!
ให้ของเพียงไม่กี่อย่างก็ทำตัวซะยิ่งใหญ่!
“ไม่พอใจเหรอครับ?”
ซูเย่เหลือบมองลูกศิษย์สำนักเมฆาครามทั้งหมดกลับด้วยสายตาเย็นชาและตะโกนขึ้นมา
“ผมจะบอกไว้ให้ทราบ ว่าผมใช้เวลาฝึกยุทธ์มาถึงขั้นสี่ระดับหนึ่งภายในครึ่งปี! ผมไม่สามารถทำอะไรกับสำนักเมฆาครามของพวกคุณได้ในขณะนี้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าผมจะยังคงทำไม่ได้ในอนาคต!”
“ยังคิดว่าผมพูดล้อเล่นอยู่อีกไหมครับ?”
เมื่อกล่าวจบ ทำให้ทุกคน รวมไปถึงเจ้าสำนักเมฆาคราม บรรดาผู้อาวุโส และผู้คุมกฎ อดไม่ได้ที่จะหมวดคิ้วด้วยความสงสัย
ฝึกฝนมาถึงขั้นสี่ภายในครึ่งปี? เป็นความเร็วที่สุดยอดมาก
และเขาไม่ได้เป็นเพียงแค่ตัวเสริมของทีมสืบสวน เขากล้าที่จะเผชิญหน้าและท้าทาย ต่อหน้าเขาแล้ว คนอื่นก็เป็นเหมือนเป็นเพียงของประดับ
ให้เวลาเขาสักหน่อย เขาอาจจะได้เป็นใหญ่ในอนาคต!
“ตั้งใจฝึกนะ แล้วรอฉันมารับ”
ซูเย่หันกลับไปหาไป๋จือหรานพร้อมทำสีหน้าอ่อนโยน
“อื้ม” ไป๋จือหรานพยักหน้าตอบรับเบา ๆ
“หึ!” ทันใดนั้นผู้คุมกฎของหอบัญชาการก็อ้าปากกล่าวเสียงดัง “เลิกจู๋จี๋กันได้แล้ว เมื่อเข้าสำนักเมฆาครามมาแล้วก็ปฏิบัติตามกฎด้วย รวมถึงเรื่องการคบหา!”
“หืม?” ซูเย่หันกลับไปมอง เข้ามายุ่งอีกแล้วเหรอ?
“ฮ่าฮ่า” ซูเย่หัวเราะเยาะ หยิบหนังสือเล่มสีแดงออกมาจากกระเป๋าบนหลังของเขา ซึ่งมีคำว่า ‘รัฐธรรมนูญ’ เขียนอยู่ เขาถือมันและโบกไปมาต่อหน้าผู้คุมกฎของหอบัญชาการ
“อ่านออกไหมครับ? ถ้าอ่านไม่ออกเดี๋ยวผมอ่านให้ฟัง”
“รัฐธรรมนูญจีน มาตราที่ 49 วรรค 4 บัญญัติไว้อย่างชัดเจนว่าห้ามมิให้ทำลายเสรีภาพในการสมรส”
“กฏสมรสจีน มาตราที่ 3 ห้ามการกระทำอื่นใด ๆ ที่ขัดขวางเสรีภาพในการสมรส”
“กฏหมายอาญา มาตราที่ 257 บัญญัติไว้ว่า หากมีการการแทรกแซงเสรีภาพในการสมรสของผู้อื่นด้วยความรุนแรง จำคุกไม่เกินสองปีหรือกักขังทางอาญา”
“เป็นอย่างไรครับ? หรือว่าทางสำนักเมฆาครามต้องการท้าทายกฎหมาย?”
ซูเย่เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
สิ้นคำพูดของซูเย่ บรรดาผู้ชมก็ตกอยู่ในความเงียบ
เอา ‘รัฐธรรมนูญ’ มาอ้างต่อหน้าผู้ฝึกยุทธ์ของสำนักโบราณเนี่ยนะ?
ทันใดนั้นพวกเขารู้สึกได้ถึงความไม่ลงรอยระหว่างสองฝั่ง
แต่อย่างไรก็ตาม เจ้าเด็กนี่ก็เจ๋งชะมัด!
คงไม่มีใครกล้าออกปากหรอกว่าจะไม่ทำตามรัฐธรรมนูญ!
ใบหน้าของผู้คุมกฎของหอบัญชาการในขณะนี้เปลี่ยนไปเป็นสีแดงก่ำดั่งเลือดหมู
ไอ้เด็กคนนี้ ไร้ยางอาย!
ใช้กฎหมายมากดดันคนอื่น!
ผู้บัญชาการทั้งหกก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะชอบใจออกมาพร้อมกัน
ทำได้ดีมาก!
ก่อนหน้านี้ ในฐานะหนึ่งในสามสำนักโบราณ สำนักเมฆาครามมักจะไม่ค่อยเชื่อฟัง เดินตามทางของตัวเอง และไม่ให้ความร่วมมือกับทางการ เบื้องบนมักจะต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิดตลอด
ไม่คาดคิดเลยว่า
ซูเย่ ชายหนุ่มคนนี้ จะสามารถฉุดฝั่งนั้นลงมาได้
เป็นสำนักโบราณแล้วมันอย่างไร?
สืบทอดมาเป็นพัน ๆ ปีแล้วมันอย่างไร?
ปัจจุบันเป็นยุคที่ควบคุมโดยกฎหมาย
กล้าที่จะปฏิเสธรัฐธรรมนูญและท้าทายกฎหมายต่อหน้าทุกคนที่นี่ไหม?
ผู้คุมกฎของหอบัญชาการที่กำลังโกรธเกรี้ยว อ้าปากออกอีกครั้งเหมือนต้องการจะพูดบางสิ่ง
“พอได้แล้ว” ทันใดนั้น เสียงของเจ้าสำนักหยิงดังขึ้น “ทุกท่านกลับกันได้เลย สำนักของเรากำลังจะปิดเดี๋ยวนี้แล้ว!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ผู้คนจากหลายสำนักจึงยกกำปั้นขึ้นแสดงความเคารพ และเตรียมพร้อมที่จะกลับ
ซูเย่เมื่อรู้ตัวว่าจะต้องกลับแล้ว รีบพุ่งเข้าไปกอดไป๋จือหรานอีกครั้ง
จากนั้นหันหลังเพื่อจะกลับ
ทว่าไป๋จือหรานกลับจับแขนเขาไว้
ซูเย่จึงหันกลับมามองและยิ้มให้ไป๋จือหราน
แต่ในตอนนั้นเอง
ไป๋จือหรานกระชากมืออย่างรุนแรง และฉีกเศษผ้าออกมาจากแขนเสื้อ จากนั้นกัดนิ้วของเธอ เขียนลงไปบนเศษผ้าที่เพิ่งฉีกออกมาว่า
‘ฉันจะไม่แต่งงานกับใครอื่นในชีวิตนี้ ลงชื่อ ไป๋จือหราน’
เมื่อได้เห็นภาพนี้ ทำให้ซูเย่รู้สึกสั่น ตกใจเป็นอย่างมาก เขามองไป๋จือหรานอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น
ไม่เคยคาดคิดเลยว่า ไป๋จือหรานที่มักจะดูสงบ เมื่อถึงคราวต้องจากลา กลับแสดงอารมณ์ออกมารุนแรงเช่นนี้
ไม่เพียงแต่ซูเย่
ผู้ชมทุกคน สมาชิกสำนักเมฆาคราม หรือแม้กระทั่งเจ้าสำนักหยิงเองก็ยังต้องตกตะลึงกับภาพนี้เช่นกัน!