เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - บทที่ 45 มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยางคืนชีวิตครอบครัวฉันมา!
- Home
- เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁]
- บทที่ 45 มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยางคืนชีวิตครอบครัวฉันมา!
บทที่ 45 มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยางคืนชีวิตครอบครัวฉันมา!
หลังจากได้เงินรางวัล
ซูเย่ซื้อกระเป๋าเดินทางสองใบใหญ่ไปที่ธนาคาร ที่เขานัดไว้ตั้งแต่สองสามวันก่อน
ถอนมาแปดล้าน ขนด้วยกระเป๋าเดินทางสองใบใหญ่และมุ่งหน้าไปทางหมู่บ้านฉีเจี๋ยซุน
เขาได้รับโทรศัพท์จากหวังหงฮวาแล้ว วันนี้ต้องไปเก็บเกี่ยวผักกาดขาวในฤดูกาลแรก
ระหว่างทาง
ซูเย่ติดต่อกับผู้ใหญ่บ้านของหมู่บ้านฉีเจี๋ยซุน
ภายใต้การเรียกรวมตัวของผู้ใหญ่บ้าน ชาวบ้านหมู่บ้านฉีเจี๋ยซุนต่างมารวมตัวกันแต่เนิ่น ๆ รอให้ซูเย่มาแจกเงิน
ส่วนคนจากสามหมู่บ้านรอบ ๆ ต่างรุดหน้ามาเพราะการเรียกของผู้ใหญ่บ้านหมู่บ้านฉีเจี๋ยซุนเช่นกัน
เมื่อซูเย่มาถึง ชาวบ้านหมู่บ้านฉีเจี๋ยซุนรีบตามผู้ใหญ่บ้านเข้าไปต้อนรับด้วยรอยยิ้มกว้างทันที
“พ่อแม่พี่น้อง ได้เวลาจ่ายเงินแล้วครับ” ซูเย่ส่งเงินที่ถอนมาให้ผู้ใหญ่บ้าน ให้ผู้ใหญ่บ้านเป็นคนแจกจ่าย
ชาวบ้านหมู่บ้านฉีเจี๋ยซุนแต่ละคนยิ้มจนแก้มจะฉีกถึงหู
ค่าแรงนี้ได้มาง่ายกว่าที่พวกเขาออกไปทำงานเยอะ
ชาวบ้านในสามหมู่บ้านข้างเคียงต่างมองคนในหมู่บ้านฉีเจี๋ยซุนด้วยสีหน้าอิจฉา
จนกระทั่งแจกจ่ายเงินค่าแรงให้กับชาวบ้านหมู่บ้านฉีเจี๋ยซุนจนเสร็จหมดแล้ว ชาวบ้านจากสามหมู่บ้านข้างเคียงถึงตาเป็นประกายด้วยความคาดหวัง
ในที่สุดก็ตาพวกเขาแล้ว!
“ถัดมาเป็นเงินค่าเช่าที่นาของอีกสามหมู่บ้าน”
ผู้ใหญ่บ้านแจกจ่ายเงินให้ทีละคนตามลำดับ
เมื่อเห็นว่ามีเงินให้
คนจากสามหมู่บ้านที่เหลือก็ล้อมกันเข้ามารับเงินอย่างปลื้มปริ่ม
ด้วยการจัดการจากผู้ใหญ่บ้านหมู่บ้านฉีเจี๋ยซุน ที่นาของพวกเขาอีกสามหมู่บ้านล้วนเสร็จเรียบร้อยตามที่ซูเย่ขอ จึงได้มารอรับเงินอยู่ก่อนแล้ว
หลังจากแจกจ่ายเงินเสร็จ
ซูเย่ก็มอบเมล็ดที่เตรียมไว้ก่อนแล้วให้กับผู้ใหญ่บ้านหมู่บ้านฉีเจี๋ยซุน
ปัญหาการเพาะปลูกหลังจากนี้มอบหมายให้ผู้ใหญ่บ้านหมู่บ้านฉีเจี๋ยซุนจัดการทั้งหมด
หลังจากทำทุกอย่างเสร็จ
ซูเย่มาถึงที่นาของหมู่บ้านฉีเจี๋ยซุน
เวลานี้หวังหงฮวาก็ได้นำทีมรถมาถึงรอบนอกที่นา และเริ่มเก็บเกี่ยวผักกาดขาว
ผักกาดขาวล็อตนี้สุกเต็มแก่แล้ว
“เป็นยังไงบ้างครับ ขนหนเดียวหมดไหม?”
ซูเย่มองชาวบ้านและคนงานเก็บเกี่ยวและขนผักกาดขาว ก่อนจะเดินไปอยู่ข้างกายหวังหงฮวาและถามยิ้ม ๆ
“ไม่มีปัญหาแน่นอนครับ” หวังหงฮวาพยักหน้า กล่าวต่อ “แต่นี่เป็นครั้งสุดท้ายแล้ว ขนของคราวหน้าคงจัดการด้วยรถไม่กี่คันนี้ไม่ได้หรอกครับ”
“ถึงเวลานั้น คุณต้องจ้างทีมรถเพิ่มอีกสักหน่อย” ซูเย่พยักหน้าพลางกล่าว
“เอาจริง ๆ เลยนะครับ…”
หวังหงฮวามองซูเย่และเตือน “ที่ตั้งสาขาแยกพวกนั้นผมเลือกไว้แล้ว เรื่องอื่นยังไม่ต้องพูดถึง แต่คุณต้องรับประกันเรื่องส่งผักกาดขาวให้นะ ผมทุ่มเงินไปหมดแล้ว ถ้าครั้งนี้ไม่รอดต้องตายอย่างอนาถยิ่งกว่าครั้งที่แล้วอีก”
“วางใจได้ครับ”
ซูเย่รีบยิ้มและบอก “อีกไม่กี่วันก็จะเริ่มเพาะพันธุ์แล้วครับ ถึงตอนนั้นรับประกันได้เลยว่าพอ”
“ดี” หวังหงฮวาสูดหายใจเข้าลึกและพยักหน้า
ครั้งนี้เขาทุ่มทุกอย่างที่มีแล้วจริง ๆ
ถ้าสำเร็จ ก็จะก้าวไปอีกขั้น!
แต่ถ้าแพ้ สูญสิ้นทุกสิ่ง!
ไม่มีแม้แต่ต้นทุนจะเริ่มใหม่อีกครั้ง
รอจนเก็บเกี่ยวผักกาดขาวได้พอสมควรแล้ว
หวังหงฮวาก็โอนให้ซูเย่เลยแปดล้าน
หลังจากจ่ายค่าผักแล้ว เขาก็นำทีมรถขนของออกไปอย่างกระตือรือร้น
ส่วนซูเย่เดินเล่นอยู่รอบ ๆ
เขาไม่ได้กลับไปที่มหาวิทยาลัยทันที แต่ครุ่นคิดว่าจะทำยังไงต่อ
ตอนนี้
หลังจากชำระจำนวนเงินทั้งหมดเสร็จสิ้นแล้ว
เงินที่เหลือในมือยังมีอยู่สิบล้าน
ถ้าอยากหาเงินให้พอภายในหนึ่งปี ต้องลงมือทำอะไรเป็นรูปเป็นร่างแล้ว
ชาพลังวิญญาณนับเป็นโปรเจ็กที่ดี!
มุ่งหมายไปที่ใบชาชั้นสูง ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีที่ขาย
“ติ๊ง ๆๆ…..”
ในตอนที่เขากำลังคิดว่าจะเหมาสวนชาที่ไหนมาทำดี จู่ ๆ มือถือก็ดังขึ้นมา
เขาหยิบออกมาดู
ก็เห็นว่าเป็นสายจากหลี่เคอหมิง
“ศิษย์พี่?”
ซูเย่รีบกดรับโทรศัพท์
“รีบกลับมาที่มหาวิทยาลัยเร็ว มีเรื่องด่วน คุยในโทรศัพท์ไม่รู้เรื่อง นายรีบกลับมา”
เสียงร้อนรนของหลี่เคอหมิงดังมาจากปลายสาย
พูดได้แค่ประโยคเดียวก็ตัดสายไปเลย
เกิดเรื่องเหรอ?
ซูเย่สายตานิ่งงันไป
ต้องเกิดเรื่องแน่ ๆ!
ไม่อย่างนั้นหลี่เคอหมิงคงไม่รีบร้อนตัดสายและน้ำเสียงร้อนใจขนาดนี้หรอก
ซูเย่รีบเรียกรถกลับไปมหาลัยทันที
พอมาถึงหน้าประตูมหาวิทยาลัยเขาก็ลงจากรถ
ซูเย่จึงได้เห็นว่าหน้าประตูมหาวิทยาลัยมีคนกลุ่มใหญ่มุงอยู่ มีคนยกแผ่นผ้าสีขาวแผ่นหนึ่ง
ในนั้นได้เขียนอักษรตัวใหญ่ ๆ ด้วยสีทาบ้านสีแดง ‘มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยางคืนชีวิตครอบครัวฉันมา’
‘นักศึกษามหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยางใช้วิชาแพทย์ในการฆ่าคน’
เมื่อเห็นภาพนี้ ซูเย่ก็มีสีหน้าตึงเครียด
เกิดเรื่องจริง ๆ ด้วย!
“เพื่อนร่วมสถาบัน” ซูเย่รีบเดินเข้าไปและดึงนักศึกษาคนหนึ่งที่กำลังยืนมุงดูอยู่มาถาม “นี่มันเรื่องอะไรกัน เกิดอะไรขึ้น”
“ซูเย่?”
เมื่อเห็นซูเย่ นักศึกษาคนนั้นก็ชะงักไป ก่อนจะรีบบอก “เหมือนว่ารุ่นพี่ปีห้าที่กำลังจะเรียนจบคนหนึ่งรักษาคนไข้ตอนกลับบ้าน สองคนนั้นไปซื้อยาตามตำหรับที่รุ่นพี่เขียนให้ ปรากฏว่าคนหนึ่งตาย ส่วนอีกคนถูกวินิจฉัยว่าย่ำแย่อาการหนัก ตอนนี้กำลังช่วยชีวิตกันอยู่”
“คนที่มาเอาเรื่องพวกนี้ล้วนแต่เป็นครอบครัวของผู้ตายและผู้ป่วย พวกเขามารวมตัวที่นี่เพื่อขอให้มหาวิทยาลัยรับผิดชอบ” นักศึกษาคนนั้นกล่าว
ซูเย่ฟังแล้วขมวดคิ้วเป็นปม
นักศึกษาแพทย์แผนจีนปีห้าที่ใกล้เรียนจบรักษาคนด้วยสมุนไพรจีนจนตาย?
เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้แน่นอน!
แพทย์จีนไม่เหมือนกับแพทย์ตะวันตก แพทย์แผนจีนเป็นสาขาที่รอบคอบมาก โดยปกติไม่มีทางรักษาใครจนถึงแก่ชีวิตได้
ต่อให้เป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์เป็นพิษอ่อน ๆ ก็ต้องใช้จำนวนมหาศาลถึงจะคร่าชีวิตได้ แต่จำนวนขนาดนั้นหากคนที่รู้จักวิชาแพทย์แผนจีนเพียงเล็กน้อยก็ไม่มีทางออกให้
ในเมื่อนักศึกษาคนนี้เรียนมาห้าปีจนจะเรียนจบแล้ว ก็หมายความว่าพื้นฐานวิชาแพทย์ของเขาไม่มีปัญหาแน่นอน ไม่มีทางรักษาใครจนถึงแก่ชีวิตหรอก
ต่อให้ออกยาให้ผิดจริง ๆ จนเกิดเหตุการณ์รักษาผิดพลาด ก็ไม่ร้ายแรงถึงขั้นมีคนตายหรอก
“เรื่องนี้ถูกโพสต์ไปในเน็ตแล้ว”
“สื่อใหญ่ต่าง ๆ กำลังรายงานเรื่องนี้อยู่”
นักศึกษาคนนั้นหัวเราะเฝื่อน ๆ และเอ่ยขึ้น “ถึงแม้คอมเมนต์ในเน็ตยังถือว่าเป็นมิตรกับมหาวิทยาลัยของเรา แต่มหาวิทยาลัยเราก็ทนให้พวกเขาโวยวายแบบนี้ต่อไปไม่ได้หรอก”
“ผมว่าครั้งนี้ มหาวิทยาลัยของเราคงจะแย่แล้วครับ ไม่รู้ว่าท้ายที่สุดแล้วจะจัดการรุ่นพี่คนนั้นยังไง”
“ขอบคุณนะ”
ซูเย่ขมวดคิ้วนิดหน่อยและกล่าวขอบคุณ
ก่อนจะรีบรุดหน้าไปที่ห้องทำงานของหลี่เคอหมิง
เดินไปพลาง ก็ใช้มือถือเข้าเวยป๋อไปพลาง และพบว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นปุ๊บก็กลายเป็นการค้นหาติดเทรนด์อันดับหนึ่งปั๊บ
เขาจิ้มเข้าไปดูตามคอมเมนต์ในหัวข้อต่าง ๆ ดู
‘เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับมหาวิทยาลัย ต่อให้เกิดข้อพิพาทการรักษาขึ้นจริง ๆ ก็ไม่ใช่ความผิดของนักศึกษาคนนั้นนี่ ต้องไปหาคนขายยาไม่ใช่เหรอ ไปหาเรื่องมหาวิทยาลัยทำไม?’
‘หาเรื่องผิดคนหรือเปล่า?’
‘จะอาละวาดก็ไม่ต้องไปอาละวาดที่มหาวิทยาลัย อีกอย่างเรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับมหาวิทยาลัยอยู่แล้ว พวกคุณสร้างเรื่องแบบนี้จะส่งผลกระทบต่อนักศึกษาคนอื่น ๆ ในมหาวิทยาลัยเอา’
‘นักศึกษาแพทย์แผนจีนทำผิดเกี่ยวอะไรกับมหาวิทยาลัย หรือถ้าโดนรถขุดดินไปรื้อบ้านก็ต้องไปโทษคูโบต้าเหรอ?’
ชาวเน็ตส่วนมากมีความยุติธรรม รู้สึกว่าครอบครัวนี้หาเรื่องผิดคน
แต่ในนั้นก็ยังมีชาวเน็ตส่วนน้อยที่สนับสนุนผู้ตายและครอบครัว
โดยเฉพาะพวกอยากทำลายชื่อเสียงแพทย์แผนจีนก่อนหน้านี้
‘พวกนายไม่เห็นเหรอ คนที่ออกใบกำกับยาให้เดินออกมาจากมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยาง และเป็นนักศึกษาที่กำลังจะเรียนจบด้วย มหาวิทยาลัยที่สอนให้นักศึกษารักษาคนจนตายแบบนี้ยังมีหน้าเปิดต่อไปอีกเหรอ?’
‘มหาวิทยาลัยนี้สุดจะแย่ วิชาแพทย์ยังไม่ดีพอก็อย่าปล่อยให้จบสิ ปล่อยให้จบออกมาแล้วตอนนี้รักษาคนอื่นจนตาย มันเป็นความผิดของมหาวิทยาลัย เพราะมหาวิทยาลัยสอนไม่ดี ทำไมถึงจะไปเอาเรื่องมหาวิทยาลัยไม่ได้’
พวกคนที่ไม่ชอบแพทย์แผนจีนพากันฉวยโอกาสนี้ซ้ำเติม
เมื่อเห็นคอมเมนต์เหล่านี้
คิ้วของซูเย่ก็คลายออกเล็กน้อย
แม้จะมีคนว่าร้ายแพทย์แผนจีนไม่น้อย แต่หากเทียบกันแล้ว คนที่รู้เรื่องมีเยอะกว่า
“เรื่องนี้ปล่อยให้มหาวิทยาลัยจัดการก็ได้นี่ครับ ศิษย์พี่หลี่เรียกผมมาทำไม?”
ซูเย่มาอยู่ที่ห้องทำงานหลี่เคอหมิงด้วยความสงสัย
เขาผลักประตูเข้าไป
เวลานั้น
หลี่เคอหมิงนั่งอยู่ตรงหน้าโต๊ะทำงานและขมวดคิ้ว
“มาแล้วเหรอ?”
เมื่อเห็นซูเย่ หลี่เคอหมิงก็พยักหน้าให้เขานั่งลง
“ผมได้ยินเรื่องราวจากหน้าประตูมหาวิทยาลัยมาบ้างแล้วครับ”
ซูเย่พูดขึ้นทันควัน “แต่เรื่องนี้ต้องให้คู่กรณีและร้านยาที่ขายยาให้พวกเขาจัดการกันไม่ใช่เหรอครับ”
“เรื่องนี้ส่งผลกระทบใหญ่หลวงเกินไป” หลี่เคอหมิงส่ายหัว หัวเราะเฝื่อน ๆ พลางกล่าว “เบื้องบนมีคำสั่งลงมา ต้องก่อตั้งหน่วยสืบสวนร่วมกัน ไม่ว่ายังไงต้องไขคดีนี้ให้ได้ เงินรางวัลจากรายการอนาคตแพทย์แผนจีนของนายคราวก่อนยังไม่ได้รับ แต่ถ้าครั้งนี้เป็นเรื่องใหญ่จริง ๆ และจัดการได้ไม่ดี เงินก้อนนี้ก็พูดยาก”
“แล้วที่เรียกผมมาก็เพราะ?” ซูเย่สงสัย
“เบื้องบนเจาะจงมาให้นายเป็นหนึ่งในสมาชิกหน่วยสืบสวนร่วมกัน”
หลี่เคอหมิงมองซูเย่ด้วยความคลางแคลงและกล่าว “แต่นี่เป็นคำสั่งจากเบื้องบน ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไม”
“เจาะจงให้ผมเข้าร่วมการสืบสวน?” ซูเย่งง
หรือเพราะตัวเองเป็นคนของกลุ่มสืบสวน?
“นายนั่งพักก่อน”
หลี่เคอหมิงบอกกับซูเย่ “ผู้เชี่ยวชาญคนอื่น ๆ ในหน่วยสืบสวนร่วมกันกำลังมากันแล้ว อีกไม่นานก็ถึง ถึงแล้วเราก็ออกเดินทางกันได้เลย”
ครู่หนึ่ง
ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายมาถึง
“ผมขอประกาศ หน่วยสืบสวนมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยางก่อตั้งขึ้น ณ บัดนี้”
หลี่เคอหมิงยืนขึ้นและประกาศ “ทุกท่าน ครั้งนี้จะต้องปฏิบัติด้วยความยุติธรรม ฝากด้วยนะครับ พวกเราจะออกเดินทางกันตอนนี้เลยครับ”
ทุกคนพยักหน้า ไม่ทันแม้แต่จะแนะนำตัวเอง ก็ต่างคนต่างนำอุปกรณ์จดบันทึกที่ตัวเองต้องใช้ นั่งรถไฟไปยังเมืองที่นักศึกษาคนนั้นอยู่ภายใต้การนำทางของหลี่เคอหมิง
เมืองซ่างหยวน
หนึ่งชั่วโมงต่อมา พวกเขาลงจากทางด่วนและมุ่งหน้าไปที่โรงพยาบาลประชาชนซ่างหยวน
คนทั้งหมดมาถึงโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว
เวลานั้น
หน้าประตูโรงพยาบาล มีนักข่าวจากสื่อใหญ่มาล้อมอยู่มากมาย
ตอนนี้ซูเย่กำลังได้รับความนิยม
มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยางที่เกิดเรื่องก็มีความเกี่ยวข้องกับซูเย่ นักศึกษาแพทย์แผนจีนรักษาคนจนถึงแก่กรรมก็เป็นเรื่องใหญ่ สื่อจึงพากันรุม
นักข่าวมากมายพยายามเข้าไปสัมภาษณ์ในโรงพยาบาล แต่โดนยามของโรงพยาบาลขวางเอาไว้
และเมื่อหลี่เคอหมิงนำกลุ่มมาถึง บรรดานักข่าวที่เห็นว่าในนั้นมีซูเย่ก็ตาเป็นประกาย
กดถ่ายรูปรัว ๆ
ทว่าคนทั้งหมดนั้นไม่ได้สนใจนักข่าว พวกเขาเบียดกลุ่มนักข่าวเข้าไปในโรงพยาบาล เตรียมจะไปไถ่ถามคนไข้และสอบถามครอบครัวของคนไข้ว่าตอนนี้คนไข้มีอาการยังไงบ้าง
ปรากฏว่า
“ไม่คุย” ฝั่งญาติกลับปฏิเสธพบหน้าพูดคุย
กลุ่มสืบสวนที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นเจอตอเข้าเต็ม ๆ!
ทุกคนต่างขมวดคิ้ว แต่ก็เข้าใจอารมณ์ของญาติคนไข้
เป็นใครเจอเรื่องแบบนี้ก็คงมีปฏิกิริยาเช่นนี้
“พวกเราไปสอบถามสถานการณ์กับหมอกันดีกว่าครับ”
ซูเย่เสนอ
ในเมื่อญาติคนไข้ไม่ยอมพบคนจากกลุ่มสืบสวน ถ้าอย่างนั้นคนที่รู้เรื่องคนไข้ที่สุดก็มีแต่หมอที่รักษา
“ได้” หลี่เคอหมิงเห็นด้วยทันที
เพราะนี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะรู้เรื่องแล้ว
พวกเขามาหาหัวหน้าหวู หัวหน้าหมอแผนกภายในที่สองของโรงพยาบาล
เมื่อรู้ว่าเป็นกลุ่มสืบสวนจากมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยางแล้ว หัวหน้าหวูก็พลันให้ความร่วมมือดีมาก
แม้เขาจะเป็นแพทย์แผนตะวันตก และพวกหลี่เคอหมิงเป็นแพทย์แผนจีน แต่ก็รักษาโรคช่วยชีวิตคนเหมือนกัน
ในเรื่องการปฏิบัติต่อคนไข้ หากเป็นหมอก็จะจริงจังขึงขังกันหมด ไม่ยอมประมาทแม้แต่นิดเดียว
“หัวหน้าหวู พวกเราอยากทราบว่าผู้ป่วยที่ตายเพราะเหตุทางการแพทย์คนนั้น รวมถึงคนไข้ที่เข้ารับการช่วยชีวิตอยู่ตอนนี้มีอาการยังไงบ้างครับ”
ซูเย่ถาม “ผลชันสูตรของพวกเขาเป็นยังไงครับ”
“ผมก็เพิ่งได้ผลชันสูตรมาเหมือนกัน”
หัวหน้าหวูกล่าว “ดูจากสิ่งที่รายงานชันสูตรบอกไว้ ผลการตรวจพบว่าเป็นพิษจากสารตะกั่ว รวมถึงคนไข้ที่เสียชีวิตแล้วก็มีผลการตรวจเหมือนกัน”
หลี่เคอหมิงได้ฟังก็ขมวดคิ้วเป็นปมทันที พึมพำกับตัวเอง “หรือว่าเป็นปัญหาของสมุนไพรจีนปลอม?”