เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - บทที่ 59 สองร้อยล้าน!
บทที่ 59 สองร้อยล้าน!
“แขก VIP หมายเลข 4 เสนอราคาที่ 170 ล้าน”
เมื่อกล่าวประโยคนี้ออกไป แม้แต่หวังอวี้เองยังไม่อยากเชื่อ และทันใดนั้น ในลานก็เงียบสงัด
170 ล้าน?
เป็นราคาที่ทำให้ทุกคนต้องตกตะลึง
แม้ว่าผู้ฝึกยุทธ์จะมีความสามารถในการหาเงินได้มาก ทว่า 170 ล้านก็เป็นจำนวนที่สูงเกินไป แม้แต่ผู้ฝึกยุทธ์พเนจรขั้นสูงเองยังหาไม่ได้
แล้วผู้ใดล่ะที่จะมีเงินเท่านั้นได้ กลุ่มมหาอำนาจ?
แม้ว่าบรรดาสำนักใหญ่โตจะมีทรัพย์สินมากมาย ทว่าพวกเขาเองก็มีผู้คนที่ต้องดูแล มีค่าใช้จ่ายเพื่อหาทรัพยากรสำหรับช่วยเหลือในการฝึกฝน ซึ่งมักจะราคาสูง
หากหักค่าใช้จ่ายเหล่านั้นแล้ว ก็คงเหลือไม่มากพอที่จะประมูลอย่างมั่นใจได้เช่นนี้
ขณะนี้เหมือนว่าผู้ประมูลจะเป็นเศรษฐีระดับโลกเสียมากกว่า หากเป็นการทำเพื่อธุรกิจแล้ว เขาพร้อมที่จะลงเงินหลักพันล้านในทันที ทว่าหากให้เขานำไม่กี่ร้อยล้านไปใช้เพื่อการส่วนตัว เขาจะลังเล
ในสถานการณ์นี้
สูตรหลอมโอสถ ที่ถือได้ว่าเป็นเพียงโอสถเบื้องต้น ราคา 170 ล้าน?
แขก VIP ห้องอื่น ๆ ไร้การเคลื่อนไหว
ในห้องหมายเลข 10
ชายวัยกลางคนร่างบึกบึนกำหมัดของเขาแน่น
“เงิน ใช้ไปก็หาใหม่ได้ แต่หากสูตรโอสถนี้หลุดมือไป ก็คงหาซื้อที่ไหนไม่ได้อีก”
เมื่อเห็นว่าหวังอวี้ซึ่งอยู่บนเวที เริ่มต้นนับถอยหลังเวลาการประมูล เขาจึงกัดฟันและกล่าวกับตน “เอาวะ สู้อีกสักตั้ง!”
กดปุ่มพูดที่อยู่บนรีโมท
“180 ล้าน”
แม้น้ำเสียงของเขาจะฟังดูสบาย ทว่านี่เป็นเงินก้อนสุดท้ายของเขาแล้ว หากประมูลมาได้สำเร็จ สำนักโอสถเร้นลับของเขาคงต้องรัดเข็มขัดค่าใช้จ่ายไปอีกนาน
อย่างไรก็ตาม
เมื่อสิ้นเสียงของเขา
“181 ล้าน” แขก VIP หมายเลข 8 กล่าว
“190 ล้าน!” ดังมากจากห้องหมายเลข 9
ในพริบตา ราคาก็พุ่งขึ้นมาอีก 20 ล้าน!
ที่ห้องหมายเลข 10
ชายวัยกลางคนทรุดลงกับโซฟาอย่างหมดเรี่ยวแรง แสดงรอยยิ้มเจื่อนบนใบหน้า
ห้องหมายเลข 8
“ไปดีกว่า!”
ชายหนุ่มตาเหยี่ยวลุกยืนขึ้นและเตรียมออกจากห้องทันที เมื่อได้ยินว่ามีคนสู้ราคาของเขา
“ไม่อยากจะเชื่อเลย ว่ายังมีคนกล้าสู้อีก!”
ในห้องหมายเลข 9
ชายหนุ่มในชุดคลุมสีทองพร้อมพัดในมือ ยิ้มออกมาอย่างภาคภูมิใจ
ผลปรากฏว่า มีเสียงดังขึ้นมาต่อ
“200 ล้าน”
ดังออกมาจากห้องแขก VIP หมายเลข 4 ผู้ซึ่งยังไม่เคยเสนอราคามาก่อน
“เชี่ย!”
“200 ล้าน?”
“ฉันได้ยินไม่ผิดใช่ไหม?”
“นี่มัน 4 เท่าจากราคาเปิดแล้วนะ? พระเจ้า สูตรละ 100 ล้าน?”
ผู้ร่วมงานล้วนตกตะลึง
บนเวที
หวังอวี้เองทั้งสับสนและตื่นเต้น
แม้ว่าเขาจะทราบถึงมูลค่าของโอสถเป็นอย่างดี แต่จากประสบการณ์การทำธุรกิจของเขามาหลายปี โอสถทั้งสองควรจะมีมูลค่ามากที่สุดเพียง 120 ล้าน
กลับเป็นเรื่องไม่คาดคิดที่ไปได้ถึง 200 ล้าน
กลุ่มมหาอำนาจนี่ทรัพย์หนักเสียจริง!
ในห้องส่วนตัวหมายเลข 9
“สู้ดีไหมนะ?”
ชายหนุ่มในชุดคลุมสีทองหยิบรีโมทขึ้นมาและเตรียมตะโกนกล่าวราคาสู้
“นายน้อย!”
ด้านหลังของเขา มีชายคนหนึ่งในชุดคลุมสีเงินเดินขึ้นมาและกล่าว “ท่านมีเพียง 200 ล้านนะครับ ก่อนหน้านี้ท่านใช้ไป 5 ล้าน ดังนั้นท่านจึงไม่มีเงินเหลือแล้วครับ!”
เมื่อชายหนุ่มร่างงามได้ยินเช่นนั้น เขาก็นิ่งไปสักครู่
“นายน้อย ท่านออกมาเล่นสนุกเป็นเวลาเกือบ 1 เดือนแล้ว ในอีกไม่กี่วัน ประตูสวรรค์จะถูกปิด พวกเราต้องรีบกลับไปนะครับ”
ข้ารับใช้ในชุดคลุมสีเงินกล่าวเตือน “อีกอย่าง พวกเรา สำนักสวรรค์ประสาน ไม่ต้องการโอสถระดับต่ำเช่นนี้หรอกครับ”
“ช่างเถอะ น่าเบื่อจริง”
ชายหนุ่มร่างงามสะบัดมืออย่างเบื่อหน่าย ก่อนจะลุกยืนขึ้นและกล่าวว่า “กลับเถอะ!”
เดินนำทางข้ารับใช้ออกประตูไป
ขณะนี้ บนเวทีการประมูล
“แขก VIP หมายเลข 4 ให้ราคาที่ 200 ล้าน มีใครให้สูงกว่านี้ไหม?”
“200 ล้าน ครั้งที่ 1”
“200 ล้าน ครั้งที่ 2”
“200 ล้าน ครั้งที่ 3!”
“ปัง!”
เสียงค้อนไม้ดังสนั่น ผู้ร่วมงานพากันสะดุ้ง รายการสุดท้ายถูกประมูลออกไปแล้ว งานประมูลจบลง
“จบงานประมูลในวันนี้เพียงเท่านี้ ครั้งต่อไปกำลังอยู่ระหว่างเตรียมการ หวังว่าจะได้พบกับทุกท่านอีก”
หวังอวี้กล่าวอย่างเร่งรีบ และกลับออกไปหลังเวที
ในห้องส่วนตัวหมายเลข 1
“หือ… จบแล้วเหรอ?”
ซูเย่ยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ
200 ล้าน!
ราคาสูงกว่าที่คาดเอาไว้มาก ทีนี้ทุกอย่างก็หมดปัญหา
“แกร๊ก”
เสียงประตูด้านหลังเปิดออก
หวังอวี้รีบเดินเข้ามาและกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ขอแสดงความยินดีด้วย!”
“แขก VIP หมายเลข 4 พร้อมแลกเปลี่ยนแล้ว อีกฝั่งมีความต้องการที่จะแลกเปลี่ยนกันโดยตรง คุณต้องการให้ทางเรา หอหวังเป่าจัดการ หรือจะแปลกเปลี่ยนด้วยตัวเอง?”
“ในเมื่ออีกฝ่ายต้องการแลกเปลี่ยนด้วยตัวเอง ผมก็เอาตามนั้น” ซูเย่กล่าว
อีกฝั่งคงยังไม่ทราบว่าเขาสวมหน้ากาก
“ถ้าเช่นนั้นก็มากับฉัน” หวังอวี้พยักหน้าและกล่าว
“แขก VIP หมายเลข 4 เป็นใครเหรอครับ? ผมมาก่อน ทำไมไม่เห็นเขา?” ซูเย่เอ่ยถาม
“ขออภัยด้วย” หวังอวี้ส่ายหน้าและตอบ “หอหวังเป่าจะไม่ถามเรื่องส่วนตัวของลูกค้า เพื่อความยุติธรรมแล้ว ดังนั้นหากเป็นเรื่องเกี่ยวกับลูกค้า ทางเราไม่สามารถตอบได้”
“หรือว่าเขาจะเข้ามาทางประตูด้านหลัง?” ซูเย่เอ่ยถามกับตัวเอง
หวังอวี้ทำได้เพียงแต่มอง
ในเวลาไม่นาน หวังอวี้ก็นำทางซูเย่มาถึงห้องแลกเปลี่ยน
ในขณะนั้น บุคคลสวมหน้ากาก มองเห็นได้เพียงดวงตา นั่งไขว่ห้างรออยู่บนโซฟาอย่างเงียบ ๆ
“แลกเปลี่ยนกันที่นี่ได้เลย”
“แม้ว่าจะเป็นสถานที่ของหอหวังเป่า ทว่าทางเราไม่สามารถรับรองได้ว่าจะไม่เกิดปัญหาด้านการส่งมอบเงิน เรารับรองได้เพียงว่าสูตรหลอมโอสถเป็นของจริง” หวังอวี้กล่าว
“สูตรหลอมโอสถ” ซูเย่ไม่พูดพร่ำ นำสูตรออกมาวางบนโต๊ะทันที
จากนั้นหยิบกระดาษขึ้นมาอีกหนึ่งแผ่น
“นี่เป็นกระบวนการหลอม”
สุดท้าย นำหมายเลขบัญชีออกมาจากกระเป๋ากางเกงและวางไว้ตรงหน้าของอีกฝ่าย
อีกฝั่งจ้องมองซูเย่อยู่ครู่หนึ่ง
จากนั้นทำการโอนเงินทันที โดยไม่ได้เหลือบมองสูตรหลอมโอสถเลยแม้แต่น้อย
ซูเย่และหวังอวี้มองหน้ากันและประหลาดใจเล็กน้อย
เขามั่นใจขนาดนี้เลยหรือ?
ไม่นานซูเย่ก็ได้รับข้อความว่ามีเงินเข้า
“ส่งมอบเงินเรียบร้อยแล้ว” พอได้เห็นว่าการแลกเปลี่ยนดำเนินไปอย่างราบรื่น หวังอวี้จึงกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม พร้อมกับมองซูเย่
“ค่านายหน้า”
ซูเย่โอนเงินจำนวน 6 ล้าน พร้อมกับ 3 แสนค่าของหญ้าปราณไปยังหวังอวี้ พร้อมกับนำบัตรมังกรเงินออกมาจากกระเป๋าและส่งคืน
“คุณจะได้เป็นลูกค้าระดับ VIP เมื่อจ่ายเงิน 5 ล้านในครั้งเดียวให้กับหอหวังเป่า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป บัตรนั้นถือเป็นของคุณ”
หวังอวี้ยิ้มและผลักมือซูเย่กลับไป
ซูเย่จึงนำลงไปเก็บที่เดิม
เขารู้อยู่แล้วว่าบัตรนี้ไม่ได้ให้กันเปล่า ๆ
เป็นถึงบัตร VIP ที่มีเพียง 10 ที่ในงานประมูล
สิ่งที่หวังอวี้ประเมินจากซูเย่ไม่ใช่เพียงเงิน 6 ล้านในครั้งนี้ แต่รวมไปถึงในอนาคต
ครั้งแรกเขาขายโอสถเรียกปราณถึง 200 เม็ด ครั้งถัดมาก็ขายสูตรหลอมโอสถเป็นเงิน 200 ล้าน ใครจะรู้ว่าครั้งต่อไปจะนำสิ่งมีค่าเท่าไรมาขาย?
หากเขายอมขายกระทั่งสูตรโอสถ สิ่งใดเขาก็คงนำมาขายได้
ซูเย่รับกิ่งข้าวตอกพระร่วงที่ส่งมาให้เขาไป เด็ดผลทั้งหมดใส่กระเป๋า จากนั้นออกจากงานประมูล
เขาก้าวเดินไปบนถนนยามค่ำคืนอย่างเชื่องช้า พลางคิดในหัว
“ไม่ใช่ว่าเท่านี้ก็พอสำหรับ 250 ล้านแล้วเหรอ?”
เขาผ่อนคลายไปได้เพียงครู่เดียว ก็กลับมาหน้านิ่วคิ้วขมวดอีกครั้ง
เขายังหาได้ไม่พอ!
ยังคงไม่เพียงพอ!
แม้ว่าเงินในบัญชีขณะนี้จะเพียงพอสำหรับก่อตั้งกิจการของเขา แต่เขายังต้องการเงินสำหรับใช้ในการฝึกฝนและการดำเนินกิจการต่อ!
“ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยแฮะ!”
ซูเย่ถอนหายใจออกมา
และแล้วก็หยุดเดิน
เขาสัมผัสได้ถึงพลังปราณอันแผ่วเบาอยู่ชั่วขณะ แต่มันก็มากพอที่จะทำให้จิตของเขารู้สึกได้ว่าถูกจับตามอง!
ซูเย่ตรวจสอบว่าอีกฝ่ายเป็นใคร โดยที่ไม่ต้องหันหลังกลับไปมอง
เขาหัวเราะออกมาเบา ๆ
ซูเย่เดินตรงเข้าไปยังสวนสาธารณะ
เนื่องจากเป็นเวลา 4 ทุ่มครึ่ง จึงไม่มีใครอยู่ในสวนเลย มีเพียงเสียงจิ้งหรีดดังระงมไปทั่ว
ระหว่างเดินอยู่ ซูเย่หันเปลี่ยนทิศทาง จากนั้นเดินรอบต้นไม้ และหายไปในความมืด
ทันใดนั้น
เงาดำปรากฏขึ้นอย่างเงียบงัน
เสมือนเป็นใบไม้ที่ร่วงหล่น เขาลงมาจากบนต้นไม้โดยไร้เสียง สู่จุดที่ซูเย่หายตัวไป พยายามตรวจสอบบริเวณนั้นแต่ไม่พบซูเย่
หลังจากสำรวจอยู่สักพัก เงาดำจึงทำได้เพียงกลับออกไป
“ตามฉันมาเหรอ?”
“ขอดูหน่อยว่าเป็นใคร!”
ซูเย่เผยตัวขึ้นเงียบ ๆ หลังต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลออกไป หลังจากที่อีกฝ่ายหันหลังให้
เขาก้าวเดินออกมา แม้จะไม่เร็วนัก แต่ฝีเท้าแตะพื้นดินเหมือนกับเหยียบบนอากาศ ไร้เสียงใด ๆ เกิดขึ้น
ซูเย่ไล่ตามพลังปราณที่หลงเหลืออยู่ในอากาศไป
ใช้เวลาไม่นาน
ซูเย่ออกจากสวน และวิ่งตามถนนออกไปนอกเมือง
ทันใดนั้น อีกฝ่ายก็ลดความเร็วลง
“หืม?” ซูเย่หยุดเดิน
เพียงเสี้ยววินาทีที่หยุดเดินนั้น
“พรึ่บ พรึ่บ…”
เสียงฝ่าอากาศดังขึ้นจากสองข้างพร้อมกัน เงาดำทั้งสองเผยตัวออกมาจากความมืดและเข้าล้อมซูเย่ไว้เป็นวงกลม
“แน่สิว่าฉันตามอยู่ ฮ่าฮ่า!” ร่างตรงหน้าหัวเราะใส่เขา และพบว่าซูเย่กำลังยิ้มอยู่ จากนั้นกล่าวออกมาด้วยสำเนียงประหลาด “ในตอนที่หาตัวไม่พบ ฉันกะแล้วว่าแกจะหาตัวฉันเจอ ในเมื่อถูกพบตัวเข้า ฉันเลยใช้โอกาสนั้นในการล่อแกออกมา ไม่คิดเลยว่าจะตามมาจริง!”
“เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว” ร่างดำอีกร่างตะโกนออกมา “ส่งสูตรหลอมโอสถมา!”
“มาจากองค์กรไหน?” ซูเย่เอ่ยถาม
“พรึ่บ!”
ไร้คำตอบให้ซูเย่ ร่างดำอีกร่างที่ไม่เคยเอ่ยปากพูด พุ่งตรงเข้ามาหาเขาทันที
ทันใดนั้นก็ปรากฏแสงสว่างส่องอยู่บนร่างของเงาดังกล่าวท่ามกลางความมืดมิด
น่าประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง เมื่อได้เห็นสายฟ้าวิ่งไหลเวียนอยู่บนฝ่ามือของคน ๆ นั้น และพริบตาที่มือนั้นโบกสะบัด ก็เหมือนมีสายฟ้าผ่าลงมาจากเบื้องบน โดนเข้าที่ตัวซูเย่โดยตรง
ซูเย่ยืนนิ่ง
สายฟ้าไหลผ่านทั่วร่างของเขา ทว่าไม่ได้สร้างความเสียหายใด ๆ
“ใช้สายฟ้าด้วยเหรอ?” ซูเย่ใช้มือลูบไปตามกระแสไฟ จากนั้นกล่าวเยาะเย้ย “แต่เบาแค่นี้เอง?”
“ฉันแสดงให้ดูไหม? สิ่งที่เรียกว่าสายฟ้าของจริง”
เขาจ้องไปยังใบหน้าของอีกฝ่ายที่กำลังตื่นตกใจ
“ฟ้าคำรามและอัสนีมาเยือน ความมั่งคั่ง บุรุษผู้ถูกจองจำ!”
คาถาจาก ‘หนังสือแห่งการแปรเปลี่ยน’
เมื่อร่ายคาถาจบ ทันใดนั้นได้เกิดลมพัดอย่างรุนแรง
ท้องฟ้าที่เดิมเคยโปร่งใส ถูกปกคลุมไปด้วยเมฆดำครึ้ม
“ครืน……”
ไม่นานก็เกิดฟ้าแลบฟ้าร้องทั่วทั้งท้องฟ้า
กลายเป็นพายุฝนฟ้าคะนอง
เมื่อได้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ร่างดำทั้งสามที่ล้อมซูเย่อยู่ ก็พากันก้าวถอยออกไปอย่างตื่นตระหนก จ้องมองซูเย่ด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง
“กลัวเหรอ?”
ซูเย่ยิ้มอย่างเยือกเย็น
จากนั้น เขาจึงเคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูงไปยังคนทั้งสาม