เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - บทที่ 68 ภารกิจระดับเร้น เปิดประตูแดนลับ!
บทที่ 68 ภารกิจระดับเร้น เปิดประตูแดนลับ!
มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยาง
หอพักชาย
ทันทีที่ซูเย่เปิดประตูออกจากห้องพัก บางสิ่งบางอย่างที่ห่างหายไปเนิ่นนานก็ได้ปรากฏขึ้นในจิตของเขา
“ติ๊ง~”
“แต้มจิตสาธารณะ +1 “
ซูเย่ชะงัก จากนั้นจึงหัวเราะออกมา
เขาคาดการณ์เอาไว้แล้ว
ว่าเขาจะได้รับแต้มจิตสาธารณะ จากการล้างมลทินให้แพทย์แผนจีน โดยการผลิตยาขึ้นมาเพื่อช่วยรักษาผู้คน!
การทะลวงผ่านขั้นถัดไปของ ‘ห่าวหราน’ จำเป็นจะต้องใช้แต้มจิตสาธารณะ 3 แต้ม และขณะนี้ก็เหลือเพียงแค่แต้มศีลธรรมอีก 9,800 แต้ม!
เขาได้รับแต้มศีลธรรมมา 200 แต้ม จากการรักษาผู้คนก่อนหน้านี้
‘ยังต้องพยายามต่ออีก’ ซูเย่กล่าวกับตัวเองในใจ
เหลือบมองเข้าไปภายในของห้องพัก
ซูเย่พบว่าซูชือและจินฟานไม่ได้อยู่ที่นี่
วันนี้คงจะมีคลาสเรียน และทั้งคู่ได้ไปเข้าคาบนี้
สำหรับเขาแล้ว ตราบใดที่เข้าสอบปลายภาค ก็ไม่มีใครสนว่าเขาจะเข้าเรียนหรือไม่
“ติ๊ดติ๊ดติ๊ด……”
ทันใดนั้นโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงของเขาก็ดังขึ้น
เมื่อมองดูก็พบว่าเป็นสายจากเกาหรงกวง
“ฉันรอนายอยู่หน้าประตูมหาวิทยาลัย”
เสียงของเกาหรงกวงดังขึ้นจากปลายสาย และตัดไปทันที
“มีเรื่องอะไรเหรอครับ?”
ซูเย่เอ่ยถามเกาหรงกวงที่อยู่หน้าประตูทันทีที่มาถึง
เกาหรงกวงมองซูเย่และกล่าวขึ้น
“ฉันมาเพื่อเตือนนายว่า อย่าขายยาที่นายผลิตไปจนหมด เก็บบางส่วนไว้ให้ทีมสืบสวนบ้าง นายน่าจะรู้ว่าพวกเราเป็นผู้ที่ต้องการใช้ยามากที่สุด”
“ไม่ต้องห่วงครับ” ซูเย่กล่าว “ด้วยเหตุนี้ ยาที่ผมผลิตจึงมีไว้สำหรับขายในร้านออนไลน์ และส่งมอบให้กับโรงพยาบาลในเครือมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยางเท่านั้น แล้วก็เป็นแบบจำ ำกัดจำนวนด้วยครับ”
“ดีแล้วล่ะ” เกาหรงกวงกล่าวต่อ “ฉันกลัวว่านายจะอยากทำเงินมากเกิน เลยจะขายไปหมด แล้วอีกอย่าง ฉันมีอะไรจะให้นายช่วย”
“ผมไม่ว่างครับ!” ซูเย่เอ่ยอย่างเด็ดขาด
สารวัตรเมืองจี้หยางมาด้วยตัวเอง ต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่
“หึหึ อยากจะปฏิเสธล่ะสิ แต่อย่าลืมว่านายยังไม่ได้รับภารกิจประจำปีของระดับเร้นลับเลยนะ!”
เกาหรงกวงมองคนเจ้าเล่ห์ตรงหน้าอย่างเย็นชา
ซูเย่ผงะ เขาลืมไปเสียสนิท
“จากข้อมูลในอดีตแล้ว นายสามารถฝ่าปราการค่ายกลของแดนลับได้ใช่ไหม?” เกาหรงกวงถามโดยไม่ละสายตาจากซูเย่
“ก็พอทำได้นิดหน่อยครับ” ซูเย่ตอบอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว
เกาหรงกวงกล่าวสวนอย่างขึงขัง “เจ้าเด็กนี่ ไม่ต้องมาถ่อมตัว ตอบฉันมาตามตรงว่าทำได้หรือเปล่า?”
ซูเย่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบกลับ “ถ้าจะให้ผมบอก ก็คงประมาณว่าฝ่าได้เกือบทั้งหมดครับ”
“หา?”
คำตอบนั้นทำเอาเกาหรงกวงสั่นไปทั่วทั้งร่าง จ้องมองซูเย่ด้วยสายตาตกตะลึง
เพียงครู่เดียว คำตอบเปลี่ยนจาก พอได้นิดหน่อย กลายเป็น ได้เกือบทั้งหมด?
ทำได้เกือบทั้งหมดจริงเหรอ???
ย้อนนึกถึงเรื่องสูตรโอสถจากเด็กคนนี้
ในยุทธภพปัจจุบัน ทั้งความรู้ด้านค่ายกลและสูตรโอสถนั้นหายสาบสูญไปเกือบทั้งหมด แต่เด็กคนนี้กลับรู้จักทั้งสองเป็นอย่างดี
เกิดอะไรขึ้นกับเขา?
สายตาอันตื่นตกใจของเกาหรงกวง มองซูเย่ที่ยังคงสงบอยู่ ตั้งแต่หัวจรดเท้าอยู่หลายครั้ง
หมอนี่ซ่อนความลับอะไรไว้กันแน่?
แต่เขารู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาสืบความลับของซูเย่ มีธุระอื่นที่สำคัญยิ่งกว่า!
เขารีบระงับความรู้สึกเมื่อครู่ในใจ
“เรื่องมันมีอยู่ว่า!” เกาหรงกวงจ้องซูเย่อย่างเคร่งขรึม “เมื่อไม่นานมานี้ ได้มีมิติลวงตาปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าเหนือเมืองซ่างโหลว มณฑลใกล้ ๆ นี้ หลังจากตรวจสอบแล้วพบว่า มิติ ดังกล่าวนั้นเป็นแดนลับ เบื้องบนคิดหาวิธีมากมายแต่ก็ยังไม่สามารถฝ่าเข้าไปได้ ดังนั้น ฉันหวังว่านายจะไปลองตรวจสอบดู”
“ถ้าลองถือโอกาสไปดู อาจจะได้อะไรติดไม้ติดมือกลับมาก็ได้”
“แต่ถ้าไม่อยากไป นี่จะถือเป็นภารกิจระดับเร้นลับ เลือกเอา”
“ผมขอเลือกให้เป็นภารกิจครับ” ซูเย่ตอบโดยไร้ความลังเล
“……”
ไม่ยอมทำด้วยตัวเองเลย!
“ไปกันเถอะ!”
เกาหรงกวงขี้เกียจที่จะเสียเวลากับซูเย่ต่อ จึงนำตรงไปขึ้นรถทันที
มีรถ SUV จอดอยู่จากจุดที่คุยกันไม่ไกลนัก
ซูเย่มองตามไป เห็นได้ชัดว่าเกาหรงกวงรอเขาอยู่ และวันนี้จะไม่ปล่อยให้เขาหนีไปแน่
รถขับออกจากเขตมหาวิทยาลัย มุ่งตรงไปยังสนามบิน
หลังไปถึง ทั้งสองได้ขึ้นเครื่องบินพิเศษสำหรับทีมสืบสวนโดยเฉพาะ ออกบินไปยังเมืองซ่างโหลวที่อยู่ห่างไป 700 กิโลเมตร
สองชั่วโมงถัดมา
เครื่องลงจอด ณ สนามบินซ่างโหลว
ทันทีที่ลงจากเครื่อง เกาหรงกวงก็พาซูเย่ขึ้นรถเฉพาะสำหรับทีมสืบสวน และขับออกไปยังภูเขานอกเมืองซ่างโหลว
ออกจากเมืองได้เพียงไม่นาน ซูเย่ก็ได้พบทหารที่ตั้งด่านปิดถนนอยู่
“บริเวณนี้ถูกปิดกั้นแน่นหนา” ระหว่างแสดงเอกสารยืนยันตัวตน เกาหรงกวงก็อธิบายไปด้วย “ไม่ใช่แค่กันคนทั่วไปนะ แต่เพื่อป้องกันการตรวจพบและลักลอบบุกรุกของชาวต่างชาติผู้ใช้พ พลังมากกว่า”
“ชาวต่างชาติผู้ใช้พลัง?” ซูเย่ผงะไปเมื่อได้ยิน
“ใช่” เกาหรงกวงพยักหน้ายืนยันและกล่าวต่อ “ที่ครั้งก่อนนายเจอสามคนนั้น พวกเขามาหาเบาะแสจากข่าว แต่ดันไปโผล่ผิดที่ เรื่องส่วนที่เหลือเดี๋ยวนายก็จะได้รู้ในเร็ว ๆ นี้”
รถขับตรงขึ้นภูเขา หลังจากวิ่งผ่านเขาไปสองลูก ก็ได้มาถึงจุดมุ่งหมาย
เมื่อลงจากรถ ซูเย่ก็ได้พบเข้ากับประตูสู่แดนลับ
หนึ่งในผู้คนที่ยืนอยู่หน้าประตูก็คือ เจียงซาน ผู้บัญชาการมหานครตะวันออก
ระหว่างที่เดินอยู่ เกาหรงกวงกระซิบแนะนำกับซูเย่ “คงไม่ต้องพูดอะไรเกี่ยวกับผู้บัญชาการเจียง ให้สนใจอีกสองคนที่อยู่ข้าง ๆ เขา”
“ชายหนุ่มคนนั้นเป็นอัจฉริยะด้านค่ายกล ชื่อตู้ฉางอวี่ ความแกร่งอยู่ที่ขั้นสี่ระดับสอง มาจากตระกูลเทียนสุ่ย หนึ่งในสิบสองตระกูลใหญ่”
ได้ยินเช่นนั้น ซูเย่จึงหันไปมองบุคคลที่เกาหรงกวงกล่าวถึง
เขาสวมเสื้อผ้าเป็นชุดลำลองทั่วไป ลักษณะท่าทางดูอ่อนโยนเหมือนสายน้ำ ทว่าคิ้วยกสูง ดูจองหอง จะต้องเป็นคนเย่อหยิ่งแน่!
เกาหรงกวงชี้ไปยังอีกคนหนึ่ง
“ส่วนคนที่ดูสูงวัยกว่าและนั่งหลังค่อมอยู่ เป็นผู้ฝึกยุทธ์พเนจรจากประตูวายุ หนึ่งในแปดประตูและเก้าสายน้ำ เขาชำนาญด้านการศึกษาสภาพภูมิศาสตร์ของภูเขาและลำธารมากที่สุ ด ทำการค้นคว้ามาแล้วอย่างเนิ่นนาน”
เกาหรงกวงยังคงกล่าวต่อ “เขาชื่อหยางเทียนหลิน เป็นขั้นสี่ระดับหก”
ซูเย่พยักหน้า
ในยุทธภพของผู้ฝึกยุทธ์พเนจรเองก็มีการสืบทอดเช่นกัน จำแนกออกตามความชำนาญแล้วจะได้เป็นแปดประตู และเก้าสายน้ำ ซึ่งประตูลมเป็นหนึ่งในนั้น
“มาแล้วเหรอ?”
เมื่อเห็นว่าซูเย่มาถึง เจียงซานจึงเอ่ยทัก
“สวัสดีครับผู้บัญชาการ” ซูเย่ทำความเคารพ
“ผู้บัญชาการเจียง”
อัจฉริยะจากตระกูลเทียนสุ่ย ตู้ฉางอวี่เดินเข้ามาหาในทันที เหลือบมองซูเย่ และเอ่ยถามกับเจียงซานอย่างไม่สบอารมณ์ “ในเมื่อท่านเชิญผมมา แล้วท่านจะเรียกคนอื่นมาทำไมอีก?”
“เธอเข้าใจผิดแล้ว” เจียงซานยิ้มตอบและส่ายหัว จากนั้นอธิบายกับตู้ฉางอวี่ “นี่คือสมาชิกทีมสืบสวนของเรา ซูเย่”
“โอ้?” ตู้ฉางอวี่พยักหน้า ทีแรกเขาคิดว่าเป็นผู้เรียนรู้ด้านค่ายกลจากสำนักอื่น เพราะหากมีการชวนเขามาพร้อมกับคนอื่น ก็จะเป็นเหมือนการไม่วางใจในตัวเขา!
ซูเย่?
ตู้ฉางอวี่หันไปหาซูเย่และเอ่ยขึ้น “ซูเย่เหรอ? ชื่อนี้… นายคือซูเย่ที่เลื่อนขึ้นมาเป็นอันดับห้าของลูกรักสวรรค์ระดับสี่ใช่ไหม? ล้มผู้ฝึกยุทธ์ขั้นห้าระดับหนึ่งได้ด้ วยเหรอ? รู้หลักการทำงานของค่ายกลไหม?”
คำถามเป็นชุดยิงเข้ามา
เอ่อ?
ซูเย่นิ่งไปชั่วขณะ
ฉันอยู่ในอันดับลูกรักสวรรค์ระดับสี่ อันดับห้า
แต่ที่ล้มผู้บงการอยู่เบื้องหลังได้ต้องเป็นขั้นห้าระดับสองสิ ทำไมถึงบอกว่าเป็นขั้นห้าระดับหนึ่ง?
หรือว่าเพื่อป้องกันข้อมูลรั่วไหล ทีมสืบสวนจึงจงใจปิดบังข้อมูลอย่างนั้นเหรอ?
สุดท้ายแล้วซูเย่ตอบกลับ “พอเข้าใจเล็กน้อย”
เกาหรงกวงมองเขาตาโต
ก่อนหน้านี้ไม่ได้พูดแบบนี้สักหน่อย
“เลิกคุยกันได้แล้ว ในเมื่อทุกคนอยู่ที่นี่พร้อมแล้ว” เจียงซานโบกมือ “ใครจะเริ่มก่อน?”
หยางเทียนหลินนิ่งเงียบ
ซูเย่เองก็ไม่พูดอะไร
“ถึงอย่างไรผมก็ไม่เริ่มก่อน” ตู้ฉางอวี่เหลือบมองอีกสองคน “ค่อยเรียกผมอีกทีตอนคนอื่นทำไม่ได้”
เพียงประโยคเดียว ก็แสดงให้เห็นถึงความดื้อด้านของเขาทันที
เจียงซานมองไปยังซูเย่
“ฉันทำเอง”
ก่อนที่ซูเย่จะทันได้เอ่ยอะไร หยางเทียนหลินเอ่ยขึ้นมา และเดินออกไปอย่างเชื่องช้า
“ดี!” เจียงซานหยักหน้ายิ้ม “ถ้าเช่นนั้น ขอบคุณท่านมาก”
ชายชราพยักหน้าและเดินต่อไป
ทุกสายตาจับจ้องไปที่ร่างของหยางเทียนหลิน
เขานั่งย่อลงหน้าปราการของแดนลับ หลังจากสำรวจอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ยกเท้าขวาขึ้น ใช้ปลายเท้าจรดพื้น และเริ่มวาดวงกลมที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางหนึ่งเมตร
แม้ว่าพื้นดินจะไม่เรียบและมีบางส่วนยังเป็นหินอยู่ แต่ที่ใดก็ตามที่ปลายเท้าของหยางเทียนหลินเคลื่อนผ่าน ล้วนเกิดเป็นร่องดินบนพื้นทั้งหมด
ภาพของวงกลมที่เกิดขึ้นนั้นปราณีตเสียจนผิดปกติ
“คาถาธรณี!”
ทันใดนั้นหยางเทียนหลินเปิดปากของเขาและร่ายคาถาออกมา
ระหว่างร่าย เขาก็ยื่นแขนขวาออกมาและวาดไปในอากาศ
ต่อจากนั้นก็นั่งย่อลงไป มือขวาออกท่าจับจีบหันเข้าหาฝ่ามือ
จากนั้นก็ประกบมือลงไปบนพื้นดินโดยตรง
ในพริบตา
วงกลมที่เขาวาดด้วยปลายเท้าบนพื้นดิน ปรากฏเป็นภาพผังแปดทิศสีฟ้าขึ้นมา
มือขวาคว้าลงไปยังจุดกึ่งกลางของภาพผังแปดทิศและดึงขึ้นมา
ผังภาพพวยพุ่งออกมาจากพื้นดินและกลายเป็นก้อนพลังงานอยู่ในฝ่ามือของเขา
หยางเทียนหลินเดินไปมาทำหน้าเคร่งขรึม
ระหว่างเดิน ก็ก้มมองพลังงานในมือ
ทว่าหลังจากการสำรวจประตูแดนลับมาเป็นเวลาเนิ่นนาน ก็ยังไร้ความคืบหน้าใด ๆ
หยางเทียนหลินอดไม่ได้ที่จะทำหน้านิ่วคิ้วขมวด
ในท้ายที่สุด
“ขอโทษนะ” หยางเทียนหลินปล่อยพลังงานผังแปดทิศในมือเขาออก หันหน้ามาและถอนใจ “ฉันทำไม่ได้”
หืม?
ซูเย่แปลกใจเล็กน้อย
แม้ว่าเขาจะไม่รู้จักแปดประตูและเก้าสายน้ำในสมัยใหม่เท่าไร แต่ประตูลมในอดีตนั้นทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง
ผู้สืบทอดจากประตูลม หยางเทียนหลินจะใช้เพียงวิธีเดียวได้อย่างไร?
แล้ววิชาอื่นของประตูลมล่ะ?
ทำไมถึงไม่ใช้?
หรือว่าหายสาบสูญไปแล้ว?
“ไม่มีปัญหา ท่านพยายามเต็มที่แล้ว”
เจียงซานมองไปยังซูเย่และตู้ฉางอวี่
ตู้ฉางอวี่ยังคงยืนเชิดหน้าอยู่ด้านข้าง เห็นได้ชัดว่าไม่พร้อมที่จะเริ่ม
ซูเย่เองก็มองไปยังที่อื่น ทำหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาว
ภาพตรงหน้าทำเอาเจียงซานพูดไม่ออก หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาจึงมองไปหาตู้ฉางอวี่
“เธอก่อน...”
ตู้ฉางอวี่หันขวับไปยังซูเย่ทันที
แต่ก่อนที่เขาจะได้เอ่ยอะไรออกมา ก็ถูกขัดไว้โดยซูเย่
“ฉันแค่มาสำรอง นายไปก่อนเลย”
หลังจากที่ได้เห็นวิธีการของหยางเทียนหลินแล้ว เขาจึงสงสัยว่าอัจฉริยะจากตระกูลเทียนสุ่ย จะเข้าใจวิธีการแก้ค่ายกลมากเพียงใด?
เขาจะใช้วิธีการไหนเพื่อเปิดแดนลับ?
“ก็ได้ จะได้กลับบ้านไว ๆ!”
ตู้ฉางอวี่พยักหน้าและกล่าวขึ้นมาอย่างมั่นใจ
ภายใต้การจับจ้องจากทุกสายตา
เขารีบเดินไปยังประตูแดนลับ
“โลกา พสุธา สรวงสวรรค์ จงเปิดเผยค่ายกลตรงหน้า!”
ตู้ฉางอวี่เอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบา ประกบมือข้างหนึ่งลงไปยังประตูของแดนลับ
ประตูทั่วทั้งบานส่องแสงสว่าง
ตู้ฉางอวี่กลั้นลมหายใจ ความหยิ่งผยองบนใบหน้าหายไป กลายเป็นความเคร่งขรึม รีบถือโอกาสนี้ในการตรวจสอบและสำรวจทั่วทั้งประตูเพื่อมองหาวิธีในการเปิดมันออก
ทว่าหลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ เขาก็ไม่พบอะไรเลย
เขามองหาตำแหน่งที่มีความเป็นไปได้สูงในการเปิดค่ายกล และลองดูจุดแล้วจุดเล่า แต่ล้วนไร้ผล
“……”
เขาคิดว่าจะสามารถเปิดประตูแดนลับออกได้อย่างง่ายดาย จนเขาได้มาลองเองกับตัว จึงพบว่าประตูนี้แตกต่างไปจากที่จินตนาการไว้เป็นอย่างมาก
ถ้าวิธีแรกไม่ได้ผล ก็เปลี่ยนเป็นวิธีการถัดไป!
“สรวงสวรรค์และโลกาเป็นแนวทาง ผู้ที่เดินตามจะกระจ่างแจ้ง!”
ตู้ฉางอวี่ร่ายออกมาอีกคาถา
ใช้ร่างกายเป็นฐานก่อค่ายกล ตั้งขึ้นมาบนร่างของเขาอย่างรวดเร็ว และพยายามนำร่างนั้นไปหลอมรวมเข้ากับประตูแดนลับ เพื่อที่จะฝ่าเข้าไป
ทว่ายังคงไม่สำเร็จ
ยังไม่ได้อีกเหรอ?
เปลี่ยนเป็นอีกวิธี!
หลายกระบวนท่าถูกสับเปลี่ยนไปอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถผสานเข้ากับค่ายกลของประตูได้ เป็นดั่งกฏแห่งธรรมชาติ เมื่อไรที่ค่ายกลเข้าปะทะและขัดแย้งกัน มันจ จะส่งแรงผลักออกห่างกันทันที
“ผมจะเปลี่ยนเป็นวิธีอื่น!”
เมื่อเห็นว่าทุกคนต่างตั้งหน้าตั้งตารอ ตู้ฉางอวี่จึงรู้สึกอับอายเล็กน้อย สูดลมหายใจลึกและกล่าวขึ้นมา “ยังมีอีกหลายวิธี ต้องมีสักอันที่ใช้การได้!”
กล่าวจบ ก็เริ่มเปลี่ยนวิธีการไปอีก
ยังไม่ได้ เปลี่ยนอีกครั้ง
ในทุกครั้งที่ต้องเปลี่ยนวิธีการ เม็ดเหงื่อก็ปรากฏบนหน้าผากของตู้ฉางอวี่ เกิดขึ้นซ้ำแล้ว ซ้ำอีก
หลังจากใช้ไปอีกหกวิธีรวด ก็ยังคงไม่ได้ผล
ตู้ฉางอวี่หน้าเสีย
เขาได้ใช้ไปหมดทุกวิธีการที่เขารู้แล้ว แต่ประตูแดนลับยังคงไร้การเคลื่อนไหว
นี่มันแดนลับอะไรกัน!
“ผมเปิดไม่ได้”
สุดท้าย ตู้ฉางอวี่หันหลังเดินกลับออกมาด้วยใบหน้าบูดเบี้ยว
“เหลือเพียงแต่เธอแล้ว” เจียงซานมองซูเย่ด้วยสายตาคาดหวัง