เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - บทที่ 70 ซูเย่รู้จักวิชาที่หายสาบสูญของประตูลม???
บทที่ 70 ซูเย่รู้จักวิชาที่หายสาบสูญของประตูลม???
“ฟู่—“
สายตาของซูเย่เต็มไปด้วยความตกใจ
ไม่ใช่เพราะข้อความที่ปรากฏในหัวของเขาเมื่อสักครู่
แต่เพราะเขาค้นพบบางอย่างที่น่ากลัวเข้า
เมืองแห่งนี้ไม่ใช่แค่เมืองธรรมดา แต่เป็นเครื่องมืออาคม!
เมืองทั้งเมืองคือเครื่องมือที่สร้างขึ้นมา?
“ใครกันที่สามารถสร้างเครื่องมืออาคมขนาดใหญ่โตเช่นนี้ได้?”
ในขณะที่สะพรึงอยู่นั้น ซูเย่ถอยออกห่างมาสองสามก้าว
จากนั้นรวบรวมปราณทั่วทั้งร่าง และส่งเป็นแรงกระโดดออกไป
เขาต้องการเห็นภายในของกำแพงเมือง
กระโดดขึ้นไปสูงกว่ากำแพงได้สำเร็จ ทว่าเมื่อมองเข้าไปนั้น
เขามองเห็นเพียงหมอกปกคลุมอยู่
มองไม่เห็นสิ่งอื่นใดเลย
“เอาใหม่!”
เมื่อลงสู่พื้นดิน ซูเย่โยนทองคำออกไปบนท้องฟ้า
จากนั้นเขากระโดดตามออกไป
ระหว่างที่อยู่กลางอากาศ เขาเหยียบทองคำนั้นเพื่อใช้เป็นแรงเสริม จากนั้นได้เปิดใช้พลัง
“เนตรสวรรค์ทำงาน!”
เขาสงสัยว่า หากตาเปล่ามองไม่ได้ เนตรสวรรค์จะสามารถมองเห็นหรือไม่!
มองเข้าไปภายในของเมืองอีกครั้ง
เนตรสวรรค์นี่ยอดเยี่ยมไปเลย!
หมอกหนาที่ปกคลุมอยู่ก่อนหน้านี้ถูกมองทะลุปรุโปร่ง ทุกสิ่งทุกอย่างภายในเมืองถูกเปิดเผย
ด้วยการเหลือบมองไปทั่วอย่างรวดเร็ว ซูเย่พบว่าพื้นที่ในเมืองถูกแบ่งออกเป็นหลายส่วน
สายตาของเขาจดจ่อไปยังพื้นที่หนึ่งทันที
ชายหนุ่มจ้องเขม็ง!
“นั่น……”
ซูเย่มองไปยังบ่อสีขาวน้ำนม
“ไขกระดูกหิน!!!”
ซูเย่เอ่ยขึ้นมาอย่างตื่นตกใจ
ไขกระดูกหินคืออะไร?
มันคือสมบัติล้ำค่าที่สามารถช่วยผู้ฝึกยุทธ์ชำระล้างและปรับโครงสร้างกระดูก ทะลวงขีดจำกัด และเพิ่มพูนศักยภาพในการฝึกฝน หายากเป็นอย่างยิ่งแม้ในอดีตกาล แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะ พบในโลกยุคสมัยปัจจุบัน
เขาไม่คาดคิดเลยว่าจะได้พบกับบ่อไขกระดูกหินอยู่ในเมืองแห่งนี้!
ไม่ได้เป็นขวด ไม่ได้เป็นโหล!
แต่เป็นบ่อ!
ถ้าหากนำออกไปได้ จะต้องกลายเป็นเรื่องใหญ่ในยุทธภพอย่างเป็นแน่!
“ต้องเอาไปให้ได้!”
สีหน้าของซูเย่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและรอยยิ้มกว้าง จากนั้นกล่าวขึ้นมาว่า “แม้จะใช้ไม่ได้กับฉัน แต่นี่ถือว่าเป็นสมบัติล้ำค่าสำหรับคุณพ่อ หรานกับเหยียน และเหล่าพี่น้องเล ลย! จะได้ช่วยพวกเขาให้ชำระล้างแก่นแท้และตัดขีดจำกัดออก!”
เขาตัดสินใจอย่างเด็ดขาด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาจะต้องให้เหล่าพี่น้องได้อาบไขกระดูกหินให้ได้!
เพื่อเพิ่มพูนศักยภาพในการฝึกฝน!
สำหรับเขาแล้ว ตัวเขาเองนั่นแหละที่แกร่งที่สุด!
“แต่ฉันยังสามารถใช้มันเพื่อเพิ่มกำลังได้”
ซูเย่ลงมายังพื้นดิน รีบคิดหาวิธี
หลังจากออกไปแล้ว เป็นไปไม่ได้เลยที่จะหลีกเลี่ยงจากการบอกวิธีเข้าแดนลับให้กับผู้บัญชาการเจียง และรวมไปถึงเรื่องที่ในอีกสามวันจะมี 36 คนมาแข่งขันเพื่อแย่งชิงมรดก
การที่จะให้เหล่าพี่น้องเข้ามาได้ มีเพียงการแอบพามาเท่านั้น
และเขาต้องกลายเป็น 1 ใน 36 ผู้เข้าแข่งขัน เมื่อถึงเวลานั้น เขาจะพังปราการที่ปกคลุมเมืองนี้ไว้ และแอบพาเหล่าพี่น้องเข้าไปอาบไขกระดูกหิน
“ต้องทำให้ได้!”
ดวงตาของซูเย่ส่องประกายความมุ่งมั่นตั้งใจ
หลังจากเดินไปรอบเมืองและไม่พบสิ่งใดเพิ่มเติมอีก
“เฉิงหวง!”
ซูเย่ตะโกนและเรียกเฉิงหวงออกมา
แรกเริ่มไร้การตอบสนองใด ๆ เมื่อเขาเริ่มคิดว่าเฉิงหวงไม่สามารถเข้ามาได้ ทันใดนั้นม่านหมอกจึงได้ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเขา
ซูเย่รู้สึกโล่งใจ
แน่นอนว่า หากเขาไม่สามารถใช้ประโยชน์จากเฉิงหวงดังเดิมได้ เขาคงทำได้เพียงฝังคริสตัลปราณระดับเก้าและทองคำกลับลงไปในทราย
ชายหนุ่มถอดเสื้อนอกออก ใส่คริสตัลปราณและทองคำไว้ จากนั้นนำไปคล้องคอเฉิงหวงและส่งมันกลับไป
เมื่อเห็นว่ามันถูกเรียกมาใช้ประโยชน์เพียงเท่านี้ เฉิงหวงจึงมองซูเย่อย่างขุ่นเคือง และทำเสียงฟึดฟัด
เพราะไม่ได้กินเหรอ?
ซูเย่มองกลับไปด้วยดวงตากลมโตใสบริสุทธิ์เป็นสัญญาณว่า “ยังก่อน...”
เฉิงหวงสะบัดหัวไปมาสองที ก่อนจะยอมหายโกรธ
“เดี๋ยวฉันให้กินคราวหน้า”
ซูเย่ตะโกนไล่หลังไป จากนั้นกลับไปยังประตูแดนลับ ปล่อยพลังลมปราณแฝงในตัวให้หุ้มทั่วร่างกายไว้และเดินออกไป
“พรึ่บ!”
ทันใดนั้น ทุกสายตาที่รออยู่ข้างนอกก็ได้จับจ้องมาที่เขา
“ซูเย่ นายเข้าไปได้อย่างไร?”
ตู้ฉางอวี่รีบวิ่งเข้าไปหาซูเย่ ใบหน้าของเขายังคงเป็นสีหน้าที่ทำใจเชื่อไม่ลง จ้องเขม็งและเอ่ยถามซูเย่ขึ้น
“ก็แค่เดินเข้าไป” ซูเย่ตอบกลับ
หลังจากนั้น เขาเสริมต่อ “ง่าย ๆ แค่นี้เอง”
ง่ายแค่นี้เอง……
ตู้ฉางอวี่ได้ยินเช่นนั้นก็แน่นิ่งไป
ชายชราหยางเทียนหลินเองก็เช่นกัน ง่ายเหรอ?
“ก่อนอื่นเลย มีอะไรอยู่ภายในนั้น?”
เจียงซานและเกาหรงกวงเดินเข้ามาหาพร้อมเอ่ยถามซูเย่เสียงเข้ม
“ผมสำรวจคร่าว ๆ แล้วไม่ค่อยมีอะไรอยู่ข้างในเลยครับ แต่ตอนที่กำลังจะกลับออกมา ผมเจอบางอย่างที่น่าทึ่งเข้า” ซูเย่ตอบ
“เจออะไร?” เจียงซานเค้น
เกาหรงกวง หยางเทียนหลิน และตู้ฉางอวี่เองก็ตั้งใจรอฟัง
“มีมรดกของผู้ฝึกยุทธ์อยู่ภายในแดนลับครับ”
“แต่ผมยังไม่ทราบว่ามรดกนั้นคืออะไร”
ซูเย่กล่าว
“มรดก?” ความประหลาดใจปรากฏขึ้นในสายตาของเจียงซาน มีสิ่งของล้ำค่าอยู่ภายในนั้นด้วยหรือ?
ตู้ฉางอวี่และหยางเทียนหลินเองก็ตาเบิกกว้างเป็นประกาย
“ทว่าหากต้องการรับสืบทอดมรดกดังกล่าว จะต้องผ่านการทดสอบครับ และการทดสอบเองก็มีข้อจำกัดเช่นกัน” ซูเย่เสริม
“บอกมาให้หมด” เจียงซานเค้นต่อ
“สรุปอย่างง่ายก็คือ จะมีผู้เข้ารับการทดสอบ 36 คน และมีเพียงหนึ่งเดียวที่จะได้รับมรดก ข้อจำกัดที่ว่านั้นก็คือผู้เข้าร่วมจะต้องเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่สูงกว่าขั้นสี่และต่ำกว่า าขั้นห้า ส่วนเวลาเป็นอีก 3 วันหลังจากนี้ครับ”
“หือ?” ดวงตาของเจียงซานหรี่เล็กลง
เห็นได้ชัดว่ามรดกนี้ไม่สามารถสืบต่อให้เขาได้
เพราะเขานั้นผ่านขั้นห้าไปแล้ว แม้ว่าเขาต้องการจะเข้าร่วม ก็ไม่สามารถทำได้
เกาหรงกวงเองก็แสดงสีหน้าเสียใจ
เจียงซานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยต่อ “เรื่องมรดกเอาไว้ทีหลัง บอกฉันมาก่อนว่าเธอเข้าไปได้อย่างไร?”
“ง่ายมากครับ”
ซูเย่ยิ้มขึ้นมา หันหน้ากลับไปหาประตูเข้าแดนลับ
เขายกแขนซ้ายขึ้นมาต่อหน้าทุกคน ยกมือขวาขึ้นมาและวาดไปในอากาศ เส้นแสงสีทองจะปรากฏขึ้นบนฝ่ามือซ้ายในแต่ละครั้งที่มือขวาขยับ
เส้นแสงปกคลุมไปทั่วทั้งฝ่ามือ
ดูเหมือนเป็นแผ่นผ้ายันต์!
หยางเทียนหลินแห่งประตูลมสั่นไปทั้งร่าง จ้องมองฝ่ามือของซูเย่ไม่ละสายตา
“บัญชาเร่งด่วน!”
ด้วยคำร่ายคาถานั้น ก่อเกิดเป็นผังภาพที่เต็มไปด้วยตัวอักษร ออกมาปกคลุมรอบแผ่นยันต์สีทองอีกชั้นหนึ่ง
“ยันต์เบิกภูผา!”
ซูเย่โบกมือซ้ายออกไป
พลังงานในรูปแผ่นยันต์ได้หลุดออกจากบนฝ่ามือ ไปประทับอยู่บนประตูแดนลับดุจดั่งเป็นผ้ายันต์ของจริง
ทันใดนั้น ประตูแดนลับได้ส่งเสียงแกร๊กออกมา
เกิดช่องว่างใหญ่โตขึ้นตรงกลาง เสมือนถูกบางสิ่งบางอย่างทะลวงลงไป และในที่สุด ประตูแดนกลับได้ก่อรูปร่างเป็นประตูที่สามารถเปิดได้ออกมา
เมื่อได้เห็นฉากตรงหน้า
ตู้ฉางอวี่จ้องซูเย่เขม็ง
นี่เป็นวิธีที่สองของเขา?
เขารู้ดีว่าวิธีก่อนหน้านี้ที่ซูเย่ใช้เป็นคนละอย่างกัน!
‘เขารู้วิธีเปิดกี่วิธีกันแน่?’ ตู้ฉางอวี่รู้สึกลุ่มร้อนในใจ
“เยี่ยม!” เจียงซานยิ้มกว้าง ทีมสืบสวนช่างมีพรสวรรค์จริง ๆ ไม่เสียแรงที่เรียกเขามา
“นี่ นี่มันยันต์เบิกภูผา!”
ด้านหลังของเขา มีเสียงอันตื่นตระหนกดังขึ้น
ชายชราแห่งประตูลม หยางเทียนหลิน ยังคงจ้องซูเย่ไม่ละสายตา
เนื่องจากซูเย่ได้ใช้วิชายันต์ที่หายสาบสูญไปของประตูลม
ประตูลม เป็นหนึ่งในแปดประตูและเก้าสายน้ำของยุทธภพผู้ฝึกยุทธ์พเนจร
ตั้งแต่แรกที่ถือกำเนิดขึ้นมา ประตูลมได้ศึกษาเล่าเรียนด้านภูมิศาสตร์ของภูเขาและแม่น้ำทั้งหมด
เรียกได้ว่าเป็นความชำนาญของประตูลม
เพียงแต่ว่าผู้คนจากประตูลม มักจะไม่เรียกตนว่าผู้ชำนาญ
เนื่องจากสถานการณ์ของพวกเขาค่อนข้างจะละม้ายคล้ายคลึงกับเหตุการณ์ของวงการแพทย์แผนจีน คนส่วนมากจะเป็นพวกไม่ทุ่มเท เรียนเล่นเรียนหัว บางส่วนไม่ใช่แม้แต่คนใน แต่กลับมาแอบเรียน นวิชาออกไปบางส่วน เพื่อปลอมว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญจากประตูลมและไปหลอกหาเงิน เป็นผลให้ชื่อเสียงของประตูลมนั้นเสื่อมเสีย
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ประตูลมไม่ได้รับลูกศิษย์มากนัก
และเมื่อผ่านไปเป็นเวลานาน ทำให้วิชาที่สืบต่อกันมาหลายช่วงชีวิตต้องค่อย ๆ สูญหายไป
วิชานั้นก็คือ วิชายันต์ผังแปดทิศ!
ทุกวันนี้ในประตูลม มีเพียงวิชาเบื้องต้นเท่านั้นที่สามารถเรียนรู้สืบต่อกันได้
เหลือเพียงไม่ถึงหนึ่งในสิบจากเมื่อหลายร้อยปีก่อน ส่วนที่เหลือนั้นหายสาบสูญไปนานนมแล้ว
ดังนั้น
หยางเทียนหลินจึงเกิดทั้งความตะลึงและตื่นเต้น เมื่อได้เห็นซูเย่ใช้วิชายันต์ที่หายสาบสูญไป
เขาอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามซูเย่ขึ้นมา “นี่มันยันต์ผังแปดทิศแห่งประตูลม เธอใช้มันได้อย่างไร?”
“ผมใช้ไม่ได้เหรอครับ?” ซูเย่หันกลับมาถามย้อนพร้อมรอยยิ้ม
“ไม่ ไม่ ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น” หยางเทียนหลินสะบัดมือไปมา
ทันใดนั้นเอง
“ฟุ่บ!”
ภายใต้สายตาจ้องมองจากทุกคนในที่แห่งนั้น หยางเทียนหลินคุกเข่าลงต่อหน้าซูเย่
“ยันต์ผังแปดแห่งประตูลมของเรานั้นสาบสูญไปเนิ่นนาน ขณะนี้เหลือเพียงไม่กี่สิบคนในสำนักของเรา เนื่องจากการสูญหายไปของวิชาแก่นสำคัญ พวกเราจะกลายเป็นรุ่นสุดท้ายของประตูลม และคงจะจบสิ้นลงในอีกไม่นาน ทั่วหล้ายุทธภพคงจะไม่มีประตูลมอีกต่อไป”
“เมื่อปีก่อน เราพบผู้สืบทอดผู้มากไปด้วยพรสวรรค์ ทว่ายังคงต้องทนทุกข์อยู่กับความไร้พลังและวิชาอันกล้าแกร่ง”
“ฉันไม่คาดฝันเลย ว่าจะได้เห็นยันต์ผังแปดทิศที่หายสาบสูญไปของประตูลมในวันนี้”
“ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร แต่ฉันอยากขอให้เธอช่วยสอนฉันหน่อย จะเป็นเกียรติแก่ประตูลมของเราเป็นอย่างมาก ฉันขอร้องเธอจากใจจริงเลย!”
กล่าวจบ หัวของเขาก็แนบลงไปถึงพื้นดิน
“ตึง!”
ทุกคนจ้องมองภาพตรงหน้าอย่างตกตะลึง
ซูเย่รู้วิธีการใช้วิชาที่หายสาบสูญไปของประตูลม?
สายตาของตู้ฉางอวี่ยังคงเดิม เป็นสายตาที่ไม่อยากเชื่อ
เจียงซานเองก็ไม่ได้ต่างไปกว่ากัน
เกาหรงกวงเองประหลาดใจยิ่งกว่าใคร เขารู้ภูมิหลังของซูเย่ดีทุกอย่าง แต่ไม่เคยมีสิ่งใดที่เกี่ยวข้องกับประตูลม!
ซูเย่มองหยางเทียนหลินที่คุกเข่าอยู่อย่างตกใจ
เขาไม่คาดคิดว่า ประตูลม หนึ่งในแปดประตูและเก้าสายน้ำ จะตกต่ำได้ถึงเพียงนี้
ไม่แปลกใจเลยที่อีกฝ่ายได้ลองใช้เพียงวิธีเดียวในการเปิดประตูแดนลับ ส่วนที่เหลือนั้นหายสาบสูญไปแล้ว
แต่ในอดีตกาล ชื่อเสียงของประตูลมเองก็ไม่ได้ดีนัก
ไม่เช่นนั้น พวกเขาคงไม่ถูกจัดให้เป็นแปดประตูและเก้าสายน้ำโดยผู้คนจากยุทธภพ
“ลุกขึ้นเถอะครับ”
ซูเย่เดินตรงเข้าไปหาหยางเทียนหลิน ตัวเขาเองนั้นอายุมากกว่า 2,500 ปีแล้ว เขาจึงยอมรับการคำนับขอร้องจากหยางเทียนหลิน ยิ่งไปกว่านั้น การคำนับครั้งนี้ จะสามารถช่วยสืบสานปร ระตูลมไว้ได้อีกด้วย
เขาช่วยพยุงชายชราขึ้นมา จากนั้นกล่าว “ดูให้ดีนะครับ ผมจะทำแค่ครั้งเดียว”
“ได้เลย! ขอบคุณมาก!” หยางเทียนหลินรีบยกกำปั้นกล่าวขอบคุณอย่างตื่นเต้น
ซูเย่นำนิ้วชี้ขวาจรดไปยังฝ่ามือของอีกฝ่าย และวาดออกมาอย่างรวดเร็ว
อีกฝั่งหนึ่ง เจียงซาน ตู้ฉางอวี่ และเกาหรงกวงจ้องมองอย่างสับสน
สิ่งที่พวกเขาเห็น มีเพียงการที่ซูเย่วาดวงกลมลงบนฝ่ามือของอีกฝ่าย และไม่เห็นสิ่งอื่นใดอีกเลย และไม่สามารถเข้าใจได้
ทว่าสีหน้าของหยางเทียนหลินนั้นต่างออกไป
ทุกครั้งที่ซูเย่ขยับนิ้ว มือและร่างของเขาสั่นเทาไปอย่างควบคุมไม่ได้
ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ!
“เป็นวิชายันต์ผังแปดทิศจริงด้วย!”
หยางเทียนหลินกล่าวออกมาอย่างมีความสุข และโค้งคำนับซูเย่อย่างสุดซึ้งใจ “ขอบคุณมากที่ช่วยสอนฉัน! รอดแล้ว! ประตูลมของเราจะยังคงอยู่”
เจียงซานทำได้เพียงตะลึง
ซูเย่ช่วยรักษาสำนักเก่าแก่ไว้อย่างง่ายดาย?
“อย่าเพิ่งดีใจไปครับ”
ซูเย่คิดทบทวนอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้น
“ช่วยบอกชื่อวิชาทั้งหมดที่ยังหลงเหลืออยู่ของประตูลมมาด้วยครับ” ซูเย่กล่าว