เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - บทที่ 71 ออกมือช่วยสำนักแห่งหนึ่ง!
บทที่ 71 ออกมือช่วยสำนักแห่งหนึ่ง!
พูดออกมา? นี่มันหมายความว่ายังไง?
หยางเทียนหลินมองไปทางซูเย่อย่างฉงนใจ ยังมีอีกกี่วิชากันแน่ นี่คือเคล็ดลับของสำนักประตูลม ปกติจะไม่พูดออกไปให้คนนอกรู้…
หยางเทียนหลินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นกัดฟันแล้วเอ่ยออกมา “ในวงกลมแห่งท้องฟ้า มีกฎเก้าข้อ ตอนนี้มีอยู่สาม”
“ยื่นมือมาครับ”
ซูเย่ผงะไป แล้วบอกอีกฝ่าย
เมื่อหยางเทียนหลินได้ยิน ดวงตาของเขาเป็นประกาย และกุลีกุจอยื่นมือออกไปอย่างคาดหวัง
ซูเย่จรดปลายนิ้ววาดไปบนฝ่ามือของหยางเทียนหลิน อีกฝ่ายแข็งค้างราวรูปปั้น ไม่กล้าขยับแม้แต่น้อย
เขาพยายามจดจำรายละเอียดอย่างระมัดระวัง
หลังจากที่ซูเย่บอกอีกฝ่ายหมดแล้ว หยางเทียนหลินพลันสั่นสะเทือนไปทั้งร่างกายและจิตใจ เขารู้สึกตื่นเต้นมากจนคุกเข่าลงเบื้องหน้าซูเย่อีกครั้ง
“ชายชราคนนี้ ขอเป็นตัวแทนของสำนักประตูลม ขอบคุณผู้มีพระคุณ!”
หยางเทียนหลินมองไปที่ซูเย่อีกครั้ง ละล่ำละลักกล่าวกับซูเย่
“กี่ปีมาแล้ว! ฉันไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งจะสามารถนำกฎเก้าบทแห่งสำนักประตูลมได้ครบ และยังได้วิชายันต์ที่หายไปนานแล้วกลับคืนมาอีกด้วย!”
“ไม่คิดเลยว่าวันนี้จะรวบรวมให้สมบูรณ์ได้”
“คุณเป็นผู้มีพระคุณของสำนักประตูลมของเรา”
“ชายชราคนนี้ ขอขอบคุณผู้มีพระคุณ หากต่อไปคุณต้องการความช่วยเหลือใด ๆ สำนักของเราไม่บ่ายเบี่ยงแน่นอน!!”
พูดจบแล้วก็คุกเข่าให้ซูเย่อีกครั้ง!
ทุกคนที่เห็นต่างตะลึงงัน
ไม่คิดว่าซูเย่ที่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ระดับหนึ่ง คนที่ไม่มีสำนักหนุนหลัง จะรู้ศาสตร์ลับของสำนักประตูลม!
พอออกมือ ก็ช่วยสำนักหนึ่งของยุทธภพไว้ได้!
“ซูเย่ เธอรู้ได้อย่างไร?”
เจียงซานระงับความประหลาดใจของเขาไว้ พลางจ้องไปที่ซูเย่ “เธอเป็นใครกันแน่”
ในสมองของเขานึกถึงข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับซูเย่อย่างรวดเร็ว รวมทั้งในการแสดงออกของเขาในเกม และการคาดเดาของผู้บัญชาการคนอื่น ๆ
ซูเย่พยุงหยางเทียนหลินขึ้นมา และพูดกลบเกลื่อน
“อันที่จริง ที่ผมรู้เพราะคุณปู่คนหนึ่งเคยสอนผมตอนยังเด็ก ๆ เขาบอกว่าพรสวรรค์ของผมเป็นเลิศ ถึงขั้นที่ว่าเป็นอัจฉริยะในด้านศิลปะการต่อสู้ที่หาได้ยากยิ่ง”
“ปู่คนไหน? ชื่ออะไร?”
เจียงซานเอ่ยถามทันที โดยไม่สนใจเรื่องที่ซูเย่พูดไร้สาระ
ในสมองของเขาพลันนึกถึงปรมาจารย์ที่ปลีกวิเวกเข้าสู่ป่าเขาท่านนั้นทันที
“คุณปู่ใจดีมาก แต่ผมไม่รู้ว่าเขาชื่ออะไร”
ซูเย่กล่าวตอบ
“แล้วตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน?”
เจียงซานถามต่ออย่างเร่งรีบ
“ผมก็ไม่รู้ครับ”
ซูเย่ส่ายศีรษะพลางถอนหายใจ “ผมก็กำลังตามหาเขาอยู่เหมือนกัน”
เมื่อได้ยินคำตอบเช่นนั้น เจียงซานก็จ้องลึกไปในดวงตาของซูเย่ พยายามระงับความตกใจและความสงสัยในใจของเขาไว้อย่างรวดเร็ว และจดจำเรื่องนี้เอาไว้…
กลับไปต้องไปตรวจสอบ!
จากนั้นเขาก็หันไปมองที่ประตูแดนลับที่เปิดโดยซูเย่ และกล่าวกับทุกคน “ไปกันเถอะ ไปกันเถอะ”
ทุกคนเดินไปด้วยกันและเตรียมเข้าสู่พื้นที่แดนลับ เจียงซานเป็นผู้เดินนำ เดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าว เขาพลันหยุดกะทันหัน เลิกคิ้วมองขึ้นไปบนท้องฟ้า และตะโกนทันที
“ออกมานะ!”
เสียงเพิ่งจบลง บนท้องฟ้าพลันมีร่างห้าร่างปรากฏขึ้นทันที
จากการแต่งกายและบุคลิก คนหนึ่งมาจากแดนเหนือ สวมชุดเสื้อคลุมแบบจีน ดูสุภาพ คนหนึ่งมาจากทางตะวันออกเฉียงเหนือ ร่างดูสูงแข็งแรง คนหนึ่งมาจากแดนใต้ ทั้งร่างให้ความรู้สึกเย็นเยียบราวกับภูเขาน้ำ ำแข็ง อีกคนมาจากทางตะวันตกเฉียงใต้ บนร่างราวกับมีกลิ่นของดอกไม้จางๆ และอีกหนึ่งมาจากทางตะวันตกเฉียงเหนือ ร่างกายกำยำแข็งแรง
ทั้งยิ้มตาหยีพลางมองไปทางเจียงซาน ห้าคนนี้ซูเย่จำได้ว่าเขาเคยเจอตอนไปสำนักเมฆาคราม พวกเขาคือผู้บัญชาการ!
“เหอะ!”
เมื่อเห็นคนทั้งห้า เจียงซานก็ยิ้มเยาะเย้ย “ถ้าไม่ใช่เพราะความสามารถของซูเย่ทำให้พวกนายตกใจจนลมหายใจไม่คงที่ ฉันคงจะไม่รู้เลยว่าพวกนายตามมา”
“ทำไม อิจฉาหรือไง”
ผู้บัญชาการทั้งห้าไม่ตอบ แต่พวกเขามองที่ซูเย่ด้วยดวงตาที่ยังคงมีแววความประหลาดใจอยู่ เขารู้วิชาที่หายสาบสูญของสำนักประตูลม… หรือเขาจะเป็นผู้สืบทอดของผู้เฒ่าคนนั้นจริง?
“พอแล้ว ไม่ต้องตกใจแล้ว”
เจียงซานพ่นลมหายใจอย่างเย็นชาและกล่าวต่อ “ถึงแม้จะตกใจแค่ไหน ซูเย่ก็เป็นคนของฉัน ถ้าพวกนายต้องการจะแย่ง ก็แย่งไม่ได้!”
ผู้บัญชาการทั้งห้ามองหน้ากันยิ้ม ๆ
“ในเมื่อไม่ให้แอบตามเข้าไปดู งั้นขอเข้าไปดูตรง ๆ เลยได้ไหม”
เยี่ยนตี้ ผู้บัญชาการมหานครเหนือ ก้าวขึ้นมาพลางเอ่ยด้วยรอยยิ้มและเดินเข้าไปใกล้ โดยไม่สนใจว่าเจียงซานจะยินดีต้อนรับพวกเขาหรือไม่ และเดินเข้าไปรวมกลุ่มกับซูเย่และเกาหรงกวงอย่างเป็นธรรมชาติ
ผู้บัญชาการอีกสี่คนก็เดินเข้ามาอย่างมีความสุข
เกาหรงกวงรู้จักผู้บัญชาการเหล่านี้ด้วย แต่ระดับของเขาต่ำเกินไปที่จะกล้าพูด ดังนั้นเขาจึงถอยหลังออกไป สละที่ให้อย่างรวดเร็ว
เจียงซานขมวดคิ้วแน่น เจตนาของคนเหล่านี้ชัดเจนมาก
พวกเขาเพิ่งรู้ว่าวันนี้จะมาการถอดรหัสประตูของแดนลับ ดังนั้นพวกเขาจึงแอบมาที่เขตมหานครตะวันออกเพื่อดูว่ามีอะไรอยู่ในแดนลับ ถ้ามีของดีอยู่จริง พวกเขาไม่ปล่อยให้มหานครตะวันออกได้ดีอยู่เขตเดี ยวแน่
เพียงแค่ไม่ทันได้คาดคิดว่าลมหายใจจะสั่นคลอนจากการเห็นความสามารถของซูเย่ และถูกเปิดเผยตัวตน!
“ดูแต่ตา มืออย่าต้อง จำไว้นะว่านี่คือพรมแดนของมหานครตะวันออกของฉัน”
เจียงซานกล่าวด้วยเสียงอันเย็นชา จากนั้นจึงนำทางเดินไปสู่แดนลับลึกเข้าไป
เมื่อมาสู่แดนลับแล้ว ทุกคนต่างตกใจกับฉากที่ดูรกร้างและหนาวเหน็บที่วางอยู่เบื้องหน้าพวกเขา ยืนตะลึงอยู่หน้าประตูสักพัก จากนั้นจึงเดินต่อไปด้านในเป็นเหมือนสนามรบ
“แผ่นศิลาแผ่นนี้เขียนว่าอะไร”
ทุกคนมารวมกันรอบ ๆ แผ่นศิลาในใจกลางสนามรบ มองดูตัวอักษรที่แกะสลักไว้บนนั้น แต่พวกเขาไม่เข้าใจเลย
“ลู่ทงฆ่าปีศาจที่นี่”
ซูเย่เอ่ยพูดขึ้นมา
“หืม”
ทุกคนหันไปมองซูเย่พร้อมกัน
“เธอเข้าใจข้อความพวกนี้?”
เจียงซานรู้สึกประหลาดใจ
“นิดหน่อยครับ ผมเป็นแชมป์รายการชุมนุมวิชาการน่ะครับ พอจะเข้าใจอักษรจ้วน*[1] อยู่บ้าง”
ซูเย่กล่าวต่อ “นอกจากนี้ผมสามารถอธิบายให้ได้โดยไม่คิดเงิน ลู่ทง นามเจียหยวี สมัยชุนชิว สมยานาม:ชายคลั่งแห่งเมืองฉู่! ‘ข้าคือคนบ้าแคว้นฉู่ ขับขานเพลงเย้ยข่งชิว’*[2] คนในกวีนี้ก็หมายถึงเขา านั่นแหละครับ”
ซูเย่เอ่ยตอบ
คนที่บันทึกกล่าวถึงคือใคร ก็รู้ด้วย?
ผู้บัญชาการทั้งหกมองซูเย่อย่างแปลกใจ ทันใดนั้นในแววตาของพวกเขาพลันนึกถึงอีกเรื่อง
คนสมัยชุนชิว ฆ่ามอนสเตอร์ที่นี่ การต่อสู้จะต้องดุเดือดมากแน่ ๆ ในสมัยนั้นมีการค้นพบดินแดนภูผามหานทีแล้วงั้นหรือ?
ทำไมต้องฆ่ามอนสเตอร์มากมายที่นี่?
คือการต่อต้านอะไร?
ผู้บัญชาการทั้งหกมองหน้ากันและระงับความสงสัยไว้ในใจ เมื่อพยายามจะนำคริสตัลปราณระดับ 9 ออกไป แต่ปรากฏว่าพวกมันทั้งหมดไม่สามารถออกไปได้
ทว่า ทุกคนทำได้เพียงก้าวไปข้างหน้าโดยไม่มีทางเลือกใด ๆ
มาถึงบริเวณกำแพงเมือง
“การถ่ายทอดที่เธอว่าล่ะ?”
เมื่อเห็นว่าไม่มีทางไปข้างหน้า เจียงซานจึงถามทันที
“ก็คือที่นี่ไงครับ”
ซูเย่ชี้นิ้วไปที่กำแพงเมือง “ลองดูสิครับ แล้วคุณจะรู้”
เมื่อได้ยินดังนั้น เจียงซานก้าวขึ้นไปทันทีและยื่นมือออกไปสัมผัสกำแพงเมือง
วินาทีต่อมา ชั้นของพลังงานปราณกระเพื่อมออกมา ในเวลาเพียงเสี้ยววินาที เจียงซานพลันสัมผัสได้ถึงการรับรู้บางสิ่งบางอย่างแบบเดียวกับที่ซูเย่กล่าว
ในเวลาเดียวกัน ผู้บัญชาการอีกห้าคนก็ยื่นมือออกไปสัมผัสกำแพงเมือง และทุกคนก็มีอาการไม่ต่างกัน
ผู้บัญชาการทั้งหกคน เก็บฝ่ามือกลับไปพร้อมกัน แล้วหันมองหน้ากันไปมา หลังจากนั้น พวกเขาก็เดินออกไปที่ด้านข้างเพื่อหารือกัน
แม้ว่าเจียงซานจะดูไม่มีความสุขเล็กน้อย แต่ทุกคนอยู่ที่นี่แล้ว แล้วเขาจะทำยังไงได้?
“การถ่ายทอดนี้ไม่สามารถดูเบาได้”
“คราวนี้ ไม่ควรแบ่งชื่อตามเขตได้ จุดประสงค์หลักคือการฝึกคนที่พอใช้ได้! เหล่าเจียง นายก็ลำบากหน่อยนะ!”
“ทำไมกัน! นี่คือเขตอำนาจของมหานครตะวันออกของฉัน”
“ใจกว้างหน่อย ในอนาคตถ้าเขตเรามีอะไรแบบนี้ นายก็สามารถนำคนไปได้! คนที่เหมาะสมที่สุดคือ 50 อันดับแรกของตารางรายชื่อลูกรักสวรรค์ คัดเลือก 36 คน ตกลงไหม?”
“ก็ได้”
……
ในเวลาไม่นาน ก็คุยกันเสร็จ
“50 อันดับแรก เลือก 36 คน”
ซูเย่อมยิ้มเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเขาก็อยู่ในรายชื่อด้วย แผนการดำเนินต่อตามปกติ!
ผู้บัญชาการทั้งหก ไม่ได้พบอะไรใหม่ เดินทางกลับตามทางเดิมที่มา นำทุกคนออกจากแดนลับ ซูเย่ปิดประตูไว้ดังเดิม
“กลับไปเถอะ ไม่มีอะไรแล้ว”
เจียงซานที่ยืนอยู่นอกประตูของแดนลับ โบกมือให้ทุกคน ต่อมาทุกคนเดินออกไป หยางเทียนหลินก็ขอบคุณซูเย่อีกครั้งก่อนจากไป
“โอเคแล้วครับ ต่อไปอย่าทำชั่วอีก ถ้ายังทำอีก ผมจะไปหาถึงสำนักแน่”
ซูเย่พูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“ผู้เฒ่าคนนี้จดจำไว้แล้ว!”
หยางเทียนหลินโค้งคำนับอย่างสุดซึ้ง
ตู้ฉางอวี่เหลือบมองไปทางซูเย่แล้วหันหลังเดินจากไป
ซูเย่ตามเกาหรงกวงกลับมายังเขตมหาวิทยาลัยเมืองจี้หยาง
ทันทีที่เขาลงจากรถ เขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาทันทีแล้วส่งข้อความไปในแชทกลุ่ม โดยเรียกทุกคนไปที่ป่าซึ่งอยู่ถัดจากจัตุรัสกลาง
“มาครบแล้ว?”
ซูเย่เอ่ยถามซูซือ
“ครบแล้ว”
ซูชือพยักหน้ารับ พลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ “ครั้งนี้ทำอะไรงั้นเหรอ?”
ทุกคนก็มองไปทางซูเย่อย่างคาดหวัง ทุกครั้งที่มีการเรียกรวมตัว ต้องมีงานใหญ่ตลอด!
แถมเป็นเรื่องดีอีกด้วย!
“ทุกคนต้องตั้งใจฟัง การลงมือครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อน”
ซูเย่กล่าว
ดวงตาของทุกคนเป็นประกาย วินาทีต่อมาสีหน้าของพวกเขากลายเป็นเคร่งขรึมลงและตั้งใจฟัง
ซูเย่กล่าวกับทุกคนต่อ “จะมีการดำเนินการในทีมสืบสวนเมืองซ่างโหลวภายในสามวัน ทุกคนต้องไปถึงสถานที่ที่กำหนดในเมืองซ่างโหลวล่วงหน้า และห้ามให้คนอื่นรู้ ทำได้หรือไม่?”
ทุกคนฟังจบ ดวงตาทุกคู่เป็นประกาย และพูดตอบพร้อมกัน “ได้!”
“ครั้งนี้เป็นการลงมืออย่างลับ ๆ และเป็นเรื่องที่ดีมาก เป็นโอกาสที่หายาก ห้ามมีข่าวหรือข้อมูลแพร่ออกไปให้คนอื่นรู้!”
ซูเย่พูดย้ำอีกครั้ง
“ได้ไม่มีปัญหา!”
“รับประกันว่าตรงเวลา”
“อย่าห่วงเลย เราจะไม่เปิดเผยที่อยู่ของเราให้ใครรู้”
ทุกคนเอ่ยตอบเสียงเบา โดยพวกเขาก็ลดเสียงลงโดยไม่รู้ตัวเพราะกลัวว่าคนอื่นจะได้ยิน
“ดีมาก!”
ซูเย่พยักหน้า ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และกล่าวต่อ “ฉันสามารถพูดล่วงหน้าได้นิดหน่อย ครั้งนี้สำคัญมากสำหรับทุกคน และมันเกี่ยวข้องกับอนาคตของการฝึกยุทธ์ของพวกนาย หากทำสำเร็จ อนาคตสดใส ถ้าไม่ อาจ จเสียใจไปตลอดชีวิต!”
ทุกคนต่างมองหน้ากันด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
ลูกพี่ซูพูดอย่างจริงจังขนาดนี้ ดูเหมือนว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ดีจริง ๆ และก็เป็นเรื่องที่สำคัญมากเช่นกัน!
จะต้องทำให้ดีที่สุด!
“โอเค แยกย้าย”
ซูเย่ปรบมือของเขาและบอกลาทุกคน
……
คืนวันเดียวกัน
ซูเย่ได้รับข้อความแจ้งจากเกาหรงกวง
“สมาชิก 50 อันดับแรกบนตาราง ขั้นสี่ทุกคน มารวมกันที่ฐานทัพของทีมสืบสวนในเมืองจี้หยาง ภายในเวลาหนึ่งวัน”
เมื่อดูข้อความ
ซูเย่ยิ้มเล็กน้อย ได้เวลาแล้ว!
เช้าวันรุ่งขึ้น
ซูเย่รับสายจากเกาหรงกวง แล้วเดินทางไปฐานทัพแห่งหนึ่งในเมืองจี้หยางพร้อมกับเกาหรงกวง
หนึ่งชั่วโมงต่อมา
ซูเย่มาถึงสถานที่ดังกล่าว มองจากไกล ๆ ก็เห็นคนจำนวนมากที่รวมตัวกันอยู่
คนเหล่านี้ล้วนเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ ที่อยู่ใน 50 อันดับแรก
[1] อักษรต้าจ้วน พัฒนามาจากอักษรจินเหวิน เป็นอักษรจีนที่ใช้ตั้งแต่ยุคปลายราชวงศ์โจวตะวันตก จนถึงยุคชุนชิวจ้านกั๋ว
[2] ข่งชิว หรือ ข่งจื๊อ เป็นนักคิดและนักปรัชญาสังคมที่มีชื่อเสียงของจีน