เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - บทที่ 72 ลูกรักสวรรค์รวมตัว และการท้าจัดอันดับ!
บทที่ 72 ลูกรักสวรรค์รวมตัว และการท้าจัดอันดับ!
ทั้ง 50 คน มาจากเขตต่างกัน สีหน้าของทุกคนดูเคร่งขรึม
แต่ละคนมองดูผู้คนรอบตัวอย่างเย็นชา พวกเขารู้ดีว่าการมารวมตัวกันครั้งนี้เป็นโอกาสแข่งขันเพื่อโอกาสที่ยิ่งใหญ่ของการรับการสืบทอด!
มีเพียง 36 คนเท่านั้นที่มีสิทธิ์เข้าร่วม และมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะได้รับเลือกให้รับการสืบทอด
ห้าสิบคนมาถึงที่นัดหมาย
พวกเขาต้องแข่งขันกันเพื่อชิงตำแหน่งสามสิบหกที่นั่งแรกจากจำนวนคนทั้งห้าสิบคนเหล่านี้ แล้วจึงแข่งขันกันเพื่อชิงอันดับหนึ่งในตอนท้าย
นั่นหมายความว่าทุกคนที่นี่มีฐานะเป็นคู่ต่อสู้!
ในตอนที่ทุกคนกำลังคิดหาวิธีคว้าโอกาสของตัวเองอยู่ในใจ
พรึ่บ
ทุกคนหันไปมองทันที
“อันดับที่สาม ลู่เฟิง”
ผู้ที่ปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนเป็นชายหนุ่มที่ดูแข็งแรงอายุประมาณยี่สิบสามปี
“ฉันได้ยินมาว่าคนนี้แข็งแกร่งจนน่าสะพรึงกลัวเลยละ และฝ่ามือคู่นั้นของเขาสามารถปะทะกับดาบได้โดยตรง”
“ดูเหมือนว่าเขาจะฝึกวิชาฝ่ามือเหล็กพิฆาต”
“……”
ทุกคนล้อมวงคุยกันเสียงเบา พลางมองไปทางลู่เฟิง ต่างมีแววความกลัวเล็กน้อย
“ดูทางนั้นสิ!”
“ซ่งชิวอวี่มาแล้ว!”
“ซ่งชิวอวี่?”
ระหว่างเสียงร้องตกใจ ทุกคนหันไปมองอีกทางทันที เห็นชายหนุ่มในชุดสีขาวเดินเข้ามาอย่างช้า ๆ จากป่ารอบนอก
แม้จะยังอยู่ห่างออกไป แต่กลับสัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงความเย็นชาที่แผ่ออกมา ไม่ใช่แค่เพียงใบหน้าไร้อารมณ์ แต่ทั้งร่างกลับเย็นยะเยือกจนทำให้ผู้คนไม่กล้าเข้าใกล้
“เขาก็คือซ่งชิวอวี่ผู้ครองอันดับหนึ่งของตารางอันดับขั้นสี่? เคยเอาชนะผู้ฝึกยุทธ์ขั้นห้าระดับสอง”
“ฉันได้ยินมาว่ามีคนตั้งฉายายักษาหน้านิ่งให้เขา ดูเหมือนว่าจะจริงสมชื่อ!”
“เขามีสิทธิ์เป็นผู้ถูกเลือกได้โดยตรง!”
“มีสิทธิ์หรือไม่มีสิทธิ์ก็ช่าง เขาเป็นอันดับแรกของตารางรายชื่อขั้นสี่ ใครจะแย่งที่นั่งไปจากเขาได้?”
ทุกคนกระซิบกันแผ่วเบา
“มากันเร็วจังเลยนะ?”
ในตอนนี้เอง มีเสียงที่ฟังดูร่าเริงเสียงหนึ่งดังขึ้น
เมื่อหันไปมอง เป็นชายหนุ่มที่ยิ้มสดใสร่าเริง และดูอบอุ่นราวดวงตะวันยามเช้า เดินเข้ามารวมกลุ่มพร้อมกับกระเป๋าเป้ที่ใส่หนังสือของเขา
“เทียนเล่อ!”
“ลูกรักสวรรค์อันดับสอง!”
เมื่อเห็นเทียนเล่อ ทุกคนอดยิ้มออกมาไม่ได้ คนคนนี้ดูร่าเริงสดใสมากเกินไป ทำให้คนรอบข้างอยากจะขยับเข้าไปอยู่ใกล้ ๆ แต่ต่อมา ทุกคนพลันตระหนักได้! พวกเขาเคยได้ยินข่าวลือมา…
คนคนนี้เหมือนจะอยู่ด้วยได้ง่าย แต่ความสามารถของเขาไม่ได้จัดการได้ง่าย ๆ ต่อให้ซ่งชิวอวี่เผชิญหน้ากับเขา ก็ไม่กล้าประมาทเลินเล่อแม้แต่น้อย
“ไป สู้เขา!”
เกาหรงกวงก้าวไปข้างหน้าพลางแนะนำคนเหล่านี้ให้ซูเย่รู้จัก มีเพียงซูเย่คนเดียวที่มาจากเขตเมืองจี้หยาง อันดับของเขาคือที่ห้า!
เมื่อพบว่ามีคนมาใหม่ ทุกสายตาย้ายไปบนร่างของซูเย่ทันที
เมื่อเห็นรูปโฉมของซูเย่ สายตาของทุกคนก็มองอย่างละเอียดถี่ถ้วน
“คนนี้คืออันดับห้าที่เพิ่งเข้ามาใหม่?”
“ได้ยินมาว่าเป็นอันดับหนึ่งของพวกขั้นสาม ความสามารถไม่เลวเลย”
“อะไรกัน ก็แค่ขั้นสี่ระดับหนึ่ง จะเก่งได้แค่ไหนเชียว?”
“เขาได้เอาชนะยอดฝีมือขั้นห้าระดับหนึ่งมาแล้ว ไม่สามารถดูเบาได้”
“ฉันเคยได้ยินชื่อซูเย่มานาน ว่ากันว่าเป็นหน้าใหม่มาแรงของเขตมหานครตะวันออก วันนี้ฉันอยากเห็นนักว่าเขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
เสียงของบางคน ไม่ได้เบาลงเลย ราวกับว่าพวกเขาจงใจให้ซูเย่รับรู้
ซ่งชิวอวี่ที่เพิ่งมาถึงก็มองซูเย่ด้วยสายตาเคร่งขรึม นี่คือเด็กใหม่ที่ว่า?
เมื่อได้ยินบทสนทนาเหล่านั้น เกาหรงกวงเหมือนยิ้มเหมือนไม่ยิ้ม ส่วนซูเย่ก็แกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน
“รวมตัว!”
เมื่อเดินขึ้นไป เกาหรงกวงมองดูเวลาแล้วหันมาพูดกับทุกคน
“ฉันเป็นสารวัตรของทีมสืบสวนเมืองจี้หยาง ทุกคนที่มาที่นี่ ล้วนรู้แล้วว่ามาทำไม ดังนั้นฉันจะไม่อธิบายอีก ในเมื่อทุกคนมาถึงอาณาเขตของฉัน งั้นฉันขอเป็นคนประกาศกฎ”
“เราจะเลือกสามสิบหกคนจากห้าสิบคน”
“ทุกคนสามารถท้าทายสามสิบหกคนแรกในตารางรายชื่อได้ และหากท้าทายสำเร็จ สามารถแทนที่ตำแหน่งของคู่ต่อสู้ได้โดยตรง ตราบใดที่อยู่ในสามสิบหกอันดับแรก ก็จะมีสิทธิ์เข้าสู่แดนลับเพื่อรับการสืบทอด!”
“มีข้อห้ามอะไรไหมครับ?”
มีคนเอ่ยถาม
“ไม่มีข้อห้าม”
เกาหรงกวงเอ่ยตอบ
“สามารถท้าทายได้ตามต้องการจนกว่าจะไม่มีแรงขยับ! สามสิบหกอันดับแรก หากไม่พอใจกับอันดับของตัวเอง ก็สามารถขอท้าได้!”
“ในเวลาเดียวกัน จะเริ่มการประลองทีละหลายคู่”
“เอาล่ะ เริ่มได้!”
ทันทีที่เสียงพูดจบลง สามสิบหกคนแรกไม่มีการเคลื่อนไหวใด คนที่อยู่อันกับหลัง 36 ลงไป เริ่มมองหาเป้าหมาย
“มีใครต้องการท้าหรือไม่?”
เสียงเกาหรงกวงเอ่ยถามดังมา
“ผม!”
ในกลุ่มคนมีชายร่างโปร่งคนหนึ่งก้าวออกมา
“ผมต้องการท้าอันดับสิบหก ถังอี้”
ชายหนุ่มชี้นิ้วไปทางถังอี้ทันที ครั้งนี้เขาลองคิดมาแล้ว
แม้ว่าการท้าทายอันดับที่ 36 ดูเหมือนจะมีโอกาสมากที่สุดในการชนะ แต่อัตราการชนะสูงสุดที่แท้จริงคือการท้าทายคนที่เพิ่งเลื่อนขั้นมาต่างหาก!
เพราะว่าเขาเพิ่งขึ้นขั้นสี่มาใหม่!
ซูเย่มองไปทางถังอี้
ถังอี้สัมผัสดุถึงสายตาของซูเย่ จึงหันไปยิ้มให้อีกฝ่าย
“ฉันได้ยินมาว่าถังอี้ เป็นอันดับหนึ่งในขั้นสาม ต่อมาอันดับหนึ่งของเขาถูกซูเย่ชิงไป และจากนั้นเขาก็เลื่อนขึ้นมาขั้นสี่ เพราะความแข็งแกร่งของเขา หลังจากเลื่อนขั้น จึงได้ไปถึงอันดับที่ 16 ทันที ตอนนี้เขาอยู่ในขั้นสี่ระดับสองแล้ว”
“คนที่เพิ่งเลื่อนขั้นสี่ สามารถตรงไปยังอันดับที่ 16 ได้ รองจากความเร็วในการเลื่อนขั้นของซูเย่?”
“หมอนี่น่าจะเป็นเป้าหมายยอดนิยมสำหรับการท้าครั้งนี้ คาดว่าหลายคนจะไม่ยอมรับและท้าทายเขา”
เมื่อได้ยินเสียงคนวิพากษ์วิจารณ์ ซูเย่พลันยกยิ้มมุมปาก ถังอี้เป็นเป้าหมายยอดนิยมไปแล้ว ดูท่าเขาก็คงไม่ต่างกัน
“ผมต้องการท้าอันดับสามสิบหก”
“ผมต้องการท้าอันดับสามสิบห้า”
“ผมต้องการท้าอันดับสามสิบสี่”
คนอื่น ๆ ก็เริ่มลุกออกมาขอท้า
“ดีมาก!”
เมื่อเห็นว่าจำนวนผู้ท้าชิงมีหลายคนแล้ว เกาหรงกวงก็เอ่ยพูดทันที “พวกเธอสามารถหาสถานที่ที่ต้องการและเริ่มประลองได้!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนก็ถอยไปด้านหลังเกาหรงกวง มอบพื้นที่ทั้งสนามให้กับเหล่าผู้ท้าชิง ที่ใจกลางสนามถังอี้ยืนเผชิญหน้ากับชายหนุ่มที่ขอท้าเขา
สวบ!
ทันทีที่ทั้งสองสบตา ทั้งสองก็พุ่งตัวเข้าหาพร้อม ๆ กัน ราวกับสัตว์ร้ายสองตัว!
ผลัก!
ทันใดนั้นก็มีเสียงปะทะกันดังขึ้น ทั้งสองปล่อยหมัดชกออกไปพร้อมกัน คลื่นพลังปราณอันรุนแรงปะทุขึ้นจากหมัดของทั้งสองคนปะทะกัน
“หือ? เสมอกัน?”
“ผู้ท้าชิงคนนั้นอยู่ในอันดับที่ 42 และเขายังสามารถเสมอกับอันดับที่ 16 ได้อีกด้วย ความสามารถของถังอี้อ่อนเกินไปไหม”
“แล้วถ้าถังอี้ใช้กำลังเพียงครึ่งเดียวล่ะ?”
ซ่งชิวอวี่ผู้ครองอันดับหนึ่งเอ่ยพลางหัวเราะ เมื่อเห็นว่าถังอี้กำลังทดสอบอีกฝ่ายเท่านั้น
“ครึ่งเดียว?”
คนอื่น ๆ ต่างตกตะลึง
วินาทีต่อมา ทั่วบริเวณมีเสียงต่อสู้กันดังไปทั่ว ทั้งสองคนกระโจนเข้าโรมรันกันอีกครั้ง ปล่อยหมัดซัดใส่ฝ่ายตรงข้ามซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ครั้งนี้ถังอี้ไม่ได้ยั้งมือ ปล่อยพลังออกมาเต็มแรง
ภายใต้การเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว คู่ต่อสู้ถูกกดดันจนเผยให้เห็นข้อบกพร่อง จากนั้นเขาก็ชกที่หน้าอกของคู่ต่อสู้และกระแทกอีกฝ่ายกระเด็นออกไป
เมื่อหมัดปะทะลงไป ทุกคนต่างรู้สึกสั่นสะเทือนใจ
ตอนแรกพวกเขาคิดว่าพลังการต่อสู้ของทั้งสองคนไม่ต่างกันมากนัก แต่คิดไม่ถึงว่ามันจะจบเร็วขนาดนี้ ถังอี้ที่อยู่ในอันดับที่ 16 สมควรได้รับตำแหน่งนี้แล้วจริง ๆ!
“ผู้ชนะ ถังอี้”
เกาหรงกวงประกาศออกมา
ในตอนนี้สายตาที่ทุกคนมองไปทางถังอี้มีแววความยอมรับอยู่กลาย ๆ ไม่ดูถูกพวกหน้าใหม่ที่เพิ่งเลื่อนขึ้นมาจากขั้นสามอีกต่อไป และยังมีสายตาหลายคู่ที่จับจ้องไปทางซูเย่
การประลองคู่อื่น ๆ ก็จบลงอย่างรวดเร็ว ยังไม่มีคนที่สามารถท้าทายผู้ถูกเลือก 36 คนได้สำเร็จ
“ยังมีใครอีกไหม?”
เกาหรงกวงเอ่ยถาม
“ผม! ขอท้าอันดับที่ 28 ”
“ผมขอท้า….”
การประลองดำเนินต่อไป สามสิบหกคนยังคงรักษาที่ของตัวเองไว้ได้
เมื่อทุกคนคิดว่า 36 อันดับแรกในตารางรายชื่อขั้นสี่สามารถรักษาตำแหน่งของพวกเขาไว้ได้อย่างง่ายดาย การประลองที่น่าตกใจก็ปรากฏขึ้น
ในตอนที่ผู้ท้าชิงขั้นสี่ระดับสาม อันดับ 48 ขอท้าขั้นสี่ระดับห้า ที่อยู่ในอันดับที่ 28 เขากลับแสดงพลังกดดันที่น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง แม้ว่าเขาจะไม่สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้อย่างสวยงาม แต่ในที่สุ ดเขาก็เสร็จสิ้นการท้าทายและเอาชนะผู้แข็งแกร่งกว่าได้!
ทันใดนั้น ผู้ถูกเลือก 36 คนพลันตื่นตัว ดูเหมือนว่ายังมีพวกคมในฝักอยู่ไม่น้อย!
รอบที่สองจบลง
ต่อด้วยรอบที่สาม…
หลังจากทั้งห้ารอบจบลง 36 อันดับแรก มีเพียงสองคนที่ตกรอบ สุดท้าย คนที่ได้เข้าสู่ 36 อันดับแรกล้วนมีความสามารถสมชื่อ
“ยังมีใครอยากท้าอีกไหม?”
เกาหรงกวงถามอีกครั้ง
“ถ้าไม่มีใครต้องการท้าอีก เราจะดำเนินการแข่งขันการคัดกรองในส่วนต่อไป”
ยังไม่มีเสียงใคร
“โอเค”
เกาหรงกวงพยักหน้าพลางพูดต่อ “งั้นก็ขั้นตอนต่อไป…”
“ผมครับ!”
ทันใดนั้น เสียงหนึ่งพลันดังขึ้น ขัดเสียงพูดของเกาหรงกวง
วินาทีที่เสียงดังมา ทุกคนพลันหันศีรษะไปมองต้นเสียง
ชายหนุ่มที่ดูแข็งแรงอายุประมาณยี่สิบห้าเดินออกมา ในมือของเขาถือดาบยาว
“เฝิงเจิ้ง อันดับที่ 50 เขาอยากท้าใคร? ไม่มีความจำเป็นหรอกมั้ง?”
ทุกคนต่างฉงนใจ
เฝิงเจิ้งเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในกลุ่มผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ และเขาก็เป็นคนชอบธรรมสมชื่อ ‘เจิ้ง’*[1] ของเขา บนร่างของคนคนนี้เต็มไปด้วยความชอบธรรมที่แปลกประหลาดซึ่งทำให้คนสงสัยว่ามันดีหรือไม่ดีก กันแน่…
บอกว่าเขาเป็นคนดี แต่ความชอบธรรมของเขานั้นแปลกมาก
บอกว่าเขาไม่ดี เขาก็เป็นคนชอบธรรมจริง ๆ
“ผมต้องการท้าอันดับที่ห้า!”
เฝิงเจิ้งยืนขึ้นและพูดด้วยท่าทางราวกับไปผดุงความยุติธรรม “ผมต้องการรักษาความยุติธรรมสำหรับทุกคน และไม่ปล่อยให้ผู้ที่ไม่ควรครอบครองกับตำแหน่งกลับลงไปอยู่ในที่ของตัวเอง ผมไม่เชื่อว่าขั้นสี่ระ ะดับหนึ่งคนหนึ่งจะมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะได้รับทรัพยากรของอันดับห้าในตาราง คนอื่นไม่กล้าท้า แต่ผมไม่กลัว”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมาจากปากของเขา ทุกคนที่ได้ยินตกตะลึงไปครู่หนึ่ง และดวงตาของพวกเขาเป็นประกายขึ้นมาพร้อมกัน
ในที่สุดก็มีคนอยากทดสอบความสามารถของซูเย่แล้ว!
“เขาคิดว่าซูเย่ได้รับตำแหน่งที่เขาไม่ควรรับ ดังนั้นเขาจึงต้องการผดุงความยุติธรรม?”
“เรื่องแบบนี้วัดกันได้ด้วยความยุติธรรมงั้นเหรอ?”
“ตลกชะมัด”
ทุกคนพูดต่างไม่ออกและหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ แต่ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความคาดหวัง ทุกคนต้องการดูว่าซูเย่มีความสามารถพอที่จะครองอันดับที่ห้าหรือไม่
“ดูเหมือนคุณจะเข้าใจ ‘ความยุติธรรม’ ผิดไป”
ซูเย่เดินออกไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้มพลางพูดกับอีกฝ่าย “ใช้ความยุติธรรมในที่ที่ควรจะใช้ มีความอยุติธรรมมากมายบนโลกนี้ เช่น ผมและแฟนของผมรักกันอยู่ดี ๆ แต่เธอถูกสำนักเมฆาครามรับเป็นศิษย์ และบ บังคับให้พวกเราเลิกกัน คุณช่วยไปทวงความยุติธรรมให้ผมหรือไม่?”
“ฮะ ???”
ทุกคนต่างมองซูเย่อย่างอึ้งค้าง
มีเรื่องอะไรแบบนี้ด้วยงั้นเหรอ? มีความสัมพันธ์พิเศษบางอย่างกับศิษย์ของสำนักเมฆาคราม น่าทึ่งมาก!
นั่นเป็นหนึ่งในสามสำนักที่เก่าแก่ที่สุด!
พวกเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น และในใจของพวกเขาสำนักเมฆาครามอยู่ในฐานะที่สูงส่ง
เฝิงเจิ้งเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดตอบ “ตอนนี้ฉันยังไม่แข็งแกร่งพอ ถ้าฉันเก่งพอแล้ว ฉันจะจัดการให้นายเอง”
ซูเย่มองอีกฝ่ายอย่างประหลาดใจ อีกฝ่ายดันยอมรับความจริงออกมาดื้อ ๆ…
“หยุดพูดไร้สาระได้แล้ว เริ่ม!”
เกาหรงกวงตะโกนสั่ง
ทุกคนระงับความตกใจทันทีและตั้งสมาธิกับการต่อสู้
เฝิงเจิ้งโบกมือขวาของเขา และในขณะที่ดาบยาวถูกดึงออกจากฝัก เขาก็พุ่งไปทางซูเย่ด้วยความเร็วที่น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง
ชิ้ง——
เสียงดาบดังขึ้น
ปราณดาบคมพุ่งออกมา
สายตาของทุกคนหรี่ลง
“ฉันไม่ได้คิดหวังว่าทักษะดาบของเฝิงเจิ้งจะแข็งแกร่งถึงขนาดที่เขามีปราณดาบ!”
“ผู้ชายคนนี้แข็งแกร่งขึ้นขนาดนี้ได้อย่างไร”
“ปราณดาบช่างน่ากลัวอะไรเช่นนี้!”
ทว่า วินาทีต่อมา
ผลัก!
ทุกคนเห็นเพียงเฝิงเจิ้งที่กระโจนเข้าใส่ซูเย่ ทันใดนั้นดูเหมือนจะถูกกระแทกด้วยอะไรบางอย่างอย่างรุนแรง จนไม่มีแรงต่อต้าน และกระเด็นออกไป
[1] 正 เจิ้ง แปลว่า ตรง