เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - บทที่ 73 คาถาห้าธาตุ VS ผู้ใช้พลัง!
บทที่ 73 คาถาห้าธาตุ VS ผู้ใช้พลัง!
ผลัก!
เฝิงเจิ้งตกลงกระแทกพื้น ดาบยาวในมือ ยามนี้หักเป็นสองท่อน...
ฉากที่ปรากฏเข้าสู่สายตาทำให้ทั่วทั้งบริเวณเงียบเป็นเป่าสาก
สายตาทุกคู่มองไปยังเบื้องหน้าด้วยสายที่ไม่อยากจะเชื่อ ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วเกินไป ทำให้พวกเขายังไม่ทันได้ดูอย่างชัดเจน การประลองก็จบสิ้นลงเสียแล้ว…
เดี๋ยวก่อนนะ?
เฝิงเจิ้งแพ้แล้ว?
“ไม่สิ!”
เสียงร้องตกใจดังขึ้น ทำให้ทุกคนที่กำลังงุนงงได้สติคืน
“ปราณดาบเมื่อกี้นี้ไม่ใช่ของเฝิงเจิ้ง แต่เป็นซูเย่ต่างหาก!”
แววตาของซ่งชิวอวี่เผยแววความประหลาดใจ พลางเอ่ยขึ้น
เทียนเล่อเองก็เหลือบมองไปทางซูเย่
ทุกคนนึกถึงฉากเมื่อครู่
“ฉันเพิ่งพูดไปว่าทำไมเฝิงเจิ้งถึงแข็งแกร่งขึ้นมาก มันกลับกลายเป็นพลังจากซูเย่ซะงั้น”
“มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมฉันรู้สึกว่าคิดตามไม่ทันแล้ว ปราณดาบมาถึงด้านหน้าของเฝิงเจิ้งก่อนได้ยังไร อีกอย่าง… ซูเย่ปล่อยปราณดาบด้วยมือเปล่าของเขา?”
ยิ่งทุกคนพยายามคิดถึงฉากเมื่อครู่มากเท่าไหร่ แววความตกใจในดวงตาของพวกเขาก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น
เฝิงเจิ้งอยู่เป็นอันดับที่สิบห้าในตารางรายชื่อเชียวนะ และเขาเป็นยอดฝีมืออันดับต้น ๆ ของขั้นสี่ระดับห้า
ด้วยฝีมือระดับนี้ ไม่สามารถโต้กลับได้เลยแม้แต่กระบวนท่าเดียว?
ซูเย่ที่เพิ่งขั้นสี่ระดับหนึ่งเก่งขนาดนี้เลย?
“ผู้ชนะซูเย่ รายชื่อไม่มีการเปลี่ยนแปลง”
เกาหรงกวงมองไปทางซูเย่อย่างพึงพอใจ แล้วประกาศผลการประลอง แล้วหันไปกวาดสายตามองคนอื่น ๆ “มีใครต้องการท้าอีกไหม?”
เมื่อได้ยิน ซ่งชิวอวี่ก็ยักคิ้วขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร
ต่อไปยังมีโอกาสอยู่
“ในเมื่อไม่มีคนต้องการท้า งั้นฉันขอประกาศขั้นตอนต่อไปเลยแล้วกัน”
“การประลองเมื่อครู่ถือเป็นเพียงชั่วคราวเท่านั้น!”
“ขั้นตอนต่อไปจะเกี่ยวข้องกับการจัดอันดับของพวกเธอ!”
เกาหรงกวงเอ่ยเสียงเข้ม สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดทันที คนที่อันดับต่ำกว่า 36 ผงะไป พวกเขาก็ยังมีโอกาส!
“จากการตรวจสอบอย่างละเอียด เราพบสำนักงานใหญ่ขององค์กรคนเหนือคนในมณฑลฉี ทุกคนที่นั่นเป็นคนจากองค์กรทั้งหมด ในบรรดาพวกเขา ผู้แข็งแกร่งที่สุดคือขั้นห้าระดับสาม นอกจากนี้ ยังมีผู้ฝึกยุทธ์ที่แข็งแกร่งอีกมาก อยู่ในขั้นสาม ถึงขั้นห้าปะปนกันไป และสิ่งที่พวกเธอต้องทำคือกำจัดคนเหล่านี้ให้หมด! นี่เป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับพวกเธอ แต่ความยากข ของภารกิจนี้อยู่ในระดับปานกลาง!”
เกาหรงกวงพูดรายละเอียดกับทุกคน
“พวกเธอบางคนเหมาะสมที่จะต่อสู้บนสนามรบจริง ๆ และการประลองเมื่อครู่ไม่สามารถแสดงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของพวกเธอออกมาได้”
“เพราะงั้น เลยให้โอกาสพวกเธออีกครั้ง ในการต่อสู้ แสดงความสามารถที่แท้จริงของเธอออกมา!”
“อันดับต่อไป เราจะทำการจัดอันดับที่ครอบคลุมตามจำนวนศัตรูที่เธอฆ่า รวมถึงความแข็งแกร่งของอีกฝ่าย! ทุกคนต้องมือเปื้อนเลือดเป็นครั้งแรก! สู้เขา!”
ทุกคนรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที รวมถึงซ่งชิวอวี่ เทียนเล่อ และลู่เฟิง สามอันดับแรกในตารางรายชื่อ!
ศึกจริงงั้นเหรอ! มันจะแตกต่างไปจากในดินแดนภูผามหานทีแน่นอน
ครั้งนี้เป็นการต่อสู้ที่แท้จริง การเผชิญหน้ากับคนแทนที่จะเป็นมอนสเตอร์!
ครั้งนี้จะมาการเลือดตกยางออกจริง ๆ!
ซ่งชิวอวี่ เทียนเล่อ และลู่เฟิงทั้งสามมองหน้ากัน ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความต้องการเอาชนะ
“ออกเดินทาง!”
เกาหรงกวงตะโกนสั่งทุกคน
ทุกคนต่อแถวเดินตามเกาหรงกวงออกไปที่ป่านอกฐานทัพอย่างรวดเร็ว รถบัสคันใหญ่จอดรอท่าอยู่ที่ข้างทาง
“ขึ้นรถ!”
เสียงคำสั่งดังขึ้น
ทั้งห้าสิบคนเดินขึ้นรถอย่างรวดเร็ว เสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่ม
……
เมืองจวีสุ่ย มณฑลฉี ตอนนี้เป็นเวลากลางคืนจึงมีคนไม่เยอะ
ในใจกลางเมือง หน้า KTV สุดหรูที่ขึ้นชื่อในพื้นที่ รถบัสขนาดใหญ่หยุดลง
ทั้งห้าสิบคนเดินลงมาทีละคน ใบหน้าของซูเย่และคนอื่น ๆ ดูจริงจังและตื่นเต้น
เมื่อลงจากรถบัส ก็มองที่ร้านคาราโอเกะเบื้องหน้า ร้านนี้มีชื่อว่า ‘Midnight Cheers’ เป็นฐานที่มั่นทั่วไปขององค์กรคนเหนือคน ที่ซ่อนตัวอยู่ในเมือง ซึ่งใครจะคิดว่าสำนักงานให หญ่ขององค์กรจะอยู่ในที่ที่เห็นได้ชัดเจนเช่นนี้!
“เริ่มปฏิบัติการ!”
เกาหรงกวงเดินไปพลางเอ่ยสั่งด้วยเสียงต่ำ
คนกลุ่มหนึ่งเดินไปที่ร้านคาราโอเกะทันทีพร้อมสายตาที่เย็นชา
ในเวลานี้ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่หน้าประตูเห็นคนกลุ่มนี้แล้ว เขาชะงักไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ยถามผู้มาเยือน อีกคนหนึ่งหันหลังกลับวิ่งเข้าไปด้านใน
“พวกคุณมาทำอะไรครับ?”
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหลายคนเดินเข้ามาพลางขมวดคิ้วขณะมองดูพวกเขา
ผลัก! ผลัก!
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหลายคนหมดสติในทันที
กลุ่มคนเดินเข้าไปด้านในโดยไม่สนใจพวกเขาอีก ครั้งนี้ส่งผลต่อการประเมินคะแนน! ดังนั้นต้องจริงจังเข้าไว้!
ในการทำลายฐานที่มั่นแห่งนี้ได้อย่างสมบูรณ์ ใครสามารถเข้าไปได้ก่อนย่อมเป็นฝ่ายได้เปรียบ
เมื่อเข้ามา ทุกคนเริ่มลงมือทันทีโดยไม่มีความลังเลใจแม้แต่น้อย พวกเขามองข้ามคนธรรมดา และเลือกลงมือเฉพาะผู้ฝึกยุทธ์
“ผลักผลัก…”
ทุกที่ที่เข้าไป พลันเกินเสียงปะทะขึ้นทันที
“กลยุทธ์จับโจรเอาหัวโจกก่อน ลำดับคะแนนขึ้นอยู่กับความสามารถของคู่ต่อสู้ ไม่ใช่จำนวนล่าหัว ทำไมรีบเดินกันจัง..”
ซูเย่เดินอย่างช้า ๆ อยู่ด้านหลังทุกคน พลางสอดส่องสายตาสังเกตทุกคนอย่างระมัดระวัง
ในเวลานี้ พนักงานเสิร์ฟในร้านตกใจมากจนตื่นตระหนกและวิ่งออกไปข้างนอก และเพราะคนธรรมดาไม่ใช่เป้าหมายของทุกคนอยู่แล้ว จึงไม่มีใครสนใจ
ซูเย่เห็นพนักงานเสิร์ฟหนุ่มคนหนึ่งหันหลังพิงกำแพง มีไม้กวาดและที่ตักขยะอยู่ในมือ ตัวสั่นงันงก พลางหลีกทางให้ทุกคน
ชายคนนั้นไม่สูงมาก สวมหน้ากากปิดบังหน้าตา ผู้คนที่วิ่งไปมาเบื้องหน้ามองไปที่ร่างของเขาแล้วย้ายสายตาไปที่อื่นทันที
หลังจากที่ทุกคนผ่านไป ชายหนุ่มคนนั้นก็วิ่งออกไปอย่างรวดเร็วด้วยท่าทางตื่นตระหนก เมื่อมองแผ่นหลังของอีกฝ่าย ซูเย่ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย
พบปลาตัวใหญ่แล้ว!
ใครจะคิดว่ายอดฝีมือขั้นห้าระดับสี่จะปลอมตัวเป็นคนทำความสะอาดของที่นี่
หัวหน้าสูงสุดแห่งองค์กรคนเหนือคนประจำมณฑลฉี ปลอมตัวเป็นพนักงานทำความสะอาด ซึ่งง่ายที่จะถูกมองข้าม
“ดูเหมือนว่าจะรู้วิธีซ่อนพลังปราณด้วย”
“ถ้าเป็นอย่างนั้น ก็ไม่ต้องตามหาให้ยุ่งยาก”
ซูเย่หันกายเดินตามอีกฝ่ายไป เดินผ่านตึกและความเร็วก็เร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว วิ่งไปจนสุดทางไปยังที่มืดที่อยู่ไกลออกไป ดูเหมือนพร้อมที่จะหายตัวไปได้ทุกเมื่อ
ไม่นานก็เดินมาถึงบริเวณชานเมือง ในพื้นที่รกร้างว่างเปล่า ชายหนุ่มคนนั้นหยุดฝีเท้าลง ถอดหน้ากากออกและถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“ทำไมไม่หนีต่อแล้วละ”
เสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง ทำให้เขาก็ตื่นตัวในทันที แล้วหันศีรษะไปมองอย่างช้า ๆ เห็นเป็นชายหนุ่มคนหนึ่งยืนมองเขาด้วยรอยยิ้มที่เหมือนไม่ได้ยิ้ม
ซูเย่สามารถมองเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน อีกฝ่ายมีรูปหน้าคมคาย ดูเหมือนเป็นลูกครึ่ง
“ขั้นสี่?”
ชายหนุ่มต่างเชื้อชาติจ้องมองที่ซูเย่ ทันใดนั้นก็ยกยิ้มหยันวูบหนึ่ง แล้วเอ่ยด้วยหน้าตาที่ดูชั่วร้าย “ตายซะ!”
พลันลงเริ่มลงมือทันที โดยสะบัดมือขวาออกไป
วูบบ
เสียงวีดหวิวเหมือนมีของแหวกผ่านอากาศดังขึ้น แต่มองเห็นไม่ชัด
“ลม?”
สายตาของซูเย่หรี่ลงเล็กน้อย แม้ว่าไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ทว่าซูเย่สามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงพลังที่เคลื่อนไหวรอบกาย
เบื้องหน้ามีพลังงานบางอย่างที่มีรูปลักษณ์ราวมีดแหลมคมพุ่งเข้ามา หมายโจมตีและเอาชีวิตเขา
“น่าสนใจ เป็นผู้ใช้พลังอีกแล้วงั้นเหรอ?”
ซูเย่นึกถึงผู้ใช้พลังสามคนที่เขาเคยจับมาก่อน และหนึ่งในนั้นที่ใช้พลังลมก็ใช้วิธีเดียวกัน
“เกี่ยวกับพวกฝรั่งอีกแล้ว!”
“วิญญูชน มิรั้งอยู่ใต้กำแพงอันตราย!”
ซูเย่เค้นเสียงหัวเราะ พลางบริกรรมคาถา
วินาทีถัดมา
กระแสปราณจากโดยรอบไหลเข้ามา ก่อให้เกิดลมกระโชกแรงรอบร่างกายของซูเย่
คมมีดที่มาพร้อมสายลมโจมตีเข้ามากระแทกชั้นลมรอบ ๆ ตัวของซูเย่ ซึ่งทั้งหมดถูกขวางกั้นไว้ด้านนอก
“หืม?”
อีกฝ่ายมองซูเย่ด้วยความตกใจ เห็นได้ชัดว่าไม่ได้คาดคิดว่าซูเย่จะรับมือกับมันได้ง่ายดายเช่นนี้ และใช้วิธีในแบบที่มันไม่เคยเห็นมาก่อน
“ตายไปซะ!”
อีกฝ่ายยังไม่ยอมรามือ กางแขนทั้งสองออก แล้วทำท่าเฉือนมือไปทางซูเย่
กระลมพัดเข้ามาอีกกลายเป็นลมขนาดใหญ่ยาวสามเมตรพัดมาตรงหน้าเขา ระหว่างที่พุ่งตรงเข้ามา กลายเป็นร่องลึกลงไปบนพื้นดินที่พัดผ่าน เมื่อมองมันดูน่ากลัวมาก
“มาดูกันว่าผู้ใช้พลังจะทรงพลังกว่า หรือว่าคาถาห้าธาตุจะแข็งแกร่งกว่ากันแน่”
ซูเย่ยกยิ้มหยัน
“พัฒนาตนให้มีคุณธรรมและความสามารถในการปฏิบัติหน้าที่ของตน!”
เสียงของซูเย่ดังขึ้น
บนพื้นด้านหน้าของเขา มีชั้นพลังงานธาตุดินสั่นไหวราวกับภูเขาไฟระเบิด พ่นออกมาและสร้างเกราะป้องกันขนาดใหญ่เบื้องหน้าเขา!
ตั้ง!!
เสียงปะทะอย่างรุนแรงดังขึ้น ใบมีดขนาดยักษ์กระแทกเข้ากับเกราะป้องกันดิน ทว่าไม่สามารถทำลายเกราะป้องกันได้
อีกฝ่ายตกใจสุดขีด พลางจ้องไปที่ซูเย่
ป้องกันได้? มันเป็นไปได้ยังไง?
“ก็แค่นี้?”
ซูเย่เย้ยหยัน “ให้แกได้ลิ้มรสพลังของคาถาห้าธาตุสักหน่อยแล้วกัน”
ซูเย่ป้องกันการโจมตีของอีกฝ่ายได้
ซูเย่เปลี่ยนจากตั้งรับเป็นโจมตีทันที และบริกรรมคาถาด้วยเสียงต่ำ “สายลมเอ๋ยพัดลมเย็น สายธาราอันหนาวเหน็บ”
ทันทีที่เสียงจบลง
เกิดพายุรุนแรงโดยพลัน และมีใบมีดน้ำแข็งที่อัดแน่นพุ่งเข้าหาคู่ต่อสู้อย่างบ้าคลั่งราวกับห่าฝน
อีกฝ่ายตื่นตระหนก รีบเร่งโบกมือสุดกำลัง ทันใดนั้น ลมกระโชกแรงพัดขึ้นมาอย่างรวดเร็วและล้อมรอบร่างราวกับพายุทอร์นาโดที่ห่อหุ้มร่างกายของเขาไว้ทั้งหมด
ทว่าไม่ได้ผล!
ใบมีดลมทำลายการป้องกันรอบ ๆ คู่ต่อสู้ทันที แล้วโจมตีคู่ต่อสู้ได้สำเร็จ ฉีกเสื้อผ้าทั้งหมดบนร่างกายส่วนบนของมัน และขูดเป็นรอยเลือดไปหลายจุดตามร่างกาย
“อ๊าก! ไอ้เวร! แกตายแน่!”
อีกฝ่ายคำรามอย่างทรมาน ทันใดนั้นร่างของอีกฝ่ายก็มีพลังปราณอันรุนแรงพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า จากนั้นทั้งร่างก็พุ่งทะยานเข้าหาซูเย่อย่างบ้าคลั่ง
“หืม?”
ซูเย่ประหลาดใจ “ฝึกฝนสองสายงั้นเหรอ?”
เขาจงใจใช้คาถาห้าธาตุเพื่อต่อกรกับอีกฝ่าย เพราะอยากรู้ว่าพลังของอีกฝ่ายแข็งแกร่งมากแค่ไหน และอะไรคือความแตกต่างระหว่างผู้ใช้พลังและผู้ฝึกยุทธ์
หลังจากการสังเกต เขาพบว่าทุกครั้งที่ฝ่ายตรงข้ามร่ายพลัง พลังจิตส่วนใหญ่ของเขาจะถูกใช้ไป
หลังจากร่ายพลังสามครั้งติดต่อกัน พลังจิตของคู่ต่อสู้ก็แทบจะหมดสิ้น และใบหน้าของเขายังปรากฏรอยความเหนื่อยอ่อนอีกด้วย ซึ่งแตกต่างจากคาถาห้าธาตุ ที่ใช้ทั้งพลังปราณและพลัง งจิต ซึ่งหมายความว่าใช้พลังปราณเพื่อลดการใช้พลังงานจิตได้
เนื่องจากพลังจิตนั้นถูกใช้มากเกินไป จึงไม่ง่ายที่จะฟื้นฟู แต่พลังปราณนั้นง่ายต่อการฟื้นฟูกว่า จากมุมนี้ คาถาห้าธาตุล้ำหน้ากว่าผู้ใช้พลังมาก!
แต่สิ่งที่ทำให้ซูเย่คาดไม่ถึงมากที่สุดก็คือไอ้หน้าฝรั่งคนนี้ ไม่เพียงเป็นผู้ใช้พลัง แต่ยังเป็นผู้ฝึกยุทธ์ด้วย ใช้พลังไม่ได้ผลก็เปลี่ยนมาใช้พลังปราณต่อสู้
“ผลักผลัก…”
เสียงปะทะกันอย่างดุเดือดของการต่อสู้ดังขึ้น
ในการปะทะกันแบบตัวต่อตัว ซูเย่ค้นพบว่าความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้คือขั้นห้าระดับสี่
ทว่าแตกต่างจากข้อมูลที่เกาหรงกวงเคยบอก!
บางทีอาจเป็นเพราะการฝึกฝนสองอย่างพร้อมกัน ทำให้พลังของบุคคลนี้อ่อนแอกว่าขั้นห้าระดับสี่ทั่วไป
“เป็นทั้งผู้ใช้พลังและผู้ฝึกยุทธ์ ถ้าผู้ฝึกยุทธ์ธรรมดาคงไม่สามารถเอาชนะแกได้ แต่น่าเสียดายที่แกมาเจอฉัน”
ซูเย่เอ่ยอย่างเย็นชา แล้วเริ่มต่อสู้อย่างสุดกำลัง
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ระดับหนึ่ง VS ขั้นห้าระดับสี่!
ฝ่ายตรงข้ามตกใจมากขึ้นเรื่อย ๆ คงไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าคนที่อยู่ขั้นสี่จะแข็งแกร่งขนาดนี้!
ในด้านการใช้พลังก็สามารถรับมือได้ แม้แต่ในด้านการฝึกยุทธ์ ก็สามารถเอาชนะเขาที่ระดับขั้นสูงกว่าได้!
“เป็นไปไม่ได้…”
ชายหนุ่มคำรามออกมาอย่างสุดกำลัง แต่ในช่วงเวลาที่พลังระเบิดออก หมัดของซูเย่ได้กระแทกจุดตันเถียนของอีกฝ่ายทันที
จุดตัดเถียนแตกสลาย
“แค่กแค่ก~”
เลือดพุ่งออกมาจากมุมปากของชายหนุ่ม ในตอนนี้มีเพียงหนึ่งความคิด หนี!
วิ่งหนีอย่างบ้าคลั่ง
……
การต่อสู้จบลงภายในสิบนาที ทุกคนรวมตัวกันที่หน้าร้าน แววตายังฉายแววความบ้าระห่ำ
ในที่สุดก็ได้สู้จริง ๆ แล้ว!
ทุกคนได้ส่งผลงานของตัวเองผ่านนาฬิกาสื่อสารแบบมัลติฟังก์ชั่นบนข้อมือ และทุกครั้งที่ศัตรูถูกฆ่า จะถูกบันทึกหนึ่งครั้ง
“ใครล้มยอดฝีมือขั้นห้า ระดับสอง?”
ทุกคนยังสามารถเห็นบันทึกที่ส่งมาจากคนอื่นได้เช่นกัน และเมื่อเห็นคนส่งข้อมูลขั้นห้าระดับสอง พวกเขาก็ตกใจในทันใด แต่เมื่อเห็นว่าเป็นซ่งชิวอวี่ ทุกคนก็รู้สึกว่าไม่น่า าแปลกใจแล้ว
เมื่อมองไปที่ใบหน้าไร้อารมณ์ของซ่งชิวอวี่ สายตาของทุกคนมีแววความชื่นชมอยู่ไม่น้อย
ผู้ครองอันดับหนึ่งขั้นสี่ ไม่น่าแปลกใจเลย!
ความแข็งแกร่งของซ่งชิวอวี่นั้นแข็งแกร่งมากแล้ว หากเขาต้องการทะลวงไปถึงขั้นที่ห้า เขาสามารถทำได้ทุกเมื่อ ไม่น่าแปลกใจที่เขาสามารถฆ่าศัตรูระดับห้าขั้นสองได้
ในตอนนี้ รสบัสจอดอยู่ด้านข้าง
มีรถขับมาจอดที่หน้าประตูร้าน มีคนหกคนเดินลงจากรถ
เมื่อเห็นคนทั้งหก สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปทันที ทั้งหกคนนี้คือผู้บัญชาการทั้งหก!
ผู้บัญชาการมาถึงที่นี่เชียวหรือ? แถมยังมาครบทุกคน!
“ผลเป็นอย่างไรบ้าง”
เจียงซานเอ่ยถามเกาหรงกวงที่กำลังดูผลลัพธ์
“เราได้รับบันทึกที่ส่งมาจาก 49 คน ซึ่งทั้งหมดสอดคล้องกับที่เราตรวจสอบแล้ว มีเพียงคนเดียวที่ยังไม่ถูกจับ”
เกาหรงกวงเอ่ยตอบ
“ใคร?”
“ตัวหัวหน้า”
เกาหรงกวงเอ่ยตอบ
“หืม?”
เจียงซานขมวดคิ้วแน่น
ผู้บัญชาการอีกห้าคนเดินเข้ามาพลางขมวดคิ้วพร้อมกันเมื่อได้ยินรายงานของเกาหรงกวง
“หนีไปได้ หรือมีใครยังไม่ได้ส่งบันทึก”
เจียงซานถาม
“อันดับที่ห้า ซูเย่”
เกาหรงกวงเอ่ยตอบ
“เขาไปไหน”
เจียงซานเอ่ยถามอย่างฉงนใจ
ในตอนนี้เองคนอื่น ๆ ถึงเพิ่งรู้ว่าซูเย่หายตัวไป
การปฏิบัติการครั้งนี้ปกติทุกอย่าง มีเพียงซูเย่และหัวหน้าองค์กรศัตรูเท่านั้นที่ยังไม่ปรากฏตัว พวกเขาค้นหาทั่วบริเวณทั้งหมด แต่ไม่พบหัวหน้าองค์กรผู้อยู่ในขั้นห้าระดับสอง เลย
หรือว่า…
ในตอนที่ทุกคนกำลังสงสัย ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นมาจากระยะไกล เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าทุกคนก็หันไปมองต้นเสียงทันที
ร่างหนึ่งกำลังเดินออกมาจากความมืดพร้อมกับคนอีกคนหนึ่ง
เมื่อมองดูดี ๆ คนนั้นคือซูเย่ และเขากำลังลากคอคนหนึ่งคนอยู่