เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - บทที่ 75 แอบเข้าไปในแดนลับ!
บทที่ 75 แอบเข้าไปในแดนลับ!
“ซูเย่ เปิดประตู!”
เมื่อทุกคนมาถึง เจียงซานก็เอ่ยบอกซูเย่
พรึ่บ——
เมื่อได้ยินคำสั่งของเจียงซาน ทุกคนก็หันไปมองทางผู้ครองอันดับหนึ่งคนใหม่ทันที
ให้ซูเย่เป็นคนเปิดประตู?
ที่นี่คือแดนลับไม่ใช่เหรอ?
ทำไมให้เขาเป็นคนเปิดประตูล่ะ?
ซูเย่ไม่ลังเลและก้าวไปข้างหน้า ก่อนใช้ยันต์เปิดประตูอีกครั้ง ทำให้ตรงประตูแดนลับขนาดใหญ่เปิดออก
เหล่าลูกรักสวรรค์ต่างตกตะลึง เปิดได้จริงด้วย!
“เข้าไปได้!”
เจียงซานเป็นผู้เดินนำทุกคนเข้าไป ทันทีที่พวกเขาเข้าสู่แดนลับ เหล่าลูกรักสวรรค์ที่เพิ่งเคยมาเป็นครั้งแรกต่างตกตะลึงกับภาพที่อยู่เบื้องหน้าพวกเขา มันดูรกร้างและแฝงไปด้วย ยไอเย็น!
“เดินตามมา!”
เจียงซานดึงความสนใจของทุกคนกลับมาอีกครั้ง
กลุ่มคนจำนวนสามสิบหกคนนำโดยผู้บัญชาการทั้งหกคนมาถึงหน้ากำแพงเมือง
“ยังเหลืออีกสิบนาทีก่อนถึงเวลา ทุกคนพักผ่อนซะและเตรียมตัวให้พร้อม!”
เจียงซานหันไปทางคนทั้งสามสิบหกคนแล้วตะโกนบอก “แต่ก่อนเข้าสู่แดนลับ ฉันยังมีบางอย่างจะพูดกับพวกเธอทั้งสามสิบหกคน”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนก็ดึงสติกลับมาทันทีและมองไปที่เจียงซาน
“เป็นข่าวดี”
“ไม่ว่าจะเป็นใคร ตราบใดที่ใครก็ตามที่สามารถได้รับการสืบทอดในดินแดนลับในวันนี้ จะได้รับการเลื่อนขั้นให้เป็นสมาชิกทีมสืบสวนระดับเร้นลับโดยทันที และได้รับรางวัลเป็นหยกปราณ ระดับต่ำ 100 ก้อน!”
หยกปราณระดับต่ำ 100 ก้อน?
ตาของทุกคนก็สว่างขึ้นทันใด!
หยกปราณระดับต่ำ 100 ก้อนเทียบเท่ากับหยกปราณธรรมดามากกว่า 1,000 ก้อน รางวัลนี้ยิ่งใหญ่มาก!
การสืบทอดเป็นโอกาสที่ดีสำหรับพวกเขา แต่นอกจากจะได้การสืบทอดแล้ว ยังสามารถได้ของรางวัลอีกมากขนาดนี้เชียวเหรอ มันน่าเหลือเชื่อเกินไป!
ทุกคนปลุกจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้และพยายามปรับตัวให้เข้ากับสภาวะที่ดีที่สุดก่อนที่จะเข้าสู่แดนลับ
ดวงตาของซูเย่ก็เป็นประกายเช่นกัน มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อย
“คุ้มจริง ๆ”
“แม้ว่าจะไม่ได้ต้องการการสืบทอด แต่ก็ต้องพยายามเพื่อหยกปราณระดับต่ำ 100 ก้อนนี้ให้ได้!”
……
สิบนาทีต่อมา
“ได้เวลาแล้ว!”
เจียงซานเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง ผู้บัญชาการคนอื่น ๆ ก็มีสีหน้าจริงจังไม่ต่างกัน
ได้เวลาแล้ว แต่จะเข้าไปยังไง?
ทุกคนมองไปทางผู้บัญชาการทั้งหก ทว่า ผู้บัญชาการทั้งหกกลับมองไปที่ซูเย่
ทุกคนหันไปหาซูเย่อย่างสงสัย นายทำได้อีกแล้ว?
ภายใต้สายตาของทุกคน ซูเย่ลุกขึ้นและเดินไปที่กำแพงเมืองทันที
วินาทีถัดมา ซูเย่หายตัวไปต่อหน้าต่อตาทุกคนในทันที ก่อนที่ชั้นของพลังงานจะกระเพื่อมจากกำแพงเมืองขนาดใหญ่ที่อยู่ข้างหน้าเขา คนอื่น ๆ จึงตระหนักได้ในทันทีว่าพวกเขาสามารถเดินเข ข้าไปได้เลย!
ทุกคนลุกขึ้นและรีบเข้าไปอย่างรวดเร็วโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
เมื่อเห็นว่าคนทั้งสามสิบหกคนเข้าสู่แดนลับ ผู้บัญชาการทั้งหกก็มองหน้ากันและพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
เจียงซานกวักมือเรียก พริบตาผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ระดับสามอีกคนก็เดินเข้ามา และก้าวไปข้างหน้าเหมือนคนอื่น ๆ ภายใต้การกำกับดูแลของผู้บัญชาการทั้งหก
ทว่า…
“ปัง!”
ในตอนที่ชนกำแพง แรงสั่นสะเทือนมหาศาลก็ย้อนกลับมาจากกำแพงเมืองโดยตรง และพวกเขาต้องเซถอยออกไปหลายก้าว
“เข้าไปไม่ได้?”
เจียงซานเอ่ยถามทันที
“มันบอกว่าจำนวนคนข้างในเต็มแล้ว และไม่สามารถเข้าไปได้มากกว่านี้อีก”
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ระดับสามคนนั้นยิ้มเจื่อน
“งั้นเธอกลับไปเถอะ”
เจียงซานพยักหน้าพลางกล่าว
แววตาของผู้บัญชาการทั้งหกฉายแววครุ่นคิด เมื่อครู่พวกเขาก็ลองดูแล้ว ดูเหมือนว่า นอกจาก 36 คนข้างในแล้ว มันเป็นไปไม่ได้เลยที่คนอื่นจะเข้าไป
……
หลังจากทะลวงเข้ามา ซูเย่ก็รู้สึกว่าฉากที่ปรากฏเบื้องหน้าสั่นไหว แล้วกลายเป็นเมืองขนาดใหญ่เมืองหนึ่ง เบื้องหลังคือกำแพงเมืองขนาดมหึมา ชายหนุ่มจึงได้กวาดสายตามองโดยรอบอย่า างละเอียด
ซูเย่พบว่ามีหมอกจำนวนมากในเมือง ซึ่งทำให้ผู้คนไม่สามารถแยกแยะทิศทางได้เลย และสามารถมองเห็นใจกลางเมืองข้างหน้าได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“ได้เวลาลงมือแล้ว!”
แววตาของซูเย่สว่างวาบ เขาเคลื่อนตัวไปในทิศทางหนึ่งอย่างรวดเร็ว
ทันทีที่เขาจากไป ลูกรักสวรรค์อีก 35 คนที่เหลือก็ทยอยเข้ามาทีละคน
ภายใต้หมอกหนาที่ปกคลุม พวกเขาไม่กล้าที่จะขยับอย่างไม่ระมัดระวัง
ซูเย่มาถึงเชิงกำแพงเมืองในอีกทางด้านหนึ่ง และนั่งลงตรงเชิงกำแพงเมือง พยายามทำลายม่านปราณลวงตานี้
สองพันกว่าปีที่ผ่านมานี้ เขาได้เรียนรู้ค่ายกลต่าง ๆ มากมาย
แม้ว่านี่จะเป็นค่ายกลที่จัดวางไว้โดยผู้ฝึกยุทธ์ขั้น 9 แต่เขารู้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เข้ามาที่นี่ว่าค่ายกลนี้มีไว้เพื่อการป้องกันเท่านั้น ไม่ได้มีไว้สำหรับโจมตี
ดังนั้นตอนนี้เขาจึงสามารถใช้วิธีการต่าง ๆ ได้อย่างไม่ต้องหวาดระแวงในการเข้ามาสำรวจ ชายหนุ่มกระตุ้นพลังปราณทันทีให้หลอมรวมเข้ากับค่ายกล หลังจากสำรวจอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็พ พอจะเข้าใจค่ายกลนี้แล้ว
ซูเย่เอ่ยพลางถอนหายใจ
“สมแล้วที่สร้างขึ้นโดยยอดฝีมือในสมัยโบราณ ถ้าไม่ใช่เพราะความบังเอิญ อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลามากกว่าหนึ่งชั่วโมงในการทลายค่ายกล!”
ซูเย่ไม่ได้มีเวลามากขนาดนั้น โชคดีที่เขามีพลังปราณที่สามารถหลอมรวมเข้ากับปราณได้ทุกชนิด!
“พลังปราณต้นกำเนิด”
ฝ่ามือของเขาเต็มไปด้วยพลังปราณโดยกำเนิด และช่องว่างขนาดใหญ่บนม่านพลังปราณของค่ายกลถูกเปิดออกทันที!
และเนื่องจากขอบของรอยแยกนั้นเต็มไปด้วยร่องรอยของพลังปราณโดยกำเนิด จึงทำให้ฟื้นฟูช้ากว่าปกติ
หากเป็นคนอื่น คงไม่สามารถทำลายค่ายกลนี้ได้ในเวลาอันสั้น
“น่าจะเป็นทางนี้”
ซูเย่หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเพื่อดูว่าคนอื่นอยู่ที่ไหนกันแล้ว และแอบออกไปทันที
เข้าไปในภูเขาที่เป็นจุดนัดหมายอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นว่าซูเย่มาถึงแล้ว ทุกคนก็ปรากฏตัวออกมาพร้อมกัน ไม่ต่ำกว่าเจ็ดสิบคน ทุกคนมองไปที่ซูเย่อย่างตื่นเต้น
“ชู่! ตามมาเงียบ ๆ!”
ซูเย่เอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงทุ่มต่ำ แล้วพาทุกคนไปยังตำแหน่งของค่ายกลที่แยกออก
เมื่อมาถึง รอยแยกบนค่ายกลยังไม่ฟื้นฟูดี แต่เพื่อความแน่ใจ ซูเย่จึงใช้มือเปิดมันให้กว้างออกอีกครั้งและขยายออกให้กว้างกว่าเดิม ให้ทั้ง 70 คนสามารถเข้าไปได้อย่างรวดเร็ว ว หลังจากนั้นเขาก็ดูดพลังปราณต้นกำเนิดกลับคืน ทำให้ม่านพลังปราณฟื้นฟูคืนสู่สภาพสมบูรณ์เช่นเดิม
“ที่นี่คือที่ไหน?”
ทันทีที่เข้ามา ซูชือเอ่ยถามด้วยความสงสัย
ทุกคนต่างรู้สึกประหลาดใจกับทัศนียภาพโดยรอบ
“ชู่!”
ซูเย่ทำท่าทางบอกให้ทุกคนเงียบทันที “นี่เป็นการสืบทอดพลังในแดนลับ ผู้บัญชาการทั้งหกเลือกลูกรักสวรรค์ขั้นสี่มา 36 คนเพื่อเข้ามา ตอนนี้ไม่มีใครสามารถเข้ามาได้ยกเว้นฉัน อีกสามสิบห้าคนก็อยู่ในแดนลับนี้ พวกนายถือว่าแอบเข้ามา ห้ามถูกจับได้เด็ดขาด!”
ฮะ? ลักลอบเข้ามา?
น่าตื่นเต้นอะไรแบบนี้…
ทุกคนปิดปากลงทันที และไม่กล้าที่จะส่งเสียงใด ๆ แต่ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ครั้งนี้แอบลักลอบเข้ามาใต้จมูกของทีมสืบสวนเชียวนะ!
“เสี่ยวเย่”
จินฟานที่ยืนอยู่ข้างหลังซูเย่ สะกิดเรียกซูเย่ด้วยเสียงต่ำแปลก ๆ
“ว่าไง?”
ซูเย่หันหลังมองย้อนกลับไป พบว่าใบหน้าของจินฟานมีความผิดปกติเล็กน้อย
“ต้าฟาน ไม่เป็นไรใช่ไหม สีหน้านายทำไมดูแย่ขนาดนี้”
ซูชือก็รู้สึกเช่นกันและรีบเข้ามาประคองซูชือ ทุกคนก็หันมามอง และต้องตกใจเมื่อเห็นหน้าใบหน้าซีดเผือดของจินฟาน
“ฉันรู้สึกเหมือนมีบางอย่างพยายามดึงฉันไปยังสถานที่หนึ่ง”
จินฟานเอ่ยพูดด้วยสีหน้าซีดขาว “ที่นี่จะไม่มีผีใช่ไหม ฉันรู้สึกเหมือนกำลังจะถูกดึงจนล้มพับลงไปแล้ว”
ขณะพูด เขาก็คว้าไหล่ของซูเย่และพยายามยืนตัวตรง
“เกิดอะไรขึ้น”
ทุกคนต่างตกใจ รีบเข้ามาล้อมจินฟานไว้ พร้อมกับวางค่ายกลป้องกันทันทีและมองไปรอบ ๆ อย่างระมัดระวังพร้อมที่จะต่อสู้ทุกเวลา
ซูเย่ผงะไป เขายิ้มออกมาทันที และตบไหล่จินฟานเบา ๆ พลางกล่าวอย่างยินดี
“ดีใจด้วย โอกาสของนายมาถึงแล้ว!”
“โอกาสอะไร?”
ซูชือผงะไป
“โอกาสครั้งใหญ่”
ซูเย่เอ่ยอย่างให้กำลังใจ “อดทนไว้ ผ่านครั้งนี้ไปได้ทุกอย่างจะดีขึ้น”
มือข้างหนึ่งจับไหล่ของจินฟานไว้ ช่วยพยุงอีกฝ่ายให้ยืนได้อย่างมั่นคง อีกมือหนึ่งชี้ไปทางข้างหน้า และพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “อย่าส่งเสียงดัง ตามฉันมา!”
ทุกคนเดินตามซูเย่อยู่ด้านหลัง ก้าวไปข้างหน้าอย่างเงียบเชียบ
แผนที่ของเมืองทั้งเมืองอยู่ในหัวของซูเย่อยู่แล้ว ในไม่ช้าเขาก็พาทุกคนไปที่สวนที่มุมหนึ่งของเมือง
เดินผ่านหินตกแต่งและป่าไผ่ในสวน มาที่ริมสระน้ำสีขาวขุ่นที่ใจกลางป่าไผ่
“นี่มันคืออะไร?”
ซูชือเอ่ยถามอย่างฉงนใจ
“ไขกระดูกหิน”
ซูเย่เอ่ยพูดกับทุกคนอย่างจริงจัง “นี่เป็นโอกาสสำหรับทุกคน น้ำในสระนี้มีคุณสมบัติพิเศษเหมือนพวกในนิยายกำลังภายในที่สามารถชะล้างแก่นกระดูก และเพิ่มความสามารถในการฝึกฝนข ขัดเกลา นี่เป็นโอกาสที่หายากมาก”
ดวงตาของทุกคนเป็นประกายขึ้นทันที เร่งจังหวะลมหายใจเร็วขึ้นเล็กน้อยอย่างดีใจ
มีของที่ชำระแก่นกระดูกได้จริงอย่างที่มีเรื่องเล่างั้นเหรอ?
“แต่ว่าหลังจากเข้าไป จะรู้สึกเจ็บปวดจากการชะล้างล้างแก่นกระดูก!”
ซูเย่พูดด้วยใบหน้าจริงจัง “จำไว้ ไม่ว่าจะเจ็บปวดแค่ไหน อดทนเท่านั้น! อย่าส่งเสียง อย่าให้คนอื่นรู้! เข้าไปได้!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนก็หายใจเข้าลึก ๆ และดวงตาของพวกเขาเต็มไปประกายแวววาบ
ส่งเสียง?
ลูกพี่ซูประเมินพวกเขาต่ำเกินไปแล้ว เมื่อเจอผลประโยชน์มหาศาล แค่ไม่ต้องส่งเสียงง่ายนิดเดียว ต่อให้เจ็บจนตายพวกเขาก็จะไม่ส่งเสียง!
ติดตามลูกพี่ซู มีเรื่องดีทุกครั้งเลย!
“ฉันเข้าไปก่อนล่ะ ฉันจะทนไม่ไหวแล้ว!”
จินฟานกระโดนเข้าไปทันที คนอื่น ๆ ก็กระโดดตามไปอย่างไม่รีรอ
ในตอนที่เข้าไป ความเจ็บปวดสวนพุ่งเข้ามาทันที!
ทุกคนต่างแสดงสีหน้าเจ็บปวด รู้สึกราวกับว่าพวกเขากระโดดลงไปในกระทะใบใหญ่ ต่อให้พวกเขาดิ้นรนแค่ไหน ความเจ็บปวดก็ยังรุนแรงไม่คลาย
ทุกคนพยายามกัดฟันและอดกลั้นไว้ ยังคงไร้สุ่มเสียงเล็ดลอดออกไป!
เมื่อเวลาผ่านไป สระไขกระดูกหินสีขาวขุ่นก็เริ่มลดลงเรื่อย ๆ
ความเจ็บปวดบนใบหน้าของทุกคนคลายลงเล็กน้อย จนกระทั่งในที่สุดสีหน้าอันเจ็บปวดค่อย ๆ หายไป เมื่อเห็นเช่นนั้น ซูเย่ยิ้มออกมาเล็กน้อย
“เฉิงหวง!”
ซูเย่เอ่ยเรียกสัตว์พาหนะคู่กาย
ชั้นหมอกปรากฏขึ้นบนพื้นดินทันที และเฉิงหวงก็ปรากฏตัวขึ้น
ทันทีที่มันปรากฏตัว เฉิงหวงก็เตรียมวิ่งชนซูเย่เต็มเหนี่ยว เพราะซูเย่ผูกถังเก็บน้ำขนาดใหญ่สองถังไว้บนหลังของมันในระหว่างวัน และสิ่งนี้ทำให้มันไม่พอใจเป็นอย่างมาก
ทว่าก่อนที่มันจะได้ชนซูเย่ มันก็ถูกดึงดูดโดยสระไขกระดูกหินที่อยู่เบื้องหน้า
“ดื่มสิ!”
ซูเย่ยิ้มและพูดกับมัน “คนอื่น ๆ ดูดซึมได้ไม่มาก เพราะงั้นแกดื่มได้มากเท่าที่ต้องการ เป็นไง ติดตามฉันไม่เลวเลยใช่ไหม?”
มันสูดลมหายใจอย่างตื่นเต้น จากเดิมที่ตั้งใจจะแกล้งวิ่งชนซูเย่ จู่ ๆ ก็เอาศีรษะหันไปถูบนร่างของซูเย่สองสามครั้ง กระโดดขึ้นลงไปมา แล้วกระโดดลงไปในสระทันที
ระหว่างแช่ตัวในสระไขกระดูก มันก็ก็ดื่มลงไปจำนวนมาก ท้องของมันพองขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนที่มันจะเรออย่างพอใจและกระโดดขึ้นฝั่ง
คราวนี้ น้ำในสระลดลงไปไม่น้อย ซูเย่ยิ้มอย่างพอใจ ถอดถังเก็บน้ำขนาดใหญ่สองถังออกจากด้านหลังของเฉิงหวง แล้วเติมน้ำในสระลงไป แล้วปิดปากถัง
ผูกเข้ากับหลังของเฉิงหวงอีกครั้ง
ครั้งนี้เฉิงหวงไม่เพียงไม่ปฏิเสธ แต่ยังดูมีความสุขมาก
“ไปเถอะ! ห้ามแอบดื่ม ฉันยังต้องใช้มันอยู่!”
ซูเย่ตบเบา ๆ ที่คอของเฉิงหวง
ห้ามดื่ม?
เฉิงหวงผลักซูเย่ออกไป หันศีรษะไปที่สระไขกระดูก มันดูลังเลเล็กน้อย แต่มันรู้ว่ามันไม่สามารถดื่มลงไปได้อีกต่อไป
ทันใดนั้น มีชั้นหมอกเพิ่มขึ้น เฉิงหวงหายตัวไปต่อหน้าทุกคน ในตอนนี้ มีน้ำเหลือเพียงหนึ่งในสามของสระ
“ทุกคนรีบหน่อย!”
ซูเย่เอ่ยเตือนทันที “สระไขกระดูกไม่เพียงช่วยชะล้างไขกระดูก แต่ยังช่วยให้ฝึกฝนดีขึ้น!”
เมื่อได้ยินดังนั้นทุกคนจึงตั้งใจสงบจิตใจและพยายามโคจรพลังปราณ
เมื่อเห็นว่าทุกคนเข้าสู่สภาวะการฝึกฝนแล้ว ซูเย่ก็กระโดดลงสระเช่นกัน ก่อนจะนั่งขัดสมาธิบนก้อนหินในสระและเริ่มฝึกฝน