เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - บทที่ 80 หวังห่าวยอมตายเพื่อซูเย่!
บทที่ 80 หวังห่าวยอมตายเพื่อซูเย่!
“เธอก็คิดมากเกินไป!”
สีหน้าของเจียงซานเคร่งเครียด และกล่าวขึ้นต่อ “เธอยังเด็กอยู่เลย ฉันจะมอบหน้าที่สำคัญของประเทศชาติให้เธอทำได้อย่างไรกัน!”
“จุดประสงค์ที่ฉันเล่าให้เธอฟัง ก็เพื่อให้เธอศึกษาเล่าเรียนการแพทย์แผนจีนอย่างตั้งใจ เพราะว่าฉันเห็นเธอมีศักยภาพที่ดีที่สุดจากบรรดาผู้ฝึกยุทธ์ที่ฉันเคยพบเจอมา!”
“ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสูงที่สามารถรักษาอาการบาดเจ็บของตนได้ หากเติบโตไป คงได้กลายเป็นกำลังสำคัญอันน่าเกรงขาม!”
“ลองคิดถึงการต่อสู้ไปด้วย รักษาไปด้วยสิ ในขณะที่อีกฝ่ายเสียเลือดเสียเนื้ออยู่คนเดียว…”
เมื่อเล่าไปได้ครึ่งทาง เขาสังเกตเห็นรอยยิ้มปริศนาปรากฏขึ้นมาบนมุมปากของซูเย่
“หืม?”
ทันใดนั้น เจียงซานจึงเลิกคิ้วพร้อมเอ่ยถาม “เธอคงไม่ได้มีแผนสำหรับฟื้นฟูวงการแพทย์แผนจีนจริง ๆ ใช่ไหม?”
ซูเย่ยังคงยิ้มอยู่ โดยไม่ได้กล่าวอะไรออกมา
เจียงซานทำได้เพียงจ้องมองซูเย่และเกิดความคิดขึ้น
ต่อให้เธอมีแผน แต่เธอก็ยังเด็กเกินไป!
เขาจึงเริ่มกล่าวต่อ “อันที่จริง วันนี้ที่ผู้บัญชาการอีกห้าคนเอ่ยสั่งให้เธอส่งมรดกให้ ปัญหานั่นมาจากอำนาจของเธอ เธอมีศักยภาพแต่ไม่มีอำนาจเพียงพอ”
“หากเธอเป็นปรมาจารย์ผู้ฝึกยุทธ์ หรือเป็นผู้เชี่ยวชาญการแพทย์แผนจีน ใครล่ะจะกล้าสั่งเธอเช่นนั้น?”
ซูเย่พยักหน้า
เขาเข้าใจสัจธรรมนี้ดี
2,500 ปีไม่สูญเปล่า เขาได้พบเห็นอะไรมามากมายในช่วงเวลานี้
กล่าวอีกอย่างก็คือ การคัดเลือกโดยธรรมชาติ
ในโลกใบนี้ มีเพียงผู้ที่อยู่รอดที่แข็งแกร่งเท่านั้นที่คู่ควรกับทรัพยากร!
“จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น หากฉันคาดเดาได้ถูกต้อง เหล่าผู้บัญชาการคงกำลังสนใจในตัวพี่น้องของเธอ”
เจียงซานยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “ด้วยความไม่สบอารมณ์ของพวกเขา… ลักษณะนิสัยนั่น พวกเขาจะต้องรายงานไปยังเบื้องบนเป็นอย่างแน่ และกดดันให้มีการแบ่งพี่น้องทั้ง 70 คนของเธอ”
ซูเย่จงใจขมวดคิ้วและทำเสียงออกมา “หือ?”
ลึกลงไปในใจของเขากลับมีรอยยิ้ม
“ไม่ใช่แค่เรื่องการแบ่งกำลังพลหรอก” เมื่อเจียงซานสังเกตเห็นความไม่พึงพอใจบนใบหน้าของซูเย่ เขาจึงเริ่มอธิบาย “จุดประสงค์คงจะเป็นการแบ่งจำนวนเพื่อควบคุมด้านการฝึกยุทธ์ เพ พราะท้ายที่สุดแล้ว ทรัพยากรของมหานครตะวันออกเองก็มีอยู่อย่างจำกัด หากพวกเราต้องเก็บไว้ทั้ง 70 คน ก็อาจจะมีทรัพยากรไม่เพียงพอสำหรับการสนับสนุนและพัฒนาการฝึก ดังนั้นเธอคว วรจะรับรู้ในส่วนนี้เอาไว้ล่วงหน้า”
ซูเย่พยักหน้า และยังคงขมวดคิ้วไว้ดังเดิม
“จงจำไว้ ไม่ว่าบนโลก หรือในดินแดนภูผามหานที ทุกสิ่งก็ตัดสินที่กำลังและอำนาจ”
เจียงซานยังคงกล่าวเตือนต่อไป “สุดท้ายเธอก็จะถูกกำจัดหากมีกำลังไม่เพียงพอ ดังนั้นจงตั้งใจก้าวหน้าเดินต่อไป ไม่ใช่เพียงเพื่อตัวเอง แต่เพื่อที่จะสามารถปกป้องผู้อื่นได้ ทั้งพ พ่อแม่ของเธอ คนรักของเธอ และเหล่าพี่น้องของเธอ!”
ซูเย่ไม่คาดคิดเลยว่า
ในวันหนึ่ง เขาจะได้รับฟังความจริงสิ่งต่าง ๆ เช่นนี้จากผู้อื่น
ตลอด 2,500 ปีที่ผ่านมา เขาล้วนอยู่ตัวคนเดียว
แต่ในขณะนี้มันต่างไปแล้ว
พ่อแม่ ญาติสนิท มิตรสหาย คนรัก และพี่น้อง ล้วนต้องการการปกป้องจากเขา
เพื่อที่ในวันข้างหน้านั้น เขาจะได้มีความสุขในแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
แต่ก่อนที่จะทำได้ เขาจะต้องก้าวเข้าสู่โลกแห่งการต่อสู้และแข่งขัน!
ไปคว้าพลังจากสรวงสวรรค์ลงมา และใช้มันเพื่อปกป้องทุกคน!
ทันใดนั้น เจียงซานกระซิบออกมาอย่างแผ่วเบา “ไป ฉันจะพาเธอไปพบคนหน่อย”
ซูเย่เอ่ยถามสวน “ใครครับ?”
“ไปแล้วเดี๋ยวเธอก็รู้เอง”
เจียงซานกล่าว พร้อมนำทางซูเย่ออกมาจากห้องกระจก ไปยังอีกฟากหนึ่งของสำนักงานสืบสวน มีห้องที่ประตูถูกเปิดแง้มไว้อยู่
เมื่อเปิดประตูและก้าวเข้าไป
ซูเย่พบว่านี่เป็นประตูหลัง
หลังจากเข้าห้องไปแล้ว ก็ต้องเดินผ่านเข้าช่องแคบไปอีกที
สู่ห้องลับที่อยู่ลึกลงไปมาก
มีเตียงพยาบาลตั้งอยู่ตรงกลางของห้อง
ไร้อุปกรณ์การแพทย์ใด ๆ มีเพียงบุคคลหนึ่งนอนซมอยู่บนเตียงนั้น
ใบหน้าของเขาซีดขาว!
ลมหายใจแผ่วเบา อย่างกับเขาพร้อมที่จะหมดลมได้ทุกเมื่อ
“หวังห่าว!”
สายตาของซูเย่ตื่นตกใจ
ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่?
เกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของเขา?
“ฟึ่บ!”
ร่างของเขาพุ่งออกไปยังหวังห่าว ยกข้อมือขึ้นมาและส่งพลังปราณไปเพื่อตรวจสอบ
เจียงซานมองซูเย่อย่างประหลาดใจ เร็วมาก!
ผลของการตรวจ ทำให้ใบหน้าของซูเย่บิดเบี้ยว
ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย จุดตันเถียนแตกสลาย จุดลมปราณทั่วทั้งร่างแหลกละเอียด
“ใครเป็นคนทำ?”
ซูเย่จ้องมองเจียงซานด้วยสายตาน่ากลัว พร้อมเอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงเดือดดาล
แม้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองจะไม่ถึงขั้นสนิทดั่งพี่น้อง แต่หวังห่าวคอยดูแลเขามาโดยตลอด และยังช่วยปกปิดความลับหลายอย่างของเขาไม่ให้ไปสู่เบื้องบนอีกด้วย
ก่อนที่หวังห่าวจะจากไป เขาฝากฝังให้ซูเย่คอยดูแลครอบครัว ทำให้ซูเย่รู้ดีว่า หวังห่าวนับเขาเป็นดั่งเพื่อนและพี่น้องที่ไว้เนื้อเชื่อใจได้
และชายหนุ่มเองก็รู้สึกเช่นเดียวกัน!
เคยคิดว่าสักวันหนึ่ง จะได้พบและพูดคุยกับหวังห่าวที่แข็งแกร่งกว่าเดิม อย่างมีความสุขและเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
แต่ไม่เคยคาดเลยว่า จะได้มาพบกันในสภาพแบบนี้!
ซูเย่อัดส่งพลังปราณเข้าร่างของหวังห่าวอย่างบ้าคลั่ง หวังที่จะฟื้นฟูปราณให้กับเขา
ทว่า
ไม่ว่าจะส่งไปมากเท่าไร ปราณในร่างของหวังห่าวก็ยิ่งรั่วไหลออกมามากกว่าเดิม!
ชีพจรของหวังห่าวแผ่วเบาและเบาลง
“เฮ้อ…”
เมื่อได้เห็นสีหน้าของซูเย่ในขณะนี้แล้ว เจียงซานทำได้เพียงถอนใจออกมา ก่อนจะกล่าวขึ้นอย่างแผ่วเบาว่า “เขาทำเพื่อเธอนะ”
ซูเย่สั่นไปทั้งร่าง หันกลับไปมองเจียงซานอย่างไม่เชื่อ
เจียงซานนำลูกประคำขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือส่งให้กับซูเย่
รากปราณสวรรค์?
ซูเย่รับมา เพียงแค่มอง เขาก็รู้ได้ทันที
นี่คือหญ้าเซียนระดับสูงที่หาได้ยากยิ่งแม้ในอดีตกาล!
หน้าที่หลักของหญ้าเซียนชนิดนี้จะช่วยเสริมพลังจิตขั้นสูงให้กับผู้ฝึกยุทธ์!
ผู้ฝึกยุทธ์ล้วนตามหากันอย่างสิ้นหวัง แต่ก็ไม่สามารถหาได้พบ!
สิ่งที่เขาคาดเดาไว้ในหัว ทำให้สีหน้าของชายหนุ่มเปลี่ยนไปในทันที
“นี่คือรากปราณสวรรค์” เจียงซานกล่าว “หญ้าเซียนระดับสูงที่หายากเป็นอย่างยิ่ง สามารถช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งของพลังจิตให้กับผู้ฝึกยุทธ์ เป็นสิ่งล้ำค่าสำหรับผู้ฝึกยุทธ ธ์สายพลังปราณ เพราะมันจะช่วยเสริมความแกร่งได้โดยตรง!”
“เขาผ่านการทดสอบบนเส้นทางแห่งความเป็นและความตายมาได้ ผลลัพธ์เองก็ยอดเยี่ยม”
“ทว่าก่อนที่จะกลับ เขาได้รับรู้มาโดยบังเอิญว่า อาจจะมีหญ้าเซียนระดับสูงในตำนานรากปราณสวรรค์ อยู่ที่สุดเส้นทางสายนั้น ตัวเขาเองไม่ได้ต้องการ แต่เขาบอกว่าเธอต้องการ เข ขาจึงไปนำกลับมาให้เธอ”
“ก่อนจะจากกัน เขายังกำชับว่าห้ามเล่าเรื่องนี้หากเขาตาย ให้ทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่หากเขาไม่ตาย ยิ่งห้ามบอกเข้าไปอีก ทุกอย่างจะยังคงเหมือนกันไม่มีอะไรเกิดขึ้ น จากนั้น เขาจึงเดินทางออกไปยังที่สุดแสนอันตราย”
ดวงตาของซูเย่แดงก่ำ
หวังห่าวคงจะเดาว่า เหตุผลที่ผู้เล่น X และเจ้าเวรกรรม สามารถออนไลน์พร้อมกันได้นั้น เกี่ยวข้องกับพลังจิตของซูเย่ ดังนั้นเมื่อได้พบกับรากปราณสวรรค์ ซึ่งหายากเป็นอย่างยิ งในรอบหนึ่งพันปี เขาจึงต้องการนำกลับมา เพื่อช่วยสนับสนุนการฝึกพลังของซูเย่!!
ถูกต้องแล้ว
ดั่งที่หวังห่าวคาดเดา
เขาต้องการรากปราณสวรรค์จริง!
แม้ว่าพลังจิตของเขาจะกล้าแกร่งอยู่แล้ว แต่ว่าเขาก็ยังคงต้องเติบโตและพัฒนาต่อไป
การเสริมสร้างพลังจิตช่วงสุดท้ายนั้นต้องการใช้พลังจากรากปราณสวรรค์
แต่เขาไม่คาดคิดว่าหวังห่าวจะถึงกับยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อเขา!
“จากข่าวสารที่พวกเราได้รับมา” เจียงซานเริ่มอธิบาย “เมื่อเขาไปถึงสถานที่แห่งนั้น เขาถูกลอบโจมตี แม้จะบาดเจ็บสาหัส แต่เขาก็นำรากปราณสวรรค์กลับมาได้ หลังจากนั้นเขาก็อากา ารทรุดหนักลง”
“ประโยคสุดท้ายของเขา ไม่ยอมบอกว่าใครเป็นผู้ที่โจมตีเขา แต่กลับบอกว่า ให้พวกเรามอบรากปราณสวรรค์ให้กับเธอ”
“เขาบอกว่า นี่แหละเป็นคำขอสุดท้ายของเขา!”
ตึง!
ซูเย่ถึงกับตกตะลึงไป!
หวังห่าวไม่แม้แต่จะลืมสิ่งนี้ในช่วงเวลาที่เขากำลังจะตาย!
ยอมละทิ้งการแก้แค้น เพียงเพื่อทำตามความต้องการของตน!
เป็นเวลากว่า 2,500 ปีมาแล้ว
ที่นอกจากพ่อและแม่ จะมีคนยอมทิ้งชีวิตเพื่อเขา!
ซูเย่ยืนขึ้นตรงและเอ่ยถามออกมาด้วยเสียงอันแหบแห้ง
“พบผู้ที่โจมตีหรือยังครับ?”
“ยังเลย” เจียงซานส่ายหัวและตอบ “กำลังอยู่ระหว่างการสืบสวน แต่อย่างน้อยก็ขั้นหก”
“ขั้นหก?” ซูเย่ย้ำออกมาอย่างแผ่วเบา
“เนื่องจากหวังห่าวที่เพิ่งผ่านบททดสอบมา ในขณะนั้นเขาอยู่ที่ขั้นหก” เจียงซานกล่าวออกมาพร้อมถอนใจ “แม้ว่าทางเราจะพยายามสืบหาอย่างหนัก แต่ก็ยากที่จะระบุได้ว่าผู้กระทำ ำเป็นใคร ทั้งนี้เรื่องเกิดขึ้นในสถานที่แห่งนั้น การหาเบาะแสจึงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้”
“ถ้าทำไม่ได้ ผมก็จะหาด้วยตัวเอง!” สายตาของซูเย่ในขณะนั้นแสนเยือกเย็น
เจียงซานส่ายหัวและกล่าวย้อน “เธอจะหาได้อย่างไร? นอกเสียจากหวังห่าวจะตื่นขึ้นมา แต่ด้วยสภาพในตอนนี้……”
“ผมจะใช้วิธีของผม!”
ซูเย่สูดลมหายใจลึก พยายามสงบจิตสงบใจ และยื่นมือออกไปแตะบริเวณจุดตันเถียนของหวังห่าว
กระตุ้นพลังจิตลงไป
นำทางโดยพลังลมปราณแฝง เจาะลึกไปยังร่างของหวังห่าว
เคลื่อนผ่านจุดตันเถียนที่แตกสลายไปอย่างเชื่องช้า
เนื่องจากจุดตันเถียนเสียหาย นั่นหมายความว่าคนร้ายเป็นฝ่ายทำลายมัน
พลังที่ใช้ในการทำลายจุดตันเถียน จะไม่สูญสลายไปตามกาลเวลา อย่างน้อยจะต้องเหลือร่องรอยทิ้งเอาไว้บางส่วน
ในจุดตันเถียนที่แตกสลายของหวังห่าว ซูเย่ค่อย ๆ แยกแยะพลังปราณของหวังห่าว และพลังปราณจากสวรรค์กับโลก ที่เข้าใปในร่างกายของเขาตามธรรมชาติ จนท้ายที่สุด เขาจึงพบเบาะ ะแสอันน้อยนิด
ไม่ใช่พลังปราณ
เป็นเพียงกระแสพลังเบาบาง
ซูเย่รีบสกัดและคัดแยกมันออกมาสู่ร่างกายของเขาอย่างระมัดระวัง ก่อนที่มันจะจางหายไป เขาก็ได้จดจำร่องรอยเบาะแสทั้งหมดของพลังที่หลงเหลืออยู่ในร่างของหวังห่าว
เขาบันทึกเอาไว้อย่างดี!
หากพบบุคคลที่มีพลังเดียวกันนี้ ให้ฆ่าอย่างไร้ความปรานี!
เป็นความคิดที่ซูเย่นึกไว้ในใจ
เขาแบกร่างของหวังห่าวขึ้นและมุ่งหน้าออกจากห้อง
“เธอจะทำอะไร?” เจียงซานตกตะลึง
“ผมจะรักษาเขา!”
“หากผมทำไม่ได้ ผมก็จะไปขอให้ท่านอาจารย์ช่วย!”
จากนั้นซูเย่รีบพุ่งออกไป
หวังห่าวทำเพื่อเขาถึงขนาดนี้ เขาจะไม่ยอมให้หวังห่าวต้องตาย จะต้องช่วยเอาไว้
เขาจะต้องตอบแทนให้ได้!
“เฮ้อ”
เจียงซานทำได้เพียงถอนใจ
แม้ว่าทางการจะลองหลากหลายวิธีแล้วยังไม่ได้ผล แต่เขาก็ไม่สามารถตัดความหวังของซูเย่ได้ เขาจึงรีบยกนาฬิกาอัจฉริยะขึ้นมาออกคำสั่ง
ให้ทุกคนเปิดทางให้ซูเย่ ห้ามขวาง พร้อมทั้งจัดเตรียมรถไว้ให้พร้อม
ระหว่างทาง ซูเย่หลับตาลง เปิดดูทุกหน้ากระดาษเพื่อหาวิธีการรักษาที่เขารู้จักในราชวังแห่งความทรงจำ
“ไม่ใช่ ไม่ใช่ นี่ก็ไม่ใช่!”
เป็นเวลาอยู่เนิ่นนาน สุดท้ายแล้วดวงตาของซูเย่ที่เปิดออกนั้นแดงก่ำ เนื่องจากการใช้พลังงานจิตไปเป็นปริมาณมาก
ยังพอมีหนทางการฟื้นฟูจุดตันเถียนที่พังลงไปแล้วอยู่
แต่ไม่สามารถทำอะไรกับจุดลมปราณทั้งหมดที่ถูกทำลายได้เลย!
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เขาอยู่ในระยะสุดท้ายและอ่อนแอเต็มที
นอกเสียจากว่าเขาจะพัฒนาตนเองไปจนถึงระดับสูงของยุทธภพ ผนวกกับหญ้าเซียนหายากในตำนาน หญ้าขยายชีวิต ก็ถือว่ายังพอมีความหวังอยู่
แต่ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขั้นสี่ จึงไม่สามารถทำสิ่งใดได้เลย!
เป็นครั้งแรกที่ซูเย่รู้สึกเกลียดชังความเชื่องช้าในการฝึกยุทธ์ของเขา
“มีเพียงท่านอาจารย์เท่านั้น”
ซูเย่สูดลมหายใจลึก ขณะนี้เขาแบกร่างของหวังห่าวมายังด้านนอกประตูสวนของอาจารย์ฮัว
“ท่านอาจารย์ ศิษย์ซูเย่ มาขอพบครับ”
ซูเย่ไม่ได้กดกริ่งประตู กระโดดข้ามเข้าไปในสวนทันที และตะโกนออกมาขณะที่เดินอยู่
อาจารย์ฮัวเปิดประตูออกมาด้วยตัวเอง
“หืม?”
ทันทีที่เปิดประตู และเห็นว่าซูเย่แบกร่างหนึ่งมาด้วย อาจารย์เหล่าจึงขมวดคิ้ว รีบนำทางซูเย่ พาร่างนั้นไปยังห้องนอนและกล่าว
“รีบวางเขาลงเร็ว”
เมื่อซูเย่วางลง อาจารย์เหล่าจึงรีบเดินเข้าไปและตรวจสอบหวังห่าว
เพียงแค่เริ่ม
ใบหน้าของเขาก็คร่ำเครียด
จนผ่านไปเป็นเวลานาน
“เฮ้อ…. ไร้ซึ่งหนทาง!”
ซูเย่เองก็คิ้วขมวด แม้แต่ผู้เป็นปรมาจารย์ที่ทรงพลังที่สุดในวงการแพทย์แผนจีนของชาติยังทำอะไรไม่ได้?
“ท่านอาจารย์ แล้วผู้เชี่ยวชาญท่านอื่นล่ะครับ? พอจะมีหนทางไหม?”
“ต้องลองดู”
อาจารย์ฮัวพยักหน้า รีบเริ่มติดต่อผู้เชี่ยวชาญด้านแพทย์แผนจีนท่านอื่นทันที