เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - บทที่ 82 ไว้เจอกันเมื่ออยู่บนจุดสูงสุดของยุทธภพ!
บทที่ 82 ไว้เจอกันเมื่ออยู่บนจุดสูงสุดของยุทธภพ!
“พี่น้อง ฟังฉันก่อน”
พอได้เห็นทุกคนพยายามพูดไม่หยุด เพื่อไม่ให้เขาได้มีโอกาส ซูเย่จึงยิ้มออกมาอย่างรู้สึกสุขใจ และสุดท้ายชายหนุ่มก็กล่าวออกมาขัดทุกเสียงของเหล่าพี่น้องไว้
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เหล่าพี่น้องก็ทยอยกันหยุดและมองซูเย่ สายตาของพวกเขายังคงแน่วแน่ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกเขาก็จะไม่ไป
“จิตใจของพวกเราจะยังคงเป็นหนึ่งเดียวกัน ไม่ว่าจะไกลสุดขอบฟ้าแต่เพียงใด!”
ซูเย่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม “แม้ว่าพวกเราจะไม่อยากแยกจากกัน แต่ก็มีข้อเท็จจริงอยู่อย่างหนึ่ง”
“นั่นก็คือ ฉันไม่สามารถคอยหาทรัพยากรมาสนับสนุนการฝึกได้เพียงคนเดียว แม้แต่มหานครตะวันออกเองยังทำไม่ได้”
“เมื่อก่อนฉันทำได้ แต่จากนี้คงทำไม่ได้อีกต่อไป”
“พวกนายน่าจะยังไม่รู้ว่า แก่นและรากฐานวิทยายุทธของพวกนายนั้นสุดยอดแค่ไหน พวกผู้บัญชาการถึงไม่ลังเลออกหน้าขอร้องให้แบ่งจำนวนพวกนายไปตามเขต”
แก่นและรากฐาน? สุดยอด?
ทุกคนนิ่งไปสักพัก สงสัยว่ามันสุดยอดขนาดนั้นเลยเหรอ?
“หากทุกคนยอมแยกจากกัน มุ่งเน้นไปที่การฝึกฝน จะเป็นอันดีกว่าสำหรับสายทางผู้ฝึกยุทธ์ของทุกคน”
“และสุดท้าย พื้นที่ระดับห้าในดินแดนภูผามหานทีนั้นมีเพียงแห่งเดียว เมื่อถึงเวลานั้น ไว้เราค่อยมาพบกันก็ได้”
“ฉันยังคงตัดสินใจแบบเดิม!” ซูชือกล่าวออกมาในทันที “พวกเรามีชีวิตอยู่เพื่อพี่น้อง สายสัมพันธ์ที่พวกเราร่วมกันสร้างขึ้นมาอย่างแน่นแฟ้น จะให้ทิ้งมันไปได้อย่างไร ไม่ว่าจะพูด อะไรฉันก็จะไม่ไป!”
“ถูกต้อง ฉันเองก็จะไม่ไป!”
“ขอแค่ได้อยู่กับลูกพี่ซู ฉันก็ไม่สนเรื่องความแกร่งหรอก! เราจะหาทรัพยากรมาด้วยตัวเอง!”
“ไม่ว่าจะแข็งแกร่งขนาดไหน แต่หากไร้พี่น้องอยู่ข้างกาย มันก็ไร้ประโยชน์”
ทุกคนยังคงยืนกรานที่จะไม่ไป
“แต่ว่า……” ซูเย่เอ่ยออกมาพร้อมรอยยิ้ม “ฉันไม่อยากให้พวกนายคอยรั้งฉันไว้”
“……” ทั้ง 70 คนได้แต่เงียบ
ทุกคนจ้องมองซูเย่ด้วยสีหน้าสลด เขาหมายความว่าอย่างไรกันแน่?
ก่อนหน้านี้บอกว่ารากฐานของพวกเราสุดยอด แต่ตอนนี้กลับบอกว่าเป็นตัวถ่วงขา!
“โอเค! อย่าเพิ่งคิดกันไปไกล!” ซูเย่รีบกล่าวออกมาต่อ “ที่ฉันขอให้พวกนายแสดงแก่นพลังต่อหน้าผู้บัญชาการทั้งหกในตอนนั้น มีจุดประสงค์เพื่อทำให้พวกเขาสนใจในตัวพวกนาย”
เหล่าพี่น้องต้องตกตะลึงกันไปทั้งกายและใจ
มองซูเย่ด้วยสายตาที่ไม่อยากเชื่อ
ในตอนนั้น เขามีจุดประสงค์แบบนี้หรอกหรือ?
เขามองการณ์ไกลได้ถึงขนาดนี้เลย?
พวกเขาคิดว่าที่ต้องทำตอนนั้นเป็นเพียงการบีบบังคับเพื่อให้อีกฝั่งยอมมอบมรดกให้!
“พวกผู้บัญชาการคิดว่าได้เจอของดีเข้าแล้ว พวกเขาไม่รู้ว่าเราต่างหากที่เป็นฝ่ายฉวยโอกาส”
ซูเย่ยิ้มขึ้นมา จากนั้นกล่าวต่อ “จงจำไว้ ไม่ว่าจะต้องไปที่ใด ก็ห้ามบอกเรื่องไขกระดูกหินเป็นอันขาด ใครจะถามก็ห้ามตอบ”
เหล่าพี่น้องพยักหน้าพร้อมเพรียง
“ดีมาก” ซูเย่ยังคงยิ้ม “ต่อไปจะเป็นเรื่องสำคัญ”
“ก่อนที่ทุกคนจะแยกย้าย ฉันจะสอนวิชาให้อย่างหนึ่ง”
“นี่เป็นวิชาจากหนึ่งในแปดสำนักใหญ่อันเก่าแก่ วิชาฝึกยุทธ์เบื้องต้นจากหอเชียนจ้ง”
เมื่อเหล่าพี่น้องได้ยิน พวกเขาก็มองซูเย่ด้วยดวงตาเบิกกว้าง
พวกเขาได้ยินไม่ผิดไปใช่ไหม?
แปดสำนักใหญ่อันเก่าแก่?
พวกเขาเคยได้ยินมาก่อน ว่านั่นคือสำนักชั้นต้น ๆ ของยุทธภพในปัจจุบัน และพวกเขากำลังจะได้เรียนรู้วิชาที่ว่า???
……
ภายนอก
ผู้บัญชาการทั้งห้ามาถึงยังศูนย์บัญชาการด้วยกัน เอ่ยถามเจียงซานพร้อมรอยยิ้ม
“พวกเขาพร้อมไหม?”
“อย่าเพิ่งรีบดีใจกันไป” เจียงซานหัวเราะและกล่าวกับทุกคน “ฉันเพิ่งถามพวกเขาว่าต้องการอย่างไร และตอบกลับมาว่าจะทำอะไรก็ได้ตามสิทธิเสรีภาพ ไม่อยากจากกันไปตามมหานครอื่น ต้องการเพียงคอยติดตามซูเย่”
“ตอนนี้ซูเย่กำลังเจรจากับพวกเขาอยู่ ฉันช่วยอะไรไม่ได้ถ้าหากมันไม่ได้ผล”
ผู้บัญชาการทั้งห้าผงะไป
“โอกาสอันดีงามเช่นนี้ พวกเขาไม่ต้องการหรอกหรือ? ไป พวกเราเข้าไปดูกันดีกว่าว่าเขาคุยด้วยวิธีไหน ถ้าหากมันไม่ได้ผล เดี๋ยวพวกเราจะลองดูบ้าง”
ทั้งห้าจึงเข้าไปยังห้องควบคุม ภายใต้การนำทางของเจียงซาน
“เปิดดูกล้องวงจรปิด” เจียงซานเอ่ยสั่ง
เจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามทันที ภาพจากกล้องวงจรปิดปรากฏขึ้นมาบนจอ
ผู้บัญชาการทั้งหกเข้ามาล้อมเพื่อเฝ้าดู
“เหมือนว่าซูเย่กำลังพูดอยู่นะ” เจียงซานกล่าวเมื่อได้เห็นภาพบนจอ
และในขณะนั้นเอง
ได้มีเสียงดังออกมาจากภาพที่มองดูอยู่
“ก่อนที่ทุกคนจะแยกย้าย ฉันจะสอนวิชาให้อย่างหนึ่ง นี่เป็นวิชาจากหนึ่งในแปดสำนักใหญ่อันเก่าแก่ วิชาฝึกยุทธ์เบื้องต้นจากหอเชียนจ้ง”
เพียงเริ่มต้นจับตาดูและได้ยินประโยคนี้เข้า สายตาของผู้บัญชาการทั้งหกจึงสั่นไหว
พวกเขามองหน้ากันอย่างประหลาดใจ
ได้ยินไม่ผิดใช่ไหม?
วิชาเบื้องต้นจากหอเชียนจ้ง
“เขารู้จักด้วยหรือ?”
“เขายังรู้กระทั่งวิชาที่หายสาบสูญไปของประตูลมใช่ไหม? เด็กคนนี้รู้มากเกินไปแล้วนะ?”
“แม้แต่ผู้อาวุโสเองยังไม่รู้ถึงขนาดนี้เลย?”
“จริงหรือนี่?”
ทั้งหกจ้องมองซูเย่ผ่านจอภาพอย่างจดจ่อ รอฟังว่าพวกเขาจะได้ยินอะไรอีก
เสียงของซูเย่ดังออกมาอีกครั้ง
“ฉันจะบอกไว้ แล้วพวกนายก็จำ”
ผู้บัญชาการทั้งหกจ้องตาไม่กะพริบ
บนจอสังเกตการณ์
ซูเย่เหลือบมองมายังกล้องวงจรปิด
สายตานี้
ตรงเข้ามายังเหล่าผู้บัญชาการ
ทั้งหกต้องตกตะลึง
ซูเย่รู้ตัวว่าพวกเขาเฝ้ามองอยู่!
รับรู้ได้ถึงการทำงานของกล้องวงจรปิด สายตาของเขาช่างเฉียบแหลม!
ในลานฝึก
ซูเย่จ้องมองกล้องวงจรปิดและแอบเย้ยหยันในใจ ‘รู้แล้วจะทำอะไรได้ ฉันรู้มากกว่านั้นอีกเยอะ แค่นี้ไม่เสียหายหรอก’
“เข้ามานี่!” ซูเย่โบกมือให้ทุกคนเข้ามารวมตัว
เหล่าพี่น้องล้อมวงขึ้นมา กอดคอกันและเอนไปข้างหน้า
“ฉันจะบอกแค่รอบเดียว พยายามจำไว้ให้ได้” ซูเย่กระซิบแผ่วเบา
คำสอนของซูเย่ออกมาจากปากของเขา
ใช้เวลาไม่นาน ก็เป็นอันเสร็จสิ้น
ซูเย่เอ่ยถามออกมาด้วยระดับเสียงปกติ “จำกันได้ไหม?”
ทุกคนพยักหน้าพร้อมเพรียง
“ดีมาก”
ซูเย่พยักหน้าอย่างพึงพอใจ จากนั้นลดเสียงลงอีกครั้ง “นอกจากรากฐานแข็งแกร่งขึ้นแล้ว ความจำเองก็พัฒนาขึ้นมากด้วย นี่เป็นวิชาสำหรับฝึกฝนตัวเอง พวกนายสามารถแอบใช้วิชานี้ร ระหว่างการฝึกปกติได้ เพื่อคอยเสริมระดับความสามารถให้ดียิ่งขึ้น เนื่องจากก่อนหน้านี้พวกนายเคยทำเพียงการฝึกแบบเร่งรัด รากฐานจะไม่แน่นดีพอ”
“การฝึกวิชานี้ซ้ำแล้วซ้ำอีกจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อตัวพวกนายเอง”
“และที่สำคัญ ห้ามแพร่งพรายออกไปสู่คนนอก!”
เหล่าพี่น้องพยักหน้าตอบรับทุกประโยค
วิชาลับเช่นนี้ แน่นอนว่าต้องแอบฝึกฝน จะให้แพร่งพรายออกไปได้อย่างไร?
“เอาล่ะ” ซูเย่ยืนตรง ประกบกำปั้นยกให้เหล่าพี่น้อง และกล่าวออกมาอย่างจริงใจ “ฉันบอกทุกอย่างที่ฉันต้องการไปหมดแล้ว ตั้งแต่พรุ่งนี้ ทุกคนจะต้องพยายามอย่างหนักเพื่อการฝึกฝ ฝนและเติบโต ไว้เจอกันที่จุดสูงสุดของยุทธภพ!”
เหล่าพี่น้องเองก็ยกกำปั้น กัดฟันแน่น และพยักหน้า
“เมื่อถึงเวลานั้น พรรคถูโช่วจย้าเทียนของพวกเรา จะต้องเป็นอันดับหนึ่งในโลก”
ซูเย่ยิ้ม
คำพูดนี้ช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้เหล่าพี่น้องได้อย่างยิ่ง!
พี่น้องทุกคนยิ้มกลับ
ความทะเยอทะยานพุ่งออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ
เลือดในร่างกายก็อดไม่ได้ที่จะเดือดพล่าน
“ไปกันเถอะ”
ซูเย่โบกมือ พาทุกคนออกจากลานฝึก
ทันทีที่ออกมา
ก็ได้พบกับผู้บัญชาการทั้งหกยืนรออยู่นอกประตู
ซูเย่พบว่าสายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เพียงเจียงซานที่แอบดู แต่เป็นทั้งหมดทุกคน
ทว่า จะหนึ่งหรือหกก็ไม่สำคัญ
“เจรจาเรียบร้อยแล้วหรือ?” เจียงซานเอ่ยถาม
“ครับ” ซูเย่พยักหน้า
“ถ้าเรียบร้อยแล้ว พวกเราขอพาตัวไปเลยแล้วกัน”
ผู้บัญชาการอีกห้าคนก้าวออกมาข้างหน้า เริ่มเลือกเหล่าพี่น้องไปตามความชอบ
ก่อนแยกจากกัน
พี่น้องหันมายกกำปั้นให้อีกครั้ง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นยกนิ้วหัวแม่มือ
เป็นความหมายที่ชัดเจน ไว้เจอกันเมื่อถึงจุดสูงสุดของยุทธภพ!
ซูเย่เองก็ยกกำปั้นตอบรับ
ผู้บัญชาการทั้งห้าเกรงว่าจะมีการกลับใจ จึงรีบพาทุกคนกลับไปเมื่อเลือกเสร็จ
สุดท้ายแล้ว
เหลืองเพียงซูเย่ จินฟาน ซูชือ เฉินเซียนเยว่ และพี่น้องอีกเจ็ดคนอยู่ที่มหานครตะวันออก
“พวกเธอก็ไปได้เลย” เจียงซานโบกมือ
เจ้าหน้าที่หลากหลายคนเข้ามาพาตัวซูชือและทั้งเก้าคนไป
โดยมีอีกทีมหนึ่งมารับจินฟานไปโดยเฉพาะ
ซูเย่ยกกำปั้นให้ทุกคน
พวกเขาก็ยกตอบรับกลับมาอย่างลังเลใจ
เมื่อเหล่าพี่น้องจากไปหมด จึงเหลือเพียงซูเย่และเจียงซานอยู่
“จะว่าไป ผมเพิ่งนึกอะไรขึ้นมาได้ครับ” ซูเย่ยิ้มและกล่าวกับเจียงซาน “มีคนได้มรดกไป ดังนั้นผมควรจะได้รับรางวัลเป็นหยกปราณระดับต่ำ 100 ก้อนไหมครับ?”
“แต่มันกลายเป็นของจินฟาน มอบให้เขาก็ได้ครับ”
เจียงซานมองซูเย่กลับด้วยสายตาว่างเปล่า
“ก็ได้”
ซูเย่ถอนใจและเอ่ยถามต่อทันที “แล้วถ้าหากผมได้รับมรดกมาเหมือนกัน จะมีรางวัลสนับสนุนการฝึกเป็นหยกปราณด้วยไหมครับ?”
เจียงซานมองอย่างสงสัย แต่ก็พยักหน้าตอบกลับไป “ใช่”
พร้อมกับยิ้มเย้ยหยันออกมา
มรดกจากที่ไหนอีก ไม่ใช่ว่าว่าจะหาได้ง่าย ๆ สักหน่อย
คิดว่าเหมือนเด็ดกะหล่ำปลีหรืออย่างไร
“พูดมาแล้ว ไม่คืนคำนะครับ!” ซูเย่กล่าวพร้อมยิ้มออกมา
“เธอควรสนใจวางแผนการฟื้นฟูวงการแพทย์แผนจีนภายในห้าปีเสียก่อน ฉันจะได้รายงานให้เบื้องบนทราบ และให้ความร่วมมือกับเธอ อย่าทำให้ฉันอับอายขายขี้หน้า! และอย่าลืมว่าหวังห่า าวกำลังรอเธออยู่!”
ซูเย่สูดหายใจลึกก่อนจะกล่าวออกมา “ไม่ต้องเป็นห่วงครับ ผมจะเริ่มวันพรุ่งนี้”
เจียงซานกล่าวต่อ “ภายในห้าปีนี้ ไม่ใช่เพียงทำตามแผนการฟื้นฟูวงการแพทย์แผนจีน เธอเองก็ห้ามลืมเรื่องการฝึกฝนตนเอง ฉันจะดำเนินการจัดหาทรัพยากรให้เธออย่างสุดความสามารถ แต่ เธอเองก็ต้องสู้เพื่อให้ได้มันมา อย่าปล่อยให้พี่น้องก้าวนำเธอไป!”
“เกาหรงกวงรอเธออยู่ที่ทางออก”
หลังจากกล่าวจบ เจียงซานหันหลังและเดินทางกลับไปยังห้องควบคุม
ซูเย่มุ่งหน้าไปยังทางออกเพียงคนเดียว
ระหว่างที่เดินอยู่นั้น
ได้มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นจากด้านหลังของเขา
ซูเย่หันกลับไปมองแหล่งที่มาของเสียง
และเขาก็ต้องตกตะลึง
เบื้องหน้าเขา เป็นจินฟาน ซูชือ และเฉินเซียนเยว่ ที่เพิ่งแยกกันไปได้ไม่นาน
ทั้งสามมองมายังเขาด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า
“ทั้งสามคน?”
เพียงซูเย่มอง ก็รู้ได้ถึงจุดประสงค์ของพวกเขาทั้งหมด
“ฉันไม่เอาแล้ว” จินฟานเดินออกมาสารภาพ “ฉันไม่ต้องการโอกาสที่ว่า ฉันต้องการแค่ติดตามนาย”
“ฉันด้วย” ซูชือเดินขึ้นมาข้างจินฟาน ยิ้มพร้อมกอดคอเขา
“และฉัน” เฉินเซียนเยว่เองก็เดินตามกันมา กล่าวขึ้นอย่างจริงจัง “ฉันลองคิดดูแล้วว่าตามคนอื่นไปก็คงไม่ได้อะไร อยู่กับนายน่าจะอนาคตไกลกว่า”
“ลองคิดดูดีแล้วหรือยัง?” ซูเย่เอ่ยกลับและยิ้มออกมา “เดินตามฉัน หนทางมันจะลำบากนะ ไม่กลัวเหรอ?”
“ไม่กลัว!” จินฟานตอบ
“พวกเราก็อยู่ด้วยกันมาตั้งนาน มีอุปสรรคอะไรบ้างที่ขวางพวกเราได้?” ซูชือกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
“ฉันคิดว่ามีอุปสรรคน่าจะดีกว่า ถ้าหนทางมันง่ายเกินไป เดี๋ยวจะลื่นเอา” เฉินเซียนเยว่ออกความเห็น
“ก็ได้” ซูเย่ส่ายหัว “ถ้าอย่างนั้นก็ไปด้วยกัน”
กล่าวจบ
ทั้งสี่เดินเข้ามากอดคอและตรงไปยังทางออกด้วยกัน
ที่ประตูทางออกนั้น
เจียงซานมองแผ่นหลังของทั้งสี่คน
เขาถอนใจออกมาอย่างแผ่วเบาและคิดในใจ “การตัดสินใจนี้ ฉันไม่รู้ว่ามันจะดีหรือแย่ หวังว่าซูเย่จะทำให้ประหลาดใจได้นะ”
ความจริงแล้ว
เขาอยากถามซูเย่ถึงวิชาการฝึกโบราณเป็นอย่างมาก
ทว่ายอมกลั้นใจไว้ในท้ายที่สุด
เมื่อตอนที่เขาเห็นว่า ซูเย่เปิดเผยเรื่องที่รู้วิชาของหอเชียนจ้ง เขาตกลงกับผู้บัญชาการทั้งห้าว่าจะไม่ไปแทรกแซงซูเย่
วิชาลับก็สำคัญ ทว่าศักยภาพของชายหนุ่มนั้นสำคัญยิ่งกว่า!
พวกเขาต้องการเฝ้าดูว่า หากไม่เข้าไปแทรกแซงใด ๆ
ซูเย่จะก้าวไกลไปได้ถึงเพียงไหน?
อย่างไรเสีย เด็กคนนี้ก็มีเรื่องประหลาดใจให้พวกเขาได้ตลอดเวลา
และที่สำคัญก็คือ
ความมั่นใจในตัวเองของซูเย่นั้นเหนือกว่าคนธรรมดาสามัญอยู่หลายเท่า ซึ่งพวกเขาไม่เคยพบคนเช่นนี้มาก่อน
ชายหนุ่มลึกลับผู้นี้ ดูเหมือนจะแตกต่างจากทุกคนที่เคยได้เจอมา
“เอาสิ ทำให้ได้นะ”
ในช่วงเวลาที่เขาหันหลังกลับไปยังห้องควบคุม รอยยิ้มเล็ก ๆ ได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเจียงซาน จากนั้นเขาพึมพำกับตัวเอง
“ฉันจะตั้งหน้าตั้งตารอดูแผนการฟื้นฟูวงการแพทย์แผนจีนจากเธอ”
“อย่าลืมล่ะ ว่าหวังห่าวรอเธออยู่!”
……
“รอเดี๋ยว”
ระหว่างที่ข้ามสะพานบนแม่น้ำในสวนดอกบ๊วยอยู่ จู่ ๆ จินฟานก็หยุดทุกคนอย่างกะทันหัน
หันมองไปรอบข้างอย่างระมัดระวัง
“นี่คือรางวัลที่ฉันเพิ่งได้รับมา”
จินฟานนำถุงผ้าออกมาและกล่าวขึ้นอย่างสุขใจ “มีหยกปราณระดับต่ำ 100 ก้อนอยู่ในนี้ มันควรจะเป็นของนายนะเสี่ยวเย่ รับไป”