เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - บทที่ 88 โรคนี้ผมรักษาได้
บทที่ 88 โรคนี้ผมรักษาได้
บ้านของไช่เสี่ยวฉีอยู่ในเมืองจี้หยวนฝั่งเหนือ เป็นโครงการหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง
“พ่อคะแม่คะ นี่รุ่นพี่ของหนู เป็นไอดอลของหนู และเป็นดาราดังของพวกเราเมืองจี้หยวน เขามารักษาพ่อค่ะ!”
เปิดประตูปุ๊บ
ไช่เสี่ยวฉีก็แนะนำเขาให้พ่อแม่ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“โอ้ คุ้นหน้าอยู่นะเนี่ย!”
พ่อของไช่เสี่ยวฉีตอบยิ้ม ๆ ก่อนจะเอ่ยต่อ “ซูเย่? ใช่ไหม เข้ามาเร็ว ๆ ก่อนหน้านี้ฉันชอบดู ‘อนาคตแพทย์แผนจีน’ มาก!”
“สวัสดีครับคุณอา”
ซูเย่เดินเข้าไป ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันสักพักเขาถามตรง ๆ
“คุณอาครับ ได้ยินจากเสี่ยวฉีว่าคุณเป็นโรคความดันสูงเหรอครับ”
“โรคประจำตัวแล้ว”
พ่อไช่ยิ้มและพยักหน้า พร้อมกล่าว “กินยาลดความดันอยู่ตลอด พอควบคุมได้บ้าง”
ซูเย่บอก “โรคนี้ผมรักษาได้ครับ”
“จริงเหรอ?”
พ่อไช่ตะลึง “โรคนี้รักษายากนะ หมอทุกคนบอกว่าต้องกินยาไปตลอดชีวิต เธอรักษาได้จริง ๆ เหรอ?”
“ถามเยอะขนาดนั้นทำไมคะ เขาเป็นแพทย์แผนจีนมืออาชีพที่อายุน้อยที่สุดในยุคนี้นะคะ ในเน็ตพูดอย่างนี้กันทั้งนั้น พ่อให้เขาลองดูก็รู้เองค่ะ” ไช่เสี่ยวฉีบอก
“ถ้า… ถ้าอย่างนั้นรบกวนเธอด้วย” พ่อไช่รีบพยักหน้า
“ได้ครับ”
ซูเย่ลงมือตรวจ ก่อนจะหยิบเข็มเงินใช้ครั้งเดียวทิ้งที่พกติดตัวออกมาเพื่อทำการฝัง
“มา ๆๆ กินผลไม้”
แม่ของไช่เสี่ยวฉีเดินออกมาจากห้องครัว ยิ้มและยกถาดผลไม้ออกมา “ปกติเสี่ยวฉีของเราไม่ค่อยพาใครมาบ้านหรอก วันนี้อุตส่าห์พาเพื่อนมา ฉันรีบร้อนทำอยู่นานกว่าจะเสร็จ พวกเธอกิน นกันไปก่อนนะ ฉันจะไปเทน้ำ”
“ขอบคุณคุณน้าครับ” ซูเย่ขอบคุณ
ตอนที่หันมองแม่ของไช่เสี่ยวฉี เขาผงะไปเล็กน้อยโดยไม่มีใครทันรู้ตัว
ซูเย่หันกลับมาฝังเข็มให้พ่อไช่
จุดเหอกู่ จุดชวีฉือ จุดจู๋ซานหลี่….
ชายหนุ่มถ่ายทอดพลังปราณเข้าไปในเข็ม และฝังเข้าไปในร่าง กระตุ้นการไหลเวียนของเลือดลม ผลการรักษาเพิ่มทวีคูณ!
สิบห้านาทีต่อมา เขาดึงเข็มออก
“เสร็จแล้วเหรอ?” ไช่เสี่ยวฉีถามอย่างแปลกใจ
ซูเย่พยักหน้าอย่างมั่นใจ “เสร็จแล้ว”
ไช่เสี่ยวฉีชะงัก ก่อนจะถาม “ฉันหมายถึงว่ารักษาเสร็จหมดแล้วหรือการรักษาครั้งแรกเสร็จแล้วคะ”
ซูเย่ตอบยิ้ม ๆ “วางใจเถอะ หายขาดแล้ว”
“ไม่หรอกมั้ง โรคประจำตัวของฉันนี่หาหมอมาหลายปีแล้วนะ เธอฝังเข็มให้ฉันแค่ไม่กี่เข็มก็หายขาดแล้วเหรอ?” พ่อไช่หน้าตาไม่อยากจะเชื่อ
“ลองวัดดูสิครับ” ซูเย่ชี้เครื่องวัดความดันบนโต๊ะน้ำชา
ไช่เสี่ยวฉีรีบลงมือทำการวัด
ปรากฏว่า…
ความดันของพ่อไช่กลับมาอยู่ในเกณฑ์ของคนปกติแล้วจริง ๆ ไม่สูงและไม่ต่ำ ราวกับถูกปรับปรุงให้อยู่ในค่าที่เหมาะสมที่สุดอย่างแม่นยำ!!
“โอ้ หายดีแล้วจริง ๆ เหรอ?”
พ่อไช่อึ้ง วันนี้เขาลืมกินยาไปเลย เวลานี้ความดันน่าจะสูงแล้ว
“พี่แน่ใจเหรอคะว่าหายดีอย่างสิ้นเชิงแล้ว”
ไช่เสี่ยวฉีมองซูเย่ และถามด้วยท่าทางจริงจังและขึงขังอีกครั้ง “ฉันหมายความว่า หลังจากนี้พ่อฉันไม่ต้องกินยาลดความดันแล้วใช่ไหมคะ”
“ใช่”
ซูเย่พยักหน้า “ไม่ต้องกินอีกตลอดไป”
“เก่งขนาดนี้เลยเหรอ?” พ่อไช่จ้องซูเย่ด้วยสีหน้าทึ่ง ๆ
ไช่เสี่ยวฉีโล่งอก ก่อนจะเอ่ยขึ้นยิ้ม ๆ
“ไม่เป็นไรค่ะ ยังไงหนูก็ไปหาเขาได้ทุกเมื่ออยู่แล้ว ถ้าความดันของพ่อมีปัญหาอีกก็บอกหนูนะคะ หนูจะไปหาเรื่องเขาในทันทีเลย!”
“จริง ๆ แล้วความดันของคุณอาไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ที่เธอต้องเป็นห่วงคือคุณน้ามากกว่า”
ซูเย่พูดพลางมองแม่ไช่และขมวดคิ้ว
เมื่อกี้ตอนที่อีกฝ่ายนำถาดผลไม้มาให้ ซูเย่สัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าพลังชีวิตของเธอกำลังเหือดหายไปช้า ๆ ซึ่งการเหือดหายเช่นนี้ไม่ปกติเอามาก ๆ
มันหมายความว่าป่วยด้วยโรคร้ายแรง!
ไช่เสี่ยวฉีผงะ “แม่ของฉันเหรอ?”
เธอหันมองแม่ตัวเอง
แม่ไช่ที่เทน้ำอยู่อีกด้านชะงักกึก ทันใดนั้นก็ตาแดงก่ำ น้ำตาไหลรินออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่
พ่อไช่อีกด้านก็ถอนหายใจ ตาแดงขึ้นมา
“หมายความว่ายังไง นี่มันเรื่องอะไรกันคะ!”
ไช่เสี่ยวฉีเห็นแล้วจึงรู้ว่าเรื่องนี้ไม่ปกติ รีบลุกขึ้นและเดินมาอยู่ข้างกายแม่ของเธอพร้อมถาม “แม่คะ เป็นอะไรไปคะ หรือว่ามีอะไรที่ไม่ได้บอกหนูรึเปล่า”
แม่ของเธอไม่ตอบ
ไช่เสี่ยวฉีร้อนใจจะตายอยู่แล้ว “พ่อคะ รีบบอกหนูมาสิว่าแม่เป็นอะไร”
“เฮ่อ!”
พ่อไช่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ หันมองแม่ไช่และเอ่ยขึ้น “ช้าเร็วก็ต้องบอก ตอนนี้คะแนนสอบก็ออกมาแล้ว บอกลูกไปเถอะ”
“อืม” แม่ไช่เช็ดน้ำตาไปพลาง ก่อนจะพยักหน้าตกลง
“มะเร็งเต้านม ระยะสุดท้าย”
พ่อไช่พูดด้วยหน้าตาโศกศัลย์ “ตอนแรกต้องรีบผ่าตัด แต่แม่ของลูกกลัวว่าจะไปกระทบการสอบของลูก จึงยื้อมาตลอด แต่ตอนไปตรวจวันนี้หมอบอกว่าระยะสุดท้ายแล้ว”
ชั่วขณะนั้น
ไช่เสี่ยวฉีสติหลุดไปเลย
เธอรู้สึกเหมือนท้องฟ้าได้ถล่มลงมา ตั้งตัวไม่ได้เลยสักนิด
แม่ของตัวเองเป็นมะเร็ง? ระยะสุดท้าย??
“ทำไมพ่อแม่ไม่บอกหนูให้เร็วกว่านี้คะ”
ไช่เสี่ยวฉีระเบิดอารมณ์ เสียงเธอแหบแห้งและโกรธเกรี้ยว “หนูไม่ใช่เด็ก ๆ แล้วนะคะ พ่อกับแม่น่าจะบอกหนูตั้งแต่แรกแล้วรีบไปผ่าตัด พ่อแม่ทำแบบนี้ไปเพื่ออะไรคะ”
พูดไปน้ำตาก็ไหลออกมาอย่างหยุดไม่อยู่
สามคนพ่อแม่ลูกร้องไห้ระงม
“คือว่า…..”
ซูเย่เงียบไปนิดหน่อย ก่อนจะมองทั้งสามคนและกล่าว “พวกคุณอย่าเพิ่งร้องไห้ครับ โรคนี้ผมรักษาได้”
“ฟึ่บ!”
สายตาแดงก่ำสามคู่เพ่งไปที่ซูเย่ในชั่วพริบตา
รักษาได้?
“พี่รักษาได้จริง ๆ เหรอ” ไช่เสี่ยวฉีลุกพรวดขึ้น จ้องซูเย่เขม็งและถามอย่างร้อนใจ
“ฉันรู้จักโรคนี้ดี เธอไม่ต้องปลอบฉันหรอก” แม่ไช่พูดพลางร้องไห้
ซูเย่เอ่ย “ผมรักษาได้จริง ๆ ครับ”
“ถ้าพี่รักษาได้ ฉันเซ็นสัญญาเดี๋ยวนี้เลย” ไช่เสี่ยวฉีรีบเช็ดน้ำตาให้แห้ง พูดกับซูเย่ด้วยหน้าตาเปี่ยมความหวัง
“เธอพูดเองนะ”
ซูเย่ยิ้มพลางลุกขึ้น ก่อนจะบอก “เตรียมห้องไว้ห้องนึง ไม่ว่ายังไงก็ห้ามรบกวนผมนะครับ”
“ไปห้องนอน!”
พ่อไช่เห็นว่าภรรยาตัวเองมีหวังที่จะหายจีงรีบบอก
แม่ไช่ถูกจัดแจงเข้าไปอยู่ในห้องนอนอย่างรวดเร็ว
ซูเย่ใช้แรงตีแม่ไช่จนสลบ และวางเธอลงบนเตียง
“เบิกเนตรสวรรค์!”
ซูเย่ใช้อิทธิฤทธิ์เนตรสวรรค์
เขาตรวจดูอาการเชื้อมะเร็งที่แพร่กระจายในร่างแม่ไช่อย่างละเอียด
หลังจากแน่ใจในอาการแล้ว
ซูเย่วางทั้งสิบนิ้วไว้เหนือหน้าอกของแม่ไช่
ภายใต้สถานการณ์ที่ฝ่ามือไม่สัมผัสโดนโดยตรง เขาเร่งพลังปราณในร่างออกมาทางปลายเล็บ กลายเป็นมีดผ่าตัดพลังปราณล่องหน และแทรกซึมผ่านร่างของแม่ไช่ในบัดดล
เขาควบคุมด้วยความระมัดระวัง และทำการผ่าตัดให้แม่ไช่
ชายหนุ่มตัดทุกส่วนที่เซลล์มะเร็งกระจายถึงออก และใช้พลังปราณสลายทั้งส่วนที่ถูกตัดออกมากับเซลล์มะเร็งที่กระจายออกไป
ถึงแม้วิธีการจะง่ายมาก
แต่การผ่าตัดนั้นยากเย็นสุด ๆ
เป็นการผสานทั้งแพทย์แผนจีนและแพทย์แผนตะวันตกอีกครั้ง
ซูเย่ตั้งสมาธิผ่าตัดไปกว่าสี่สิบนาทีกว่าการผ่าตัดจะสิ้นสุด
พริบตาที่เขาดึงพลังปราณกลับ
“ฟู่ว…..”
ซูเย่พ่นลมหายใจยาว
เขาใจตอนนี้เหงื่อชุ่มหน้าผากไปหมด
ต่อให้พลังปราณและพลังกายของเขาทนต่อการเผาผลาญระดับนี้ได้ แต่การผ่าตัดแยบยลเช่นนี้ถือเป็นบททดสอบครั้งใหญ่สำหรับสมรรถภาพทางกาย การเผาผลาญในแต่ละด้านไม่มาก แต่เมื่อรวมทุกอ อย่างเข้าด้วยกันก็ยังทำให้ซูเย่รู้สึกเหนื่อยมากอยู่ดี
หลังจากทำการผ่าตัดเสร็จ
ซูเย่เปิดประตูห้องออก
“เป็นยังไงบ้าง?”
ซูเย่เพิ่งเดินออกไป ก็เห็นสองพ่อลูกไช่เสี่ยวฉีที่ร้อนใจจนเดินไปเดินมาเข้ามาหาเขาในทันที
“เรียบร้อยแล้วครับ!”
ซูเย่เช็ดเหงื่อบนหน้าผาก ก่อนจะเอ่ยยิ้ม ๆ “ไม่มีปัญหาแล้วแน่นอนครับ พวกคุณพาคุณน้าไปตรวจที่โรงพยาบาลดู อ้อ แต่ว่าอย่าขอค่าชดเชยวินิจฉัยพลาดกับทางโรงพยาบาลนะครับ”
สองพ่อลูกไช่เสี่ยวฉีผงะ
ค่าชดเชยวินิจฉัยพลาด?
ซูเย่มั่นใจขนาดนั้นเลยเหรอ
“เอาล่ะ รีบไปตรวจเถอะครับ”
ซูเย่ยิ้มและแลกเบอร์กับไช่เสี่ยวฉี ก่อนจะเอ่ยขึ้น “มีปัญหาอะไรก็โทรหาฉันนะ”
“พี่วางใจได้ ถ้าแม่ฉันหายป่วยจริง ๆ สิ่งที่ฉันรับปากพี่ไว้ฉันจะทำตามแน่นอน”
ไช่เสี่ยวฉีมาส่งซูเย่ที่หน้าประตู และพูดด้วยสีหน้าขึงขัง
เวลาสั้น ๆ แค่หนึ่งชั่วโมง
เธอผ่านพ้นอารมณ์ที่ขึ้นลงสุดเหวี่ยง ทุกข์สุดและสุขสุด
จนความคิดเริ่มเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย
ถ้าพ่อแม่ไม่อยู่แล้วต่อให้มีเงินมากแค่ไหนแล้วยังไง?
ตั้งใจเรียนแพทย์ เพื่อรับประกันว่าพ่อแม่จะสุขภาพแข็งแรงก็ไม่เลว อย่างน้อยก็ไม่ต้องกังวลเพราะโรคภัย
“ฉันจะรอข่าวจากเธอ”
ซูเย่ตอบยิ้ม ๆ และหันหลังกลับบ้าน
ใกล้จะได้เวลาอาหารเที่ยงแล้ว
ตอนที่ซูเย่กลับถึงบ้าน พ่อแม่อยู่บ้านกันทั้งคู่
เขาใช้กุญแจไขประตู
ทะลุผ่านสวนหย่อมหน้าบ้าน เข้าห้องรับแขกไปเงียบ ๆ
เข้าประตูมาปุ๊บ
“หืม?”
แม่ซูที่นั่งดูทีวีอยู่บนโซฟารีบผุดลุกขึ้น มองซูเย่ด้วยสีหน้าอึ้ง ๆ “กลับมาได้ยังไงลูก”
“ไอ้นี่ โดดเรียนเหรอ” พ่อซูก็มีสีหน้างุนงง
เวลานี้ ซูเย่น่าจะเรียนอยู่ถึงจะถูก!
ทำไมถึงกลับมาที่บ้านล่ะ?
“แหะ ๆ กลับมาทำธุระที่จี้หยวนครับ เลยแวะมาเยี่ยมพ่อกับแม่ด้วย”
ซูเย่เอ่ยยิ้ม ๆ
“จือหรานล่ะ?”
แม่ซูเดินเข้ามา ชะโงกคอยาวเฟื้อยไปมองด้านหลังซูเย่ พบว่าไม่มีใครอยู่ข้างนอก จึงสีหน้าบึ้งตึงขึ้นมาทันควันและถาม “แฟนของลูกล่ะ”
ซูเย่กระอึกกระอัก “เอ่อ….ไม่ได้มาด้วยครับ”
แม่ซูมองค้อนใส่ซูเย่ “แล้วแกจะกลับมาทำไม เลี้ยงลูกจนโตลูกก็มีความลับ ฉันต้องรู้จากเน็ตว่าแกมีแฟน เหอะ ๆ”
ซูเย่เอาเหตุผลเข้าสู้ “นี่บ้านของผมนะ ผมอยากกลับก็กลับ!”
แม่ซู “เหอะ ๆ”
ซูเย่ส่งสายตาไปให้พ่อซู
“เจ้าเด็กนี่ ตกลงกลับมาทำไม”
พ่อซูได้รับสารจากสายตาซูเย่ รีบลุกขึ้นอย่างรู้งานพลางกล่าว “ไป ออกไปเดินเล่นกับพ่อหน่อย”
พูดไปก็พาซูเย่ออกจากบ้าน
“เดี๋ยว อย่าเพิ่งรีบไปสิ ตอนเที่ยงอยากกินอะไรก็บอกฉัน”
ซูเย่รีบตะโกนมาจากด้านหลัง “พ่อครับ ทางนี้”
พ่อซูกำลังจะไปสวนสาธารณะที่ถนนตรงข้าม กลับโดนซูเย่เรียกไว้ และชี้ไปตรงไกล ๆ
“ทำอะไร?” พ่อซูถามอย่างสงสัย
“ตามมาก็รู้เองครับ”
ซูเย่มองไปรอบ ๆ หลังจากมั่นใจแล้วว่าไม่มีคน เขาก็ขยับฝีเท้าวิ่งพรวดออกไปอย่างรวดเร็ว
“เดี๋ยวสิ เจ้าเด็กนี่จะทำอะไรน่ะ” พ่อซูถามเสียงฉงน ก่อนจะรีบไล่ตามไป
ซูเย่มาถึงป่านอกเมืองที่ปราศจากผู้คนอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเรียกเฉิงหวงออกมา และหยิบถังใหญ่ที่เต็มไปด้วยไขกระดูกลงจากตัวเฉิงหวง และให้เฉิงหวงจากไปก่อนพ่อจะมา
“ทำไมแกถึงเร็วได้ขนาดนี้”
เนิ่นนานกว่าพ่อซูจะไล่ตามขึ้นมา และมองซูเย่ด้วยสีหน้าตะลึง ถามทั้งที่ไม่หอบและหน้าไม่แดงเลยสักนิด
ซูเย่หัวเราะเฮ่ะ ๆ
พ่อซูขมวดคิ้วถาม “บอกมาตามตรง ตอนนี้แกอยู่ระดับไหนแล้ว”
ซูเย่พูดอย่างกระหยิ่มใจ “ขั้นสี่ระดับสาม”
“หา?”
“ไวขนาดนี้เชียว?!” พ่อซูมองซูเย่ด้วยความทึ่ง ก่อนจะขมวดคิ้วและรีบเอ่ยขึ้น “แกค่อยเป็นค่อยไปนะ ฝึกฝนได้ไวขนาดนี้จะส่งผลให้รากฐานไม่มั่นคงเอาได้”
“วางใจเถอะครับ ลูกพ่อรากฐานมั่นคงดั่งภูผา”
ซูเย่ยิ้มอย่างได้ใจพลางตอบ ก่อนจะชี้ถังใหญ่ด้านหลังและกล่าว “ดูสิครับ ลูกชายพ่อตั้งใจเอาของดีกลับมาให้”