เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - บทที่ 9 อยากเป็นตำรวจไหม?
บทที่ 9 อยากเป็นตำรวจไหม?
ซูเย่หยุดเดิน หันหลังกลับมา
“จะว่าไป”
“ผมขอวิทยุสื่อสารด้วยครับ จะได้แจ้งได้ตอนที่จัดการเสร็จ”
“หา?” ผู้กำกับตกใจ
เขานึกว่าซูเย่จะถอยตอนที่ได้ข่าวว่าพวกนั้นมีปืน และขอเข้าร่วมแผนกับตำรวจนายอื่น
ไม่คิดว่าเขาจะแค่ขอวิทยุสื่อสารเนี่ยนะ?
“จะไปคนเดียวจริงเหรอ?” ผู้กำกับรีบถามขณะที่ดึงวิทยุสื่อสารจากรถตำรวจและส่งให้ซูเย่
“ผมจัดการเองครับ” ซูเย่รับวิทยุสื่อสารมาแล้วกล่าว “ให้ลูกน้องคุณรออยู่ตรงนี้นะครับ แค่รอเรื่องจบ”
หลังจากกล่าวเสร็จเขาก็เดินจากไป
ผู้กำกับมองตามหลังของซูเย่ด้วยใบหน้าเคร่งเครียด
หวังว่าจะไม่เป็นเรื่องใหญ่นะ
แต่เพื่อความปลอดภัย เขาหยิบวิทยุสื่อสารแล้วปรับไปที่คลื่นลับพร้อมกับออกคำสั่ง “ตามดูหวังเหวินไว้ ปกป้องเขาด้วย!”
ทันทีที่กล่าวเสร็จ เขาก็รีบวิ่งขึ้นตึกที่อยู่ด้านหน้ารถตำรวจไปยังชั้นสอง
ผู้กำกับยืนหลังม่านและใช้กล้องคอยสังเกตการณ์ผ่านหน้าต่าง
ในตอนนั้นเอง เขาได้เห็นภาพที่น่าตกใจ
ซูเย่กำลังเดินเข้าตึกไปแล้ว!
ไม่มีใครมองเห็นเขาเดินผ่านเลย เมื่อจับภาพของชายหนุ่มได้ กลายเป็นว่าเขากำลังเข้าตึกไป
“หมอนี่ ทำไมเร็วขนาดนี้?” ผู้กำกับตาเบิกโพลงเมื่อได้เห็น
ซูเย่เพิ่งเดินจากไปไม่นาน ทำไมเขาไปถึงตึกที่สร้างไม่เสร็จที่อยู่ห่างไปหลายร้อยเมตรเรียบร้อยแล้ว
เขาทำได้อย่างไร?
ที่ฝั่งทางตึก ซูเย่ได้เดินขึ้นไป แม้ว่าจะไม่ได้เดินย่อง แต่ทุกก้าวนั้นไร้เสียง เหมือนกับวิญญาณ
ซูเย่ตรวจสอบทุกชั้นอย่างละเอียด
เมื่อเขาไปถึงชั้นสี่ เขาเริ่มได้ยินเสียง
เขาวนไปรอบ ๆ ชั้นสี่เพื่อตามหาทิศทางของเสียง
เขาพบว่าที่พ่อค้ายาจงใจใช้ชั้นสี่ เนื่องจากมีทางลาดยาวพิเศษที่สามารถใช้หนีลงไปชั้นหนึ่งได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ ชั้นสี่มีมุมลับที่มีคนคอยเฝ้า มองไปยังชั้นล่างได้
ถ้าไม่ได้สังเกตดี ๆ ก็จะหาไม่เจอ
มุมปากของซูเย่ปรากฏรอยยิ้มที่เยือกเย็น ร่างของเขาหายไปและปรากฏขึ้นด้านหลังของคนเฝ้ายามอย่างกับผี
เมื่อเขาฟาดฝ่ามือลงไป อีกฝ่ายก็สลบในทันที
ซูเย่รีบย้ายไปหาเป้าหมายถัดไป
คนที่สอง คนที่สาม และคนสุดท้าย
ซูเย่ดึงวิทยุสื่อสารออกมาเพื่อรายงาน “จัดการคนเฝ้ายามเรียบร้อยแล้ว เข้ามาได้เลยครับ”
เรียบร้อย
เขาหยิบเศษหินนับสิบมาจากพื้น
เขาหันหลัง เดินออกมาจากมุมลับพร้อมรอยยิ้มที่ยังคงอยู่ มาสู่พื้นที่เปิดโล่งของตึก
ด้านหน้าเขาคือพ่อค้าที่กำลังทำการซื้อขายยา
เขาเก็บวิทยุสื่อสารลง
ซูเย่เหลือบมองกลุ่มคนข้างหน้าเขา
ทั้งฝั่งผู้ซื้อและผู้ขาย มีคนรวมกันเกินสิบคน
ทุกคนล้วนพกปืน แต่มีเพียงสี่คนที่ถือไว้อย่างโจ่งแจ้ง
ในจังหวะที่ซูเย่ปรากฏตัว ทุกสายตาล้วนจับจ้องมาที่เขา
“ใครวะ?” พ่อค้ายาหยุดการซื้อขายและถามทันที
ทั้งสี่คนทื่ถือปืนเล็งมาที่ซูเย่
“ฉัน?” ซูเย่ผงะเล็กน้อย จากนั้นได้ยิ้มและก้าวเดินต่อ “ฉันมาช่วย”
“ช่วยอะไรวะ?” พ่อค้ายาแปลกใจและถามออกไปโดยไม่รู้ตัว
“ก็ช่วยจับพวกแกส่งตำรวจไง!”
เมื่อสิ้นสุดคำพูด ซูเย่ก็ได้พุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว เขาทำคน 7 – 8 คนสลบในทันที
หลังจากนั้น
ชายหนุ่มโบกมือขวา ขว้างหินเต็มกำมือลอยออกไป
ทุกก้อนลอยเข้าที่คอของทุกคนอย่างแม่นยำดั่งจับวางด้วยกำลังส่งที่พอดี
เพียงพริบตา คนทั้งกลุ่มนอนกองบนพื้น
เหลือเพียงหัวหน้ากลุ่มที่ไม่มีปืนยืนอยู่
เมื่อได้เห็นภาพเช่นนี้ต่อหน้า สีหน้าของอีกฝ่ายเปลี่ยนไปในทันที และรีบวิ่งหนีไปยังทางลาด
“ฟิ้ว”
ก้อนหินลอยผ่าอากาศ กระทบเข้าที่ข้อพับขาโดยตรง พ่อค้ายากรีดร้องและล้มลงบนพื้น
ซูเย่หยิบวิทยุสื่อสารออกมาแล้วรายงานขณะที่ยังเดินหน้า “จัดการเรียบร้อยหมดแล้วครับ เข้ามาตรง ๆ ได้เลย”
กล่าวเสร็จ เขาก็เดินเข้าไปหาพ่อค้ายาที่กำลังตะเกียกตะกายไปหาทางลาด
เขาตบหน้าพ่อค้ายาให้สลบ
ทุกอย่างเสร็จสิ้น
ซูเย่หันหลังกลับ พบกับกองกำลังตำรวจที่เพิ่งมาถึง
“ปัง!”
เสียงปืนดังขึ้น
ซูเย่ขยับและหลบไปได้
“ใครยิง?” ผู้กำกับตะโกนใส่วิทยุสื่อสารด้วยน้ำเสียงที่โกรธ
“ขออภัยครับ กระผม พลซุ่มยิงตำแหน่งที่สามรายงานตัว” เสียงรายงานอย่างตื่นตระหนกดังมาจากวิทยุสื่อสาร
“ทำบ้าอะไร หา?” ผู้กำกับยังคงโมโห
“ประหม่าเหรอครับ?” ซูเย่หยิบวิทยุสื่อสารและตอบกลับด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์ “ผมไม่เป็นอะไร แต่อย่ายิงอีกนะครับ ต่อไปก็ระวังด้วย เพราะถ้าไม่ใช่ผมก็คงตายไปแล้ว!”
ในเมื่อผู้กำกับนำคนมาถึงแล้ว
“คุณจัดการได้เลยครับ ผมขอกลับก่อน” ซูเย่โยนวิทยุสื่อสารใส่มือผู้กำกับ จากนั้นหันหลังแล้วเดินลงบันได
“ที่สัญญาไว้ เดี๋ยวจัดการให้นะ!” ผู้กำกับกล่าว
“ขอบคุณครับ” ซูเย่ขอบคุณกลับโดยไม่ได้หันไปมอง
ผู้กำกับรีบหันไปดูจุดที่ซูเย่เคยยืนอยู่ รอยกระสุน และตำแหน่งของพลซุ่มยิง
เขาสั่นไปทั่วทั้งร่าง
“นี่มัน……”
ซูเย่หลบได้อย่างไรกัน?
เขาพบว่าจากตำแหน่งที่ซูเย่ยืนนั้น เป็นจุดที่ดีที่สุดสำหรับพลซุ่มยิง ณ ตำแหน่งนี้ นอกจากจะเร็วกว่ากระสุนปืนแล้ว เป็นไปไม่ได้เลยที่จะหลบพ้น!
ยิ่งไปกว่านั้น นั่นคือไรเฟิลซุ่มยิง!
แม้กระทั่งไรเฟิลซุ่มยิงก็หลบได้เหรอ?
“หมอนี่มันเป็นผีหรือเปล่านะ?”
เขาสูดหายใจเข้าลึกเพื่อสงบจิตสงบใจจากสิ่งที่เขาเห็น จากนั้นตะโกนออกมา “ไปทำงาน! ค้นให้ทั่ว อย่าให้ใครหนีไปได้”
……
เวลาบ่าย หวังเหวินผู้ซึ่งไม่ได้ออกไปข้างนอกมาหลายวัน ทนรอแทบไม่ไหวที่จะได้ออกไปยังสถานที่โปรดของเขา
ไม่กี่วันก่อน เขาพยายามอดกลั้นความอยากเล่นพนัน เพราะความรู้สึกผิดที่เกิดจากการกระตุ้นของซูเย่
ทว่าเขาเสพติดมาตั้งหลายปี เขาจะทนไหวได้อย่างไร?
ไม่กี่วันต่อมา
หลังจากความรู้สึกผิดเบาบางลง เขาก็ตกอยู่ในการควบคุมของอาการติดพนัน
“อยากไปสนุกจัง ทนมาตั้งหลายวัน วันนี้ต้องชนะรางวัลใหญ่ให้ได้เลย!”
หวังเหวินฮัมเพลงเบา ๆ และรีบตรงไปยังบ่อนใต้ดินที่คุ้นเคย
เขารู้สึกว่าวันนี้เขาต้องชนะอย่างแน่นอน บางทีเขาอาจจะสามารถใช้หนี้เก่าได้ด้วย!
ทว่าทันทีที่มาถึงบ่อนแห่งแรกที่คุ้นเคย
กลับกลายเป็นว่าที่แห่งนี้ถูกปิดไปแล้วและไม่มีใครอยู่เลย
“แม่ง ซวยชิบหาย ไปที่อื่นก็ได้!”
หวังเหวินสบถกับตัวเอง รีบมุ่งหน้าไปบ่อนที่สอง
คราวนี้เขารีบวิ่ง เดินมันช้าเกินไป เขาทนต่อไปอีกไม่ไหวแล้ว
แห่งที่สอง แห่งที่สาม…!
เขาไปบ่อนทั้งห้าแห่งที่เขามักจะไป แต่ไม่มีที่ไหนเปิดเลย
“เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย?” หวังเหวินขมวดคิ้ว
“ดีลเลอร์เชิดเงินหนีไปเหรอ? หรือแค่ลมพัดประตูปิด?”
หวังเหวินไร้ซึ่งหนทาง เขาไม่สามารถอดทนความอยากเล่นพนันได้อีกต่อไป เขาต้องชนะรางวัลใหญ่ให้ได้!
เขายังมีที่อื่นที่รู้จักอยู่ เพียงแต่ไม่เคยไปมาก่อน
วันนี้แหละ ได้โอกาสลองไปแล้ว!
เมื่อเขาไปถึงและสังเกตเห็นผู้คนอยู่ในบ่อน เขารีบตรงเข้าไปอย่างมีความสุข
ทว่า
“หยุดก่อน” มีเสียงตะโกนดังขึ้นมา อันธพาลกล้ามโตตรงเข้ามาขวางหวังเหวินที่ประตูเข้าบ่อน เขายื่นมือออกมาพร้อมกล่าว “บัตรประชาชน”
“หืม? ต้องใช้บัตรประชาชนเข้าบ่อนตั้งแต่เมื่อไร?” หวังเหวินแปลกใจอย่างมาก
“ไม่ต้องลงทะเบียน แค่ขอดู ถ้าไม่ให้ดูก็ไม่ให้เข้า” อันธพาลตอบอย่างหมดความอดทน
หวังเหวินจึงทำได้แค่นำบัตรประชาชนออกมาให้อีกฝ่ายดู
เขาชำเลืองมอง
“ไสหัวไป”
อีกฝ่ายตบบัตรของหวังเหวินเข้ากับอกของเขา “ไสหัวไป พวกเราไม่ต้อนรับ!”
“อะไรวะ?” หวังเหวินโมโห นี่เป็นบ่อนที่หกแล้วที่เขาวิ่งหา
แต่พวกมันกลับไม่ต้อนรับ!
“รีบไสหัวไปตอนที่พูดด้วยดี ๆ ถ้ายังไม่รีบไปเดี๋ยวจะเรียกคนมากระทืบ!” อันธพาลขู่
หวังเหวินรู้สึกกลัวขึ้นมา จึงทำได้เพียงหันหลังและเดินออกจากบ่อน
“วันนี้วันดีแท้ ๆ ไม่อยากจะเชื่อเลย ต้องมาเจอปัญหาอะไรเยอะแยะกันเนี่ย!”
บ่อนที่สอง
“ออกไป”
บ่อนที่สาม
“ไสหัวไป!”
ผลลัพธ์เหมือนเดิมสามที่ติดต่อกัน
โดยเฉพาะบ่อนที่สาม ซึ่งแอบตั้งอยู่ในหมู่บ้านที่มักจะมีนักพนันจำนวนน้อย ๆ ก็ยังไล่เขาออกมา
“เกิดบ้าอะไรขึ้นวะ?”
หวังเหวินรู้สึกว่าทุกอย่างในวันนี้มันแปลกไปหมด
เขากลอกตามอง
ทันใดนั้นจึงเข้าไปที่ลานบิลเลียดใกล้บ่อนในเมือง เขาเห็นอันธพาลที่มักจะเที่ยวเล่นอยู่แถวนี้ เลยซื้อน้ำให้หนึ่งขวดและยื่นบุหรี่ให้ จนได้รับข้อมูลมาว่า
ทั่วทั้งสังคมผิดกฏหมายใต้ดินของเมืองจี้หยางได้รับคำสั่งมาจากผู้มีอิทธิพล
ห้ามต้อนรับผู้ที่ชื่อหวังเหวิน!
บ่อนทั้งห้าที่ถูกกวาดล้างล้วนเกี่ยวข้องกับหวังเหวิน เป็นบ่อนที่เขามักจะไปเล่นพนัน
สีหน้าเขาเปลี่ยนไปในทันที
เขาชื่อหวังเหวิน เรื่องทั้งหมดล้วนเกิดจากเขาเหรอ?
เขาไปทำอะไรให้ใครมา?
หวังเหวินนึกถึงหวังห่าวน้องชายของเขาขึ้นมาทันที จากนั้นเป็นซูเย่ แต่หวังห่าวเป็นแค่ตำรวจชั้นผู้น้อย ไม่ได้ทรงอิทธพลแต่อย่างใด
ส่วนซูเย่ เป็นเพื่อนร่วมงานของหวังห่าว
เขาจะออกคำสั่งโลกใต้ดินเมืองจี้หยางได้อย่างไร?
ยิ่งหวังเหวินคิดเท่าไรก็ยิ่งสับสน
“แบบนี้ก็อดชนะรางวัลใหญ่วันนี้สิ!”
หวังเหวินบ่นขณะที่เดินออกจากลานบิลเลียด เขาไร้ซึ่งหนทางและต้องจำใจกลับบ้าน
ห่างไกลออกไปนั้น
ทันทีที่เขามาถึงทางเข้าหมู่บ้าน หวังเหวินได้พบกับร่างที่คุ้นหน้าคุ้นตา
ซูเย่!
มีความคิดเกิดขึ้นในหัวของเขา และเขาก็เข้าใจได้ในทันที
“แกเป็นคนทำเหรอ?” หวังเหวินพุ่งเข้าไปหาด้วยความโกรธ
“เรื่องบ่อน?” ซูเย่พยักหน้าและตอบ “ใช่”
“แกเป็นบ้าเหรอไง?” หวังเหวินเดือดดาลเป็นอย่างมาก
ในตอนนี้ความอยากเล่นพนันที่เขาอดกลั้นในช่วงหลายวันถูกเปลี่ยนเป็นความโกรธ ทำให้เขาเสียสติและปล่อยหมัดเข้าไปที่ซูเย่
“เพียะ!”
เสียงตบดังขึ้น
หวังเหวินถูกตบโดยซูเย่
การตบนี้ทำให้หวังเหวินรู้สึกตัว
เขาไม่สามารถต่อกรกับบุคคลตรงหน้าได้ ผู้ซึ่งทำให้โลกผิดกฎหมายใต้ดินเชื่อฟังคำสั่งเขา ..นี่ไม่ใช่คนที่เขาจะจัดการได้แน่!!
ความหวาดกลัวปรากฏขึ้นในสายตาที่จ้องมองซูเย่อยู่
“อยากเป็นตำรวจไหม?” ซูเย่เอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมา
หวังเหวินผงะ