เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - บทที่ 93 ท้าปรมาจารย์แพทย์แผนจีน ฮัวเหรินเฟิง!
บทที่ 93 ท้าปรมาจารย์แพทย์แผนจีน ฮัวเหรินเฟิง!
“เต็ม?”
“แม้แต่ขยายจำนวนรับแล้วก็ยังเต็ม?”
ดวงตาของเจียงซานเบิกกว้าง สีหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ เมื่อเขาได้เห็นสถิติการสมัครเรียนของนักเรียนทั้งประเทศ
ไม่เพียงโควต้าเปิดรับสมัครสาขาแพทย์แผนจีนจากมหาวิทยาลัยทั่วทั้งประเทศที่เต็ม แต่รวมไปถึง 100,000 คนสำหรับโครงการพัฒนาแพทย์แผนจีนอีกด้วย
โดยมียอดรับสมัครจากมหาวิทยาลัยทั้งหมด 50,000 ที่
หรือก็คือ
เมื่อรวมยอดของทั้งสองอย่างเข้าด้วยกัน ทำให้ได้คนเพิ่มทั้งหมด 150,000 คน!
“ทำไมถึงมีผู้สมัครได้เยอะขนาดนี้?”
เจียงซานทำใจเชื่อไม่ลง
ข้อมูลการเข้าเรียนต่อแพทย์แผนจีนตลอดหลายปีที่ผ่านมานั้นไม่ดีนัก เป็นผลให้มีผู้เข้าเรียนน้อยและน้อยลงตลอด เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้รัฐต้องประกาศสนับสนุนการพัฒนาวงการแพทย์แผน จีน
ใครล่ะจะคิดว่า
ภายใต้หลากหลายสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทันทีที่ซูเย่เข้ามารับผิดชอบ สถิติการเข้าเรียนต่อแพทย์แผนจีน จะเพิ่มขึ้นก้าวกระโดดอย่างคาดไม่ถึงได้เพียงนี้?
ทั้งหมด 150,000 คน
โดยที่ 100,000 คนจากในนั้น เป็นนักเรียนที่เข้าโครงการอบรมและพัฒนา รับรองได้ว่าพวกเขาทั้งหมดจะเข้าทำงานในอุตสาหกรรมแพทย์แผนจีนหลังจบการศึกษา ส่วนอีก 50,000 คนเองก็มีโอกาส ไม่น้อย
หนึ่งล้านภายในห้าปี
ผ่านไปเพียงไม่กี่วัน ก็เพิ่มขึ้นมามากกว่าหนึ่งแสนแล้ว!
“เด็กคนนี้ บางทีเขาอาจจะทำได้จริง ๆ นะนี่!”
เจียงซานยิ่งประหลาดใจเมื่อเขาลองคิดดู
เมื่อเป็นเรื่องของการผลักดันจิตใจผู้คน ความสามารถของซูเย่ที่แสดงให้เห็นนั้นไม่ธรรมดา
โชคเข้าข้างที่เด็กคนนี้ไม่ได้เป็นศัตรูของชาติ!
เมื่อเจียงซานนึกขึ้นได้ เขาจึงนำโทรศัพท์ออกมาและโทรหาซูเย่
“สวัสดีครับ?”
“ทำได้ดีมาก!”
หลังจากต่อสายติด เจียงซานจึงกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้ม “ฉันเพิ่งได้รับข้อมูลทางสถิติของนักเรียนที่สมัครเข้าเรียนต่อ แผนที่เธอเสนอมานั้นดำเนินไปได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งยอดรับสมั ครเรียนต่อ และโครงการพัฒนา เต็มทั้งคู่ คาดการณ์ในเบื้องต้นได้ว่า จะต้องมีอย่างน้อย 100,000 จาก 150,000 คนที่เข้าสู่วงการแพทย์อย่างแน่นอน”
“ผมรู้” ซูเย่ยิ้มออกมา
แน่นอนว่าเขารู้เรื่องนี้
เนื่องจากมีการแจ้งเตือนสองอย่าง
อันแรกคือแต้มจิตสาธารณะ +1
อีกอย่างคือแต้มศีลธรรม +1,000
สองสิ่งนี้ทำให้เขารู้ว่า แผนการฟื้นฟูวงการแพทย์แผนจีนในครั้งนี้ประสบความสำเร็จ
น่าเสียดาย ที่เป็นแต้มจิตสาธารณะ +1 หากนับทุกอย่างเป็นแต้มศีลธรรม ก็คงจะเพียงพอสำหรับการเลื่อนระดับแล้ว น่าเสียดายจริง ๆ!
ซูเย่อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา
“เธอรู้แล้วเหรอ?” เจียงซานชะงักไป จากนั้นเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย “แล้วต่อไป มีแผนอะไรไหม?”
ซูเย่พยักหน้าอัตโนมัติ “มีครับ”
ดวงตาของเจียงซานเป็นประกาย และเอ่ยถามอย่างเร่งรีบ “แผนอะไร??”
“หมอพื้นบ้าน!” ซูเย่กล่าวต่อเสียงเข้ม “มีคนกลุ่มนี้อยู่จำนวนมาก หากนำพวกเขามาใช้งาน จำนวนหมอในวงการแพทย์แผนจีนก็จะเพิ่มขึ้นสูงอย่างเห็นได้ชัด อย่างน้อย 200,000 คน!”
“หืม?” เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจียงซานผงะไป จากนั้นระเบิดเสียงหัวเราะออกมา และกล่าว “ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า เธอรอก่อนเถอะ เท่าที่ฉันรู้มา เดี๋ยวพวกนั้นก็ไปตามหาเธอถึงหน้าประตู เตรียมตัวร รอรับปัญหาได้เลย!”
ซูเย่เอ่ยถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ “ตามหาผมเหรอ?”
“มาหาผมทำไม?”
“ตอนฉันรู้มา ฉันว่ามันไม่ค่อยดีเท่าไรนะ ฮ่าฮ่าฮ่า ฉันจะตั้งหน้าตั้งตารอดูว่าเธอจะรับมืออย่างไร โชคดีนะ!”
เจียงซานตอบรับด้วยเสียงหัวเราะและรอยยิ้มอันชั่วร้าย จากนั้นตัดสายไปในทันที
หา?
ซูเย่หรี่ตาเล็กลง ดูเหมือนว่าเจียงซานจะได้รับข่าวสารบางอย่างมา
อย่างไรก็ตาม แม้บรรดาหมอพื้นบ้านจะไม่มาหาเขา เขาก็จะไปหาพวกนั้นอยู่ดี การจัดการเรื่องปัญหาของหมอพื้นบ้าน อยู่รอก็น่าจะดีกว่าไปหา
“ติ๊ดติ๊ดติ๊ด……”
โทรศัพท์ที่เพิ่งลงกระเป๋ากางเกงไป ดังขึ้นมาอีกครั้ง
เมื่อมองดู เห็นว่าหลี่เคอหมิงโทรมา
“ศิษย์พี่”
“มาห้องทำงานของฉันหน่อย” หลี่เคอหมิงกล่าว “ฉันมีเรื่องจะบอกเธอ”
“ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ ๆ” ซูเย่ยิ้ม “ผมมีอะไรอยากจะบอกอยู่พอดี”
เขาหาลูกศิษย์ให้ศิษย์พี่ได้ถึงสามคน!
“มาเถอะ”
หลี่เคอหมิงตอบกลับ และตัดสายไป
เมื่อมาถึงห้องทำงาน
“นั่งลงสิ”
หลี่เคอหมิงบอกให้ซูเย่นั่งลงก่อน หลังจากจัดการงานเรียบร้อยแล้ว เขาจึงเดินเข้ามาหาและกล่าวขึ้นมาพร้อมรอยยิ้ม
“เงินสนับสนุนจากกระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงศึกษาธิการได้รับการอนุมัติแล้ว เดี๋ยวก็คงส่งมาถึง ขอบคุณผลงานของเธอด้วยนะ กับรายการ ‘อนาคตแพทย์แผนจีน’ ที่ไปลงแข่ง”
ซูเย่ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณครับ อันที่จริงผมก็มีอะไรจะบอกเหมือนกัน”
“มีอะไรเหรอ?” หลี่เคอหมิงผงะไป
“ผมหาลูกศิษย์ให้ศิษย์พี่ได้สามคน”
“เอ๋?” หลี่เคอหมิงยืนนิ่ง จากนั้นรีบถามกลับ “ใครเหรอ?”
ซูเย่ตอบโดยที่ยังคงยิ้มอยู่ “นักเรียนอันดับหนึ่งจากคะแนนสอบเข้าทั้งสามคน ที่เตรียมจะเข้าเรียนแพทย์แผนจีนในวันนี้ครับ ไช่เสี่ยวฉี เซ่หยั่น และหลูชุนฮุย”
“อ้อ พวกเขาเองเหรอ?” หลี่เคอหมิงกล่าวออกมาอย่างประหลาดใจ “ได้ยินมาว่ามีสองคนจะเข้ามหาวิทยาลัยของเรา แต่สามเลยเหรอ เกี่ยวข้องกับเธอหรือเปล่า?”
ซูเย่ตอบกลับ “เกี่ยวอยู่แล้วครับ แต่ผมขายศิษย์พี่ไปนะครับ บอกว่าจะยอมรับพวกเขาเป็นลูกศิษย์ สอนพวกเขาดี ๆ นะครับ เป็นอย่างไรบ้างครับ ผมหาลูกศิษย์เก่ง ๆ มาให้ได้ตั้งสามคน? ?”
“ทำได้ดีมาก!” หลี่เคอหมิงตบขาตัวเองไปด้วยความตื่นเต้น จากนั้นกล่าว “เมื่อไรที่ทั้งสามมาถึง ชื่อเสียงมหาวิทยาลัยของเราจะต้องดังกระหึ่มอย่างแน่นอน!”
“นักเรียนตัวท็อปสามคนมาเข้ามหาวิทยาลัยของเรา เหมือนมีอำนาจเลย ฮ่าฮ่าฮ่า คำว่าที่หนึ่งของมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนอยู่ไม่ไกลแล้ว!”
“ฉันรับพวกเขาเป็นศิษย์! พวกเขาเป็นถึงอันดับหนึ่งคะแนนสอบเข้าระดับมณฑล ฉันจะดูแลเป็นอย่างดีเลย เราจะไม่ยอมให้คนนอกมองว่า แพทย์แผนจีนกลืนกินคนมีพรสวรรค์! ไม่อย่างนั้นเรื่อง งดีคงจะถูกมองกลายเป็นเรื่องแย่!”
กล่าวจบ สีหน้าของเขาเคร่งเครียด
“ดีแล้วครับ”
ซูเย่ถอนใจออกมาด้วยความโล่ง เขาคิดว่าศิษย์พี่จะไม่เอาด้วย ที่เขาทำเช่นนี้เพราะต้องการสร้างชื่อเสียงให้กับศิษย์พี่บ้าง
หลี่เคอหมิง เอ่ยถามออกมาต่ออย่างตื่นเต้น “เธอทำได้อย่างไร?”
ซูเย่ตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่า “เป็นเพราะชื่อของศิษย์พี่เองนั่นแหละ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมไปก่อนนะครับ”
“ได้สิ” หลี่เคอหมิงพยักหน้า “ไปดีมาดีล่ะ”
หลังจากนั้น เขาถูมืออย่างตื่นเต้น กลับไปนั่งที่โต๊ะ และเริ่มคิดแผนสำหรับเหล่าลูกศิษย์
เมื่อออกมาจากห้องทำงานของหลี่เคอหมิงแล้ว
ซูเย่ไม่ได้กลับไปยังหอพัก แต่จองตั๋วเครื่องบินสู่เมืองจงชวน มณฑลกานซูด้วยโทรศัพท์ของเขา และรีบตรงไปยังเขาอวิ๋นฮวา เตรียมไปหาสองพี่น้องไป๋จือ
ไขกระดูกหินที่เขาเก็บไว้หลายวัน ได้เวลามอบให้กับหญิงที่เขารักแล้ว
ซูเย่แอบมายังกำแพงค่ายกลที่ไม่ไกลนักจากสวนด้านหลัง ซึ่งเป็นสถานที่ที่สองพี่น้องพักอยู่ เรียกพลังลมปราณแฝงออกมาปกคลุมทั้งร่างไว้ และเดินผ่านกำแพงเข้าไปโดยตรง
สำนักเมฆาครามที่ปิดประตูภูเขาไปแล้ว ไม่มีทางที่จะรู้ได้ว่า มีคนสามารถแอบลักลอบเข้ามาในเวลานี้
แม้แต่เจ้าสำนักเมฆาครามที่สามารถสัมผัสได้ถึงค่ายกลที่ปกป้องสำนักอยู่นั้น ก็ไม่รู้สึกตัวเลยสักนิด
“มาผิดเวลาหรือเปล่านะ?”
ซูเย่มองไปรอบ ๆ และพบว่าสองพี่น้องไป๋จือไม่ได้อยู่ในห้อง เขาจึงทำได้เพียงเฝ้ารออยู่ในสวนด้านหลัง
หลังจากผ่านไปสักพักหนึ่ง ก็ได้มีเสียงเปิดประตูดังขึ้น
สองพี่น้องกลับมาแล้ว
ทันทีที่ปิดประตู ไป๋จือหรานไปเปิดหน้าต่างด้านหลังเป็นนิสัย และมองออกไปยังสวนด้านหลัง
เห็นได้ว่า
นิสัยนี้คงไม่ได้เกิดขึ้นมาภายในหนึ่งหรือสองวัน
ดูเหมือนเธอจะตั้งหน้าตั้งตารออยู่ทุกวัน หวังว่าจะได้เห็นร่างที่เธอคิดถึงเช้าเย็น
แต่ก็ไม่เคยเกิดขึ้น
และวันนี้ก็เช่นกัน
เธอเปิดหน้าต่างไม้ออก มองไปยังสวนด้านหลัง
และหันหลังกลับ
แต่ในจังหวะที่เธอหันหลัง ก็ได้หยุดนิ่งไป
เมื่อครู่นี้ เหมือนกับว่าเธอจะเห็นร่างของคน
เขานี่!
“ซูเย่?”
ไป๋จือหรานหันกลับไปอย่างแรง ตะโกนออกมาอย่างตื่นเต้นดีใจ
ในครั้งนี้ ร่างที่เฝ้ารอและคิดถึงอยู่ทั้งเช้าเย็น ปรากฏขึ้นอย่างชัดเจนตรงหน้าต่าง มองกลับมาที่เธอด้วยรอยยิ้ม
ในห้องนั้น
ไป๋จือเหยียนเองก็กระโดดออกมาอย่างประหลาดใจ มองออกไปนอกหน้าต่าง
“ว้าว ลูกพี่ซู มาจริงด้วย? ไม่มีของขวัญเหรอ?”
เธอเองก็ตกใจไปไม่น้อย
“ชู่!” ซูเย่ยกนิ้วทำท่าให้ทั้งสองเงียบ “ขอเข้าไปในห้องก่อน”
“นานแค่ไหนแล้วตั้งแต่ได้เลื่อนมาเป็นขั้นสี่ระดับสอง ข้อบกพร่องของรากฐานที่อ่อนแอเอง ก็ได้รับการแก้ไขแล้วด้วย”
เมื่อลองสังเกตสองพี่น้องแล้ว ซูเย่ก็ผงะไปเล็กน้อย อดไม่ได้ที่จะยิ้มเจื่อนออกมาและกล่าว “สมกับเป็นหนึ่งในสามสำนักโบราณจริง ๆ ทรัพยากรของสำนักเมฆาครามเองก็ดีด้วย”
“ทำไมถึงมาที่นี่ล่ะ?” ไป๋จือหรานไม่ได้ฟังซูเย่แม้แต่น้อย เอ่ยถามออกมาพร้อมรอยยิ้ม
“พี่ ที่พี่อยากถามคือ ทำไมลูกพี่ซูถึงเพิ่งมาใช่ไหม?” ไป๋จือเหยียนกล่าวออกมา สายตาเต็มไปด้วยความคาดหวัง
“มีเรื่องเกิดขึ้นเยอะแยะมากมายเลยข้างนอกนั่นน่ะ ถ้าจะให้เล่าก็คงไม่จบภายในเวลาสั้น ๆ แน่” ซูเย่ตอบด้วยรอยยิ้มเช่นกัน จากนั้นก้มหัวเหมือนมองหาอะไรบางอย่าง
“หาอะไรเหรอ?” ไป๋จือหรานเอ่ยถาม
“ถัง” ซูเย่ตอบ “ฉันอยากรู้น่ะว่าถังล้างเท้าใหญ่พอไหม ฉันมีอะไรมาให้ เอาถังล้างเท้ามาให้ฉันดูก่อน แล้วลองหาอันที่ใหญ่กว่า”
กล่าวจบ ซูเย่ก็กระโดดออกนอกหน้าต่างไป
สองพี่น้องไป๋จือมองอย่างสับสน และเมื่อหาถังล้างเท้ามาได้แล้ว ซูเย่ก็กลับเข้ามาพร้อมถังไขกระดูกหิน
“เอาถังนั่นมาจากไหน?” สองพี่น้องถามอย่างสงสัย
“มาจากเฉิงหวงน่ะ ถ้าช้ากว่านี้สักนิด มันคงแอบขโมยดื่มไปแล้ว”
ซูเย่รีบเทไขกระดูกหินลงในถังล้างเท้าอย่างร้อนรน จากนั้น
“เร็วเข้า จุ่มเท้าลงไป”
“นี่คือไขกระดูกหินที่ฉันหามาได้อย่างยากลำบาก มันจะช่วยชำละล้างเส้นลมปราณและทะลวงขีดจำกัดของพวกเธอ เสริมสร้างกระดูกและรากฐาน เพิ่มพูนพลังในการฝึกฝน อาจจะเจ็บเล็กน้อยตอนที แช่ แต่พวกเธอจะต้องทน ไม่อย่างนั้นคงวุ่นวายน่าดู ถ้าคนอื่นจากสำนักเมฆาครามได้ยินเข้า”
สองพี่น้องได้ยินเช่นนั้น
ถอดรองเท้าออกทันทีและแช่เท้าลงไป
แน่นอนว่า
เพียงเท้าแตะลงไป
พวกเธอก็รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดแสนสาหัส ทำให้หน้าของพวกเธอแดงก่ำ
หากมองดี ๆ จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ไขกระดูกหินในถังนั้นเหมือนเป็นหนอนขนาดเล็ก ที่กำลังเจาะไชเข้าไปในเลือดและเนื้อของสองพี่น้องอย่างต่อเนื่อง
ระหว่างที่ทนความเจ็บปวดอยู่
ซูเย่ก็ได้ส่งสัญญาณ ทั้งสองพี่น้องจึงเริ่มใช้วิชา ปล่อยพลังปราณออกมาเพื่อฝึกตน
การฝึกในครั้งนี้จะหยุดลงไม่ได้
พลังปราณของสองพี่น้องพุ่งตรงไป ทะลวงจากขั้นสี่ระดับสองไปยังระดับสาม ระดับสี่ ระดับห้า และในขณะที่ไขกระดูกหินนั้นถูกดูดซึมไปจนเกือบหมด สองพี่น้องก็ได้ไปสู่ยอดสูงสุดของพลัง งขั้นสี่ระดับห้าด้วยกัน ทะลวงผ่านไปสู่ขั้นสี่ระดับหก
ตึก ตึก ตึก ตึก……
ทันใดนั้น ได้มีเสียงเท้าดังขึ้นมา
สองพี่น้องไป๋จือลืมตาขึ้นมาในทันที
ในขณะนี้
ไขกระดูกหินในถังล้างเท้าของทั้งสอง ถูกดูดซึมไปจนไม่เหลือแม้แต่หยดเดียว
ระหว่างกระบวนการทั้งหมด ซูเย่ได้คอยเติมให้อยู่หลายครั้ง
“การเคลื่อนไหวของพวกเธอระหว่างเลื่อนระดับมันดึงดูดคนมากเกินไป”
เมื่อได้ยินเสียงเท้าภายนอกใกล้เข้ามาแล้ว ซูเย่จึงเอ่ยขึ้น “ฉันต้องไปแล้ว”
“อื้ม”
ไป๋จือหรานจ้องมองซูเย่อย่างลังเลใจ
เป็นสายตาอันน่าสงสาร
“แยกจากกันยากมากเหรอ?” ไป๋จือเหยียนมอง และหัวเราะหยอกล้อออกมา “อยากจะจูบกันสักหน่อยไหมก่อนจาก?”
“……” ซูเย่ได้แต่นิ่งไป
ถ้าไม่พูดขึ้นมาจะจูบไปแล้ว!
หลังจากจ้องไป๋จือเหยียนเขม็ง ซูเย่ก็รีบกระโดดออกหน้าต่างมาพร้อมถังใบใหญ่ จากนั้นก็ผ่านกำแพงค่ายกลของสำนักเมฆาครามออกไป หายไปจากสายตาของสองพี่น้องไป๋จือ
ในเวลานั้น
สองพี่น้องที่ยืนอยู่ตรงหน้าต่าง
มองแผ่นหลังของซูเย่ที่หายออกไป
ไป๋จือเหยียนก็ได้นำมือมาไว้ตรงอกอย่างภาคภูมิใจ และกล่าว “พี่ ไม่ต้องเป็นห่วงนะ ฉันจะปกป้องพี่เอง ไม่ให้ลูกพี่ซูมาฉวยโอกาสทำอะไรพี่ได้”
“……”
ไป๋จือหรานได้แต่นิ่งไป พลางคิดว่า ช่างเป็นน้องที่ดีจริง ๆ
……
ออกจากสำนักเมฆาคราม
ซูเย่ตรงกลับไปยังเขตมหาวิทยาลัย
ก็ต้องพบกับข่าวอันน่าตกใจ
“ตระกูลเจิ้ง จากตระกูลแพทย์แผนจีน ออกตัวท้าปรมาจารย์แพทย์แผนจีนฮัวเหรินเฟิงในการฝังเข็ม หากไม่ตอบกลับภายในสามวัน ถือว่ายอมรับความพ่ายแพ้!”
เมื่อข่าวนี้แพร่ออกมา
ก็ทำให้เกิดความสับสนวุ่นวายไปทั่วทั้งวงการแพทย์แผนจีนในทันที
เกิดอะไรขึ้น?
ตระกูลเจิ้ง กล้าท้าปรมาจารย์แพทย์แผนจีนได้อย่างไร?