เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] - บทที่ 96 ผมจะเข้าแข่งในศาสตร์แขนงอาคม!
บทที่ 96 ผมจะเข้าแข่งในศาสตร์แขนงอาคม!
“นี่เป็นโอกาสเพียงหนเดียว!”
“ศึกนี้สำคัญยิ่งนัก พวกเราต้องคว้าชัยชนะมาให้ได้ จะคงอยู่รอดต่อไป หรือแพ้และหายสาบสูญ ก็ขึ้นอยู่กับการแข่งขันครั้งนี้!”
สีหน้าของผู้นำตระกูลฉินเคร่งขรึม
และเมื่อได้ยินเช่นนั้น
ทำให้สีหน้าของผู้นำตระกูลอีกสิบสองแปรเปลี่ยนตามไป
สำหรับบรรดาสถาบัน มันอาจจะเป็นเพียงการต่อสู้เพื่อรักษาหน้าตาและชื่อเสียง
แต่สำหรับพวกเขา กลุ่มแพทย์แผนจีนพื้นบ้าน มันคือการต่อสู้เพื่อความอยู่รอด!
“ให้สนใจนักศึกษาชื่อซูเย่ด้วย” ผู้นำตระกูลฉินกล่าว “พวกเราได้ยินชื่อของเขามาตลอดบนอินเทอร์เน็ต ฉันว่าก่อนหน้านี้เราอาจจะประเมินเขาต่ำไป ฉันไม่มั่นใจว่าเขาจะลงแข่งขันในศา าสตร์แขนงไหน มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นการฝังเข็ม พี่เจิ้ง ฝั่งของพี่ต้องรอบคอบด้วย”
ผู้นำตระกูลเจิ้งพยักหน้า
ทว่าผู้นำตระกูลอื่นกลับไม่เห็นด้วย
“ไม่ใช่ว่าเขาเป็นเพียงนักศึกษาแพทย์หรือ?”
“ฉันได้ยินมาว่า เขาก็เป็นแค่นักศึกษาสาขาพัฒนาความรู้ด้านแพทย์ และไม่ได้เรียนการแพทย์โดยตรง นั่นหมายความว่าเขาไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับแพทย์แผนจีนมาก่อน เป็นแค่พวกครึ่ง ๆ กลาง ๆ ไม่เป็นพิษเป็นภัยกับพวกเราหรอก”
“แพทย์แผนจีนไม่ใช่อะไรที่จะเรียนเพียงชั่วคราวได้ จำเป็นต้องใช้เวลาอย่างเนิ่นนานเพื่อเรียนรู้และสะสม ฉันว่าเด็กคนนี้คงไม่ได้เรียนแพทย์แผนจีนมานานพอหรอก จะได้สักแค่ไหนกัน นเชียว”
“ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเกรงกลัวเขา ก็แค่ตัวแทนแพทย์แผนจีนร่วมสมัยที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยปรมาจารย์แพทย์แผนจีน เป็นตัวตนที่ทดแทนการนำเสนอแพทย์แผนจีนให้กับคนรุ่นใหม่ที่ไม่เ เข้าใจในวงการ ไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับพวกเราเลย”
“ใช่แล้ว ไม่ว่าเขาจะเข้าแข่งในศาสตร์แขนงไหน ก็ไม่มีทางเอาชนะพวกเราที่มีความสามารถอย่างแท้จริงได้หรอก!”
ผู้นำตระกูลหลายคนกล่าวออกมา
เนื่องจากพวกเขาเป็นตระกูลแห่งแพทย์แผนจีน จึงรู้กระบวนการร่ำเรียน
และเป็นเพราะพวกเขารู้ลึกในวิชาการแพทย์ จึงทำให้มองเห็นซูเย่เป็นเพียงตัวตลก
“อย่างไรก็ตาม แต่ละตระกูลก็ควรเตรียมพร้อมอย่างถึงที่สุด” ผู้นำตระกูลฉินกล่าวเตือนอย่างจริงจัง “ถึงเวลาสำหรับพวกเราแล้ว!”
ทุกคนพยักหน้าตอบรับ
……
ในไม่นาน
บัญชีเวยป๋อสำหรับใช้ร่วมกันของสิบสามตระกูลแพทย์แผนจีน ชื่อว่า ‘พันธมิตรแพทย์แผนจีน’ ก็ได้เกิดขึ้นมา และได้รับการยืนยันว่าเป็นบัญชีทางการ
‘ถ้าเช่นนั้นก็อีก 15 วันให้หลัง’
ข้อความนี้ถูกเผยแพร่ออกไป
ความร้อนระอุของประเด็นก็ยิ่งคุกรุ่นกว่าเดิม!
มาแล้ว!
ชาวเน็ตพากันตื่นเต้น
ในขณะเดียวกัน
ผู้นำตระกูลเจิ้งเอง ก็ใช้บัญชีเวยป๋อ ‘ผู้นำตระกูลเจิ้งแห่งแพทย์แผนจีน’ ลงข้อความว่า ‘แถลงการณ์ในนามผู้อาวุโส: ขอชื่นชมความกล้าหาญของปรมาจารย์แพทย์แผนจีนฮัวเหรินเฟิง จะเฝ้าร รอวันแข่ง!’
ทางนี้ก็มาแล้ว!
พอชาวเน็ตได้เห็น ก็รู้สึกมีความสุขทันใด
‘สู้กันจริงด้วย ฮ่าฮ่า!’
‘ความเดือดยิ่งร้อนแรงกว่าเก่าอีก รอคอยวันแข่งในอีก 15 วันไม่ไหวแล้ว’
‘เหมือนดูสงครามนองเลือดอยู่ ทำเอาฉันอยากไปเรียนแพทย์แผนจีนบ้างเลย!’
‘วงการแพทย์แผนจีนนี่ไม่เอื่อยเฉื่อยเลยแฮะ พอมีคนมาท้า ก็รับคำท้าทันที ทุกอย่างเกิดขึ้นภายในหนึ่งวัน!’
‘ไม่ฝั่งใดก็ฝั่งหนึ่ง ต้องมีคนตายกันไปข้าง!’
‘ตั้งหน้าตั้งตารอเลย’
‘แม้ว่าฉันจะไม่ค่อยเข้าใจ แต่วันแข่งฉันว่าจะไปดูนะ’
……
“แต้มศีลธรรม +200 ”
มีการแจ้งเตือนเกิดขึ้นในจิตของซูเย่
เอ่อ?
ชายหนุ่มได้แต่สับสน
“เกิดอะไรขึ้น? ทำไมถึงได้แต้มศีลธรรม 200 แต้มล่ะ?”
ซูเย่หน้านิ่วคิ้วขมวด ช่วงนี้เขาก็ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย
……
อีกฝั่งหนึ่ง
เจียงซานที่คอยติดตามสถิติการสมัครเข้าเรียนต่อ พบว่า หลังจากกลุ่มแพทย์แผนจีนพื้นบ้านออกมาท้าสถาบันแพทย์แผนจีนอย่างเป็นทางการ ก็ได้มีนักเรียนมัธยมปลายชั้นปีที่สามจำนวนมากขอ แก้ไขใบสมัครในวันสุดท้ายเพื่อเข้าเรียนแพทย์แผนจีน
“ซูเย่สร้างกระแสความสนใจให้กับวงการได้จริงด้วย”
เมื่อได้เห็นข้อมูลแล้ว เจียงซานอดไม่ได้ที่จะถอนใจออกมาและกล่าว “จากสถานกาณ์ในปัจจุบันแล้ว กระแสของการที่แพทย์แผนจีนพื้นบ้านท้าสถาบันการแพทย์แผนจีน คงจะดำเนินต่อไปอีกส สักครึ่งเดือน ยิ่งประเด็นนี้ร้อนอยู่นานเท่าไร ก็ยิ่งเป็นผลดีกับแผนการฟื้นฟูวงการแพทย์แผนจีนเท่านั้น เด็กคนนี้…ทำได้ดีจริง ๆ”
เขาส่งข้อความที่เกี่ยวข้องกับประเด็นนี้ไปยังซูเย่
“ฉันไม่คาดคิดเลยว่าจะมีเรื่องแบบนี้”
ซูเย่ยิ้มออกมาเมื่อได้รับข้อความ
แม้ว่าทางแพทย์แผนจีนพื้นบ้านจะเป็นฝ่ายเริ่มเรื่อง แต่ชื่อของเขาก็ถูกเอ่ยออกมา
ชื่อเสียงของเขาเองก็เป็นตัวแปรที่ทำให้เรื่องนี้โด่งดังไปทั่วทั้งอินเทอร์เน็ต
และเขาเองก็เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนตัวเลือกของเหล่านักเรียนด้วย
“ยิ่งมีหมอเยอะ ก็ยิ่งดีกับผู้ป่วย!”
ซูเย่ถอนใจออกมา
เปิดเวยป๋อและอ่านดูแถลงการณ์ที่เผยแพร่โดยตระกูลแพทย์แผนจีนพื้นบ้าน
“เตรียมพร้อมสู้ศึก!”
ซูเย่ปิดโทรศัพท์และเอ่ยกับตัวเอง
ต่อให้กลุ่มแพทย์แผนจีนพื้นบ้านไม่ได้เอ่ยชื่อเขา เขาก็ต้องเข้าร่วมอยู่ดี!
ในฐานะผู้นำโครงการฟื้นฟูวงการแพทย์แผนจีนแล้ว เขาก็ต้องถือโอกาสเป็นผู้นำของวงการแพทย์แผนจีนในปัจจุบัน
หากได้รับตำแหน่งมา ก็จะทำให้ขั้นตอนต่อไปของแผนการฟื้นฟู ดำเนินไปได้ง่ายดายมากขึ้น
และจะสามารถเพิ่มแต้มศีลธรรมกับแต้มจิตอาสาได้อีกด้วย
ในขณะเดียวกัน เขาจะได้เพิ่มจำนวนบุคลากรแพทย์แผนจีนให้ได้หนึ่งล้านคนภายในห้าปี และช่วยชีวิตหวังห่าว!
ติ๊ดติ๊ดติ๊ด
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
ซูเย่เห็นว่าเป็นสายจากหลี่เคอหมิง
“เก็บของเดี๋ยวนี้เลย แล้วมาเจอกันหน้าประตูมหาวิทยาลัยพร้อมกระเป๋าเสื้อผ้า ด่วน!”
เสียงของหลี่เคอหมิงดังมาจากปลายสาย
“ได้ครับ!”
ซูเย่เดาได้ในทันทีว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับศึกครั้งนี้
เก็บของและมุ่งหน้าไปพร้อมกระเป๋าอย่างรวดเร็ว
เมื่อมาถึงประตูมหาวิทยาลัย
ซูเย่พบว่ามีอีก 12 คนที่รวมตัวกันอยู่แล้ว
เมื่อซูเย่ปรากฏตัวขึ้น
ทั้ง 12 คนก็หันหน้ามามองเขาทันที
“ทุกคนพร้อมหน้ากันแล้ว” พอเห็นซูเย่ หลี่เคอหมิงจึงก้าวออกมาและกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ฉันจะไม่พูดอ้อมค้อมแล้วกัน เหลือเวลาไม่มากนัก”
“จุดประสงค์ที่ฉันเรียกให้ทุกคนรวมตัวพร้อมกระเป๋าสัมภาระ เนื่องจากฉันต้องการให้ทุกคนไปร่วมการคัดเลือก!”
“แม้ว่าพวกเธอจะเรียกได้ว่าเป็นคนที่เก่งที่สุดในมหาวิทยาลัย แต่มีสถาบันอื่นอีกทั้งหมดรวมเป็น 33 แห่ง เพื่อที่จะให้ตรงตามข้อเรียกร้องของกลุ่มแพทย์แผนจีนพื้นบ้าน พวกเราจึงต ต้องเลือกที่สุดของที่สุดจากศาสตร์ 13 แขนง จะเลือกได้เพียงหนึ่งคนต่อหนึ่งศาสตร์เท่านั้น”
“ในครั้งนี้ คู่ต่อสู้ที่พวกเธอจะได้เจอเป็นนักศึกษาอันดับต้น ๆ จากสถาบันทั้ง 33 แห่งทั่วประเทศ แต่ละคนก็คืออันดับหนึ่งในศาสตร์แต่ละแขนงจากสถาบันของพวกเขา”
“แน่นอนว่าพวกเธอก็ไม่ควรกดดันมากเกินไป”
“จุดประสงค์ของการคัดเลือกนี้ ไม่ใช่เพื่อพิสูจน์ว่าสถาบันใดเหนือกว่า แต่ละคนก็เป็นนักศึกษาที่เก่งและมีพรสวรรค์ ทว่ามีที่เพียงหนึ่งที่ต่อศาสตร์หนึ่งแขนง เพื่อจะนำไปแข่งขันกับ บกลุ่มแพทย์แผนจีนพื้นบ้าน ดังนั้นสิ่งที่พวกเธอต้องทำก็แค่แสดงความชำนาญที่ถนัดที่สุดออกมาอย่างสุดความสามารถ”
“แต่สุดท้ายนี้ ฉันก็หวังว่าพวกเธอจะชนะและได้เข้าร่วมศึก เพราะว่าพวกเธอก็คือนักศึกษาที่เก่งที่สุดของมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยาง!”
ทุกคนพยักหน้าอย่างจริงจัง สายตาลุกโชนไปด้วยจิตวิญญาณนักสู้
“ไป!”
หลี่เคอหมิงพาทุกคนขึ้นรถบัส และไปส่งยังสถานีรถไฟฟ้าความเร็วสูง
“เราจะไปไหนกันเหรอครับ?” ซูเย่เอ่ยถามระหว่างทาง
“มณฑลเหอหนาน เมืองจงหยวน” หลี่เคอหมิงตอบ
“เอ๋?” ซูเย่ชะงักไป
เมื่อหลี่เคอหมิงเห็นสีหน้าของซูเย่ที่เต็มไปด้วยความสงสัย เขาจึงอธิบายออกมาว่า “มีโรงพยาบาลที่ใหญ่ที่สุดของเอเชียอยู่! มีคนไข้อยู่มากมาย และการคัดเลือกตัวแทนต้องใช้ผู้ป่วย”
ซูเย่พยักหน้า
ความสามารถทางการแพทย์สามารถวัดได้จากการลงมือรักษาเพียงอย่างเดียว ศาสตร์ 13 แขนง แต่ละแขนงต้องใช้คนไข้ 33 ราย จึงต้องการผู้ป่วยเป็นจำนวนมาก
โรงพยาบาลนั้นจึงเป็นสถานที่ที่ดีที่สุด
สามชั่วโมงถัดมา
ซูเย่และคนอื่น ๆ ออกมาจากสถานีรถไฟฟ้าความเร็วสูงเมืองจงหยวน
พวกเขาทุกคนถูกพาไปยังเมืองเล็ก ๆ ที่ชื่อฉุ่ยโป ซึ่งอยู่ไม่ไกลนักจากเมืองจงหยวน โดยมีรถบัสเตรียมไว้ล่วงหน้า
เป็นเมืองสุดแสนแปลกตา
เมื่อเข้าสู่เขตเมือง
จะเห็นสิ่งก่อสร้างเก่าแก่หลายประเภทตลอดทาง มีตึกสมัยใหม่ปะปนอยู่บ้าง แต่ล้วนถูกสร้างด้วยไม้โดยมีหน้าตาเลียนแบบสิ่งก่อสร้างโบราณ
รู้สึกได้ถึงความเงียบสงบภายในเมือง
พวกเขาทุกคนได้มายังโรงแรมที่จองล่วงหน้าเอาไว้
หลังจากได้บัตรประจำห้องพักโรงแรมแล้ว ไม่มีใครทันได้ไปเปิดห้องพักเข้าไปตรวจสอบ หลี่เคอหมิงก็นำทางพวกเขาไปยังหอประชุมขนาดกว้างเสียก่อน
ในขณะนั้น
มีคนจำนวนมากรวมตัวกันอยู่แล้ว
มองแวบเดียวก็เห็นได้ว่าเป็นนักศึกษาประมาณ 300 คน
ล้วนเป็นตัวแทนที่ถูกพามาจากหลากหลายสถาบัน
ทันทีที่มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยางมาถึง
พรึ่บ!
ทุกสายตาในหอประชุมก็จับจ้องมายังซูเย่
ในช่วงเวลานี้ ชื่อเสียงของซูเย่โด่งดังเป็นอย่างมาก
การท้าจากกลุ่มแพทย์แผนจีนพื้นบ้านเอง ก็เอ่ยชื่อของเขาออกมาโดยตรง
พวกเขาบางส่วนอาจจะไม่ได้เข้าร่วมการแข่งขันนี้ แต่ชายผู้นี้จะต้องได้เป็นส่วนหนึ่งของศึก!
ภายใต้ความสนใจจากทุกคน
ซูเย่ไม่ได้ทำอะไรมาก แค่ตามหลี่เคอหมิงไปยังแถวที่นั่งที่ว่างอยู่ พร้อมกับบรรดาเพื่อนร่วมสถาบัน
ระหว่างที่นักศึกษามากมายซุบซิบพูดคุยกันอยู่
ก็ได้มีนักศึกษาจากอีกสถาบันมาถึง
เมื่อคณบดีและนักศึกษาที่คัดเลือกมาจากทั้ง 33 สถาบันอยู่พร้อมหน้ากันแล้ว ก็ได้มีผู้คนรวมกันมากกว่า 500 คน อยู่ในหอประชุม
คนเหล่านี้คือกำลังสำคัญของคนรุ่นใหม่จากสถาบันการแพทย์แผนจีน!
“เริ่มการประชุม!”
ทันทีที่นักศึกษากลุ่มสุดท้ายนั่งลงกับที่แล้ว ชายวัยกลางคนในชุดสูท สวมแว่นตา ร่างสูงยาว และใบหน้านิ่งเฉย ได้เดินตรงขึ้นเวทีของหอประชุม
สถานที่แห่งนี้เงียบสงบลงในทันใด
“ก่อนอื่น ฉันขอแนะนำตัว” ชายวัยกลางคนมองไปยังผู้เข้าประชุมและกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ฉันคือคณบดีสาขาการแพทย์แผนจีนแห่งมหาวิทยาลัยการแพทย์ตี้ตู ชื่อหลิวเจิ้นเฉียง”
“จุดประสงค์ของการรวมตัวในครั้งนี้ ทุกคนคงทราบกันดี”
หลังจากกล่าว
หลิวเจิ้นเฉียงหยุดไปครู่หนึ่ง มองกวาดไปยังนักศึกษาทั้งหอประชุม และเริ่มกล่าวต่อ “ผู้ที่อยู่ในหอประชุมแห่งนี้ ล้วนเป็นนักศึกษาอันดับต้น ๆ ของแต่ละสถาบัน”
“ทว่าเราต้องการเพียงแค่ที่สุดของที่สุด ศาสตร์แห่งแพทย์แผนจีน 13 แขนง แต่ละแขนงจะมีตัวแทนเพียงแค่หนึ่งเดียว”
“นี่เป็นเรื่องเกี่ยวกับเกียรติและศักดิ์ศรีของสถาบันการแพทย์แผนจีน ดังนั้นเราต้องชนะศึกครั้งนี้!”
“พวกเธอมีความมั่นใจหรือเปล่า?”
“มี!”
นักศึกษาทั้งหมดตะโกนออกมาเป็นหนึ่งเดียวกัน!
“ดี! พวกเรา เหล่าผู้นำสถาบันเองก็เช่นกัน!” หลิวเจิ้นเฉียงกล่าวออกมาเสียงดัง
“ขณะนี้ เราได้รวบรวมนักศึกษาจากแต่ละสถาบันทั่วประเทศ พวกเราเชื่อมั่นในตัวพวกเธอ!”
“ศาสตร์แห่งแพทย์แผนจีน 13 แขนง แม้ชนะเพียง 7 ก็ถือว่าชนะศึก แต่เราจะพึงพอใจกับชัยชนะแค่นั้นไม่ได้ พวกเราต้องต่อสู้และชนะทั้งหมด!”
หลิวเจิ้นเฉียงยังคงกล่าวต่อ “มีศาสตร์ 12 แขนงที่ถือว่าง่าย พวกเรามีความมั่นใจมากพอว่าจะสามารถเอาชนะกลุ่มแพทย์แผนจีนพื้นบ้านได้ ทว่ามีศาสตร์หนึ่งที่นับเป็นปัญหา”
“ใช่แล้ว นั่นก็คืออาคม”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น
ทุกคนในหอประชุม รวมไปถึงบรรดาคณบดีจากหลากสถาบัน แสดงสีหน้าคร่ำเครียด
อาคม?
มันถือว่าเป็นเรื่องเพ้อเจ้องมงาย สำหรับแพทย์แผนจีนสมัยใหม่
โดยเฉพาะสถาบันการแพทย์ของพวกเขา มองเป็นเพียงไสยศาสตร์
“ศาสตร์แขนงอาคมนั้นมีประวัติมาอย่างยาวนาน แม้ว่าจะยังคงมีผู้เรียนรู้อาคมในสมัยใหม่อยู่ และมีนักศึกษาบางส่วนที่ต้องการค้นคว้าวิจัยในด้านอาคม ทว่าจากประสบการณ์ของพวกเราแล้ว อา าคมไม่สามารถรักษาโรคภัยได้โดยทั้งปวง เป็นได้เพียงสิ่งที่ใช้เสริมทฤษฎีของแพทย์แผนจีนเท่านั้น”
หลิวเจิ้นเฉียงมองไปยังผู้คนในหอประชุม และกล่าวต่อ “นักศึกษาที่เป็นตัวแทนของศาสตร์แขนงอาคมในที่แห่งนี้ ช่วยยืนขึ้นหน่อย”
สิ้นสุดเสียง
มีหลายคนที่ลุกยืนขึ้น
เนื่องจากความเฉพาะทางของศาสตร์แขนงอาคม เป็นผลให้แทบจะไม่มีใครสนใจที่จะเรียนหรือวิจัยในแขนงนี้ การที่พอมีคนอยู่บ้างถือเป็นเรื่องดี
“ทุกคนล้วนเป็นนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา” หลิวเจิ้นเฉียงเอ่ยถามต่อ “ฉันเองก็เคยศึกษาอาคมมาบ้าง พวกเธอเคยรักษาผู้ป่วยด้วยอาคมสำเร็จหรือไม่?”
ผู้คนในหอประชุมเพ่งความสนใจไปยังคนเหล่านี้
พวกเขาล้วนยิ้มเจื่อนและส่ายหัว
อาคมเนี่ยนะ จะรักษาได้อย่างไร?
นี่มันไม่ใช่ยุคที่จะงมงายกับไสยศาตร์!
การศึกษาและวิจัยอาคม ก็เป็นได้เพียงชื่อรายวิชา
ผู้คนพากันถอนหายใจ
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ก็คงต้องยอมรับความพ่ายแพ้ในศาสตร์นี้”
หลิวเจิ้นเฉียงกล่าวตัดสินใจออกมาอย่างเรียบง่าย
ทุกคนพยักหน้า
ก็คงจะต้องเป็นเช่นนั้น
ทว่าในตอนนั้นเอง
ซูเย่ได้ยกมือและลุกยืนขึ้น พร้อมกล่าวออกมาว่า “ผมจะเข้าแข่งในศาสตร์แขนงอาคมครับ!”