เดิมพันเสน่หา - ตอนที่ 111 ใครตกลงไปในสระจระเข้
เมื่อเห็นเหลิ่งรั่วปิงดื่มไวน์ที่ลู่หวาหนงเตรียมเอาไว้ เจี่ยนชิวและลั่วซูเยียงเหมือนผ่านประตูสวรรค์ ยกภูเขาออกจากอก พวกเธอรู้สึกดีใจมาก
ลู่หวาหนงอยากคุยกับหนานกงเยี่ยเป็นการส่วนตัว เธอจึงส่งสายตาให้เจี่ยนชิวและลั่วซูเยียงอย่างแทบอดใจรอไม่ได้ เธอส่งสัญญาณบอกให้สองแม่ลูกรีบลงมือ ล่อลวงเหลิ่งรั่วปิงออกไป
เจี่ยนชิวและลั่วซูเยียงเหมือนได้รับคำสั่งจากสวรรค์ พวกเธอรีบเดินมาตรงหน้าเหลิ่งรั่วปิง ลั่วซูเยียงยิ้มแล้วพูดขึ้น “คุณเหลิ่ง ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ”
เหลิ่งรั่วปิงรู้ดีว่าพวกเธอกำลังจะทำตามแผน เธอจึงให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เหลิ่งรั่วปิงคลายยิ้ม “คุณลั่ว ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ คราวที่แล้วไม่ได้เที่ยวเล่นด้วยกัน น่าเสียดายมากเลยค่ะ”
พูดถึงเรื่องเมื่อคราวที่แล้ว ภายในใจของลั่วซูเยียงยิ่งรู้สึกแค้น แค้นจนอยากฆ่าเหลิ่งรั่วปิงให้ตายทันที เธอหรี่ตาลง “คุณเหลิ่ง หลิ่วเย่ว์วานมีจุดชมวิวที่ขึ้นชื่อ ชื่อว่าสระจระเข้ ด้านในมีจระเข้มากมาย คุณเป็นคนประเทศซีหลิง คงไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนใช่ไหมคะ”
เหลิ่งรั่วปิงยังคงให้ความร่วมมือกับสองแม่ลูก “ยังไม่เคยไปค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นฉันนำทางคุณไปเองค่ะ พาคุณไปเที่ยวชมที่นั่น?”
“ดีค่ะ” เหลิ่งรั่วปิงวางแก้วไวน์ลง เธอหันไปพูดกับหนานกงเยี่ย “คุณหนานกง ฉันอยากเที่ยวเล่น ฉันขอตามคุณลั่วไปเที่ยวเล่นนะคะ ส่วนคุณก็ให้คุณลู่อยู่เป็นเพื่อนแล้วกันนะคะ”
หนานกงเยี่ยดูใจกว้างมาก เขาพยักหน้า แล้วหันไปมองลู่หวาหนงพร้อมกับผายมือไปที่เก้าอี้ด้านข้าง “เชิญนั่งครับ”
ลู่หวาหนงดีใจมาก เธอดึงกระโปรงยาวของตนขึ้นแล้วนั่งลงด้านข้างหนานกงเยี่ย เวลานี้ เธอไม่เห็นจั่วเยี่ยนเหาอยู่ในสายตาแล้ว ถ้าได้เป็นผู้หญิงของหนานกงเยี่ย เธอก็สามารถเหยียบจั่วเยี่ยนเหาให้จมดิน
ลั่วซูเยียงยิ้มตาหยี หันไปพูดกับเวินอี๋ “คุณเวิน ไปด้วยกันไหมคะ”
“ดีค่ะ” เวินอี๋ไม่ลังเลแม้แต่น้อย เธอลุกขึ้นแล้วเดินตามเหลิ่งรั่วปิงไป
หนานกงเยี่ยและมู่เฉิงซีมองตากัน พวกเขาไม่ได้พูดอะไร ทว่าก่วนอวี้เดินออกไปแล้ว
เจี่ยนชิวและลั่วซูเยียงพูดคุยสนุกสนานกับเหลิ่งรั่วปิงและเวินอี๋มาตลอดทาง จนกระทั่งมาถึงริมสระจระเข้
สระจระเข้นี้มีขนาดใหญ่มาก ด้านหนึ่งเป็นหน้าผา ซึ่งมีน้ำตกตกลงมาจากหน้าผาสูงนั้น น้ำในสระลึกมาก ริมสระอยู่เหนือน้ำครึ่งเมตร ด้านในสระมีจระเข้กว่าร้อยตัว แต่ละตัวกำลังลอยตัวอยู่บนผิวน้ำ ดวงตากลมโตของมันกำลังมองหาเหยื่อที่อยู่บนสระ ทั้งยังมีจระเข้บางตัวอ้าปากกว้าง เผยให้เห็นเขี้ยวแหลมคม ทำให้คนที่มองเห็นรู้สึกกลัว
เหลิ่งรั่วปิงเดาออกแล้ว ในเมื่อเจี่ยนชิวและลั่วซูเยียงชวนเธอและเวินอี๋มาที่สระจระเข้ สองแม่ลูกนี้ต้องสร้างสถานการณ์ว่าพวกเธอพลัดตกลงไปในสระจระเข้อย่างแน่นอน ตัวเหลิ่งรั่วปิงไม่ได้รู้สึกกลัว เป็นห่วงก็แต่เวินอี๋ที่บอบบาง กลัวเธอจะไม่ทันเล่ห์กลของสองแม่ลูก ดังนั้นเหลิ่งรั่วปิงจึงจับมือเวินอี๋แน่น
เมื่อมาถึงริมสระ เจี่ยนชิวและลั่วซูเยียงยังคงพูดคุยกับเหลิ่งรั่วปิง พวกเธอไม่ยอมลงมือสักที เหลิ่งรั่วปิงเข้าใจขึ้นมาทันที พวกเธอกำลังรอให้ยาของลู่หวาหนงออกฤทธิ์
ด้วยเหตุนี้ เหลิ่งรั่วปิงจึงเอามือจับที่หน้าผาก เธอขมวดคิ้วแล้วพูด “โอ๊ย ฉันเวียนหัวจังเลยค่ะ รู้สึกไม่มีเรี่ยวแรงเลย”
เวินอี๋มองออก เธอรีบพูดด้วยความเป็นห่วง “พี่รั่วปิง พี่เป็นอะไรไปคะ”
เหลิ่งรั่วปิงทรุดตัวลงบนพื้น “พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน จู่ๆ ก็เวียนหัวมากเลย”
“ฮ่าๆๆ…” อยู่ดีๆ เจี่ยนชิวหัวเราะเสียงดัง ความเลือดเย็นเผยออกมาจากดวงตาคู่นั้น “บอกฉันมา แค่คือเจียงหน่วนซินใช่ไหม”
เหลิ่งรั่วปิงนิ่งไปครู่หนึ่ง เงยหน้าขึ้นด้วยความเย็นยะเยือก “แกดูออกแล้วหรอ ถูกต้อง ฉันคือเจียงหน่วนซิน”
“แกเป็นคนหรือเป็นผีกันแน่” ลั่วซูเยียงกระวนกระวายเล็กน้อย
แววตาของเหลิ่งรั่วปิงน่ากลัวมาก เหมือนกำลังจะกินคนเข้าไป “ฉันเป็นผีนะสิ ไฟไหม้ในตอนนั้นทำให้ฉันกลายเป็นผุยผง ฉันขึ้นมาจากนรก เพื่อที่จะมาเอาชีวิตพวกแก!”
“แม่คะ!” ลั่วซูเยียงจับแขนเจี่ยนชิวด้วยความหวาดกลัว
เจี่ยนชิวเองก็กลัวจนตัวสั่น แต่เธออายุมากแล้ว ชีวิตผ่านอะไรมามาก จึงใจเย็นกว่าลั่วซูเยียง หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งเจี่ยนชิวก็สงบสติได้ “ซูเยียง ไม่ต้องกลัวลูก บนโลกใบนี้ไม่มีผี ถ้ามันเป็นผีจริงๆ ยาของลู่หวาหนงจะออกฤทธิ์ได้ยังไง เร็วเข้า ตอนนี้ยากำลังออกฤทธิ์ ผลักมันลงไปในสระ !”
“ไม่ค่ะ หนูไม่กล้า แม่ไปสิคะ!”ลั่วซูเยียงกลัวจนถอยหลังหนี เธอไม่กลัวที่จะฆ่าคน แต่สิ่งที่เธอกลัวคือผี
“ไม่เอาไหนจริงๆ” เจี่ยนชิวถลึงตามองลั่วซูเยียง แล้วเดินไปหาเหลิ่งรั่วปิงด้วยตนเอง ขณะที่เธอกำลังจะผลักเหลิ่งรั่วปิงลงน้ำ
เวินอี๋รีบมาห้ามทันที “เจี่ยนชิว แกทำเรื่องชั่วช้ามามากมาย ไม่กลัวบาปกรรมจะตามสนองหรือไง”
“ฮ่าๆๆ…” เจี่ยนชิวหัวเราะเสียงดัง “บาปกรรมตามสนอง? ฉันไม่เคยเชื่อเรื่องบาปกรรม ตอนนั้นฉันทำลายตระกูลเจียง แต่ตอนนี้ชีวิตของฉันก็สุขสบายดีไม่ใช่หรอ” แววตาเหี้ยมโหดของเจี่ยนชิวหรี่เล็กลง “เวินอี๋ ในเมื่อแกซื่อสัตย์กับเจ้านายมากขนาดนี้ วันนี้แกก็ลงไปในสระพร้อมกับมันเลย!”
พูดจบ นัยน์ตาของเจี่ยนชิวฉายความโหดเหี้ยม เธอเดินไปด้านหน้าหนึ่งก้าว เพื่อที่จะคว้าจับข้อมือของเวินอี๋เอาไว้ ทว่าเธอยังไม่ทันได้แตะต้องตัวเวินอี๋ จู่ๆ เหลิ่งรั่วปิงกลับคว้าจับมือของเจี่ยนชิวแทน
เจี่ยนชิวร้องด้วยความเจ็บปวด “เหลิ่งรั่วปิง แกถูกวางยาไม่ใช่หรอ”
เหลิ่งรั่วปิงยิ้มเหมือนดอกไม้ไฟอาบยาพิษ “ใช่ ฉันถูกวางยาพิษ แต่ฉันเป็นผีไง ยาพิษพวกนั้นเลยไม่ออกฤทธิ์กับฉัน” ขณะที่พูด เธอกดน้ำหนัดมือลงไป ได้ยินเพียงเสียง “ครึก” ดังขึ้น ข้อมือของเจี่ยนชิวถูกบีบจนหัก
“อ๊ากกก” เจี่ยนชิวร้องด้วยความเจ็บปวด
เหลิ่งรั่วปิงไม่ออมมือแม้แต่น้อย เธอโยนเจี่ยนชิวลงไปในสระจระเข้ กลิ่นหอมของเนื้อมนุษย์ดึงดูดจระเข้ จระเข้เจ็ดถึงแปดตัวว่ายน้ำมาทันที พวกมันยื้อแย้งอาหารอันโอชะ เขี้ยวคมแหลมฝังลึกเข้าไปในตัวของเจี่ยนชิว
ทันใดนั้น เสียงร้องโหยหวนดังขึ้นในสระน้ำ น้ำในสระเปลี่ยนเป็นสีแดง
สีหน้าของลั่วซูเยียงซีดขาว มือทั้งสองข้างปิดปากเอาไว้ เธอถึงขั้นร้องไม่ออกเสียง สายตาของเหลิ่งรั่วปิงเย็นยะเยือก เธอเดินไปหาลั่วซูเยียงทีละก้าวๆ ลั่วซูเยียงถอยหลังหนีทีละก้าวๆ ภายใต้ความหวาดกลัว ภาพตรงหน้าของเธอกลายเป็นเจียงหน่วนซินที่อยู่ในฝัน ดวงตาสีนิล ผมที่ถูกแผดเผา ร่างกายที่ฉีกขาด…
“อ๊ากกก” สุดท้าย ลั่วซูเยียงร้องตะโกนด้วยความหวาดกลัว เธอวิ่งกลับเข้าไปในงานเลี้ยงอย่างเสียสติ วิ่งไปด้วยร้องไปด้วย “ผีหลอก มีคนฆ่ากัน”
มองดูแผ่นหลังของลั่วซูเยียงที่วิ่งไหนไปไกล เหลิ่งรั่วปิงกลับมามีสีหน้านิ่งเฉยอีกครั้ง ริมฝีปากของเธอกระตุกยิ้ม
“พี่รั่วปิง” เวินอี๋จับแขนของเหลิ่งรั่วปิงด้วยความสั่นเทา ถึงแม้เธอคิดจะร่วมมือกับเหลิ่งรั่วปิงแก้แค้นคนพวกนั้น แต่พอได้เห็นเลือดไหลนองตรงหน้า เธอก็อดไม่ได้ที่จะสั่นเทา
เหลิ่งรั่วปิงมองดูเจี่ยนชิวที่กำลังกรีดร้องทุรนทุรายในสระน้ำ เธอคลายยิ้มแล้วหันไปพูดกับเวินอี๋ “เป็นอะไรไป กลัวหรอ”
“นิดหน่อยค่ะ” เวินอี๋พยักหน้าด้วยความจริงใจ “แต่ว่า ฉันรู้สึกสะใจมากกว่า”
“ฮ่าๆๆ…” เหลิ่งรั่วปิงหัวเราะเสียงดัง “พี่ก็รู้สึกสะใจเหมือนกัน พอเห็นศัตรูทนทุกข์ทรมานแล้วพี่รู้สึกสะใจมาก เมื่อเทียบกับความเจ็บปวดของพ่อพี่และลุงเวินแล้ว พวกมันโดนแค่นี้ยังน้อยไป”
“อื้ม ใช่ค่ะ” เวินอี๋นึกถึงพ่อของตนเอง เธอมองดูเจี่ยนชิวที่อยู่ในน้ำแล้วรู้สึกแค้นใจน้อยลง “พี่รั่วปิง พี่ดูนั่นสิ!”
เหลิ่งรั่วปิงหันไปมองในน้ำ ขาขวาของเจี่ยนชิวถูกจระเข้กัดจนขาดออกจากตัว น้ำในสระแดงพล่านมากกว่าเดิม
“พี่รั่วปิง!”เวินอี๋จับมือเหลิ่งรั่วปิงแน่น
“พอแล้วๆ ไม่ต้องดูแล้ว” เหลิ่งรั่วปิงปิดตาเวินอี๋เอาไว้ “ไปหาไม้มาให้พี่ที พี่จะช่วยมันขึ้นมา เราจะปล่อยให้มันตายไม่ได้” การตายมันน้อยไป เธอเคยสัญญากับตนเองแล้วว่าจะทรมานศัตรูจนถึงที่สุด
“ค่ะ” เวินอี๋หลับตาปี๋รีบวิ่งออกไป
เหลิ่งรั่วปิงเก็บก้อนหินขึ้นมาสองสามอัน เล็งไปยังจระเข้ที่กำลังกัดกินเจี่ยนชิว ก้อนหินโดนใส่ตาของจระเข้เต็มๆ จระเข้รีบถอยหนีไปทันที
“พี่รั่วปิง ไม้มาแล้วค่ะ” ในมือของเวินอี๋มีไม้ไผ่ยาว เธอวิ่งมาด้วยความเหนื่อยหอบ
เหลิ่งรั่วปิงรับไม้ไผ่มาจากเวินอี๋ เธอเขี่ยตัวเจี่ยนชิวขึ้นมา เวลานี้เจี่ยนชิวหมดสติไปแล้ว เนื้อตัวเธอเต็มไปด้วยแผล ขาขวาที่ถูกจระเข้กัดจนขาดเต็มไปด้วยเลือด
เหลิ่งรั่วปิงฉีกกระโปรงของตนเอง เธอเอาเศษผ้ามามัดขาขวาของเจี่ยนชิวเอาไว้ เพื่อช่วยเธอห้ามเลือด
เวลานี้ ในงานเลี้ยงกำลังแสดงละครสนุกๆ
ลู่หวาหนงดื่มไวน์ผสมยาปลุกเซกส์ที่วางด้วยมือตนเองเข้าไปปริมาณมาก อีกไม่นานความชั่วที่เธอทำก็จะเผยออกมา ความคิดของเธอในตอนนั้นคือ ต่อให้เจี่ยนชิวและลั่วซูเยียงทำไม่สำเร็จ เหลิ่งรั่วปิงที่กินยาปลุกเซกส์เข้าไปปริมาณมาก ต้องทำเรื่องน่าเกลียดแน่นอน ถึงเวลานั้นหนานกงเยี่ยต้องรังเกียจเธอและถีบหัวส่งเหลิ่งรั่วปิงแน่ๆ แต่เธอคิดไม่ถึงว่าสุดท้ายแล้วจะเข้าตนเอง
ตอนที่ยาเริ่มออกฤทธิ์ จู่ๆ เธอก็คิดขึ้นมาได้ ลู่หวาหนงเข้าใจทุกอย่างแล้ว แต่ฤทธิ์ยาทำให้เธอไม่สามารถควบคุมตนเองได้ เธอทำตัวต่ำทรามยั่วยวนหนานกงเยี่ย ความใจกล้าของเธอทำให้ทุกคนตกใจ
หนานกงเยี่ยนั่งนิ่ง ตอนที่ลู่หวาหนงยื่นมือมาจับเสื้อสูทของเขา หนานกงเยี่ยระเบิดอารมณ์ทันที เขาเตะลู่หวาหนง มองไปที่จั่วเยี่ยนเหาด้วยความไม่พอใจ “จั่วเยี่ยนเหา คุณไม่สนองความใคร่ของเธอหรือไง”
จั่วเยี่ยนเหามองลู่หวาหนงที่กำลังยั่วยวนหนานกงเยี่ยด้วยความโมโห เขาโกรธจนแทบบ้าอยู่แล้ว แต่เขาไม่กล้าไปหยุดเธอ เพราะกลัวจะทำให้หนานกงเยี่ยไม่พอใจ แต่เวลานี้เขายังถูกหนานกงเยี่ยพูดแทงใจดำแบบนี้ หน้าแก่ๆ ของเขากลายเป็นเหมือนกระดิ่งในสายลม ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว จั่วเยี่ยนเหากัดฟันกรอดลากตัวลู่หวาหนงออกมา เขาตบหน้าเธอซ้ายทีขวาที ไม่นานหน้าของลู่หวาหนงก็บวมเป่ง แต่ตัวเธอนั้นยังคงไม่ได้สติ
จั่วเยี่ยนเหาตบเธอจนเหนื่อย เขาสั่งให้คนลากตัวลู่หวาหนงออกไป เอาเธอไปขังที่ห้องมืดในวิลล่าของเขา ไว้กลางคืนกลับไปค่อยสั่งสอนเธอ
หนานกงเยี่ยมองดูสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา เขาไม่ไม่ยี่หระกับสิ่งที่เกิดขึ้น เวลานี้ก่วนอวี้กลับมาแล้ว เขาพูดกระซิบอยู่ข้างหูหนานกงเยี่ย หนานกงเยี่ยนิ่งค้างไปครู่หนึ่งแล้วแสยะยิ้ม ในเวลาเดียวกันเขารู้สึกตกใจเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าเหลิ่งรั่วปิงจะใจร้ายยิ่งกว่าแม่มด
“ผีหลอก มีคนฆ่ากัน” ลั่วซูเยียงวิ่งมาด้วยผมเพ้ายุ่งเหยิง เธอล้มลุกคลุกคลานเข้ามาในงานเลี้ยง สีหน้าตกใจของเธอเหมือนเพิ่งผ่านนรกมาอย่างไรอย่างนั้น
สภาพที่บ้าคลั่งของเธอดึงดูดสายตาผู้คน กลบเรื่องของลู่หวาหนงไปจนหมด ทุกคนมองมาที่เธอเป็นตาเดียว เธอวิ่งมาจากสระจระเข้ แขกในงานมีความคิดเดียวกัน มีคนตกลงไปในสระจระเข้!
ดังนั้น ไม่รอให้ลั่วซูเยียงอธิบาย ทุกคนรีบวิ่งไปที่สระจระเข้ เหมือนกำลังไปดูสิ่งที่แปลกประหลาด
มีเพียงแค่หนานกงเยี่ยและมู่เฉิงซีมองหน้ากันแล้วยิ้ม พวกเขาเดินตามแขกในงานไปอย่างไม่รีบร้อน พวกเขาต่างคร่ำครวญในใจว่าผู้หญิงของตนร้ายมาก
ตอนที่ทุกคนวิ่งไปถึงสระจระเข้ พวกเขาเห็นเหลิ่งรั่วปิงกำลังช่วยเจี่ยนชิวพอดี เธอกำลังทำแผลให้เจี่ยนชิว
ลั่วซูเยียงเดินฝ่าฝูงชนเข้าไป เธอชี้หน้าเหลิ่งรั่วปิง “จับมันเร็วเข้า ผู้หญิงคนนี้เป็นคนผลักแม่ฉันลงไป”