เดิมพันเสน่หา - ตอนที่ 251 ตอนนี้เธอคือผู้นำตระกูล
ทุกคนพูดกันว่า หนานกงเยี่ยฉลาด เย็นชา เหี้ยมโหดและกระหายเลือด แต่มีแค่เหลิ่งรั่วปิงเท่านั้นที่รู้ ความเป็นจริงมีหลายครั้งหลายคราที่เขาปัญญาอ่อนและไร้ยางอาย
อ่านเงื่อนไขของสัญญาที่เขาเขียนให้กับเธอ เหลิ่งรั่วปิงหัวเราะ นี่มันหัวธุรกิจตรงไหน
ข้อแรกยังพอดีหน่อย จ้างเขาเป็นประธานบริษัท ถึงยังไงเธอก็ไม่รู้วิธีการบริหารธุรกิจที่ใหญ่ขนาดนี้ การมีเขาบริหารจัดการต่อเป็นเรื่องที่เธอยินดี ข้อสองก็พอจะฝืนตกลงได้ ถึงยังไงเธอก็ไม่คิดที่จะหย่ากับเขา แต่ข้อสาม มีสิทธิ์อะไรเรียกร้องให้เธอมีลูกสาวให้เขา เขาชอบเด็กผู้หญิงมากขนาดไหนกัน!
เหลิ่งรั่วปิงเอาเอกสารตบไปที่หน้าของหนานกงเยี่ยด้วยความโมโห ”คุณมีสิทธิ์อะไรบอกให้ฉันมีลูกสาวให้คุณคะ”
หนานกงเยี่ยยิ้มพร้อมกับกอดเธอเอาไว้ มือใหญ่ที่อบอุ่นลูบท้องน้อยของเธอ ”คุณไม่อยากมีลูกสาวเหรอครับ ถ้าพวกเรามีลูกสาว ผมจะหาสิ่งที่ดีที่สุดในโลกมาให้ลูกของเรา ให้เธอเป็นเจ้าหญิงอันดับหนึ่งของโลก ลูกของเรามีพ่อที่มากความสามารถ มีแม่ที่สวย เธอมีต้นทุนชีวิตที่ควรค่าแก่การภาคภูมิใจ สักวันหนึ่งต้องมีผู้ชายดีๆ มารักและทะนุถนอมลูกของเรา ลูกของเราจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขตลอดไป แต่ผู้ชายต้องรับผิดชอบเรื่องมากมาย พวกเขาไม่ได้รับการรักและทะนุถนอม การรักและทะนุถนอมมากเกินไปจะทำให้พวกเขาอ่อนแอ ไม่อาจยืนหยัดบนโลกใบนี้ได้ ดังนั้นผู้ชายทุกคนที่เกิดมาถูกกำหนดให้ผ่านการฝึกฝน”
หนานกงเยี่ยใช้แก้มถูใบหูของเหลิ่งรั่วปิง ”ดังนั้น ที่รักครับ พวกเรามีลูกสาวดีไหมครับ”
เหลิ่งรั่วปิงคลายยิ้มบางๆ ซบอยู่ในอ้อมกอดที่อบอุ่นของเขา ”คุณไม่อยากให้มีคนมาสืบทอดธุรกิจของตระกูลหนานกงเหรอคะ”
หนานกงเยี่ย ”ผู้หญิงก็สืบทอดได้นี่”
เหลิ่งรั่วปิง ”คุณไม่อยากให้ลูกต้องเหนื่อย แต่อยากให้ลูกสืบทอดธุรกิจ มันไม่ย้อนแย้งหรือไงคะ”
หนานกงเยี่ยยิ้ม ”ไม่ย้อนแย้งครับ อันที่จริงผมรู้สึกว่า ธุรกิจไม่จำเป็นต้องให้ตระกูลใดตระกูลหนึ่งมาสืบทอด แต่ให้คนมีความสามารถมาบริหาร ทำประโยชน์ให้กับผู้คนก็พอแล้ว ตระกูลหนานกงสืบทอดกันมานานกว่าสี่ร้อยปี เพื่อรักษาตระกูลนี้เอาไว้ ผู้นำตระกูลทุกคนใช้ชีวิตเหมือนหุ่นยนต์ ไม่มีความสุขของตนเอง ในเมื่อการรักษาตระกูลเป็นการเสียสละความสุขของลูกหลาน แล้วมีความจำเป็นอะไรที่ต้องรักษามันเอาไว้ด้วย”
เหลิ่งรั่วปิงคิดไม่ถึง หนานกงเยี่ยจะมีความคิดที่ลึกซึ้งมากขนาดนี้ ถึงแม้เขายังไม่ได้เป็นพ่อคนเต็มตัว แต่เขาวางแผนทั้งชีวิตให้กับลูกแล้ว หนานกงเยี่ยเคยพูดเอาไว้ เขาจะเป็นพ่อและสามีที่ดี และตอนนี้เขากำลังทำมันอย่างดี
“ที่รักคะ เป็นเพราะคุณมองสัจธรรมของเงินทองจนเห็นแก่นแท้ ก็เลยยอมโอนทรัพย์สินทุกอย่างของคุณให้ฉันง่ายๆ แบบนี้ใช่ไหมคะ”
“แน่นอนว่าไม่ใช่แบบนั้น ผมแค่อยากให้คุณรู้ ผมให้ทุกอย่างที่คุณต้องการได้ ต่อให้คุณอยากจะได้ดาวบนฟ้า ผมก็จะพยายามสุดชีวิตเพื่อคว้ามันมาให้คุณ”
เหลิ่งรั่วปิงหันหลัง เกยคางไว้บนไหล่กว้างของหนานกงเยี่ย มองเขาด้วยสีหน้าจริงจัง ”แล้วคุณไม่ถามฉันหน่อยเหรอคะ ทำไมจู่ๆ ฉันถึงยอมรับทรัพย์สินของคุณ”
หนานกงเยี่ยมองหญิงสาวในอ้อมกอดด้วยความรักใคร่ รอยยิ้มบางๆ ของเขาเคลือบด้วยความฉลาดหลักแหลม เขารู้ว่าเธอกำลังหาความสมดุลในใจ เมื่อก่อนเธอไม่ยอมรับทรัพย์สินของเขา เป็นเพราะเธอตัดสินใจเด็ดขาดที่จะไปจากเขา ต้องการที่จะตัดขาดกับตระกูลหนานกงอย่างชัดเจน แล้วไปแก้แค้นหนานกงจวิ้น แต่ตอนนี้ เพราะลูก เธอจึงยอมทิ้งความแค้น แล้วสร้างครอบครัวที่อบอุ่นกับเขา แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเธอลืมความแค้นทั้งหมดไปแล้ว
การได้ครอบครองทรัพย์สินของตระกูลหนานกง เป็นการแก้แค้นหนานกงจวิ้น และเป็นการให้คำตอบพ่อของเธอที่จากไปด้วยความทรมาน
หนานกงเยี่ยลูบผมของเหลิ่งรั่วปิงเบาๆ ”ที่รัก คุณรู้อะไรไหม ถึงแม้จะยกทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลหนานกงให้คุณแล้ว ผมก็ยังจะรักและตามใจคุณตลอดชีวิต ผมยังรู้สึกติดค้างคุณมากมาย”
“เป็นเพราะรู้สึกติดค้างต่อฉัน คุณก็เลยรักและตามใจฉันเหรอคะ”
“เด็กโง่ พอท้องแล้วโง่เลยนะ!” หนานกงเยี่ยยิ้มแล้วดีดหน้าผากเหลิ่งรั่วปิงหนึ่งที ”คุณคิดว่าผมเคยติดค้างใครด้วยเหรอ”
ใช่แล้ว ตระกูลหนานกงอยู่มานานกว่าสี่ร้อยปี มีคนจำนวนไม่น้อยที่ต้องถูกพวกเขาเหยียบย่ำ เพื่อความสำเร็จของตน ถ้าหากรู้สึกผิดต่อทุกคนที่เหยียบย่ำ ตระกูลหนานกงก็ไม่จำเป็นต้องสืบทอดกันแล้ว ถ้าเหลิ่งรั่วปิงเป็นแค่คนข้างทางที่เดินผ่านมา แม้แต่สายตาสงสารหนานกงเยี่ยก็คร้านจะปรายตามอง
ดังนั้น ไม่ได้รักและตามใจเธอเพราะรู้สึกติดค้าง แต่เพราะรักเธอดังนั้นเขาจึงรู้สึกติดค้าง รู้สึกติดค้างก็ดี รู้สึกรักก็ช่าง ล้วนเป็นเพราะเขารักเธอ
หนานกงเยี่ยโอบกอดเหลิ่งรั่วปิงเอาไว้ ทั้งสองนั่งกินมื้อกลางวันด้วยกัน อาหารทุกอย่างเขาเป็นคนกำชับบอกกับแม่ครัว ต้องเป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพของคนท้อง การบริการของหนานกงเยี่ยครบรอบด้าน ทั้งตักอาหารให้เธอ ตักข้าวให้เธอ ตักน้ำซุปให้เธอ เขาทำด้วยตนเองทุกอย่าง แทบอยากจะเอาตัวเธอมาประคบประหงมบนฝ่ามือ ได้หนานกงเยี่ยคอยดูแล พ่อบ้านและสาวใช้ทำตัวไม่ถูก ยืนอยู่ตรงนั้นเหมือนเป็นส่วนเกิน ดังนั้นพ่อบ้านจึงส่งสายตาให้กับทุกคน สั่งให้พวกเขาออกไป ตัวพ่อบ้านเองก็เดินออกไปด้วยใบหน้าที่แต้มด้วยรอยยิ้ม เว้นช่องว่างให้พวกเขาทั้งสองสวีทหวานกัน
เหลิ่งรั่วปิงดื่มด่ำกับการดูแลระดับฮองเฮา พร้อมทั้งพูดหยอกล้อ ”คุณหนานกงเยี่ย ตอนนี้คุณเปลี่ยนจากคนที่รวยที่สุดในโลกกลายเป็นคนจน รู้สึกยังไงบ้างคะ”
“ฮ่าๆๆ…” หนานกงเยี่ยหัวเราะ ”ความรู้สึกนี้เหมือนตกนรกแล้วขึ้นสวรรค์”
“พูดสลับกันหรือเปล่าคะ” เหลิ่งรั่วปิงปรายตามองหนานกงเยี่ย ”โกหก จอมปลอม!”
หนานกงเยี่ยดึงกระดาษทิชชู่ออกมาหนึ่งแผ่น เช็ดมุมปากของเธอที่มีคราบน้ำมันติด ”เมื่อก่อนผมทุ่มสุดชีวิตเพื่อรั้งคุณเอาไว้ ตอนนี้แค่เอาทรัพย์สินทั้งหมดมาวาง ก็พันธนาการคุณให้อยู่กับผมตลอดชีวิต ทั้งยังซื้อหนึ่งแถมหนึ่งอีก คุณว่าผมไม่ได้กำไรเหรอครับ”
“คุณหนานกงเยี่ย ช่วงนี้คุณกินน้ำผึ้งบ่อยใช่ไหมคะ” ผู้ชายคนนี้ตั้งแต่กลับมาจากซีหลิง เขาก็พูดหยอดคำหวานตลอด
“แล้วคุณมีความสุขไหมครับ”
เหลิ่งรั่วปิงหัวเราะ เธอยอมรับ เธอมีความสุขมาก หนานกงเยี่ยในตอนนี้เหมือนผู้ชายที่กำลังมีความรักร้อนแรง มอบความทรงจำที่หวาดหยดย้อยให้อีกฝ่ายตลอดเวลา
เห็นหญิงงามยิ้มแก้มปริ คำหวานของหนานกงเยี่ยก็ยิ่งฮึกเหิมมากขึ้น ”ถ้าคุณชอบฟัง ผมจะพูดตลอดชีวิตเลยครับ ทำให้คุณยิ้มไปตลอดชีวิต เป็นไหน้ำผึ้งของคุณชั่วนิรันดร์”
เหลิ่งรั่วปิงหัวเราะร่า ”คุณนี่มันจริงๆ เลยนะคะ”
หนานกงเยี่ยยังคงพูดไม่จบ ”ที่รักครับ ผมพยายามทำให้คุณมีความสุขในทุกวัน คุณช่วยมีลูกสาวให้ผมหลายๆ คนได้ไหมครับ”
เหลิ่งรั่วปิงคว้ากระดาษทิชชู่แล้วโยนไปที่หน้าของหนานกงเยี่ย ”คุณหนานกงเยี่ย พอได้แล้วค่ะ!”
“ฮ่าๆๆ…” หนานกงเยี่ยหัวเราะเสียงดัง ”ถ้าคุณมีลูกสาวให้ผมหลายๆ คน ถึงเวลาที่พวกเราเลือกลูกเขย ต้องเป็นงานที่อลังการมากแน่ๆ”
“หึ ตอนนี้ฉันต่างหากที่เป็นผู้นำครอบครัว คุณเป็นลูกจ้างของฉัน หลังจากนี้ทำตัวดีๆ หน่อย ระวังฉันจะหักเงินเดือน!”
“รับทราบครับ คุณภรรยาที่รัก!”
ทั้งสองพูดคุยหยอกล้อกันจนกินมื้อเที่ยงเสร็จ เหลิ่งรั่วปิงรู้สึกง่วงอีกแล้ว หนานกงเยี่ยจึงอุ้มเธอกลับไปยังห้องนอน วางลงบนเตียง ”นอนหลับนะครับ”
พูดจบ หนานกงเยี่ยดึงผ้าห่ม แล้วล้มตัวลงนอนข้างเหลิ่งรั่วปิง
เหลิ่งรั่วปิงกะพริบตาปริบๆ ด้วยความไม่เข้าใจ ”คุณไม่ไปทำงานเหรอคะ”
หนานกงเยี่ยเปิดหนังสืออ่าน พร้อมกับพูดอย่างไม่ใส่ใจ ”บริษัทมีก่วนอวี้คอยดูแล ผมเอางานกลับมาทำที่บ้านหมดแล้ว คุณนอนหลับเถอะนะ เดี๋ยวผมไปที่ห้องหนังสือ”
“เฮ้อ คุณหนานกงเยี่ย คุณเพิ่งเซ็นโอนทรัพย์สินให้ฉัน ก็เริ่มไม่ตั้งใจทำงานแล้วเหรอคะ”
“ฮ่าๆๆ…” หนานกงเยี่ยหัวเราะจนแผงอกกว้างกระเพื่อม ”ผมก็กำลังรายงานให้เจ้านายทราบไม่ใช่หรือไงครับ” คิ้วทรงสวยสั่นเทาเล็กน้อย ”สิ่งที่ผมทำเรียกว่าส่งผลดีต่อทั้งสองฝ่าย ทั้งตั้งใจทำงานเอาอกเอาใจเจ้านาย และยังอยู่กับภรรยาตลอดเวลา”
เหลิ่งรั่วปิงเบ้ปาก ”ยิ่งอยู่ก็ยิ่งกะล่อนปลิ้นปล้อน!” เธอเงยหน้าขึ้นมอง ”คุณกำลังอ่านหนังสืออะไรคะ” อันที่จริงเธอรู้ ที่เขาเอางานกลับมาทำที่บ้าน ก็เพื่อดูแลเธอตลอดเวลา
หนานกงเยี่ยยื่นปกหนังสือไปตรงหน้าเหลิ่งรั่วปิงพร้อมกับส่ายไปมา เหลิ่งรั่วปิงเหยียดตัวนั่งด้วยความตกใจ ”คุณกำลังอ่านหนังสือความรู้เด็ก?”
เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าหนานกงเยี่ยจะศึกษาเรื่องพวกนี้ เธอนึกถึงสิ่งที่เขาเคยบอกกับเธอเมื่อก่อนหน้านี้อีกครั้ง เขาบอกว่าจะเป็นสามีและพ่อที่ดี
“ครับ” หนานกงเยี่ยพลิกหน้าหนังสือ ”เรียนรู้ล่วงหน้า ตอนที่ลูกคลอดออกมาจะได้ไม่ต้องทำตัวไม่ถูก” ยื่นมือตบแก้มเหลิ่งรั่วปิงเบาๆ ”คุณนอนเถอะนะ”
เหลิ่งรั่วปิงซึ้งใจมาก ผู้ชายแบบนี้หายากมาก ซบอยู่บนไหล่กว้างของเขาอย่างออดอ้อน ”ฉันก็จะอ่านด้วยค่ะ”
“ครับ” หนานกงเยี่ยขยับตัว แล้วเอาหนังสือมาวางตรงกลาง พวกเขาทั้งสองเขาอ่านพัฒนาการของทารกด้วยกัน ”คุณดูนี่สิ ตอนนี้คุณท้องเกือบสองเดือนแล้ว หน้าตาของลูกเป็นแบบนี้ คล้ายทารกมากแล้ว เดี๋ยวครบสองเดือน ลูกก็จะมีมือและเท้ายื่นออกมา ทั้งยังมีหู ตาและลิ้นอีกด้วย” หนานกงเยี่ยหันไปหอมแก้มเธอเบาๆ ”ผมรู้ว่าการตั้งครรภ์ลำบากมาก ผมจะอยู่กับคุณให้มากๆ นะครับ หืม?”
หลังจากฟังคำพูดสุดท้ายจบ เหลิ่งรั่วปิงก็ทนต่อความง่วงนอนไม่ได้แล้ว เธอหลับตาลง ริมฝีปากของเธอแต้มด้วยรอยยิ้ม
หนานกงเยี่ยวางหนังสือลงเบาๆ แล้ววางเหลิ่งรั่วปิงลงบนเตียง หลังจากนั้นก็หอมแก้มเธอ ตอนที่เขากำลังจะลงจากเตียง เพิ่งเดินได้แค่สองก้าวก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงหันหลังกลับไปจูบท้องน้อยของเธอ แล้วเดินออกไปจากห้องหนังสือด้วยรอยยิ้มพอใจ
ทำงานในห้องหนังสือพักหนึ่ง อวี้ไป่หันโทรมา ”หนานกง พาภรรยาสุดที่รักกลับมาจากซีหลิงแล้ว ทำไมถึงไม่พารั่วปิงมาหาทุกคนหน่อย”
หนานกงเยี่ยพลิกอ่านเอกสารอย่างไม่ใส่ใจ พูดด้วยน้ำเสียงเกียจคร้านที่เคลือบด้วยภาคภูมิใจ ”ยุ่งอยู่กับการดูแลครรภ์”
อวี้ไป่หันหัวเราะ ”ได้ยินว่า เพื่อแย่งรั่วปิงกลับมา แกถึงขั้นยอมทิ้งโปรเจคใหญ่ที่ทำร่วมกับซีหลิง ทั้งยังดวลกับเจ้าวิหารของซีหลิงอีก แกมันแน่จริงๆ!”
หนานกงเยี่ยได้ใจมากกว่าเดิม ”แน่นอน เพื่อที่จะเอาตัวรั่วปิงกลับมาฉันสู้ได้แม้กระทั่งกับยมบาล และฆ่าผีได้อีกด้วย ไม่เหมือนใครบางคน กล้าที่จะรักแต่ไม่กล้าที่จะแย่ง ทนดูคนอื่นพรากผู้หญิงที่รักไป”
อวี้ไป่หันถูกพูดแทงใจดำ อดไม่ได้ที่จะเบ้ปาก ”ฉันก็เสียใจมากเหมือนกัน ถ้าตอนนั้นฉันดึงดันที่จะรั้งเธอเอาไว้เหมือนอย่างที่นายทำ บางที…ช่างเถอะ ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว ยิ่งพูดก็ยิ่งเศร้า” แล้วเม้มกัดริมฝีปากล่าง ”มาเจอกันที่ไนท์คลับเฟิ่งหวงไถหน่อยไหม ถึงยังไงก็เจอกันอีกครั้งหลังจากผ่านเรื่องร้ายๆ ต้องฉลองกันหน่อย”
หนานกงเยี่ยพูดอย่างมีเหตุผล ”ตอนเย็นไม่ว่าง ภรรยาสุดที่รักของฉันกับลูกนอนหลับ เดี๋ยวฉันต้องตุ๋นน้ำซุปให้รั่วปิง ส่วนตอนกลางคืนละก็ ฉันต้องถามความคิดเห็นภรรยาก่อน ตอนนี้เธอเป็นผู้นำของตระกูล”