เดิมพันเสน่หา - ตอนที่ 306 สุดท้ายก็เดินมาถึงขั้นที่ต้องเสียเลือดเสียเนื้อ
หนานกงเยี่ยนั่งอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น แววตาเย็นยะเยือก สีหน้าเคร่งเครียด เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วกดโทรหาก่วนอวี้ “เรื่องของเฉินลู่เหยา สืบไปถึงไหนแล้ว”
ก่วนอวี้ในเวลานี้ยังอยู่ที่วิลล่าของเฉินลู่เหยา หมอฉีดยากล่อมประสาทให้เฉินลู่เหยาแล้ว หลังจากเธอนอนหลับ เขาได้ตรวจสอบข้าวของเครื่องใช้ของเฉินลู่เหยาอย่างละเอียด
ได้รับสายจากหนานกงเยี่ย ก่วนอวี้ชำเลืองมองเฉินลู่เหยาที่นอนหลับตาพริ้ม แล้วมองไปที่ของในมือตนเอง มุมปากของเขากระตุกยิ้มร้ายกาจ “คุณชายเยี่ยครับ ผมเจอซิมโทรศัพท์ในกระเป๋าเครื่องสำอางของเฉินลู่เหยา สั่งให้คนของเราตรวจสอบแล้ว พบว่าเบอร์นี้ติดต่อกับท่านหนานกงบ่อยมากครับ นอกจากนี้ผมยังเจอยาที่สกัดมาจากต้นลำโพงในกระเป๋าของเธออีกสองเม็ดด้วยครับ”
แม้จะคาดการณ์เรื่องนี้เอาไว้แต่แรก แต่หลังจากได้ทราบเรื่อง หนานกงเยี่ยก็ยังคงโมโหจนถึงกับกัดฟันกรอด เฉินลู่เหยา เธอทำลายโอกาสที่ฉันให้เธอไปแล้ว
ก่วนอวี้ “คุณชายเยี่ยครับ ให้ผมจัดการผู้หญิงคนนี้เลยไหมครับ” ขณะพูด แววตาเหี้ยมโหดของก่วนอวี้จับจ้องไปยังใบหน้าแดงระเรื่อของเฉินลู่เหยา
ถึงแม้ตอนนี้หนานกงเยี่ยอยากจะบดขยี้เฉินลู่เหยาให้เป็นผุยผง แต่เขายังคงเคารพในการตัดสินใจของเหลิ่งรั่วปิง “ไม่ต้อง รั่วปิงอยากจะจัดการผู้หญิงคนนั้นด้วยตนเอง เก็บเธอเอาไว้ก่อน นายรีบกลับมาที่วิลล่าหย่าเก๋อ ฉันมีเรื่องสำคัญจะให้นายทำ”
“ครับ” ก่วนอวี้บอกให้บอดี้การ์ดคอยจับตาดูเฉินลู่เหยา ทั้งยังกักบริเวณเธอ หลังจากสั่งงานทุกอย่างจนเรียบร้อยแล้ว เขาก็ขับรถกลับวิลล่าหย่าเก๋อตามลำพัง
ตอนที่ก่วนอวี้มาถึงวิลล่าหย่าเก๋อ ผู้เชี่ยวชาญด้านการขับพิษก็ทำงานจนเสร็จแล้ว พวกเขาเจอยาที่สกัดมาจากต้นลำโพงขนาดประมาณไข่นกกระทาในห้องนอนของเหลิ่งรั่วปิง ซึ่งสารสกัดหลักในยาตัวนี้ก็คือต้นลำโพง เดิมทีเฉินลู่เหยาไม่จำเป็นต้องเอายาเม็ดใหญ่ขนาดนี้มาซ่อนไว้ในห้อง แต่เธอใจร้อน อยากจะเพิ่มฤทธิ์ยาให้มากขึ้น จึงทำให้ส่งผลต่อเหลิ่งรั่วปิงและหนานกงเยี่ยในระยะเวลาสั้นๆ ไม่อย่างนั้นฤทธิ์ของยาชนิดนี้จะเป็นพิษอ่อนๆ รอให้รู้ตัวว่าถูกวางยา พิษของยาก็เข้าสู่ร่างกายไปแล้ว
พ่อบ้านรายงานผลการตรวจสอบ ในมือถือถาดเอาไว้ บนถาดมียาที่สกัดจากต้นลำโพง เป็นยาเม็ดกลมสีขาว
มองดูยาเม็ดนั้น นัยน์ตาของหนานกงเยี่ยเย็นยะเยือกยิ่งกว่าเดิม ความเย็นยะเยือกนั้นเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ สัมพันธ์กับสิ่งที่คิด “ก่วนอวี้ นายออกเดินทางตอนนี้เลย พาคนของเราไปที่เกาะส่วนตัวของตระกูลหนานกงบนมหาสมุทรทางตอนใต้ กำจัดคนของพ่อ แล้วเปลี่ยนเป็นคนของเราเข้าไป ตัดขาดการติดต่อของพ่อกับโลกภายนอก จำกัดการเดินทางของพ่ออย่างเข้มงวด ถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากฉัน นอกจากกินนอนแล้ว ห้ามให้พ่อทำอะไรเด็ดขาด”
แสงวาววับฉายออกมาจากแววตาของก่วนอวี้ “คุณชายเยี่ยครับ คุณชายจะทำแบบนี้จริงๆ เหรอครับ”
เขารู้ นี่เป็นภารกิจที่ยากมาก หนานกงจวิ้นอยู่บนเกาะนั้นมานานกว่าสิบปี คนในเกาะโดยมากล้วนเป็นคนของหนานกงจวิ้น เพื่อป้องกันไม่ให้ศัตรูมาลอบทำร้าย บนเกาะได้มีการติดตั้งกลไกต่างๆ เอาไว้มากมาย พูดได้ว่า นั่นเป็นฐานลับของตระกูลหนานกง
ก่อนหน้านี้ หนานกงเยี่ยส่งคนไปที่เกาะ ทำได้เพียงจำกัดการเข้าออกของคนบนเกาะเท่านั้น ทำอะไรหนานกงจวิ้นไม่ได้ นี่จึงเป็นเหตุผลที่หนานกงจวิ้นควบคุมเฉินลู่เหยาได้ ไม่อย่างนั้นเขาที่อยู่ไกลถึงมหาสมุทรทางตอนใต้จะรู้ทุกอย่างในเมืองหลงอย่างละเอียดได้ยังไง
เวลานี้ ถ้าจะควบคุมหนานกงจวิ้น จำเป็นต้องเกิดการนองเลือดขึ้นลับๆ โดยไม่ให้คนนอกรู้
ก่วนอวี้ไม่กลัวตาย เขาเองก็เตรียมพร้อมจะสละชีวิตเพื่อหนานกงเยี่ยตลอดเวลา เขาไม่เคยกลัวการทำภารกิจยากๆ แต่การที่พ่อลูกเดินมาถึงขั้นต้องนองเลือดกันแบบนี้ ถึงยังไงก็ไม่ดีเท่าไหร่
หนานกงเยี่ยหลับตาลงด้วยความเจ็บปวด “พ่อเป็นคนบีบให้ฉันต้องทำแบบนี้” เขาไม่เคยอยากจะให้มีการนองเลือดระหว่างพ่อลูก เขาอยากเป็นลูกที่ดี แต่ทำยังไงได้ในเมื่อพ่อไม่อยากทำหน้าที่พ่อที่ดี พ่ออยากจะฆ่าภรรยาและลูกของเขามากขนาดนี้ แล้วจะให้เขาอดทนได้ยังไง
ก่วนอวี้มองสีหน้าเจ็บปวดของหนานกงเยี่ย ภายในใจของเขารู้สึกหวั่นไหว “ครับ ผมจะออกเดินทางเดี๋ยวนี้เลยครับ”
“เดี๋ยวก่อน” ก่วนอวี้กำลังจะเดินออกไป หนานกงเยี่ยร้องเรียกเขาเอาไว้ “ก่วนอวี้ ฉันต้องการให้นายทำภารกิจให้สำเร็จเท่านั้น ไม่ได้ต้องการส่งนายไปตาย เข้าใจไหม” ลืมตาขึ้นช้าๆ นัยน์ตาฉายแสงวาววับ กวาดมองไปที่หน้าของก่วนอวี้ “ไม่ว่าภารกิจจะสำเร็จหรือไม่ นายต้องมีชีวิตรอดกลับมา ระหว่างที่นายไม่อยู่ ฉันจะดูแลหลานซีให้เอง”
ก่วนอวี้รู้สึกซาบซึ้งอย่างมาก “ครับ”
ถึงแม้ระหว่างเจ้านายกับลูกน้องจะแตกต่างกัน แต่ในหน้าประวัติศาสตร์ของตระกูลหนานกง การที่ลูกน้องตายเพื่อเจ้านายเป็นเรื่องปกติ ทว่าหนานกงเยี่ยรักก่วนอวี้เหมือนน้องชาย ชีวิตของเขามีค่า ก่วนอวี้รู้ดี
หลังจากก่วนอวี้ไป หนานกงเยี่ยไม่ยอมเข้านอน เขาเดินไปที่ห้องบูชาป้ายวิญญาณแม่ “แม่ครับ พ่อลูกฆ่าฟันกัน เป็นสิ่งที่แม่ไม่อยากเห็นใช่ไหมครับ”
“แต่ผมไม่มีทางเลือกแล้วจริงๆ ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากยอมอ่อนข้อให้พ่อ แต่พ่อไม่ยอมเปิดใจให้ภรรยาและลูกของผม ผมจึงจำเป็นต้องทำแบบนั้น ถ้าแม่ไม่อยากทนมองดูเรื่องที่เกิดขึ้น แม่นอนหลับให้สบายนะครับ”
สุดท้าย หนานกงเยี่ยจุดธูปอีกครั้ง แล้วเดินออกไป
ตอนกลับไปที่ห้องของเหลิ่งรั่วปิง ฟ้าเริ่มสว่างแล้ว เขาเลิกผ้าห่มขึ้นแล้วล้มตัวลงนอนบนเตียง โอบกอดเหลิ่งรั่วปิงเอาไว้ พร้อมกับหลับตาลงช้าๆ
*****
เวินอี๋ในเวลานี้ นอนอยู่บนโซฟาภายในห้องนั่งเล่นที่คอนโดใหม่ของมู่เฉิงซี เธอกำลังต่อต้านเขาด้วยความเงียบ
ไม่ได้นอนมาตลอดทั้งคืน ทำให้ขอบตาของเธอคล้ำเล็กน้อย
มู่เฉิงซีนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเวินอี๋ มองผู้หญิงตรงหน้าที่ดื้อจนทำให้เขาแทบบ้า “คุณจะเอายังไงกันแน่” ผู้ชายที่แข็งแกร่ง เวลานี้แทบอยากจะคุกเข่าต่อหน้าหญิงสาว ขอให้เธอหายโกรธ
เวินอี๋เงยหน้าขึ้น มองไปทางมู่เฉิงซีด้วยความเหลืออด “ฉันต่างหากที่ควรเป็นฝ่ายถามคุณ คุณจะเอายังไงกันแน่คะ” เมื่อคืนเธอแค่อยากจะออกไปจากไนท์คลับเฟิ่งหวงไถ กลับวิลล่าหย่าเก๋อด้วยตนเอง เธอไม่อยากเห็นเขากับซย่าอี่มั่วทะเลาะกัน แต่ใครจะไปรู้ว่าเขากลับจับเธอมาที่นี่อีกครั้ง
มู่เฉิงซีถอนหายใจ “ผมอยากจะใช้ชีวิตกับคุณ”
เวินอี๋หัวเราะ “ตอนที่ฉันอยากจะใช้ชีวิตร่วมกับคุณ คุณกลับทำให้ฉันต้องอับอาย ตอนนี้ฉันปล่อยวางทุกอย่างไปแล้ว แต่คุณกลับบอกว่าอยากใช้ชีวิตด้วยกัน มู่เฉิงซี ทำไมฉันต้องเชื่อฟังคุณทุกเรื่องด้วยคะ”
มู่เฉิงซีมองผู้หญิงตรงหน้าเงียบๆ เขาหมดเรี่ยวแรงแล้ว เผชิญหน้ากับศัตรู เขาใช้ลูกปืนแทนคำพูด ปล่อยให้ศัตรูเป็นหรือตายตามความต้องการของเขา แต่เมื่อเผชิญหน้ากับผู้หญิงคนนี้ เขากลับอับจนหนทาง ใช้ไม้แข็งไม่ได้ ใช้ไม้อ่อนก็ไม่ได้ แล้วจะให้เขาทำยังไงกันแน่ คาดเดาความคิดของผู้หญิงเหมือนงมเข็มในมหาสมุทร เขาอยากจะควักหัวใจของเธอออกมาดูว่าเธอต้องการอะไรกันแน่ เธอต้องการอะไรเขาก็พร้อมจะให้ ขอแค่เธอหยุดทำตัวงี่เง่าได้แล้ว
หลังจากผ่านไปนาน มู่เฉิงซีถอนหายใจด้วยความจนปัญญา ลุกขึ้นมาแล้วคว้าจับมือของเวินอี๋เอาไว้ “คุณไม่ได้นอนทั้งคืน พักผ่อนก่อนดีไหม”
เวินอี๋สะบัดเขาทิ้งอย่างไร้เยื่อใย คว้ากระเป๋าแล้วเดินออกไป ทว่ามู่เฉิงซีรีบคว้าตัวเธอเอาไว้ “คุณจะทำตัวงี่เง่าแบบนี้ถึงเมื่อไหร่”
“ทำตัวงี่เง่าแบบนี้ถึงเมื่อไหร่” เวินอี๋ถูกพันธนาการเอาไว้ เธอรู้สึกเสียใจจนน้ำตาคลอเบ้า “คุณปล่อยฉันไปเถอะค่ะ คุณมู่เฉิงซี ฉันไม่อยากถูกคนเอาปืนมาจ่อหน้าเพราะเรื่องของคุณอีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าเรื่องที่คุณแต่งงานกับคุณซย่าอี่มั่วเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริง แต่ในสายตาของทุกคนในเมืองหลง พวกคุณก็เป็นสามีภรรยากัน ต่อให้เธอยิงฉันจนตาย จนต้องขึ้นโรงขึ้นศาล ฉันก็จะถูกคนอื่นด่าว่าหน้าด้านอยู่ดี การที่คุณมาตามตอแยฉันแบบนี้ รังแต่จะทำให้ฉันกลายเป็นมือที่สาม ความอับอายที่คุณให้ฉัน ครั้งเดียวก็เกินพอแล้วค่ะ”
ถ้อยคำเหล่านี้ เวินอี๋พูดเบามาก แต่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด มู่เฉิงซีได้ยินดังนั้น ภายในใจของเขาเกิดคลื่นลูกใหญ่โดยไร้ซึ่งเสียง ใช่ การแต่งงานจอมปลอมในครั้งนี้ ไม่ว่ายังไงก็ส่งผลร้ายแรงต่อเวินอี๋ เขาคิดไม่ถี่ถ้วนเอง เขาไม่ได้รักษาความรักของพวกเขาเอาไว้
หลังจากเงียบไปหลายวินาที มู่เฉิงซีกอดเวินอี๋แน่น มือหนาลูบผมของเธอ “ขอโทษด้วยนะ เวินอี๋” ตาของเขาเริ่มแดงก่ำ “ผมผิดไปแล้ว ผมจะปรับปรุงตัว เมืองนี้ไม่เหมาะกับเราสองคนแล้ว ผมจะไปลาออกเดี๋ยวนี้ หลังจากจบงานแต่งงานของหนานกงกับรั่วปิง ผมจะไปเอ้าตูกับคุณ วันข้างหน้า เราจะไม่กลับมาเมืองหลงอีก”
เวินอี๋พยายามผลักออกจากเขา “คุณไม่กลัวว่าแม่ของคุณจะโมโหเหรอคะ ไม่กลัวว่าท่านจะกระโดดตึกเพื่อขู่คุณอีกเหรอ ไม่กลัวว่าท่านจะคุกเข่าให้คุณเหรอคะ”
มู่เฉิงซีมองตาเวินอี๋ด้วยความหนักแน่น “ผมเคยพูดแล้ว ผมไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น ผมต้องการแค่คุณ”
ไม่ต้องการอะไรแล้ว ต้องการแค่เธอ
คำพูดที่อบอุ่นนี้ ทำให้หัวใจของเวินอี๋เต้นแรงอีกครั้ง เธอมองตามู่เฉิงซี สบตากันโดยไร้ซึ่งคำพูด ส่วนลึกในใจของเธอรู้สึกเจ็บแปลบๆ ใช่แล้ว เขายังเป็นผู้ชายที่เธอรัก ความรักที่เธอมีให้เขาไม่เคยน้อยลงแม้แต่น้อย แม้กระทั่งตอนที่เธอเกลียดเขา แต่หัวใจของเธอก็ยังรักเขา ถ้าตอนนั้นเขาหนักแน่นแบบนี้ เธอคงไม่ผิดหวังมากขนาดนั้น เวลานี้เขาหนักแน่นแบบนี้ เธอควรจะกลับมาหาเขาจริงๆ เหรอ
ยังไม่รอให้เธอคิดทบทวน มู่เฉิงซีก็โอบกอดเธออีกครั้ง พร้อมกับจูบเธอด้วยความร้อนแรง ความทะนุถนอมของเขาที่มีต่อเธอ ทำให้เธออ่อนยวบในอ้อมกอดของเขา
ถึงแม้ทั้งสองจะยังมีปัญหากัน แต่ทั้งสองก็สัมผัสได้ถึงความคิดถึงของอีกฝ่าย เขาคิดถึงเธอ ความเป็นจริงเธอเองก็คิดถึงเขามาก ดังนั้นเมื่อประตูแห่งความคิดถึงพังลง ก็ไม่สามารถควบคุมอะไรได้แล้ว
มู่เฉิงซีกอดผู้หญิงร่างบางคนนี้เอาไว้แน่น ทั้งสองกอดกันพร้อมกับเดินเข้าไปในห้องนอน เช้าวันนี้เป็นเช้าที่ดีที่สุดของมู่เฉิงซีตลอดหนึ่งเดือนกว่าที่ผ่านมา…
เมื่อทุกอย่างหยุดลง เวินอี๋ซบอยู่ในอ้อมกอดของมู่เฉิงซี แก้มแดงระเรื่อของเธอยังมีความโกรธเคืองปะปนอยู่ เธอเกลียดตัวเองที่ตกหลุมพรางแห่งความอ่อนโยนของเขาอีกครั้ง ทั้งที่ตอนแรกตัดสินใจแล้วว่าจะไม่มีวันกลับไป แต่เธอกลับตกเป็นผู้หญิงของเขาอีกครั้ง
ไม่สามารถระบายความโกรธเคืองที่อยู่ในใจ เวินอี๋จึงชกไปที่หน้าอกของมู่เฉิงซี มู่เฉิงซีหัวเราะพร้อมกับโอบกอดเวินอี๋แน่น “พอแล้วครับ อย่าโกรธกันเลยนะ หลังจากนี้ผมจะยอมให้คุณตีผมตลอดชีวิตเลย”
เวินอี๋ยังคงโมโห เธอพลิกตัว แล้วฟาดไปที่แผ่นหลังแข็งแกร่งของเขา “ใครจะอยู่กับคุณตลอดชีวิตกันคะ ฉันยังไม่ได้คิดทบทวนให้ดีเลย”
มู่เฉิงซีโมโหขึ้นมาอีกครั้ง บีบแก้มของเวินอี๋ด้วยความมันเขี้ยว “มาถึงขั้นนี้แล้ว คุณยังจะคิดอะไรอีกครับ”