เดิมพันเสน่หา - ตอนที่ 311 ใครกันแน่ที่เป็นคนคุมเกม
เวินอี๋รู้สึกประหม่าเพราะความเป็นมิตรของคุณหญิงมู่ มือของเธอสั่นเทาเล็กน้อย “คุณหญิงมู่คะ หลังจากจบงานแต่งของพี่รั่วปิง ฉันจะกลับไปเรียนต่อที่ประเทศเอ้าตูค่ะ”
คุณหญิงมู่แปลกใจ “หนู…หนูยังจะกลับไปอีกเหรอ ทั้งที่กำลังท้องกำลังไส้แต่จะเดินทางเนี่ยนะ”
เวินอี๋ตอบรับเสียงเรียบ “คุณหญิงมู่คะ ฉันทิ้งการเรียนไปไม่ได้ มีคนท้องมากมายที่ยังคงทำงาน ฉันเองก็เหมือนกันค่ะ”
คุณหญิงมู่เป็นกังวล “หนูจะเอาตัวเองไปเปรียบกับผู้หญิงทั่วไปได้ยังไง ผู้หญิงพวกนั้นต้องไปทำงานทั้งที่ยังท้องเพราะต้องดิ้นรน แต่หนูไม่เหมือนผู้หญิงพวกนั้น หนูเป็นลูกสะใภ้ของตระกูลมู่ เป็นผู้หญิงที่ไม่ต้องไปทำงานก็มีเงินทองมากมายให้ใช้ แล้วหนูจะไปลำบากทำไม ยิ่งไปกว่านั้นเด็กในท้องของหนูเป็นหลานคนโตของตระกูลมู่ของเรา จะทำให้หลานของฉันเหนื่อยไม่ได้”
เวินอี๋ยิ้มบางๆ “คุณหญิงมู่คิดผิดแล้วค่ะ ผู้หญิงที่ทำงานทั้งที่ยังท้อง ไม่ใช่ว่าเป็นเพราะไม่มีเงินใช้เสมอไป พวกเธอก็เหมือนผู้ชาย อยากจะให้ชีวิตของตนมีคุณค่า ฉันเองก็เหมือนกันค่ะ”
คุณหญิงมู่ยังอยากจะพูดอะไรบางอย่าง ทว่ามู่เฉิงซีพูดขัดขึ้นมาก่อน “แม่ครับ แม่อย่าทำให้เวินอี๋ต้องลำบากใจเลยนะครับ การเรียนมหาวิทยาลัยเป็นความฝันของเวินอี๋มาโดยตลอด เธอไม่อยากหยุดเรียนกลางคัน ผมสนับสนุนเธอครับ อีกสองสามวันผมจะไปลาออกจากการเป็นตำรวจ แล้วย้ายไปอยู่กับเวินอี๋ที่ประเทศเอ้าตู ดังนั้นเธอต้องไม่เป็นอะไรแน่นอนครับ”
“อะไรนะ” คุณหญิงมู่ตกใจยิ่งกว่าเดิม “จะลาออกเหรอ ลูกรู้ไหมว่าตำแหน่งของลูกมีคนมากมายแค่ไหนต้องการ แต่ลูกกลับบอกว่าจะลาออกเนี่ยนะ” แน่นอนว่าคุณหญิงมู่ไม่ได้พูดอีกครึ่งประโยคหลัง ซึ่งก็คือลาออกเพื่อผู้หญิงคนหนึ่ง
มู่เฉิงอู่เองก็ตกใจอย่างมาก “เฉิงซี ลูกเป็นทายาทคนเดียวของตระกูลมู่ ถ้าลูกลาออกจากตำรวจเมืองหลงแล้ว หลังจากนี้ชื่อเสียงของตระกูลมู่จะเป็นยังไง”
มู่เฉิงซีไม่แปลกใจ “แค่ลาออกจากการเป็นตำรวจเมืองหลงชั่วคราวเท่านั้น ไม่ได้แปลว่าหลังจากนี้ผมจะไม่ทำงานอีก ไว้รอให้เวินอี๋เรียนจบ ผมค่อยทำงานใหม่ก็ไม่สายเกินไป ถึงเวลานั้นผมจะรับตำแหน่งทางทหารก็ได้นี่ครับ”
ด้วยความสามารถของมู่เฉิงซี เขาเป็นที่ต้องการของทหารมานานแล้ว ทหารตำแหน่งใหญ่ๆ เชิญเขาไปเข้ารับตำแหน่งหลายครั้งต่อหลายครั้ง แค่เขาไม่ได้ไปก็เท่านั้น
มู่เฉิงอู่พยักหน้า “ช่างเถอะ แม่ของแกพูดถูก ตอนนี้แกก็โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ฉันจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับชีวิตของแกมากเกินไปไม่ได้อีก อยากทำอะไรก็เชิญตามสบาย”
มู่เฉิงอู่คิดได้แล้ว แต่คุณหญิงมู่ไม่สบอารมณ์ ตำแหน่งดาบตำรวจเมืองหลงเป็นตำแหน่งที่ทรงคุณค่า คิดจะทิ้งขว้างไปง่ายๆ ได้ยังไง เมื่อเกลี้ยกล่อมมู่เฉิงซีไม่ได้ เธอจึงหันไปเกลี้ยกล่อมเวินอี๋ “เวินอี๋ ในเมื่อหนูแต่งงานกับเฉิงซีแล้ว หนูควรจะคิดเผื่อเฉิงซี ตำแหน่งดาบตำรวจเมืองหลงนี้ไม่ได้ได้มาง่ายๆ หนูทนเห็นเฉิงซีลาออกจากงานเพื่อตนเองได้จริงๆ เหรอ”
เห็นแววตาของเวินอี๋แสดงความอ่อนไหว คุณหญิงมู่จึงพูดโน้มน้าวต่อ “เวินอี๋ เมืองหลงเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศต้าหย่า เจริญรุ่งเรืองกว่าประเทศเอ้าตูมาก มหาวิทยาลัยที่นี่ก็เป็นระดับสากล เธอเรียนมหาวิทยาลัยที่เมืองหลงไม่ดีกว่าประเทศเอ้าตูเหรอ”
“ก่อนหน้านี้หนูมีปัญหากับเฉิงซี ก็เลยหนีไปเรียนมหาวิทยาลัยที่ประเทศเอ้าตู แต่ตอนนี้หนูกับเฉิงซีแต่งงานกันแล้ว หนูเรียนมหาวิทยาลัยที่เมืองหลงเถอะ หนูอยากจะเป็นผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน เรื่องนี้ฉันไม่ห้าม หลังจากนั้นฉันจะไม่เข้าไปยุ่งวุ่นวายกับชีวิตของพวกเธออีก หลังจากที่หนูคลอดหลานให้ฉัน ฉันจะช่วยหนูเลี้ยงดูเอง หนูอยากจะทำอะไรก็ทำ ได้ไหม”
คำพูดของคุณหญิงมู่ ใช่ว่าเวินอี๋ไม่รับฟัง เธอเองก็ไม่อยากให้มู่เฉิงซีต้องลาออกจากงานเพราะตน ด้วยเหตุนี้เธอจึงกัดฟันแน่นแล้วนั่งเงียบ
มู่เฉิงซีทนเห็นเวินอี๋ลำบากใจไม่ได้ “แม่ครับ เรื่องนี้ให้พวกผมปรึกษากันเองนะครับ แม่กับพ่อกลับกันก่อนเถอะครับ”
คุณหญิงมู่พยักหน้า “ก็ได้ เรื่องของพวกลูก แม่กับพ่อบงการไม่ได้ อยากทำอะไรก็ตามใจพวกลูกเถอะ”
เวลาสามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว อวี้ไป่หันจัดเตรียมงานเลี้ยงเต้นรำขึ้นอย่างยิ่งใหญ่อลังการ โดยงานเลี้ยงเต้นรำนี้จัดขึ้นในโถงใหญ่ของโรงแรมอิมพีเรียล ชนชั้นสูงผู้มีหน้ามีตาในสังคมของเมืองหลงแต่งตัวมาร่วมงาน ดาราชื่อดังก็มาร่วมงานเช่นเดียวกัน งานเลี้ยงเต้นรำที่ตระกูลหนานกงจัดขึ้น มีใครบ้างที่จะไม่มา ถ้าได้เจอหน้าหนานกงเยี่ยสักนิด พูดคุยกับเขาสักหน่อย พรุ่งนี้ก็อาจจะตกถังข้าวสารแล้วก็ได้
เฉินลู่เหยาเป็นดาราชื่อดัง ก่อนหน้านี้ยังเป็นดาราหญิงที่บริษัทหนานกงช่วยดัน แน่นอนว่าต้องได้รับคำเชิญให้มาร่วมงาน
ความเป็นจริงตัวเธอเองก็อยากมาร่วมงานเลี้ยงนี้มาก เพราะงานเลี้ยงเต้นรำในวันนี้คุณผู้หญิงหนานกงเป็นคนจัด ถ้าอย่างนั้นเธอจะต้องเจอหนานกงเยี่ยและเหลิ่งรั่วปิงในงานเลี้ยงอย่างแน่นอน ตั้งแต่เกิดเรื่องคืนนั้นขึ้น เธอก็ไม่ได้ข่าวของหนานกงเยี่ยอีกเลย จึงอยากจะใช้โอกาสนี้สืบหา อยากรู้ว่าหนานกงเยี่ยและเหลิ่งรั่วปิงมีท่าทีอย่างไร
งานเลี้ยงเต้นรำจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่อลังการ โคมไฟคริสตัลหรูหราห้อยระย้าลงมาจากเพดานสูง อาหารการกินและเครื่องดื่มในงานเลี้ยงล้วนเป็นอาหารเครื่องดื่มชั้นดี คนที่มาร่วมงานเลี้ยงล้วนพิถีพิถันในการแต่งตัว ผู้ชายสวมชุดสูท ผู้หญิงเปล่งประกายวาววับด้วยเครื่องประดับ
เทียบกับงานเลี้ยงในราชวังได้เลย
หลังจากงานเลี้ยงเริ่มขึ้นไม่นาน หนานกงเยี่ยก็พาเหลิ่งรั่วปิงเดินเข้ามาในงานเลี้ยง ทั้งสองสมบูรณ์แบบราวกับฮ่องเต้และฮองเฮา ดึงดูดสายตาของทุกคน
หนานกงเยี่ยยังคงสวมชุดสูทสีดำและรองเท้าหนังสีดำเหมือนที่ผ่านมา เซทผมเป็นทรง รูปร่างกำยำ ใบหน้าหล่อเหลา บุคลิกราวกับฮ่องเต้ ดวงตาฉายแสงวาววับเหมือนนกอินทรีล่าเหยื่อ ทำให้คนยอมจำนนแทบเท้าเขาโดยไม่อาจควบคุมตนเองได้
ทางด้านเหลิ่งรั่วปิงยังคงสง่างามและบริสุทธิ์ผุดผ่องดังเช่นที่ผ่านมา เธอสวมชุดเดรสตัวยาวสีแดง เข้าคู่กับเครื่องเพชรที่แสนจะดึงดูดสายตา เกล้าผมขึ้นสูง ทำให้ดูมีชีวิตชีวาขึ้นอย่างมาก ใบหน้าสวยราวกับพระเจ้าประทาน บุคลิกน่าเกรงขาม คิ้วงามเรียงตัวสวย เธอดูราวกับนางฟ้าที่โบยบินมาจากเปลวเพลิง
เมื่อทั้งสองเดินเข้ามาในงาน ทุกคนต่างพากันชื่นชมอย่างประจบประแจง หนานกงเยี่ยเคยชินกับการทำตัวเย็นชา เขาเพียงแค่พยักหน้าเท่านั้น ส่วนเหลิ่งรั่วปิงยิ้มตอบอย่างสง่างาม แต่ไม่มีใครเห็นดวงตาคู่สวยที่ซ่อนแสงวาววับยากจะคาดเดา ตอนที่สายตาของเธอทอดมองไปทางเฉินลู่เหยา เฉินลู่เหยารู้สึกเหมือนถูกไฟเผา ทั่วร่างของเธอรู้สึกเจ็บปวดคล้ายกับถูกเข็มทิ่มแทง
เมื่อเห็นเฉินลู่เหยา เหลิ่งรั่วปิงยิ้มสดใสยิ่งกว่าเดิม เฉินลู่เหยามั่นใจว่าตนเองเป็นนักแสดงมากฝีมือ อยากจะเล่นเกมกับเธอ ทำร้ายเธอโดยที่เธอไม่รู้ตัว ถ้าอย่างนั้นวันนี้เธอจะประชันฝีมือการแสดงกับเฉินลู่เหยา ดูสิว่าใครกันแน่ที่เป็นคนคุมเกม
หลังทุกคนเดินจากไป เฉินลู่เหยาเผชิญหน้ากับดวงตาคู่สวยของเหลิ่งรั่วปิง ทว่าเธอกลับรู้สึกเย็นเยียบไปถึงกระดูก กัดฟันแน่นแล้วเดินไปหาหนานกงเยี่ยกับเหลิ่งรั่วปิง เงยหน้าขึ้น ริมฝีปากบางฝืนยิ้ม “สวัสดีค่ะคุณหนานกง คุณผู้หญิง”
หนานกงเยี่ยนิ่งงันมาโดยตลอด ดวงตาเย็นชากวาดมองไปที่หน้าของเฉินลู่เหยา ทำให้เดาไม่ออกว่าเขารู้สึกอย่างไร เวลาหนานกงเยี่ยเป็นแบบนี้น่ากลัวที่สุด ทำให้คนเดาทางไม่ออกว่าเขาจะทำอะไรต่อ
ถึงแม้เฉินลู่เหยาจะยิ้ม แต่ข้างในใจของเธอกลับรู้สึกเหมือนถูกรัดแน่น เธอหวาดกลัวอย่างมาก เรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนั้น เธอไม่รู้ว่าหนานกงเยี่ยคิดยังไงกันแน่ เธอคาดหวังให้สามีภรรยาแตกหักแต่มันกลับไม่เกิดขึ้น พวกเขายังคงออกงานสังคมด้วยกันราวกับฮ่องเต้และฮองเฮาเยี่ยมชมประชาชน เธอไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจอย่างมาก อะไรที่ทำให้คนหยิ่งทะนงทั้งสองอยู่ด้วยกันได้ทั้งที่เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น
เมื่อเทียบกับความยากจะคาดเดาของหนานกงเยี่ย เหลิ่งรั่วปิงดูเป็นมิตรอย่างเห็นได้ชัด เหมือนคุณผู้หญิงในตระกูลผู้ดี หลังจากสามีแอบไปลักกินขโมยกิน เพราะสาเหตุต่างๆ ทำให้ต้องอดทนแล้วฝืนยิ้ม กล้ำกลืนความน่าอับอายนี้ลงไป เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ให้อภัยสามีของตนเอง ทั้งยังต้องยิ้มเวลาอยู่ต่อหน้าเมียน้อย
ชั่วพริบตาหนึ่ง เฉินลู่เหยาคิดอะไรต่างๆ นานา ในความคิดของเธอมีการคาดเดามากมาย สุดท้ายเธอได้ข้อสรุปว่า ไม่ว่าเหลิ่งรั่วปิงจะเป็นผู้หญิงที่หยิ่งทะนงมากแค่ไหน แต่ถึงยังไงเธอก็เป็นผู้หญิง ทั้งยังเป็นผู้หญิงที่กำลังท้อง ไม่มีผู้หญิงคนไหนยอมเสียสามี เงินทอง และตำแหน่งไป เหลิ่งรั่วปิงก็เหมือนกัน ดังนั้นเธอจึงจัดการเรื่องคืนนั้นเงียบๆ เธอกำลังลองพยายามยอมรับเรื่องที่หนานกงเยี่ยนอกใจ
เหลิ่งรั่วปิงอ่านความรู้สึกของเฉินลู่เหยา หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งเธอก็คลายยิ้ม “น้องลู่เหยา ฉันอยากจะคุยกับเธอเป็นการส่วนตัว”
เธอร้องเรียกคำว่าน้องลู่เหยาได้รื่นหูอย่างมาก เหมือนสนมใหญ่ในวังหลวงที่ฉลาดและหลักแหลม เวลาอยู่ต่อหน้าฮ่องเต้ แสร้งทำเป็นคนดีแล้วร้องเรียกสนมตัวเล็กๆ ที่ได้รับความโปรดปราน
เฉินลู่เหยาคิดความเป็นไปได้หลายอย่างในใจ แต่เธอยังคงไม่มั่นใจ ดังนั้นจึงหันไปมองหนานกงเยี่ย ทว่าหนานกงเยี่ยกลับหันหน้าไปอีกทางอย่างยากจะคาดเดา เธอจึงจำต้องก้มหน้าลงแล้วพูดกับเหลิ่งรั่วปิงเสียงเบา “ถ้าอย่างนั้นไปที่ห้องพักของฉันนะคะ”
พูดจบ หนานกงเยี่ยประทับจุมพิตลงบนริมฝีปากของเหลิ่งรั่วปิงเบาๆ จากนั้นหมุนตัวหันหลังเดินจากไป ตอนออกไปเขามองเฉินลู่เหยาด้วยแววตามีเลศนัย แววตาของเขา ทำให้เฉินลู่เหยารู้สึกเหมือนถูกฉุดรั้งลงไปในบ่อบาดาลลึก
เหลิ่งรั่วปิงยิ้ม ควงแขนเฉินลู่เหยาเดินเข้าไปในห้องเล็กๆ ข้างห้องจัดงานเลี้ยง จากนั้นปิดประตูลง เธอหุบยิ้ม มองเฉินลู่เหยาด้วยสีหน้าซับซ้อน “คุณเฉิน คุณอยากได้สามีของคนอื่นจนตัวสั่นขนาดนี้เลยเหรอคะ”
ต่อหน้าคนอื่นเหลิ่งรั่วปิงแสร้งทำเป็นยิ้ม แต่ลับหลังกลับเป็นภรรยาที่น่าสมเพส สิ่งนี้ทำให้เฉินลู่เหยามั่นใจมากขึ้น หนานกงเยี่ยชอบเธอ เขาต้องการเธอ แต่เหลิ่งรั่วปิงไม่ยอม จึงทำอะไรไม่ได้ เมื่อได้คำตอบนี้ เธอก็นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนั้น เธอมั่นใจว่าหนานกงเยี่ยชอบเธอ เพราะเขาเป็นคนที่หนักแน่นมาก ถ้าเขาไม่ชอบเธอเลยสักนิด ยาของซย่าอี่มั่วอาจจะใช้กับเขาไม่ได้ผล
เมื่อคิดได้แบบนี้ เฉินลู่เหยาเชิดคางขึ้นด้วยความโอหัง ดวงตาคู่สวยแสดงชัยชนะ “คุณเหลิ่งรั่วปิง ฉันรู้จักคุณหนานกงเยี่ยก่อนคุณ ฉันควรจะเป็นผู้หญิงของเขาตั้งแต่เมื่อห้าปีก่อน คุณแค่เข้ามาแทรกกลางในตอนที่เราห่างกัน ตอนนี้เรากลับมาเจอกันอีกครั้ง ถึงแม้ว่าคุณจะเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่ก็ห้ามอะไรไม่ได้ คุณหนานกงเป็นผู้ชายที่เพียบพร้อมมากขนาดนี้ จะให้เขามีคุณแค่คนเดียวได้ยังไง ทั้งยังต้องหยุดเรื่องอย่างว่าเพราะคุณท้องอีกเนี่ยนะ”
เหลิ่งรั่วปิงถอนหายใจเฮือกใหญ่ มือเรียวสวยแตะที่ท้องของตนเอง “ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นผู้ชายที่เพียบพร้อม มีผู้หญิงมากมายแค่ไหนก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่จะมีผู้หญิงคนไหนบ้างที่จะยอมใช้สามีของตนร่วมกับคนอื่น” แววตาเหี้ยมโหดมองไปที่เฉินลู่เหยา “เห็นแก่ผู้หญิงท้องที่น่าสงสาร คุณช่วยออกไปจากชีวิตเขาไม่ได้หรือไง”