เดิมพันเสน่หา - ตอนที่ 313 ไซ่ตี้จวิ้นสารภาพด้วยความรัก
ชายหนุ่มนอนอยู่บนเตียง จุดบุหรี่อย่างผ่อนคลาย ดูดควันบุหรี่ด้วยความอิ่มเอม “สมแล้วที่เป็นดาราชื่อดังเฉินลู่เหยา ทักษะในการปรนนิบัติผู้ชายเยี่ยมยอดจริงๆ”
เสียงนี้ไม่ใช่เสียงของหนานกงเยี่ย!
เฉินลู่เหยาร้องกรี๊ด “ว้าย” ขดตัวอยู่บนหัวเตียงอย่างสั่นเทา ใช้ผ้าห่มคลุมร่างเปลือยเปล่าด้วยความหวาดกลัว “แก…แกเป็นใคร”
ชายหนุ่มเปิดไฟในห้องให้สว่างจ้า แสงไฟที่ส่องสว่างเผยให้เห็นใบหน้าของเขา ชายวัยกลางคนอายุห้าสิบกว่าปี ถึงแม้หน้าตาของเขาจะไม่ได้แย่มาก แต่แววตาของเขาน่ากลัว แค่มองก็รู้ว่าเป็นคนลามกที่หิวกระหายในกาม
เฉินลู่เหยาหวาดกลัวจนตัวสั่นเทา “แก…แก…”
ชายวัยกลางคนไม่พอใจกับสีหน้าตกตะลึงกลัวของเฉินลู่เหยา พูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “จะแกล้งทำเป็นบริสุทธิ์ทำไม ดาราชื่อดังอย่างเธอมีใครบ้างไม่รู้จัก ในเมื่อตัดสินใจขายตัวแล้วยังจะแกล้งตีหน้าซื่อทำเป็นสาวบริสุทธิ์ทำไม ใช่ว่าฉันไม่จ่ายเงินให้สักหน่อย”
ขณะพูด ชายวัยกลางคนฟาดเช็คไปที่หน้าของเฉินลู่เหยา
ใบหน้าสวยราวกับนางฟ้าของเฉินลู่เหยาเวลานี้ซีดขาวเสมือนหิมะ ไม่ต้องคิดก็รู้ เธอตกหลุมพรางของเหลิ่งรั่วปิงแล้ว เมื่อนึกถึงความตื่นเต้นและดีใจของตน ก่อนจะเข้ามาในห้องนี้ ช่างเป็นเรื่องที่น่าขำจริงๆ เธอคิดว่าตนเองเป็นฝ่ายชนะ แต่กลับถูกเหลิ่งรั่วปิงหลอกให้มาขายตัว
เหลิ่งรั่วปิงต่างหากที่แสดงละครตบตาเก่งที่สุด!
เฉินลู่เหยาร้องไห้เสียงดัง ชีวิตของเธอจบลงแล้ว เธอไม่คู่ควรกับหนานกงเยี่ยอีกแล้ว
ชายวัยกลางคนเห็นเธอร้องไห้ จึงพูดด้วยความหงุดหงิด “เฮ้อ เธอเป็นแบบนี้หมายความว่ายังไง ราคานี้ผู้จัดการของเธอคุยเอาไว้เรียบร้อย ตอนนี้รู้สึกว่ามันน้อยไปเหรอ” แน่นอนว่าชายวัยกลางคนรู้ เฉินลู่เหยาไม่ได้คิดอยากจะขายตัวให้ตน เฉินลู่เหยาคิดว่าคนที่นอนกับเธอคือหนานกงเยี่ย แต่เขาไม่มีวันพูดความจริงออกมา ในเมื่อผู้จัดการของเฉินลู่เหยาขายเธอให้ตนแล้ว ตนก็ต้องดื่มด่ำกับเรือนร่างของเธอ ไม่ว่าเธอจะยินยอมหรือไม่ก็ช่าง
ชายวัยกลางคนนึกถึงลีลาของเฉินลู่เหยาก่อนหน้านี้ แววตาของเขาแสดงความพึงพอใจ ด้วยเหตุนี้จึงก้มหน้าลงแล้วเขียนเช็คเพิ่ม “เห็นแก่ที่เธอปรนนิบัติฉันอย่างดี ฉันเพิ่มให้อีกหนึ่งล้านแล้วกัน”
เฉินลู่เหยารู้สึกว่าอนาคตของตนเองมืดมิด เธอสิ้นหวังอย่างมาก ลุกขึ้นนั่งด้วยความเกรี้ยวกราด ยกสองมือขึ้นฟาดไปที่ชายวัยกลางคน “ใครต้องการเงินสกปรกๆ ของแก ไอ้แก่ตัณหากลับ!”
ชายวัยกลางคนโต้ตอบโดยการตบหน้าเฉินลู่เหยา ใบหน้าของเธอเป็นรอยแดง “ผู้หญิงชั้นต่ำ กล้าตบฉันเหรอ อยากตายหรือไง!”
ด้วยเหตุนี้ ภายในห้องจึงเกิดภาพน่าสนุก ชายหญิงอายุแตกต่างกันคนละขั้ว ร่างเปลือยเปล่า กำลังตบตีกัน
ขณะที่ทั้งสองกำลังตบตีกันอยู่นั้น ประตูห้องถูกเปิดเข้ามา คนที่บุกเข้ามาคือผู้หญิงอายุราวสี่สิบที่ยังสวยเปล่งปลั่งไม่เปลี่ยน ด้านหลังของเธอมีนักข่าวและตากล้องมากมาย จับคนเล่นชู้ได้อย่างคาหนังคาเขา
หญิงวัยกลางคนบุกเข้ามาในห้องพร้อมกับด่าทอเสียงดัง “เฉินลู่เหยา! นางผู้หญิงสารเลว กล้ายั่วยวนสามีของฉัน ดูสิว่าฉันจะเอาแกให้ตายไหม!”
ด้วยเหตุนี้ ภายในห้องยิ่งมีฉากที่น่าตื่นตาตื่นใจ หญิงสองชายหนึ่งตบตีกันบนเตียง ภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจนี้ นักข่าวจะยอมพลาดได้อย่างไร กดชัตเตอร์ด้วยความรัวเร็วราวกับห่าธนูที่ถูกยิงออกไป
ภายในห้องอัดแน่นไปด้วยนักข่าวสำนักต่างๆ พวกเขายืนล้อมรอบเตียง ถ่ายรูปช็อตเด็ดต่างๆ เพื่อพาดหัวข่าว จนกระทั่งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงแรมเข้ามา ความวุ่นวายนี้จึงหยุดลง
เมื่อความโกลาหลหยุดลง ใบหน้าสวยของเฉินลู่เหยาถูกหญิงวัยกลางคนข่วนจนเป็นแผล เธอเหมือนตุ๊กตาเน่าๆ ตัวหนึ่ง ดาราดังผู้มีชื่อเสียง กลายเป็นหญิงค้าบริการในชั่วข้ามคืน
สำนักข่าวทุกสำนักพากันประโคมข่าว ชั่วพริบตา ข่าวดาราชื่อดังเฉินลู่เหยาลักลอบขายตัวก็ดังกระฉ่อนไปทั่วทั้งเมือง รวมถึงโลกอินเทอร์เน็ต
พวกเขานั่งอยู่ในห้อง ดูรูปวาบหวิวในอินเทอร์เน็ต พร้อมกับดื่มชาอย่างผ่อนคลาย
อวี้ไป่หันส่ายหน้าอย่างเสียดาย “น่าเสียดายจริงๆ ดาราชื่อดังอันดับต้นๆ กลับต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงแบบนั้น” จากนั้นหันไปมองเหลิ่งรั่วปิงด้วยความดีใจ “รั่วปิง ผมทำงานได้ดีไหมครับ เรื่องนี้ทำให้คุณพอใจรึเปล่า”
เหลิ่งรั่วปิงพยักหน้าอย่างพึงพอใจ “ค่ะ ทำได้ดีมาก เรื่องไร้ศีลธรรมแบบนี้เหมาะกับคุณแค่คนเดียวเท่านั้น”
อวี้หลานซีมองคนเหี้ยมโหดทั้งสอง เธอรู้สึกเสียวสันหลังวาบ เหลิ่งรั่วปิงเป็นผู้หญิงที่น่ากลัวมาก ตอนนั้นตนเคยทำร้ายเธอครั้งแล้วครั้งเล่า ตอนนี้มาคิดดูแล้ว เทียบกับเหลิ่งรั่วปิงตนเป็นได้แค่เด็กอมมือเท่านั้น ถ้าเหลิ่งรั่วปิงไม่คิดจะยกโทษให้ ตนต้องตายอย่างน่าอเนจอนาถแน่นอน
เมื่อคิดได้แบบนี้ อวี้หลานซีรู้สึกซาบซึ้งกับความใจกว้างของเหลิ่งรั่วปิงในอดีต
หนานกงเยี่ยโอบกอดเหลิ่งรั่วปิงด้วยความรักใคร่ “หายโกรธบ้างรึยังครับ”
เหลิ่งรั่วปิงพูดเสียงเรียบ “นิดหน่อยค่ะ”
หนานกงเยี่ยยิ้มบางๆ “ไม่ต้องใจร้อนหรอกครับ พรุ่งนี้เช้าบริษัทหนานกงจะประกาศไม่ป้อนงานให้เฉินลู่เหยาอีก”
ดาราคนหนึ่ง มีข่าวเสียหาย บริษัทไม่เพียงแต่ไม่ช่วยเธอจัดการปัญหา ทั้งยังประกาศไม่ป้อนงานให้เธอ สำหรับดารานักแสดงแล้ว เป็นการทำให้เจ็บช้ำมากกว่าเดิม ชีวิตในวงการบันเทิงของเฉินลู่เหยาจบแล้วจริงๆ
อวี้ไป่หันส่ายหน้าพร้อมกับหยอกล้อ “หนานกง แกนี่มันเหี้ยมโหดจริงๆ ถึงยังไงแกกับเฉินลู่เหยาก็ถือว่าเป็นสามีภรรยากันชั่วคราวมาก่อน แกทำใจตัดหางปล่อยวัดเธอได้ยังไง”
สีหน้าของหนานกงเยี่ยเคร่งขรึมขึ้นทันที คว้ากาน้ำชาที่ร้อนระอุขึ้นมาอยากจะเขวี้ยงไปตรงหน้าอวี้ไป่หัน อวี้ไป่หันรีบอ้อนวอน “ได้ๆ หนานกง ใจเย็นก่อน ใจเย็นๆ ฉันมันปากเสียเอง หลังจากนี้ฉันไม่เอาเรื่องแบบนี้มาล้อเล่นแล้ว ตกลงไหม”
หนานกงเยี่ยวางกาน้ำชาลงด้วยสีหน้าเยือกเย็น แววตาของเขาที่กวาดมองไปทางอวี้ไป่หันเคลือบไปด้วยความเย็นชา “หลังจากนี้ ห้ามใครพูดถึงเฉินลู่เหยาต่อหน้าฉันอีก ไม่อย่างนั้นคนที่พูดจะหายไปจากโลกอย่างรวดเร็ว”
เฉินลู่เหยาคือความอัปยศของเขา เพราะคำสั่งเสียของแม่ ทำให้เขาดูแลเฉินลู่เหยาด้วยความสงสาร แต่กลับเกือบจะทำร้ายภรรยาและลูกของตนเอง ความผิดนี้ เขาไม่มีวันปล่อยให้เกิดขึ้นเป็นครั้งที่สอง เขาจะชำระล้างความอัปยศนี้ให้หมด
อวี้ไป่หันครุ่นคิดครู่หนึ่ง “หายไปแบบนี้มันน่าเสียดาย ฉันรู้สึกว่าความคิดของก่วนอวี้ก็ดีเหมือนกัน เอาตัวเฉินลู่เหยามาไว้ที่ไนท์คลับเฟิ่งหวงไถ ต้องทำให้ธุรกิจของฉันเฮงๆ แน่นอน”
เหลิ่งรั่วปิงเชยตาขึ้น “พอได้แล้ว หยุดเถียงกันได้แล้ว ถึงแม้เฉินลู่เหยาจะน่ารังเกียจ แต่เธอก็เป็นบุคคลสาธารณะ ถ้าพวกเราทำอะไรเธอ ต้องมีปัญหามากมายตามมาแน่นอน ปล่อยให้เธอเกิดและดับด้วยตนเองเถอะ” การที่ต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงทำให้เฉินลู่เหยาทรมานยิ่งกว่าหมดลมหายใจ
ขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกันอยู่นาน ไซ่หย่าเซวียนวิ่งเข้ามาในห้อง ไม่กล้าสู้หน้าทุกคนเท่าไหร่ โดยเฉพาะตอนที่มองไปทางหนานกงเยี่ย เธอดูกระวานกระวายยิ่งกว่าเดิม “รั่วปิง มาที่ห้องฉันหน่อย”
อวี้ไป่หันขมวดคิ้วเป็นปม “เป็นอะไรไป ทำไมถึงเรียกรั่วปิงไปที่ห้องของคุณแค่คนเดียว”
ไซ่หย่าเซวียนมองค้อนไปที่เขา “เพราะฉันมีเรื่องจะคุยกับรั่วปิงนะสิ”
เมื่อไซ่หย่าเซวียนโมโห อวี้ไป่หันก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก หนานกงเยี่ยเลิกคิ้วขึ้น นัยน์ตาหลักแหลมฉายแสงเหี้ยมโหด
เหลิ่งรั่วปิงยิ้ม “ได้สิ”
ขณะพูด เธอก็ลุกขึ้นแล้วเดินไปออกไปจากห้องพร้อมกับไซ่หย่าเซวียน ขึ้นลิฟท์ไปชั้นบน เดินไปที่ห้อง 2056
ทว่าไซ่หย่าเซวียนกลับไม่ยอมเดินเข้าไปในห้อง “รั่วปิง ในห้องมีคนอยากจะเจอเธอ”
เหลิ่งรั่วปิงเป็นผู้หญิงฉลาด คนที่สามารถอยู่ในห้องของไซ่หย่าเซียนเพื่อรอเจอเธอ ทั้งยังไม่กล้าให้หนานกงเยี่ยรู้ นอกจากไซ่ตี้จวิ้นแล้ว จะเป็นใครได้
เหลิ่งรั่วปิงรู้สึกมีความอบอุ่นไหลผ่านไปทั่วทั้งตัวของเธอ ครั้งแรกที่เจอกับไซ่ตี้จวิ้น เขาทำให้เธอรู้สึกอบอุ่น เมื่อพูดถึงเขาอีกครั้ง ความอบอุ่นนั้นเหมือนเป็นสัญชาตญาณที่อยู่ในตัวของเธอ มันเอ่อล้นออกมาจากหัวใจ
ไซ่หย่าเซวียนมองเหลิ่งรั่วปิงด้วยสีหน้าจริงจัง “เข้าไปเถอะ พี่มีเรื่องอยากจะพูดกับเธอ อย่าชักช้าเลย ไม่อย่างนั้นถ้าคุณหนานกงรู้เข้าต้องเกิดเรื่องใหญ่แน่”
เหลิ่งรั่วปิงพยักหน้า เปิดประตูเข้าไปด้านใน ส่วนไซ่หย่าเซวียนก็ยืนดูลาดเลาอยู่ด้านนอก
ไซ่ตี้จวิ้นยืนพิงหน้าต่าง มองเหลิ่งรั่วปิงที่อยู่ตรงประตู แววตาอบอุ่น เขายังคงเหมือนเดิม แต่งตัวสบายๆ เป็นผู้ชายที่อบอุ่น ทั้งยังหล่อเหลา เพียงแต่ซูบผอมมากกว่าเดิมก็เท่านั้น
หางตาของเหลิ่งรั่วปิงชุ่มชื้น “ไซ่ตี้จวิ้น คุณมาได้ยังไงคะ”
ไซ่ตี้จวิ้นยิ้ม เสียงของเขาไพเราะราวกับธารน้ำแร่บนภูเขา “มาเยี่ยมคุณครับ” ขณะที่เขาพูด เขาพยายามสังเกตสีหน้าของเธอ เพื่อจะดูว่าชีวิตของเธอในตอนนี้เป็นยังไงบ้าง
เหลิ่งรั่วปิงน้ำตาคลอเบ้า น้ำใสเอ่อล้นอยู่ในดวงตาของเธอ “ฉันสบายดีค่ะ คุณไม่ต้องเป็นห่วง”
ไซ่ตี้จวิ้นจับจ้องไปที่ดวงตาของเหลิ่งรั่วปิง พูดเสียงอ่อนโยน “จริงเหรอครับ แล้วคุณไม่สนใจข่าวพวกนั้นแม้แต่น้อยเลยเหรอ”
เหลิ่งรั่วปิงเข้าใจทันทีว่าทำไมไซ่ตี้จวิ้นถึงมาที่นี่ เธอกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ หยดน้ำใสรินไหลลงมา “ก็เขาคือหนานกงเยี่ยไงคะ มีผู้หญิงมากมายหมายปอง เลี่ยงไม่ได้ที่จะมีปัญหาเกิดขึ้นบ้าง” ริมฝีปากบางพยายามฝืนยิ้ม “แค่ฉันรู้ว่าเขาดีหรือไม่ก็พอแล้วค่ะ คำพูดของคนอื่นๆ ฉันไม่สนหรอก”
ไซ่ตี้จวิ้นรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย “คุณเชื่อใจเขามากขนาดนี้เลยเหรอ”
น้ำเสียงของเหลิ่งรั่วปิงคล้ายกำลังปลอบโยนเขา “เชื่อใจหรือไม่เชื่อใจ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นความจริง คุณหนานกงเยี่ยไม่เคยหักหลังฉันมาก่อน และฉันก็มีชีวิตที่มีความสุขดีค่ะ” ดวงตากลมโตชายตาขึ้นความอ่อนโยนปกคลุมไปทั่วทั้งใบหน้าของเธอ “ไซ่ตี้จวิ้น คุณอย่าเป็นห่วงฉันเลยนะคะ เปิดใจให้ผู้หญิงสักคนแล้วใช้ชีวิตกับเธอเถอะค่ะ”
ไซ่ตี้จวิ้นสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ถ้าคุณมีชีวิตที่ไม่ดี แล้วผมจะกล้ามีความรักครั้งใหม่ได้ยังไง” เขาเอียงคอเล็กน้อยเพื่อสังเกตสีหน้าของเหลิ่งรั่วปิง “คุณบอกผมมา คุณมีความสุขจริงๆ ใช่ไหม ผมพาคุณไปจากที่นี่ได้ คุณไม่จำเป็นต้องปวดหัวแบบนี้”
เหลิ่งรั่วปิงยิ้มบางๆ ลมหายใจของเธอคล้ายปลอบประโลมไซ่ตี้จวิ้น “ไซ่ตี้จวิ้น ฉันมีความสุขมากค่ะ ชีวิตคู่ของทุกคนย่อมต้องเจอกับปัญหา ถ้าเจอปัญหาแล้วเรายอมปล่อยมือจากกัน สิ่งนั้นเรียกว่าเอาแต่ใจ จะให้ทำตัวเหมือนในอดีต ที่คิดจะไปจากเขาก็ไป คิดจะอยู่ก็อยู่ ฉันทำแบบนั้นไม่ได้ นอกเสียจากคุณหนานกงเยี่ยหมดรักฉันแล้ว ตอนนี้ฉันต้องรับผิดชอบกับชีวิตคู่ ฉันมีหน้าที่ต้องรักษาครอบครัวให้สมบูรณ์แบบ ลูกของฉันต้องการแม่ และต้องการพ่อ”
ไซ่ตี้จวิ้นมองผู้หญิงที่ครั้งหนึ่งเคยทำให้เขาแทบบ้า เธอเปลี่ยนไปแล้ว เธอกลายเป็นผู้หญิงอ่อนโยน ไม่แข็งกระด้างเหมือนเก่า เธอยอมอดทนเพื่อชีวิตแต่งงาน เขามองดูมือของเธอที่วางทาบบนท้องน้อย ถอนหายใจเบาๆ “รั่วปิง ถึงแม้จะทำเพื่อลูก แต่อย่าทำให้ตัวเองต้องเจ็บปวดเลยนะ ถ้าคุณยินยอม ลูกของคุณก็คือลูกของผม”