เดิมพันเสน่หา - ตอนที่ 314 หนานกงเยี่ยกลายเป็นสุภาพบุรุษ
เหลิ่งรั่วปิงยิ้มด้วยความจริงใจ “ขอบคุณมากนะคะ ไซ่ตี้จวิ้น แต่หนานกงเยี่ยดีกับฉันมากจริงๆ ค่ะ เขาแค่เผลอทำผิดเท่านั้น สิ่งที่ฉันต้องทำคือช่วยให้เขาเดินในทางที่ถูกที่ควร ไม่ใช่ทิ้งเขาไปง่ายๆ นี่เป็นหน้าที่ของสามีภรรยาค่ะ” ประกายแสงอบอุ่นวาววับในดวงตาของเธอที่สะท้อนใบหน้าของเขา “ฉันอยากให้คุณมีความสุข ขอเพียงคุณมีความสุข ฉันจะได้รู้สึกผิดน้อยลง ดังนั้นกลับไปเถอะค่ะ รอให้คุณเจอผู้หญิงดีๆ เริ่มต้นความรักครั้งใหม่ แล้วค่อยมาหาฉัน ถึงเวลานั้นฉันจะยิ้มพร้อมกับอวยพรให้คุณมีความสุข ทั้งยังยินดีกับความรักครั้งใหม่ของคุณด้วย”
“รั่วปิง…”
“ไซ่ตี้จวิ้น...” เหลิ่งรั่วปิงพูดขัดขึ้นมาก่อน “คุณจะอยู่ในใจของฉันตลอดไป คุณเป็นคนที่สำคัญมากๆ ของฉัน แต่หัวใจของฉันยกให้คุณหนานกงเยี่ยไปนานแล้ว นี่เป็นสิ่งที่กำหนดเอาไว้แต่แรกว่าฉันไม่สามารถรักคุณได้”
ไม่เพียงแต่รักเขาไม่ได้ ทั้งยังไม่อาจรักซือคงอวี้ แต่ว่าเธอจะทำอะไรได้ เธอควบคุมหัวใจของตนเองไม่ได้ อีกทั้งหัวใจของเธอก็มีแค่ดวงเดียวเท่านั้น เธอก็มีแค่คนเดียว ไม่ใช่ดอกไม้ที่จะแยกกลีบดอกแล้วแบ่งให้ทุกคนได้ เธอเลือกคนที่จะผูกมัดกับเธอได้แค่คนเดียว
ไซ่หย่าเซวียนยืนอยู่ที่ประตู เวลาผ่านไปนานเล็กน้อย เธอเริ่มรู้สึกเบื่อ ก้มหน้าลง เอาเท้าวาดเป็นวงกลม ขณะที่เธอกำลังวาดพื้นเป็นวงกลมอยู่นั้นจู่ๆ ก็มีเท้าเพิ่มขึ้นมาหนึ่งคู่ เป็นเท้าของผู้ชาย
หัวใจของเธอหล่นวูบ เงยหน้าขึ้นมาด้วยความตกใจ พบกว่าหนานกงเยี่ยยืนอยู่ตรงหน้าเธอ ใบหน้าของเขาเคร่งขรึมราวกับกำลังเรียกพายุลูกใหญ่มากวาดตัวเธอไป
ไซ่หย่าเซวียนหันไปมองที่ประตูห้องด้วยความหวาดกลัว พูดไม่เป็นคำ “คุณ…คุณหนานกง?”
ดวงตาเหยี่ยวของหนานกงเยี่ยแช่แข็งไซ่หย่าเซวียนจนต้องถอยหลังหนี เธอไม่กล้าพูดอะไรอีก เวลานี้อวี้ไป่หันเองก็เดินออกมาจากลิฟต์ เมื่อเห็นสีหน้าของไซ่หย่าเซวียน เขาทนไม่ได้จริงๆ รีบไปคว้ามือเธอเอาไว้ “ไปเถอะ ผมพาคุณไปเที่ยวเล่นเอง”
ไซ่หย่าเซวียนเดินตามเขาไปอย่างไม่ยินยอมเท่าไหร่ “ไม่ได้นะคะ ฉันไปไม่ได้ กำลังจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว”
อวี้ไป่หันไม่ให้โอกาสเธอหนี “เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นจริงๆ คุณก็หยุดไม่ได้ คุณอยู่ตรงนี้มีแต่จะเป็นเครื่องระบายอารมณ์ของหนานกงเยี่ย ไปกับผมเถอะ”
เมื่อเข้าไปในลิฟต์ ไซ่หย่าเซวียนยังคงขัดขืน “ไม่ได้นะคะ ถ้าคุณหนานกงทำร้ายพี่ชายของฉันขึ้นมาจะทำยังไง”
อวี้ไป่หันเลิกคิ้วขึ้นพร้อมกับยิ้ม “วางใจเถอะครับ หนานกงไม่ทำร้ายพี่ชายคุณหรอก ถ้าหนานกงอยากจะทำร้ายพี่ชายคุณจริงๆ ก็ต้องทำตอนที่เหลิ่งรั่วปิงไม่อยู่”
ดวงตากลมโตของไซ่หย่าเซวียนกะพริบปริบๆ สุดท้ายเธอคิดบางอย่างขึ้นมาได้ จึงคลี่ยิ้มหวาน “จริงด้วย คุณหนานกงเยี่ยไม่กลัวใคร กลัวแค่เหลิ่งรั่วปิงคนเดียว มีเหลิ่งรั่วปิงอยู่ฉันก็ไม่ต้องเป็นห่วง ไปค่ะ ฉันเลี้ยงของอร่อยๆ คุณเอง”
อวี้ไป่หันยิ้มราวกับพระจันทร์เสี้ยว “ไม่มีปัญหาครับ”
หนานกงยืนอยู่ตรงหน้าประตูห้อง 2056 ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่ประตู อยากจะมองทะลุเข้าไปด้านใน เขาอยากจะถีบประตูทิ้งแล้วบุกเข้าไปมาก แต่ก็กลัวจะทำให้เหลิ่งรั่วปิงและลูกในท้องตกใจ ด้วยเหตุนี้เขาจึงทำได้เพียงอดทน มือทั้งสองกำหมัดแน่น
สิ่งนี้ทำให้เขานึกถึงตอนไปหาฉู่หนิงซยาที่ประเทศเอ้าตู ไซ่ตี้จวิ้นและเหลิ่งรั่วปิงอยู่ในห้อง เขายืนอยู่ด้านนอก ความรู้สึกที่ไม่รู้ว่าด้านในทำอะไรกัน เป็นความรู้สึกที่ยากจะทานทน ถึงแม้ตอนนี้เขาจะเชื่อใจเหลิ่งรั่วปิง แต่ภายในใจของเขาก็รู้สึกไม่สบอารมณ์ ไม่ว่าผู้ชายคนไหนที่มองมายังผู้หญิงของเขา เขาล้วนมีความคิดอยากจะระเบิดหัวของผู้ชายคนนั้นให้เละ ยิ่งไปกว่านั้นผู้ชายคนนี้ยังเป็นไซ่ตี้จวิ้นที่คอยแย่งเหลิ่งรั่วปิงไปจากเขาครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งยังเคยเป็นคู่หมั้นของเหลิ่งรั่วปิงอีกด้วย
เขาเกลียดการที่ถูกคนอื่นแย่งของที่สุด โดยเฉพาะการถูกคนอื่นมาแย่งเหลิ่งรั่วปิงไปจากตน ทุกครั้งที่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น เขาล้วนอยากจะฆ่าคน
แต่ว่า เขาไม่ใช่ผู้ชายบ้าระห่ำคนเดิมอีกต่อไปแล้ว ไม่ใช่หนานกงเยี่ยที่ทำตามอำเภอใจตนเองอีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าจะทำอะไรเขาก็ต้องคิดถึงความรู้สึกของเหลิ่งรั่วปิง แม้อยากจะฆ่าศัตรูหัวใจก็ทำต่อหน้าเหลิ่งรั่วปิงไม่ได้ ดังนั้น เขาจึงอดทนเอาไว้แล้วเปิดประตูเข้าไปช้าๆ ขณะที่กำลังจะก้าวเท้าเข้าไปก็ได้ยินเสียงของเหลิ่งรั่วปิง เสียงนั้นดังพอให้เขาได้ยิน
“ไซ่ตี้จวิ้น คุณไปตามหาความสุขของตนเองเถอะนะคะ อย่ามาเสียเวลากับฉันเลย ฉันรักคุณหนานกงเยี่ย รักจนสุดหัวใจ ไม่มีแรงจะไปรักใครอีกแล้ว ความรักที่ฉันมีให้เขา ถึงขั้นยอมปล่อยวางความแค้นได้ แล้วฉันจะยอมปล่อยมือจากความรักในครั้งนี้เพราะเรื่องเล็กน้อยได้ยังไงคะ ถ้ายอมปล่อยมือไปเพราะเรื่องเล็กๆ แค่นี้ ทำไมฉันต้องกลับมาหาเขาด้วย”
คำพูดที่มาจากใจนี้ เหมือนลมในฤดูใบไม้ผลิ ทำให้ดอกไม้ที่อยู่ในใจหนานกงเยี่ยผลิบาน ดอกไม้ทุกดอกหวานฉ่ำ เขาได้ยินถ้อยคำที่ชวนฟังที่สุดในโลก
เธอรักเขา รักจนสุดหัวใจ
หึๆ!
มุมปากของหนานกงเยี่ยยกขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ความขุ่นเคืองที่อยู่รอบตัวหายไปราวกับควันบุหรี่ เวลานี้ทุกอณูขุมขนของเขารู้สึกสบายอย่างมาก
หนานกงเยี่ยเปิดประตู เดินเข้าไปในห้องช้าๆ เขาตัดสินใจแล้วว่าจะเป็นสุภาพบุรุษ
ไซ่ตี้จวิ้นหันหน้าเข้าหาประตู ดังนั้นเขาจึงเห็นหนานกงเยี่ยก่อน ดวงตาสีนิลชำเลืองมองไปเล็กน้อย คิ้วขมวด หันไปมองหนานกงเยี่ยด้วยนัยน์ตาร้อนแรง เขาไม่ได้สัมผัสถึงแรงสังหารตามที่คิดเอาไว้
หนานกงเยี่ยเดินไปยืนข้างเหลิ่งรั่วปิง ยกแขนขึ้นโอบเธอ มุมปากเผยยิ้ม “ประธานไซ่มาถึงเมืองหลงตั้งแต่เมื่อไหร่”
หนานกงเยี่ยปรากฏตัวขึ้นมากะทันหัน ทำให้เหลิ่งรั่วปิงตกใจ เธอเงยหน้าขึ้นแล้วมองไปที่หนานกงเยี่ย ไม่ได้เห็นสีหน้าเกรี้ยวกร้าดตามที่คาดคิดเอาไว้ แต่กลับเป็นใบหน้ายิ้มแย้มอย่างเป็นมิตร เหลิ่งรั่วปิงโล่งใจไปเปราะหนึ่ง เธอกำลังคิด บางทีสามีของเธอเองก็กำลังเรียนรู้ที่จะเติบโต กลายเป็นคนที่ใจกว้างมากขึ้น
ไซ่ตี้จวิ้นยิ้มบางๆ “มาถึงเมื่อวันก่อน”
หนานกงเยี่ยยิ้มด้วยความสบายใจ เก็บออร่าสังหารเอาไว้ “อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันแต่งงานของฉันกับรั่วปิง ถ้าประธานไซ่ไม่ติดงานอะไร ขอเชิญมาร่วมงานด้วยนะครับ”
นี่เป็นครั้งแรกที่หนานกงเยี่ยพูดกับไซ่ตี้จวิ้นด้วยความให้เกียรติ เป็นเรื่องที่น่าตกใจจริงๆ เหลิ่งรั่วปิงเงยหน้าขึ้นมองสามีของตนอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา แววตาของเธอตั้งคำถามที่ต้องการจะสื่อว่า คุณกำลังทำบ้าอะไรอยู่
หนานกงเยี่ยเลิกคิ้วขึ้น “ที่รัก คุณไม่อยากเชิญประธานไซ่มางานแต่งงานของเราเหรอ”
เหลิ่งรั่วปิงหันไปมองไซ่ตี้จวิ้นด้วยความลังเล โดยไม่รู้จะพูดอะไร เธอรู้สึกว่าเขาคงไม่อยากมาร่วมงานอย่างแน่นอน เพราะถึงอย่างไรก็คงอึดอัดใจมาก แต่ไซ่ตี้จวิ้นกลับยิ้มอย่างสุภาพ “รั่วปิง ผมจะไปร่วมงานแน่นอนครับ”
ถ้าเธอมีความสุข เขาไม่มีอะไรให้ต้องไม่พอใจ จะให้ไปอวยพรเธอในงานแต่ง เขาก็ทำได้
ไซ่ตี้จวิ้นยิ้มอ่อนโยน “ผมขอตัวก่อนนะครับ”
แววตาของเขาเหลิ่งรั่วปิงอ่านออก เขากำลังบอกเธอว่า ถ้าเธอมีความสุขเขาก็ไม่มีอะไรให้ต้องกังวล ด้วยเหตุนี้เธอจึงยิ้มอ่อนโยน “ขับรถดีๆ นะคะ”
สุดท้าย ไซ่ตี้จวิ้นพยักหน้าให้หนานกงเยี่ยอย่างมีมารยาท เดินผ่านพวกเขาสองสามีภรรยา แล้วเดินออกไปจากห้อง
วินาทีที่ประตูปิดลง เหลิ่งรั่วปิงหันไปมองหนานกงเยี่ย “คุณคิดจะทำอะไรคะ” เธอไม่เชื่อว่าผู้ชายจอมเผด็จการ เกลียดศัตรูหัวใจเป็นที่สุดอย่างหนานกงเยี่ย ครั้งนี้กลับปฏิบัติต่อไซ่ตี้จวิ้นอย่างสุภาพ
หนานกงเยี่ยเลิกคิ้วขึ้นด้วยความขบขัน “ไซ่ตี้จวิ้นยังกล้าคิดมายุ่งกับภรรยาของผม ตอนแรกผมไม่คิดจะปล่อยเขาไป อยากจะถลกหนังเขาออกมาเป็นชิ้นๆ แต่เมื่อกี้ผมได้ยินคำสารภาพรักของใครบางคนเข้า ผมก็เลยตัดสินใจที่จะใจดีสักครั้ง”
ดวงตาคู่สวยของเหลิ่งรั่วปิงกะพริบปริบๆ นึกถึงสิ่งที่เธอพูดเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา อดรู้สึกเขินอายไม่ได้ “ที่ฉันพูดไปทั้งหมดก็เพื่อโกหกคุณไซ่ตี้จวิ้นเท่านั้น คุณอย่าเก็บเอามาคิดว่าเป็นเรื่องจริง”
“ฮ่าๆๆ…” หนานกงเยี่ยหัวเราะ “ผมคิดจริงจังไปแล้ว เมื่อกี้ผมได้ยินใครบางคนบอกว่า รักผมสุดขั้วหัวใจ ทั้งยังไม่มีเรี่ยวแรงไปรักคนอื่นแล้ว”
เหลิ่งรั่วปิงหยิกแขนของหนานกงเยี่ยด้วยความเขินอาย “คุณหนานกงเยี่ย คุณได้ใจมากใช่ไหมคะ”
หนานกงเยี่ยก้มหน้าลงพูดกระซิบข้างหูของเธอ เสียงของเขาเย้ายวนอย่างมาก “ผมได้ใจมากครับ”
ทุกคำพูดของเขามีความสุขอย่างล้นเปี่ยม เสียงของเขาดังก้องอยู่ในหูของเธอ จากนั้นเขาก็ลดหน้าลงจูบเธออย่างร้อนแรง
*****
ก่วนอวี้สั่งให้เฉินลู่เหยาย้ายออกไปจากบ้านในคืนนั้นทันที พร้อมทั้งถอดบอดี้การ์ดออกจนหมด เฉินลู่เหยากลับไปที่วิลล่าของเธอ อยู่เงียบๆ คนเดียว เธอไม่กล้าก้าวขาออกจากบ้านแม้แต่ก้าวเดียว ที่อยู่ของเธอถูกเปิดโปงหมดแล้ว ตอนนี้วิลล่าของเธอรายล้อมไปด้วยนักข่าว แค่เธอเงยหน้ามองนอกหน้าต่าง แสงแฟลชก็ประเดประดังมาที่เธอทันที
เช้าวันที่สอง บริษัทหนานกงจัดงานแถลงข่าว ประกาศว่าการที่นักแสดงในสังกัดมีพฤติกรรมเหมือนเฉินลู่เหยาแบบนี้ ทำให้ฝ่ายบริหารผิดหวังอย่างมาก จึงตัดสินใจไม่ป้อนงานให้เฉินลู่เหยาอีก ยกเลิกงานพรีเซนเตอร์และงานละครของเธอทั้งหมด
เมื่ออ่านข่าวในอินเทอร์เน็ต เฉินลู่เหยาก็หลับตาลงด้วยความสิ้นหวัง จากสวรรค์ตกลงสู่นรกในชั่วข้ามคืน ตอนแรกเธอยังคาดหวังกับหนานกงเยี่ย นึกว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นแผนการของเหลิ่งรั่วปิง หนานกงเยี่ยไม่มีส่วนรู้เห็น คิดว่าเขาจะปกป้องเธอ แต่หลังจากอ่านข่าวแล้ว เธอเข้าใจทุกอย่างทันที พวกเขาสองสามีภรรยากำลังแก้แค้นเธอ สิ่งที่เธอทำเอาไว้ก่อนหน้านี้พวกเขารู้หมดแล้ว
คิดไม่ถึงว่าความสัมพันธ์ของสามีภรรยาคู่นี้จะเหนียวแน่นมากขนาดนี้!
เธอเสียโอกาสและการได้รับการดูแลจากหนานกงเยี่ย บนโลกใบนี้ไม่มีใครคอยปกป้องเธออีกต่อไปแล้ว ตอนนี้เธอถูกโลกทั้งใบทอดทิ้งแล้วจริงๆ
ถ้ารู้ว่าสุดท้ายเรื่องจะเป็นแบบนี้ ไม่ว่ายังไงเธอก็จะไม่คิดทำเรื่องเลวร้ายเด็ดขาด น่าเสียดายที่โลกใบนี้ย้อนกลับไปแก้ไขอดีตไม่ได้
เวลานี้ เธอยังจะมีหน้ามีชีวิตต่อไปได้ยังไง หันไปมองรูปของแม่ เฉินลู่เหยาก็น้ำตาไหลพราก เพราะความโลภทำให้เธอลืมคำสอนก่อนตายของแม่ สุดท้ายชีวิตของเธอก็แหลกสลายเป็นผุยผง
เฉินลู่เหยานั่งอยู่บนเตียง เอาหน้าซุกไว้ที่เข่า นั่งนิ่งอยู่นาน คล้ายกับว่าได้ตายไปแล้ว
ถูกต้อง เธอตายไปแล้ว แต่ก็ยังมีชีวิตอยู่ ร่างกายของเธอยังหายใจ แต่จิตวิญญาณของเธอสูญสิ้นไปแล้ว
ยังมีอีกคนที่เจ็บปวดเช่นเดียวกับเฉินลู่เหยา เธอคือซย่าอี่มั่ว
แต่ซย่าอี่มั่วแตกต่างกับเฉินลู่เหยา เธอเป็นทหาร ยิ่งเจ็บปวดก็ยิ่งกล้าหาญมากขึ้น เธอไม่ใช่คนบอบบางเหมือนเฉินลู่เหยา ตั้งแต่มู่เฉิงซีจดทะเบียนสมรสกับเวินอี๋เธอก็ตกเป็นขี้ปากคน ตระกูลซย่าเสื่อมเสียชื่อเสียง เธอคิดมาโดยตลอดว่าจะแก้แค้นยังไง เธอสาบานกับตนเองว่า ต้องทำให้มู่เฉิงซีเสียใจในสิ่งที่ทำไวกับเธอไปตลอดชีวิต
เกิดเรื่องขึ้นกับเฉินลู่เหยาจนต้องตกอยู่ที่นั่งลำบากห่างจากเธอแค่เวลาสั้นๆ เพียงหนึ่งวัน สิ่งนี้ทำให้ซย่าอี่มั่วโมโหมากกว่าเดิม เธอก่นด่าเฉินลู่เหยาว่าไร้ประโยชน์ แต่ว่า เธอไม่อยากทอดทิ้งเฉินลู่เหยา ถึงแม้เฉินลู่เหยาจะไม่ได้เป็นดาวที่โดดเด่นดังเดิม เป็นหนูสกปรกที่ทุกคนอยากจะทำร้าย แต่เฉินลู่เหยามีศัตรูคนเดียวกับเธอ พวกเธอยังคงร่วมมือกันได้