เดิมพันเสน่หา - ตอนที่ 40 ใส่ใจเธอมากเกินไปแล้ว
อวี่ไป่หันยืนกอดอก จากนั้นพูดด้วยความหยาบคาย “ดูท่าไฟร้อนในใจของพวกแกสองคนคงไม่มอดลงง่ายๆ ถ้าอดใจทนไม่ไหวถึงขนาดนี้ ฉันเปิดห้องในไนท์คลับเฟิ่งหวงไถให้ดีไหม”
ถึงแม้เหลิ่งรั่วปิงจะยอมรับว่าตนเองเป็นผู้หญิงของเขา แต่เธอไม่มีวันหน้าด้านจูบต่อหน้าคนอื่นหรอก ดังนั้นตอนที่ได้ยินเสียงของอวี้ไป่หัน เธอก็ได้สติขึ้นมาในทันที เธอผลักหนานกงเยี่ยออกอย่างแรง ใบหน้าของเธอแดงระเรื่อและหายใจอย่างหืดหอบ ริมฝีปากกระจับของเธอทั้งแดงและทั้งบวม อีกทั้งริมฝีปากนี้ยังแดงระเรื่อเหมือนเชอร์รี่หลังฝนตก
เมื่อถูกคนมาขัดจังหวะ สีหน้าของหนานกงเยี่ยก็ดูไม่สบอารมณ์ขึ้นมาในทันที เขาหันไปมองอวี้ไป่หันแล้วพูดเสียงเย็นยะเยือก “ไสหัวไป! “
อวี้ไป่หันยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ จากนั้นพูดยั่วยวนต่อ “ชิ นี่เป็นท่าทีไม่พอใจ รั่วปิง ผมถามคุณหนึ่งคำถามสิ ลีลาบนเตียงของหนานกงเป็นยังไงบ้าง”
ตึ้ง
เหลิ่งรั่วปิงรู้สึกว่าอยู่ดีๆ ความคิดของเธอก็ว่างเปล่าขึ้นมา ถูกคำถามนี้ทำให้มึนงงว่างเปล่าขึ้นมาในทันที เธอสามารถใช้มีดบินทะลุทะลวงคอของคนได้ แต่เธอไม่สามารถล้อเล่นกับเรื่องแบบนี้ ดังนั้น เธอจึงหันไปมองอวี้ไป่หันด้วยความไม่พอใจ “คุณอยากตายหรือไงคะ ในห้องมีผู้หญิงหน้าตาดีเปลื้องผ้าให้คุณดู แต่คุณกลับไม่ยอมอยู่มองในห้อง จะวิ่งออกมาทำอะไรคะ”
เมื่อเธอพูดออกไป ไม่ใช่แค่คนอื่นที่ตกใจเท่านั้น แม้แต่หนานกงเยี่ยเองก็ตกใจไปพักหนึ่ง เหลิ่งรั่วปิงเป็นผู้หญิงที่สง่าและพูดน้อย เธอเงียบสงบเหมือนดอกไม้ที่สะท้อนกับผิวน้ำ แม้แต่ครั้งที่แล้วตอนที่สั่งสอนผู้ช่วยสองคนนั้นในห้องทำงาน เธอก็สามารถทำได้อย่างลื่นไหลและสง่างาม เขาคิดไม่ถึงเลยสักนิดว่าเธอจะพูดจาแบบนี้ออกมาได้
ด้วยเหตุนี้ จู่ๆ ความโมโหที่อยู่ในใจของหนานกงเยี่ยก็หายไป ถึงขั้นรู้สึกอยากจะหัวเราะออกมาด้วยซ้ำไป แต่เพราะเขาต้องรักษาภาพพจน์เอาไว้ จึงพยายามอดทนและทำหน้านิ่ง
หลังจากที่อวี้ไป่หันสะดุ้งตกใจแล้วนั้น เขาก็ส่ายหน้าแล้วพูดอย่างหยาบคาย “จุ๊ จุ๊ จุ๊ เหลิ่่งรั่วปิง คุณรักษาภาพพจน์ของคุณได้ดีจริงๆ ผมคิดมาตลอดว่าคุณเป็นนางฟ้า”
“หึ! ” เหลิ่งรั่วปิงหัวเราะในลำคอ กรอกตามองบนไปให้กับอวี้ไป่หัน จากนั้นก็หมุนตัวหันหลังแล้วเดินไป การกระทำของเธอเหมือนว่าเดินไปเพราะความเขินอาย แต่อันที่จริงเป็นเพราะเธอไม่อยากอยู่เผชิญหน้ากับมู่เฉิงซีนาน ผู้ชายคนนี้น่ากลัวมาก เธอไม่อยากที่จะเผยพิรุธให้เขาเห็น
หนานกงเยี่ยหันไปมองก่วนอวี้ ก่วนอวี้รับรู้ในทันที จากนั้นก็รีบตามเหลิ่งรั่วปิงออกไป เพื่อที่จะเอาเสื้อกันหนาวและกระเป๋าไปให้กับเธอ
มู่เฉิงซีมองดูหนานกงเยี่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “หนานกง ฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับแก”
“ฉันรู้ว่านายอยากจะพูดอะไรกับฉัน” หนานกงเยี่ยพูดขัดมู่เฉิงซี “ฉันยังคงยืนยันคำเดิม อย่ามายุ่งเรื่องของฉัน ฉันรู้ดีว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่”
เวลานี้ คังกานก็พาลู่หวาหนงออกมา สีหน้าของลู่หวาหนงในตอนนี้ดูละอาย เธอไม่เหลือออร่าของซุปเปอร์สตาร์ที่มีก่อนหน้านี้แม้แต่น้อย
หนานกงเยี่ยขมวดคิ้วเป็นปมแล้วมองไปที่คังกาน เขาพูดเสียงเรียบ “อย่าให้ผมเห็นหน้าผู้หญิงคนนี้อีก”
“ครับ คุณชายเยี่ย” คังกานไม่กล้าโต้แย้ง เขารีบพยักหน้า
คำพูดแค่คำเดียวของหนานกงเยี่ย เท่ากับลู่หวาหนงขึ้นแบล็คลิส ตอนนี้ภาพยนต์เรื่อง ‘งานเลี้ยงราชัน’ ถ่ายทำได้ครึ่งหนึ่งแล้ว ถ้าเปลี่ยนนักแสดงนำในตอนนี้จะทำให้เสียเงินมหาศาล แต่พวกคนรวยชอบทำทุกอย่างตามอำเภอใจ หนานกงเยี่ยยินดีที่จะฟาดเงินเพื่อเตะลู่หวาหนงออกไป เพราะเธอทำให้เขาไม่พอใจเป็นอย่างมาก
ลู่หวาหนงสร่างเมาในทันที หนานกงเยี่ยขึ้นแบล็คลิสชื่อเธอ แล้วหลังจากนี้จะมีใครกล้าป้อนงานให้เธออีก อาชีพนักแสดงของเธอจบลงแล้ว เสียงกึกดังขึ้น เธอคุกเข่าลงกับพื้นเพื่อขอร้องเขา พร้อมจับขาของหนานกงเยี่ยเอาไว้ “คุณชายเยี่ย ฉันผิดไปแล้ว คุณปล่อยฉันไปเถอะนะคะ”
หนานกงเยี่ยชักขากลับด้วยความรังเกียจ คังกานพยายามดึงตัวลู่หวาหนงออกมาพร้อมกับบอกลาในทันที กลัวว่าถ้าเธอยังขืนดึงดันแบบนี้จะทำให้หนานกงเยี่ยโมโหกว่าเดิม เขาจึงใช้มือปิดปากของเธอเอาไว้
ซุปเปอร์สตาร์สาวชื่อดังต้องตกอยู่ในสภาพนี้ เป็นเพราะคำพูดเพียงคำเดียวของหนานกงเยี่ย
“หนานกง เอาเรื่องของผู้หญิงคนนั้นมาใส่ใจมากเกินไปแล้ว! ” มู่เฉิงซียอมเสี่ยงตายแล้วพูดอีกครั้ง