เด็กม.ปลายสายม็อบอย่างผมจะกลายเป็นสายเรียลได้ไหมถ้าเป็นนักผจญภัย - ตอนที่ 13 ใช้ขลุ่ยที่ตาลุงแปลกๆเคยใช้.....มันไม่ไหวนะ
- Home
- เด็กม.ปลายสายม็อบอย่างผมจะกลายเป็นสายเรียลได้ไหมถ้าเป็นนักผจญภัย
- ตอนที่ 13 ใช้ขลุ่ยที่ตาลุงแปลกๆเคยใช้.....มันไม่ไหวนะ
นักผจญภัยจนถึง 3 ดาว โดยทั่วไปจะถือว่าเป็นมือสมัครเล่น
ตามหลักกฏหมายแล้วตัวนักผจญภัยไม่ว่าจะมี 1 ดาว หรือว่า 4 ดาว ก็ถือว่าเป็นนักผจญภัยด้วยกันหมด เพียงแต่สาเหตุที่ว่าทำไมพอเป็น 4 ดาวแล้วความคิดเห็นของสาธารณชนจะเปลี่ยนไป นั่นก็เพราะการเลื่อนขึ้นสู่ 3 ดาวนั้นทำได้โดยง่าย
นักผจญภัย 1 ดาว สามารถเป็นได้แค่เพียงสะสมเงิน
หาก 2 ดาว ต้องพิชิตเขาวงกตแรงค์ F 10 ครั้ง และพิชิตเขาวงกตแรงค์ E ที่ทางกิลล์กำหนด ก็สามารถเป็นได้
3 ดาวเองก็เช่นกัน พิชิตเขาวงกตที่มีแรงค์เหมาะสม และเข้ารับการสอบเลื่อนระดับ แค่นั้น
ทั้ง 2 กรณียังมีเงื่อนไขว่า 『ต้องมีการ์ดมอนสเตอร์แรงค์ D หรือมากกว่าอยู่ในครอบครอง』 แต่มันก็จำเป็นต้องมีตอนที่เริ่มเป็นนักผจญภัยอยู่แล้วจึงดูไม่เป็นเงื่อนไขเท่าไหร่
อาจจะเป็นเงื่อนไขเพื่อกำจัดพวกงี่เง่าที่สูญเสียการ์ดในเขาวงกตแรงค์ต่ำก็ได้
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่านักผจญภัยจะสามารถเลื่อนระดับไป 3 ดาวได้อย่างราบรื่นทั้งหมด
ว่ากันว่า กว่าครึ่งหนึ่งที่ลงทะเบียนนักผจญภัย จะต้องติดอยู่ที่แรงค์ E อย่างน้อยก็ 1 ครั้ง แล้วครึ่งหนึ่งในนั้นจะยอมแพ้เรื่อง 2 ดาวนั้นไป กลายเป็นคนที่สนุกกับการสำรวจเขาวงกตเฉพาะตอนช่วงวันหยุดแค่นั้น
เหตุผลใหญ่ที่สุดเลยก็คือ ความไกลของระยะทางซึ่งมีมากกว่า 10 ชั้น รวมถึงกับดักมากมายระหว่างทาง เป็นไปไม่ได้ที่จะพิชิตได้ในวันเดียว
แม้แต่ในเขาวงกตแรงค์ F ที่ไม่มีอุปสรรคอื่นนอกจากมอนสเตอร์ ยังต้องใช้เวลา 1 – 2 ชั่วโมงในการผ่านแต่ละชั้น แม้ว่าจะมีแผนที่อยู่ก็ตาม
หากฝ่าสำรวจไปโดยไม่สนใจกับดัก ความคืบหน้าจะยิ่งช้ามากขึ้นไปอีก ตัวกับดักจะถูกเปลี่ยนไปเรื่อยเมื่อถึงช่วงเวลาหนึ่ง เพราะงั้นจึงไม่สามารถซื้อข้อมูลจากกิลล์ได้
แล้วมันก็จะเป็นแบบนี้ต่อไปมากกว่า 10 ชั้น จึงจำเป็นต้องวางแผนค้างคืน
ถึงจุดนี้ ผู้ใหญ่วัยทำงาน, เด็กประถม, เด็กมัธยม ก็จะยอมแพ้ เว้นแต่จะพักจากการทำงานหรือโรงเรียน ไม่งั้นก็ไม่สามารถพิชิตเขาวงกตแรงค์ E ได้
แต่ถ้าเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยหรือคนทำงานพาร์ทไทม์ จะสามารถจัดบริหารเรื่องเวลาได้
ทว่าการพิชิตเขาวงกตที่ต้องใช้เวลาหลายวันนั่นย่อมแตกต่างไปจากเขาวงกตแรงค์ F อย่างสิ้นเชิง ถ้าให้ยกตัวอย่างก็เหมือนความต่างกันระหว่างไปปิกนิกกับไปทริปตั้งแคมป์เต็มรูปแบบ
ต้องใช้เวลาเดิน 1 วันเต็มถึงจะผ่านชั้น 5 – 10 ได้
จะต้องคอยระวังมอนสเตอร์ที่จู่ๆโผล่ออกมา, ค้นหากับดัก, แบกน้ำและอาหารไว้บนหลัง
ไม่ใช่สิ่งที่คนจะเป็นนักผจญภัยสามารถทำอย่างสบายๆต่อไปได้
แม้แต่ในกองกำลังป้องกันตัวเอง ตอนที่เขาวงกตปรากฏขึ้นมาก็มีหลายคนถอนตัว แต่ก็นะ ปัยจัยใหญ่ที่สุดก็เพราะในตอนนั้นความสามารถของการ์ดยังไม่ถูกค้นพบ
ผลลัพธ์ นักศึกษามหาวิทยาลัยจะถูกแบ่งด้วย 2 ทางเลือกคือ เข้าร่วมคลับนักผจญภัยเต็มตัว ทำงานอย่างหนักในการสำรวจกับเพื่อนฝูงโดยมุ่งเป้าเพื่อเป็นมืออาชีพ หรือ เข้าร่วมกับคนที่ตั้งกลุ่มรักสนุกไปกับมัน
ถึงจะเป็นเขาวงกตแรงค์ F ก็อย่าได้ดูถูกเชียว เหมือนอย่างผมที่สามารถทำเงินกว่า 500,000 เยนใน 1 เดือน มันจึงง่ายที่จะทำเงิน 100,000 หรือ 200,000 เยนได้ใน 1 วัน
พูดกันตามตรง มันคุ้มค่ากว่าที่จะพิชิตเขาวงกตแรงค์ F ทุกวัน แทนที่จะลองเขาวงกตแรงค์ E แบบครึ่งๆกลางๆ
เพราะเขาวงกต มีดีที่สุดตรงรางวัลที่พิชิตได้ยังไงล่ะ
ในเขาวงกตแรงค์ E ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะสูญเสียการ์ดแรงค์ D จากการผสานความเสียหายกันของกับดักและการโจมตีของมอนสเตอร์ เพียงแค่นั้น ก็นับว่าเป็นการสูญเสียเงินตั้งแต่ 1,000,000 ไปจนมากสุด 10,000,000 เยน ไม่อยากจะย้อนกลับไปมองวันที่มีแค่การ์ดแรงค์ D แค่ใบเดียวเลย
มาเสี่ยงและสนุกไปกับการพิชิตเขาวงกตแรงค์ E ในการเดินทาง 1 วันกันเถอะ มักจะเห็นพาดหัวนิตยสารแบบนี้อยู่บ่อยๆ ในร้านสะดวกซื้อ
ตัวผมเอง ตอนแรกก็วางแผนจะไปเส้นทางกลุ่มรักสนุก เพราะการเป็นนักเรียน คิดว่าเขาวงกตแรงค์ E ยากเกินไป
แต่ว่า ในตอนนี้มันต่างออกไป
ผมที่มีขลุ่ยของฮาเมลินที่เหล่านักผจญภัยอยากได้ ถ้ามีเจ้านี่อยู่ก็ไม่จำเป็นต้องค้างคืนเพื่อพิชิต เวลา กำแพงที่ใหญ่ที่สุดในระดับมือสมัครเล่น ไม่มีมันอยู่สำหรับผมอีกแล้ว
ด้วยเหตุนี้ ผมจึงสามารถดำเนินการพิชิตเขาวงกตแรงค์ E ไปพร้อมกับการเรียนเพื่อทำการสอบได้
บางที ถ้าไม่ใช่เพราะสิ่งนี้ ผมคงได้ยอมแพ้เรื่องการเป็น 3 ดาวเข้าซักวัน
ด้านกำลังรบก็มีแรงค์ C 1 ใบ, และแรงค์ D 2 ใบ ซึ่งมากเกินพอในการพิชิตเขาวงกตแรงค์ E
อุปสรรคอย่างเดียวที่เหลืออยู่คือกับดัก
วันหยุดหลังจากการสอบ ผมกำลังอยู่ระหว่างการพิชิตเขาวงกตแรงค์ E
เขาวงกตนี้ที่ทางกิลล์กำหนดมา มีแสงเทียนส่องสว่างกับทางเดินหิน นับได้ว่าเป็น THE เขาวงกต ที่มีรูปแบบตามมาตรฐานเลย
เกี่ยวกับเขาวงกตนี้ ผมจะไม่สามารถหาข้อมูลไว้ล่วงหน้าได้ ความสามารถในการรับมือกับสิ่งที่ไม่รู้เองก็เป็นส่วนหนึ่งของการสอบ
ผมเองยังต้องเซ็นสัญญาที่จะไม่เผยแพร่ข้อมูลใดๆ เกี่ยวกับเขาวงกตนี้แก่บุคคลภายนอกเมื่อตอนรับการทดสอบ
เส้นทางให้ความรู้สึกที่แคบ บวกกับทางแยกมากมายเพื่อให้พวกผมสับสน ต้องขอบคุณแอปแผนที่บนสมาร์ทโฟนทำให้ไม่หลงทาง แต่ว่ายิ่งเข้าไปลึกมากเท่าใด ร่างกายมันก็ยิ่งเกิดความสับสนมากเท่านั้น
ที่สุดทางเดินจะมีห้องเล็กๆที่เหมือนกับห้องเรียนในโรงเรียน เป็นจุดเดียวที่มอนสเตอร์จะปรากฏตัว
ที่ไม่จำเป็นต้องมากังวลเรื่องการเจอโดยบังเอิญก็น่าขอบคุณอยู่ แต่ในอีกด้านหนึ่งมันก็หมายถึงการที่ถูกบังคับให้ต้องต่อสู้มากหลายครั้งในแต่ละชั้น ซึ่งเป็นรูปแบบที่น่ารำคาญสำหรับพวกเราที่มักจะหลีกเลี่ยงการต่อสู้ด้วยการค้นหาศัตรู
แต่ถึงยังไง ตัวตนของห้องเล็กๆนี้มันก็ไม่ได้แย่ไปซะทั้งหมด…..
「เอลิซ่า เล่นขลุ่ยเลย」
พอผมเข้าเขาวงกต ก็เรียก 3 ใบอย่างเคย—-เนื่องจากเป็นเขาวงกตแรงค์ E แล้ว จำนวนจำกัดในการอัญเชิญเพิ่มขึ้นเป็น 4 ทำให้ในที่สุดก็สามารถเรียกทุกคนออกมาได้พร้อมกัน—-แล้วออกคำสั่งให้เอลิซ่าทันที
ตอนเขาวงกตแรงค์ F มักจะเจอนักผจญภัยคนอื่นเป็นระยะๆ แต่เนื่องจากเขาวงกตนี้ไม่ได้เปิดสู่สาธารณะ มีไว้สำหรับผมในการทดสอบเท่านั้น
เพราะแบบนั้นจึงสามารถใช้ขลุ่ยของฮาเมลินได้อย่างสบายใจ
「♪~♪♪~」
เอลิซ่าแม้จะไม่คล่องอยู่บ้างแต่ก็เล่นเพลงออกมา
…..หน้าที่ในการเป่าขลุ่ย แม้จะไม่มีใครบอกก็ถูกยกให้เธออย่างเป็นธรรมชาติ
ขลุ่ยที่ถูกทิ้งไว้โดยชายเป่าขลุ่ยชวนขนลุกนั่น…..ด้วยบางเหตุผล ทุกคนไม่อยากจะเอาปากไปโดน หน้าที่จึงถูกมอบแก่เอลิซ่า คนเดียวที่ไม่แสดงท่าทีอะไรออกมา
พวกเรารู้สึกผิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่บ้าง แต่ดูท่าว่าตัวเธอจะชอบขลุ่ยมากกว่าที่คิดไว้ ในช่วงพักเองก็เริ่มเอามาฝึกซ้อมด้วย
ในตอนนี้ แม้จะไม่คล่องอยู่แต่ก็เล่นเพลงเพื่อทำการเคลื่อนย้าย
เมื่อการบรรเลงจบลง ทรงกลมดำหมุนวนก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าพวกเรา เป็นเหมือนกับอันที่อยู่ตรงทางเข้าเขาวงกต
เมื่อก้าวผ่านการบิดเบือนพื้นที่นี้ไปก็จะสามารถเคลื่อนย้ายไปยังจุดปลอดภัย บนชั้นที่เคยไปถึงมาแล้วได้ในทันที
ทว่า ข้อมูลของเขาวงกตที่ถูกบันทึกไว้ในขลุ่ยจะหายไปเมื่อมีใครซักคนพิชิตเขาวงกตได้แล้ว
พูดอีกอย่างคือ เป็นไปไม่ได้ที่จะเคลื่อนย้ายไปชั้นล่างสุดของเขาวงกตที่เคยพิชิตมาแล้วได้ทันที แล้วทำการพิชิตและรับของรางวัลไปเรื่อยๆ ช่างน่าเศร้า
หลังจากผ่านเกท พวกเราก็เคลื่อนย้ายมายังแนวหน้า จุดปลอดภัยในชั้นที่ 12
อุปกรณ์เวทสำหรับเคลื่อนย้ายพื้นที่ ไม่เพียงเฉพาะขลุ่ยของฮาเมลิน โดยปกติแล้วจะสามารถเคลื่อนย้ายจากจุดปลอดภัยหนึ่งไปยังอีกจุดปลอดภัยหนึ่งเท่านั้น
ถ้าเกิดว่ามันสามารถเคลื่อนย้ายในจุดไหนก็ได้ในชั้น มันก็คงจะสะดวกต่อการสำรวจและหนีจากศัตรู แต่นั่นมันก็คงหวังมากเกินไป
「โย้ช ลุยกันเลย」
นำหน้าโดยเอลิซ่า เว้นระยะนิดหน่อยตามมาด้วยยูคิ, ผม, และเร็นกะ เคลื่อนที่ด้วยรูปแบบนี้
สำหรับพวกเราที่ต้องพึ่งพาตำราที่สามารถซื้อได้จากกิลล์ในการเรียนรู้เรื่องกับดัก สุดท้ายแล้วก็ลงเอยด้วยการเรียนรู้ปลดกับดักจากการโดนมันเข้าไปจริงๆ
จากการตัดตัวเลือก หน้าที่นั้นก็ตกเป็นของอันเดดเอลิซ่าที่ไม่มีความรู้สึกเจ็บปวด
ในระหว่างการต่อสู้ก็ปกป้องพวกเดียวกัน, หน้าที่เป่าขลุ่ยที่ไม่พึงประสงค์ก็ถูกยัดเยียดให้, แล้วยังต้องปลดกับดักอันตรายอีก
ในอกมันเต็มไปด้วยความรู้สึกสงสารเธออยู่แต่ว่า ตัวเธอเป็นหญิงใจแกร่งและอดทน ค่อยๆปรับตัวได้ต่อกับดักในเขาวงกตแห่งนี้
แล้ว จู่ๆเอลิซ่าก็หยุดเดิน
「…..มาสเตอร์ สีของพื้นด้านหน้าแตกต่างออกไป บางที อาจจะเป็นกับดักหลุมพรางค่ะ」
ตัวเธอที่สามารถพูดได้คล่องมากขึ้นกว่าตอนอัตตาเธอได้ตื่นขึ้น ทำการรายงาน
ผมหรี่ตามองจากทางด้านหลังเธอ แต่ว่ากันตามตรง ไม่สามารถบอกความแตกต่างจากตรงนี้ได้เลย แต่ไหนแต่ไรทางเดินมันก็มีแค่แสงสลัวๆจากเทียนที่จุดไว้เป็นระยะๆตามทางเดิน ทำให้มองได้ยากมาก ในฐานะมนุษย์ธรรมดาอย่างผมแล้ว ไม่สามารถแยกแยะได้เลย
ทว่าดูเหมือนยูคิและเร็นกะเองจะเป็นเหมือนกัน เพราะกำลังเอียงคอกันอยู่
「เอลิซ่า ถ้างั้นพวกเราจะทำยังไงกันดี?」
「ทางด้านขวาสุดของทางเดินมีสีปกติ ดูเหมือนว่าหลุมพรางจะอยู่ทางขอบด้านซ้ายมาจนถึงตรงกลาง เดี๋ยวชั้นจะเดินผ่านทางขวาก่อน ด้านมาสเตอร์เมื่อทำการยืนยันแล้วจึงค่อยกรุณาตามมาค่ะ」
「ข-เข้าใจแล้ว」
พอผมพยักหน้า เอลิซ่าก็เคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างไม่ลังเล
「ยืนยันความปลอดภัยได้แล้ว กรุณาผ่านมาได้เลยค่ะ」
「อ-โอ้」
ขณะที่กำลังหลบหลุดพรางน่ากลัว เร็นกะก็พูดขึ้นมาจากด้านหลัง
「พอรู้ตัวอีกทีก็เปลี่ยนจากคนคอยรับคำสั่งเป็นคนให้คำสั่งไปซะแล้ว ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป เอลิซ่าก็คงได้กลายเป็นผู้บัญชาการใช่ไหมเนี่ย? แล้วนี่ นายยังจำเป็นอยู่อีกเหรอ?」
เร็นกะที่ยิ้มเยาะ ผมก็ฮึดจมูกให้ ยัยบ้านี่…..
「ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เธอมีภาพหลอนว่าผมเป็นที่ต้องการอยู่ล่ะ?」
「ว่า, อะไรนะ…..ไม่สิ เป็นการตอบสนองที่คาดไม่ถึงเลย ถ้าถามกันแล้วล่ะก็ มันก็จริงอย่างที่พูดด้วย…..」
พอเธอเปิดตากว้างด้วยความตกใจ เร็นกะก็พยักหน้าอยู่หลายครั้งราวกับว่าเห็นตรงกันด้วยอย่างน่าประหลาด
ไม่สิ ต่อให้เห็นด้วยจริงๆก็เถอะ….. ถึงผมจะยกขึ้นมาพูดเองแต่ก็รู้สึกเศร้าอยู่นะ
ในความจริง ยิ่งศัตรูแข็งแกร่งขึ้น ผมก็ยิ่งไม่มีโอกาศไปเข้าร่วมในการต่อสู้…..
การจะออกคำสั่งในระหว่างการต่อสู้ก็ทำได้จำกัด บางทีอุปกรณ์ด้านความปลอดภัยก็คงจะค่อยๆไร้ประสิทธิภาพ
ว่ากันว่ามอนสเตอร์แรงค์สูงๆ เคลื่อนไหวได้เร็วกว่าที่สายตาของมนุษย์จะตามทัน การจะออกคำสั่งอย่างแม่นยำในสนามรบแบบนั้นจึงเป็นไปไม่ได้
สงสัยว่านักผจญภัยระดับสูงจะทำยังไงกับมัน? แค่ตามๆไป? จะว่าไปแล้ว นักผจญภัยของมอนโคโลสามารถควบคุมการ์ดได้ราวกับเป็นมือเป็นเท้าตัวเอง…..มีการเชื่อมต่ออะไรบางอย่างงั้นเหรอ? หรือแค่ว่าเตรียมการมาดีเท่านั้น?
ขณะที่สุ่มถามคำถามอยู่ในใจ สุนัขคู่ใจยูคิอาจจะคิดว่าผมกำลังเสียใจจึงพยายามพูด
「เร็นกะซัง ที่พวกเราทั้งหมดมาอยู่ตรงนี้ได้ก็เพราะมาสเตอร์นะฮะ แล้วก็ไม่ใช่เพราะมาสเตอร์เหรอฮะที่ปั้นเอลิซ่าซังมาได้ถึงขนาดนี้」
「โอ้ สมแล้วที่ไม่พลาดโอกาศแสดงความภักดี โย่ สุนัขต้นแบบ!」
「เป็นแค่สุนัขก็พอฮะ โฮ่งโฮ่ง」
「ไหนขอมือหน่อยสิ หมาน้อย หรือจะให้นั่งท่าขอดีล่ะ?」
「สุนัขที่ดีจะไม่กระดิกหางให้คนอื่นนอกจากเจ้านายหรอกฮะ」
ดูเผินๆอาจจะเห็นเป็นการตอบโต้ที่ไม่ค่อยดีกัน แต่บรรยากาศระหว่างทั้งคู่นั้นกลับนุ่มนวล
พอรู้สึกตัวอีกที ทั้ง 3 ใบก็ พี่สาวคนโตที่ปากร้ายหน่อยแต่จริงๆแล้วใจดี, พี่สาวคนรองที่จริงจังและเอาใจใส่, น้องสาวคนสุดท้องที่เงียบๆและขยันขันแข็ง กลายเป็นความสัมพันธุ์แบบ 3 พี่น้อง
ที่น่าสนใจคือรูปร่างที่เห็นภายนอกของทั้งพี่สาวคนโต, พี่สาวคนรอง, น้องสาวคนสุดท้อง สลับกับอายุกันหมด
「มาสเตอร์ มีทางแยกข้างหน้าค่ะ」
「โอ้ ไหนดูซิ จากแอปเมื่อคราวก่อนไปทางขวาแล้วเป็นทางตัน ทางตรงไปเป็นแผนที่สำรวจไปแล้ว 7 ส่วน ทางซ้ายยังไม่เคยแตะ….. อืม ดีล่ะ ไปทางซ้ายกัน」
「เข้าใจแล้วค่ะ」
ด้วยสมาร์ทโฟนในมือก็มุ่งไปทางซ้าย แล้วพอถึงทางแยกถัดไปก็เลี้ยวขวา
ขณะที่ค่อยๆเติมเต็มแผนที่ไปเรื่อยๆ ยูคิก็พูดขึ้น
「ของนั่นที่มาสเตอร์มี สะดวกจริงๆเลยนะฮะ ถ้ามีมันอยู่ก็ไม่มีทางหลงเลย」
「ถ้าโดยพื้นฐานล่ะก็นะ แต่มันก็ขึ้นอยู่กับกับดักในเขาวงกตด้วย มันมีกับดักที่ทำลายอุปกรณ์ไฟฟ้าแบบนี้ได้, และยังมีกับดักในทางเดินที่ดูดแสงได้ทั้งหมด เพราะงั้นอย่าไปพึ่งพามันมากนักจะดีกว่า ไม่งั้นอาจจะโดนลงโทษอย่างเลวร้ายเอาได้」
「เอ๋ แล้วแบบนี้จะไม่เป็นอะไรเหรอฮะ?」
「ก็นะ ทางกิลล์มีเตือนเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้อยู่ ก็น่าจะรู้กันก่อนหน้าแล้ว คงไม่เป็นอะไรหรอก…..จะว่าไปแล้ว คงจะมีรูปแบบอยู่ในเขาวงกตนี้ที่ทำให้รู้สึกถึงความเจ็บปวดนั้นมาแบบเร็วเท่าที่จะทำได้ล่ะมั้ง」
「ถ้าชั้นมาจากกิลล์นั้นก็คงจะทำแบบนั้นแน่นอนแหละ」
「ก็ได้แต่หวังว่านิสัยของกิลล์จะไม่บิดเบี้ยวเหมือนกับเร็นกะล่ะนะ」
「ถ้างั้นก็คงไม่เป็นอะไรหรอกฮะ」
「โอ่ย」
ขณะที่พูดคุยกันอยู่ ที่เบื้องหน้าก็ปรากฏประตู ดูเผินๆก็เหมือนเป็นประตูไม้ธรรมดาทั่วไป
ทว่าพวกเราที่ได้เรียนรู้กลยุทธมาจนถึงตอนนี้ ต่อให้เป็นแค่ประตูบานเดียวแบบนี้ก็ไม่สามารถจะลดความระวังลงได้
「…..เป็นไง คิดว่ามีกับดักไหม?」
เอลิซ่ามองดูประตูจากหลายๆมุมอยู่ซักพัก แล้วหันหลังกลับมา
「มองไม่เห็นสัญญาณอะไรจากทางฝั่งนี้ค่ะ」
ถ้างั้นก็คงไม่มีกับดัก…..ถ้าเป็นงั้นก็ไม่ใช่เขาวงกตแล้ว
「ด้วยรูปแบบนี้เท่าที่ผ่านมา เป็นกับดักเมื่อเปิดประตูจะเกิดระเบิด, เป็นกับดักที่ลูกศรจะพุ่งมา, และที่ปลายทางประตูเป็นหลุมพราง มี 3 รูปแบบนี้ ขอโทษด้วยค่ะ ในตอนนี้ยังไม่สามารถบอกได้」
「เข้าใจแล้ว…..ขอโทษด้วย แต่ขอเหมือนอย่างทุกทีได้ไหม?」
「เยส, มาสเตอร์」
เหมือนอย่างทุกที หรือก็คือฝืนฝ่ามันไปเลย
เอลิซ่าพยักหน้าอย่างไม่ลังเลให้กับคำขอของผม
พอแน่ใจว่าพวกผมอยู่ห่างพอสมควรแล้ว เธอก็เปิดประตู
-กริ๊ก- เสียงของบางอย่างเคลื่อนไหว
บางอย่างถูกปล่อยออกมาจากในความมืดด้านหลังห้อง
แล้วมันก็พุ่งผ่านเอลิซ่า—-
「…..อะ」
ขณะที่ผมส่งเสียงแหบแห้งออกมา ก้มลงไปมองหน้าอกตัวเองด้วยความตกใจ
—-ที่ตรงนั้นมีลูกศรปักลึกอยู่
-ตุ๊บ- เสียงดังขณะนั่งลงไปกับพื้น
「อะ…..อะ…..」
เอื้อมไปจับลูกศรด้วยมือที่สั่นเทา แต่ด้วยแรงที่มีไม่มากพอทำให้ไม่สามารถดึงออกมาได้อย่างถนัด
จนในที่สุดก็ดึงออกมาได้หมด
「อันตราย~~!」
ผมถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เสื้อนิรภัยที่สร้างด้วยวัสดุจากเขาวงกต ช่วยป้องกันผมจากลูกศรของหน้าไม้
ฟังก์ชั่นบาเรียของการ์ดช่วยคุ้มครองร่างกายของมาสเตอร์ทั้งหมด แต่นั่นไม่ได้รวมไปถึงเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่
เพราะแบบนั้นจึงมีบางสถานการณ์ที่ลูกศรไปปักอยู่กับชุดเกราะทำให้มาสเตอร์ตกใจได้
อย่างไรก็ดี มันเคยมีนักผจญภัยหญิงบางคนที่โป้หมดจากการโดนโจมตีด้วยกรด
ขณะที่กำลังคิดอะไรอยู่แบบนี้พวกเร็นกะก็รีบเข้าไปในห้องแล้วเริ่มการต่อสู้
แม้ว่าจะเห็นผมโดนลูกศรปัก ก็ทำแค่ชายตามองมา
ช่างเย็นชา…..ซะที่ไหนล่ะ ความเสียหายถูกพวกเธอรับเอาไว้ รู้สึกได้ว่าปลอดภัยเร็วกว่าที่ผมรู้สึกตัวเสียอีก
กลับกัน ควรจะกล่าวชมพวกเธอที่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว
…..แต่ว่า ก็อยากจะให้เป็นห่วงกันซักนิดล่ะนะ
ผมสะบัดหัวเพื่อขจัดความเฉยชานั้นออกไปแล้วตามพวกเธอเข้าไปในห้อง
ว่ากันตามปกติแล้ว มันจะปลอดภัยมากกว่าหากให้มาสเตอร์รออยู่นอกห้องที่ไม่มีมอนสเตอร์โผล่
ทว่าหากรออยู่ด้านนอกจนกว่าการต่อสู้จะจบ จะมีกรณีที่มอนสเตอร์ปรากฏตัวขึ้นเรื่อยๆอย่างไม่จบสิ้นไม่ว่าจะกำจัดไปมากแค่ไหน ยิ่งไปกว่านั้นคือไม่มีของตก
บางที ตัวเขาวงกตจะตัดสินการจบการต่อสู้โดยขึ้นกับว่ามาสเตอร์อยู่ในห้องด้วยหรือไม่
ก็ไม่รู้ว่ามันทำงานยังไง หรือมีจุดประสงค์อะไรในการทำแบบนี้แต่…..
ตั้งแต่นั้นมา ผมจึงตัดสินใจเข้ามาภายในห้องด้วย
สิ่งที่อยู่ในห้องคือมอนสเตอร์ 4 ตัว ชายร่างใหญ่ที่ร่างสร้างขึ้นจากหิน, สุนัขสีดำที่มีไฟพ่นออกจากปาก, ชายแก่แบกถุงใหญ่, และหมอกสีดำ
ชายร่างใหญ่กับสุนัขสีดำรู้จักได้ในทันทีเพราะว่าเคยสู้มาก่อนแล้ว โกเลมหินและเฮลล์ฮาวด์ล่ะ
แต่ว่า เป็นครั้งแรกที่ได้เจอชายแก่กับหมอกดำ
พอผ่านชั้น 10 มา มอนสเตอร์แรงค์ E เริ่มจะปรากฏขึ้น ทั้งความแข็งแกร่งและความหลากหลายของศัตรูก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก
กับพลังต่อสู้ธรรมดานั้นก็ใช่ แต่กับสกิลที่ดูยุ่งยากก็มี
ทั้งโกเลมหินและเฮลล์ฮาวด์มีพลังต่อสู้ที่สูง แต่ไม่ใช่ประเภทที่ใช้ลูกเล่นอะไร
ถ้างั้น ในเวลาแบบนี้—-!
「ก่อนอื่นจัดการกับชายแก่ก่อน!」
「OK! แต่ถึงจะไม่ต้องอุตส่าห์ลงมือฆ่า ดูท่าแล้วก็คงจะตายในไม่ช้าเองอยู่ดีแหละ!」
ยูคิกระโยนเข้าใส่ชายแก่ เร็นกะยิงกระสุนแสงตามจากด้านหลัง
แล้วโกเลมหินก็เข้ามาขวางทาง ใช้ร่างหินนั้นรับกรงเล็บของยูคิและกระสุนแสงไว้
โกเลมขึ้นชื่อด้านความถึก แต่ก็ไม่สามารถทนทานต่อการโจมตีต่อเนื่องจากแรงค์สูงกว่าได้ แตกสลายกลายเป็นหินชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ชั่วชณะที่เกิดเงาจากการเสียสละชีวิตของโกเลม เฮลล์ฮาวด์ปรากฏตัวจากตรงนั้น เข้าตะครุบซาชิกาวาราชิตัวน้อย
เร็นกะรู้สึกตัว แต่ไม่สามารถขยับได้ ไม่สิ ไม่จำเป็นต้องขยับ
เงาสีทองเข้ามาขวางระหว่างเฮลล์ฮาวด์และเร็นกะ การเคลื่อนไหวรวดเร็วราวกับวาป
เอลิซ่าล่ะ
เธอจับเขี้ยวของเฮลล์ฮาวด์ด้วยมือซ้ายที่สวมอุปกรณ์ป้องกัน จับสุนัขสีดำพ่นไฟได้ฟาดลงไปกับพื้นทั้งๆอย่างนั้น ขณะที่มันยังกัดอยู่ก็ใช้กระบอกไฟฟ้าจี้ใส่
「ก๊า!」
ถึงตายก็ไม่ปล่อย ดูเหมือนเฮลล์ฮาวด์จะตั้งใจเอาไว้แบบนั้น แต่ด้วยกระแสไฟฟ้าเป็นการบังคับให้ต้องอ้าปากออก อีกด้านหนึ่ง เอลิซ่าทำการกัดเข้า นั่นเป็นช่วงเวลาที่ผู้ล่ากับผู้ถูกล่าสลับที่กัน
สุดท้ายแล้ว ชายแก่กับหมอกดำที่ควรจะต้องฆ่าทิ้งก่อนกลับยังคงอยู่ มันเป็นเพียงแค่ไม่กี่วินาทีของลำดับก่อนหลัง แต่แค่นั้นก็เพียงพอจะให้ชายแก่เริ่มลงมือ
ชายแก่โปรยสิ่งที่อยู่ในถุงที่แบกอยู่บนหลังไปทั่วห้อง สิ่งที่อยู่ในถุง ก็คือทราย…..แค่ทำให้ต้องปิดตา?
รู้สึกอึ้งไปครู่หนึ่ง สงสัยถึงผลที่เกิดเพียงแค่นั้น แต่ก็ต้องเกร็งขึ้นมาทันที จะบ้ารึไง มันไม่มีทางแค่นั้นหรอก มันคือเวลาที่โกเลมหินและเฮลล์ฮาวด์เสี่ยงชีวิตเพื่อให้ได้มาเลย จะต้องมีอย่างอื่นอยู่แน่
แต่ว่าตรงข้ามกับที่ผมคิด ไม่มีทีท่าว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเหล่าการ์ดของทางเรา
กรงเล็บของยูคิเฉือนเข้าใส่ชายแก่ และกระสุนแสงทะลวงหมอกดำ และแล้วการต่อสู้ก็จบลง
「…..สุดท้ายแล้ว ทรายนี่มันคืออะไร?」
ผมที่พึมพำก็ได้เร็นกะตอบ
「อืม บางทีคงเป็นผงนอนหลับ ตอนที่ถูกเจ้านี้โปรยใส่ก็รู้สึกง่วงขึ้นมานิดหน่อย แต่ก็ต้านทานมันได้เหลือเฟือ」
「อย่างงี้นี่เอง」
ทรายนอนหลับ…..อันตรายน่าดู หลับเป็นสถานะผิดปกติที่อันตรายมากจนยากที่จะดูถูกมันในระหว่างการต่อสู้ โชคดีที่เหล่าการ์ดของทางเราทนทานต่อสถานะผิดปกติจึงสามารถผ่านมันไปได้ ถ้าหากว่าไม่สามารถต้านทานได้ล่ะก็ มีโอกาศที่จะถูกจัดการหมด
「แล้วก็ เจ้านี่….. อึ๋ย ไนท์แมร์ไม่ใช่เหรอเนี่ย」
ผมหยิบการ์ดที่หมอกดำเหลือทิ้งเอาไว้แล้วร้องคราง
ไนท์แมร์…..เป็นมอนสเตอร์ที่ว่ากันว่าควบคุมฝันร้าย มันไม่ใช่แค่ฝันร้ายเฉยๆ ในความฝันเจ้านี่ยังสามารถสังหารมอนสเตอร์ที่มีแรงค์สูงๆได้อย่างง่ายดาย ในทางกลับกัน ภายในโลกจริงแทบจะไร้พลัง…..
「คอมโบระหว่างมนุษย์ทรายกับไนท์แมร์งั้นเหรอ พอขึ้นมาเป็นแรงค์ E แล้วไม่ใช่ว่าความยากมันก้าวกระโดดไปหน่อยรึ?」
โกเลมหินคอยป้องกัน, เฮลล์ฮาวด์คอยโจมตี, มนุษย์ทรายคอยสนับสนุน, ไนท์แมร์คอยปิดฉากศัตรูที่หลับงั้นรึ…..
ถ้าหากทำเหมือนเขาวงกคแรงค์ F โดยใช้แต่การ์ดแรงค์ D ฝ่าไป ก็มีความเป็นไปได้ที่จะลอส ถ้าดวงไม่ดีก็โดนจัดการหมดได้เลยใช่รึเปล่าเนี่ย? ถ้าดูจากโครงสร้างของที่แห่งนี้แล้ว ถ้าหากออกมาจากห้องทันทีก็อาจจะไม่ตาย…..แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะกลับสู่พื้นดินด้วยตัวเอง
ถ้าในกรณีนั้นก็ไม่มีทางเลือกเว้นแต่ต้องจ่ายเงินจำนวนมากให้กับกิลล์เพื่อเรียกทีมช่วยเหลือมา แน่นอนว่าคุณต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง ถ้าเป็นเขาวงกตแรงค์ F จะใช้ประมาณ 1,000,000 เยน ส่วนเขาวงกตแรงค์ E ใช้เกือบ 10,000,000 เยน
ในทุกๆปี จะเกิดผู้คนที่ต้องแบกรับหนี้สินมหาศาลขึ้นมาจำนวนหนึ่ง มันเป็นอุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดของผมตอนที่พยายามโน้มน้าวพ่อแม่เลย
「เอาล่ะ ได้เวลาสนุกกันแล้ว」
หลังจากพูด ผมก็หันความสนใจไปยังกล่องสมบัติที่จู่ๆก็โผล่มาตรงกลางห้อง
นี่เป็นข้อดีที่สุดของเขาวงกตประเภทนี้ ในขณะที่ต้องถูกบังคับให้ต่อสู้ในห้องเล็กๆ จะมีโอกาศที่กล่องน่าผิดหวังจะปรากฏออกมา พูดถึงความน่าจะเป็นแล้ว…..ก็ประมาณ 5% ได้
แน่นอนว่าภายในจะแย่กว่าของรางวัลในการพิชิตเขาวงกตแรงค์ F แทบทุกอย่างเป็นของใช้แล้วทิ้งราคาประมาณ 1,000 เยน พวกโพชั่นนับว่าเป็นของดี ยิ่งไปกว่านั้น มีความเป็นได้สูงที่กล่องน่าผิดหวังจะถูกติดตั้งกับดัก
ถ้าหากว่าของภายในมันธรรมดาแถมยังมีกับดัก ตามปกติก็คงจะแนะนำให้ข้ามมันไป แต่ถึงอย่างนั้นพวกเราก็ท้าทายกล่องน่าผิดหวังเรื่อยมา นั่นก็เพราะในโอกาศหายาก มันจะมีรางวัลใหญ่อยู่
ชื่อของรางวัลใหญ่นั้นก็คือ ลูกแก้วสกิล มันคืออุปกรณ์เวทในฝัน ที่เพียงแค่ใช้มันก็สามารถให้การ์ดเรียนรู้สกิลได้
มีเงื่อนไขอยู่ว่าไม่สามารถเอาออกจากเขาวงกตได้, และไม่สามารถรู้ได้ว่าเป็นอะไรจนกว่าจะใช้มันจึงไม่ใช่ว่าจะมีแต่สกิลที่เป็นข้อดี แต่มันก็เป็นไอเทมที่ช่วยไม่ได้ที่จะต้องใช้มันหากสามารถมอบสกิลให้แก่การ์ดได้ง่ายๆ
พวกเราที่บังเอิญได้ลูกแก้วสกิลมาแต่เนิ่นๆเมื่อเริ่มทำการสำรวจ ต่างก็พากันหลงเสน่ห์ให้กับเจ้ากล่องน่าผิดหวัง
จะว่าไปแล้ว ลูกแก้วสกิลที่ได้มา —-สีของลูกแก้วสกิลจะเป็นตัวบอกถึงรูปแบบของสกิล—-เป็นสกิลด้านเทคนิค หลังจากที่คิดอยู่ว่าจะให้ใครดีก็ตัดสินใจให้เอลิซ่าไป
ด้วยธรรมชาติของเผ่ากูล่าแล้ว การเคลื่อนไหวของเอลิซ่าจะขาดความละเอียดอ่อน เรียกได้ว่าหยาบมากกว่าทื่อเลย สกิลด้านเทคนิคจะเป็นสกิลที่ช่วยแก้ไขการเคลื่อนไหวเหล่านั้น ที่ตัดสินใจให้ก็เพราะหวังว่ามันจะช่วยให้ดีขึ้นมาบ้าง
แล้วมันก็เป็นกลายเป็นคำตอบที่ถูกต้อง
ชื่อของสกิลที่เธอได้มาก็คือ เคลื่อนไหวแม่นยำ เป็นสกิลที่ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการเคลื่อนไหว นับว่าเป็นสกิลที่เหมาะที่สุดสำหรับเธอ
เริ่มจากการคเลื่อนไหวในการต่อสู้มีความไหลลื่นขึ้น, การใช้สกิลอย่างปกป้องเองก็ไวขึ้น, ตอนที่ฝึกเล่นขลุ่ยที่เคยดูหงุดหงิดมาตอนนี้ก็สามารถขยับนิ้วได้ตามต้องการ แล้วยังค่อยๆพัฒนายิ่งขึ้นไปอีก
ข้อดีใหญ่ที่สุดเลยก็คือ ทำให้เธอสามารถปลดกับดักได้
จนถึงตอนนี้ตัวเธอซุ่มซ่ามเกินกว่าจะปลดกับดักได้ ที่ทำได้มีแค่การปลดโดยใช้ร่างกายอมตะรับมันเอาไว้หมด แต่ตอนนี้สามารถปลดกับดักก่อนจะโดนได้แล้ว
แน่นอนว่าโอกาศสำเร็จยังค่อนข้างต่ำ แต่ถ้าเก็บเกี่ยวประสบการณ์ต่อไป วันที่จะได้รับสกิลเพื่อปลดกับดักจะต้องมาถึงแน่
ใช่ พวกเรามั่นใจแบบนั้น
「โย้ช ถ้างั้นก็เปิดได้เลยเอลิซ่า」
「เยส, มาสเตอร์」
พวกเราเฝ้ามองอยู่ห่างๆป้องกันเอาไว้ก่อน แล้วเอลิซ่าก็เข้าจัดการกล่องน่าผิดหวัง
พยายามอยู่ไม่กี่นาทีกับตรงรูกุญแจ -กริ๊ก- แล้วฝากล่องก็เปิดออกอย่างช้าๆ เอลิซ่าหันกลับมา—-
「ต้องขออภัยเป็นอย่างสูง พลาดแล้วค่ะ」
ลูกศรปักลึกอยู่กลางหน้าอกเธอ
『อ-เอลิซ่าซังงงง!』
พวกเรารีบวิ่งไปหาเอลิซ่า
วันที่เธอจะได้สกิลปลดกับดักจะคงอีกยาวไกลนัก
【Tips】อุปกรณ์เวท
อุปกรณ์เวทปรากฏขึ้นจากเขาวงกต ตัวอย่างที่ดีที่สุดเลยคือโพชั่นที่สามารถรักษาบาดแผลและโรคภัยได้ทุกชนิด แล้วก็ยังมีไม้เท้าที่ทำให้คุณสามารถใช้เวทมนตร์ได้, ดาบศักดิ์สิทธิ์, ดาบเวท, พรมบินได้, ตะกร้าขนมปังที่มอบขนมปังให้ไม่มีวันหมด ทว่าในหมู่สิ่งเหล่านั้น มีการยืนยันว่าบางอุปกรณ์เวท เช่น ฝ่ามือลิง สามารถนำพาโชคร้ายมาให้ได้
โดยทั่วไปแล้ว ยิ่งเขาวงกตแรงค์สูงมากเท่าใด อุปกรณ์เวทที่ดีจะยิ่งปรากฏออกมามากเท่านั้น แต่แม้ในเขาวงกตแรงค์ต่ำ อุปกรณ์เวทสุดหายากก็สามารถปรากฏขึ้นได้ ในทางตรงกันข้ามก็เช่นกัน และในบางครั้ง 【ของเล่นผู้ใหญ่】มีได้รับมาจากการพิชิตเขาวงกตแรงค์สูงๆด้วย