เด็กม.ปลายสายม็อบอย่างผมจะกลายเป็นสายเรียลได้ไหมถ้าเป็นนักผจญภัย - ตอนที่ 25 วันวาเลนไทน์
- Home
- เด็กม.ปลายสายม็อบอย่างผมจะกลายเป็นสายเรียลได้ไหมถ้าเป็นนักผจญภัย
- ตอนที่ 25 วันวาเลนไทน์
บทที่ 1 ตอนพิเศษ 1
เดือนที่ 2 วันที่ 14 วันวาเลนไทน์
มันก็คือ วันแห่งฝันร้ายสำหรับผู้ชายไม่ป็อปปูล่าเช่นเดียวกับวันคริสต์มาส
มันเป็นวันที่เสน่ห์ความเป็นชายจะถูกแสดงออกมาเป็นตัวเลขโดยตรงตามจำนวนช็อคโกแลต
สิ่งดีอย่างเดียวก็คือ ค่าต่ำที่สุดคือ 0 ไม่มีค่าติดลบ
ที่ซุปเปอร์ได้เอาช็อคโกแลตมาวางเรียงเป็นเวลามากกว่า 1 เดือนแล้ว แต่พอรู้สึกอยากจะกินอะไรหวานๆแล้วไปซื้อช็อคโกแลต ผู้หญิงตรงที่คิดเงินก็คง「อะ คนๆนี้คงมาซื้อช็อคโกแลตเพื่อแอบเนียนให้ตัวเองในวันวาเลนไทน์สินะ」ต้องคิดแบบนี้อยู่แน่ๆ(คิดหวาดระแวงไปเอง)
ในชั้นเรียนเองก็เหมือนกัน จะมีใครบางคนที่ไม่เคยได้รับช็อคโกแลตมาก่อนแม้แต่ชิ้นเดียวในชีวิต และอีกด้านหนึ่งก็จะมีคนที่ได้รับช็อคโกแลตมากเสียจนทานไม่หมด เป็นภาพที่ทำให้ผมได้เห็นถึงความไร้ซึ่งเหตุและผลของโลกใบนี้
แน่นอน ผมเองก็เป็นคนที่ไม่เคยได้
กับวันแห่งฝันร้ายที่เพียงแค่การเดินไปโรงเรียนก็ทำให้ค่าสติลดลง ได้หวนกลับมาอีกครั้งในปีนี้
『วันนี้เป็นวันวาเลนไทน์ ตามร้านสะดวกซื้อต่างก็มีช็อคโกแลตสำหรับวันวาเลนไทน์อยู่มากมาย ได้เห็นแม้แต่สาวๆที่กำลังเดินทางไปโรงเรียนได้แวะซื้อช็อคโกแลตด้วยนะครับเนี่ย』
…..ชิ
พอผมได้ดูข่าวใน TV ก็เดอะลิ้น
ทำให้รู้สึกแย่ๆซะแต่เช้าเลย
วันวาเลนไทน์อะไรกัน มันก็แค่คำโกหกที่ถูกเผยแพร่โดยบริษัทช็อคโกแลตนั่นแหละ ในต่างประเทศ วันวาเลนไทน์คือวันที่ฝ่ายชายแสดงความรู้สึกที่มีต่อฝ่ายหญิงต่างหาก
แล้วเปลี่ยนไปเป็นอีเวนต์สารภาพรัก มันไม่ใช่อีเวนต์สุดโหดร้ายต่อเหล่าผู้ไม่ป็อบปูล่าซักหน่อย
…..ฮ่าาา ไม่อยากจะไปโรงเรียนเลย
「พี่จ๋า~」
ขณะที่กำลังถอนหายใจ น้องสาวก็เข้ามาหาพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า
「นี่ ช็อคโกแลตวันวาเลนไทน์」
「โอ้ ขอบใจนะ!」
นี่คือช็อคโกแลตที่ไอมอบให้ทุกปี เป็นช็อคโกแลตชิ้นเดียวที่ผมจะได้ แถมยังเป็นแบบทำเองด้วย
ต้องขอบคุณช็อคโกแลตชิ้นนี้ ที่มำให้สามารถรักษาสถานะได้นิดหน่อยต่อพวกเพื่อนร่วมชั้นที่ได้จำนวน 0 ชิ้นถ้วน โดยเฉพาะกับนิชิดะ คงจะยอมจ่ายถึง 10,000 เยนเพื่อช็อคโกแลตชิ้นนี้เลย
พอผมพูดขอบใจและกำลังจะเอื้อมไปรับช็อคโกแลต ไอก็ดึงมือกลับอย่างรวดเร็ว
「…..มีอะไรล่ะ?」
「หนู อยากจะได้บางอย่างเป็นของขวัญวันเกิดน่ะสิ」
ไอทำท่าท่างออดอ้อนพร้อมมองช้อนขึ้น ผมเตรียมใจถึงสิ่งที่กำลังจะมา
นี่ก็คือ ราคาสำหรับช็อคโกแลตวันวาเลนไทน์อันนี้
วันเกิดของไอคือเดือนที่ 3 วันที่ 14 วันไวท์เดย์
เด็กสาวผู้น่ารักที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นน้องสาวของผมคนนี้ ดูเหมือนว่าจะแจกช็อคโกแลตให้กับเด็กผู้ชายหลายต่อหลายคน โดยมุ่งหวังของตอบแทนที่จะได้รับในชื่อของขวัญวันเกิด
แม้แต่เด็กผู้ชายที่เขินอายเกินว่าจะมอบของตอบแทนวันไวท์เดย์ หากเป็นในชื่อของวันเกิดแล้วก็ยังสามารถทำมันได้
ให้ตายสิ หยั่งกับว่าเกิดมาเพื่อให้ผู้ชายรับใช้เลย อนาคตจากนี้ไปช่างน่ากลัว
ผมถอนหายใจแล้วพูด
「ปีก่อนเป็นแผ่นเกมใช่รึเปล่า? แล้วปีนี้เป็นอะไรล่ะ」
「เอเหะเหะ~ นี่เลย! อยากจะได้เจ้านี่ค่า~」
「ไหนไหน?…..พรูด!」
พอได้เห็นหน้าของนิตยสารที่ไอกางออก ผมก็สำลักออกมา
มันคือ สร้อยคอรุ่นพิเศษของทิฟฟานี่ ไม่ว่าจะชิ้นไหนก็ราคาเกินกว่า 100,000 เยน
「นี่เธอ มันก็ต้องไม่ได้อยู่แล้วสิ!」
ไม่ใช่ของที่เด็กประถมควรมีซักหน่อย!
「เอ๋ พี่จ๋าตอนนี้รวยแล้วนี่นา」
「ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ตรงนั้น แล้วเงินมันก็หายไปหมดกับค่าการ์ดแล้ว! แล้วก็ เป็นแค่เด็กจะเอาไอ้ของแบบนี้ไปทำอะไรกัน」
「แน่นอน จะเอาไปอวดทุกคนในชั้นยังไงล่ะ! ว่าถึงแม้จะเป็นของแพงแบบนี้พี่ของหนูก็ยังซื้อให้ได้ทันทีเลย~」
「ฮ่าาา…..」
ช่วยไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ให้ตายสิ ไอ้กระบวนการคิดแบบนี้ สมแล้วที่เป็นน้องสาวของผม ผู้คนมักจะบอกว่าดูไม่เหมือนกันเลย แต่ว่าในจุดแบบนี้ช่วยไม่ได้ที่จะรู้สึกได้ถึงความสัมพันธ์ทางสายเลือด เป็นเลือดของแม่ที่ไม่ได้เรียกร้องแหวนหมั้นราคาเพียงเงินเดือน 3 เดือน แต่เป็นราคาเงินเดือนทั้งปี
「ไม่ว่ายังไงก็ไม่ได้ มันอันตรายเกินไป」
นอกเหนือจากราคา ปัญหามันอยู่ตรงอันตรายจากการที่เด็กเอาของอะไรแบบนี้มาโชว์
ไม่ใช่ว่าเพื่อนร่วมชั้นทุกคนจะมีเหตุมีผลกันหมด มันจะต้องมีซักคนที่จะขโมย บางทีอาจจะเป็นได้แม้แต่ตัวอาจารย์ ทั้งชั่วโมงพละ ชั่วโมงว่ายน้ำ มีโอกาศจะขโมยอยู่มากมาย
เหนือสิ่งอื่นใด เด็กๆไม่ควรจะเอาของขวัญจากชายอื่น—-ต่อให้มาจากพี่ชายก็ตาม—-ออกมาอวด มันไม่เหมาะสม
ถ้าไม่สอนเธอว่าไม่ควรจะตีคุณค่าของขวัญจากราคาแล้วล่ะก็ อนาคตของไอคงจะไปอยู่ที่『นางสาว』เป็นแน่
ผมจะเอาเรื่องที่ตัวเองเคยคิดจะเอาแรร์การ์ดพวกเร็นกะไปอวดเพื่อนร่วมชั้นไปพักไว้ก่อน แล้วทำการสั่งสอนน้องสาว
แล้วไอก็ทำแก้มป่อง
「มู~ งั้น อยากจะไปแฟนตาซีแลนเจแปน! กับมิกิจัง คานะจัง และก็เด็กคนอื่นๆทุกคนไปด้วยกันได้ไหมอะ?」
「มู」
มาแบบนี้งั้นรึ ถ้าหากเทียบกับสร้อยคอทิฟฟานี่แล้วมันจะดูเด็กๆไปทันที ทว่าราคามันแทบจะไม่ได้ต่างกันเลย
แฟนตาซีแลนเจแปน จุดดึงดูดหลักของธีมปาร์คแห่งนี้คือสามารถเล่นกับมอนสเตอร์ของจริงได้ มันเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มดันเจี้ยนมาร์ท และเป็นสวนสนุกที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นในปัจจุบัน แซงหน้าอาณาจักรหนูไปแล้ว เรียกกันว่า FLJ
ม้าหมุนที่สามารถขี่ยูนิคอร์นได้, บ้านผีสิงที่มีเรธ แวมไพร์ แฟรงเก็นสไตน์ตัวจริง, การแสดงสระน้ำด้วยการร้องและเต้นจากนางเงือก, เมดคาเฟ่ของเหล่าซิลกี้และดราก้อนเมด, การนวด(เพื่อสุขภาพ) ของซัคคิวบัส, รถไฟเหาะที่ขี่ไม้กวาดไปพร้อมกับแม่มดเพื่อหนีการโจมตีของมังกร, เขาวงกตขนาดยักษ์ที่สามารถรับประสบการณ์การเป็นนักผจญภัย และอีกมากมาย
เป็นดินแดนแห่งความฝันและจิตนาการของจริง ลูกค้าบางคนยังแค่มาเพื่อคอยชมขบวนพาเหรดของเหล่ามอนสเตอร์หลากหลายตอนกลางคืนด้วย
แต่ว่าไม่เหมือนกับสวนสนุกอีกแห่ง ที่นี่ตั้งอยู่ในโตเกียว
เพราะแบบนั้นจึงไม่มีปัญหาเรื่องที่จะให้พาไป แต่ว่า…..
「เด็กคนอื่นๆทั้งหมดนี่มันซักกี่คน?」
「เอ็ตโต…..น่าจะ 20 คนได้?」
「โอ่ยโอ่ยโอ่ย! นี่กลุ่มเธอมีกี่คนเนี่ย!」
ตามปกติควรจะประมาณ 4 – 5 คนสิ! นี่มันเกินครึ่งห้องไปแล้วนะ!
「ก็หนูเป็นเพื่อนกับเด็กผู้หญิงหมดทุกคน เด็กผู้ชายเองก็เป็นเพื่อนหลายคน ก็เลยเป็นแบบนั้น」
ทักษะการสื่อสารของปีศาจชัดๆ ตอนที่ยังเป็นเด็กประถม ผมตอนที่อายุเท่ากับไอ มันยังมีกำแพงกั้นระหว่างชายหญิงมากกว่านี้เลย
แล้วอีกด้านหนึ่ง อีกหลายสิบคนที่ไม่ได้ถูกเลือก มันจะอยู่ในระดับที่สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกัน
「ลดให้น้อยกว่านี้อีก」
「อืม~ งั้นเอารวมหนูด้วยก็ 5 คนล่ะกัน มากกว่านั้นคงไม่ได้ ไม่งั้นจะกระทบต่อมิตรภาพล่ะ」
5 คนงั้นเหรอ ตั๋วเข้า 1 วันราคา 50,000 เยน ก็ ไม่ใช่จำนวนเงินที่จ่ายไม่ไหวอะไร ถ้าคิดว่าเป็นการซื้อความทรงจำแล้ว…..ก็ไม่น่าเสียใจ
「ช่วยไม่ได้แหะ」
「เย้! รักพี่จ๋าที่สุดเลย!」
「เข้าใจจังหวะที่จะใช้คำว่ารักจริงๆนะ」
ผมรับการกอดจากไอเอาไว้ด้วยรอยยิ้มแห้งๆ
…..กลวิธีที่เรียกร้องบางสิ่งใหญ่ๆในตอนแรก แล้วค่อยๆลดความยากลงมา มันเรียกว่า door-in-the-face
กว่าจะรู้สึกตัวว่าไอได้ใช้เทคนิคนี้ ก็เป็นหลังจากที่ได้ออกมาจากบ้านไปแล้ว
…..คาดไม่ถึงเลยว่าไอจะใช้เทคนิคจากจิตวิทยา
ระหว่างทางไปโรงเรียน ผมไม่สามารถซ่อนความรู้สึกที่หลากหลายเกี่ยวกับเรื่องการเติบโตของน้องสาวเอาไว้ได้
ไม่สิ door-in-the-face มันเป็นแค่เทคนิคเจรจาเบื้องต้น ทุกๆคนใช้มันโดยไม่รู้ตัวอยู่แล้ว ถ้าคิดแบบนั้นมันก็ไม่น่าแปลกมั้ง ตอนผมยังเป็นเด็กๆ ตอนแรกอยากจะซื้อเครื่องเกม แต่สุดท้ายก็ได้ซื้อแค่แผ่นเกม
ขณะที่คิดอะไรแบบนั้นอยู่ ก็มองเห็นคู่หูตะวันออก-ตะวันตกอยู่ข้างหน้า
「โอ้ส อรุณสวัสดิ์!」
「…..มาโร่เรอะ」
「’รุณหวัด…..」
กับผมที่ทักทาย ทั้ง 2 คนกลับมองผมมาด้วยสายตาว่างเปล่า
「แหม มืดมนเกินไปแล้ว แต่ก็เข้าใจความรู้สึกอยู่แหละ」
พอผมพูดไป ทั้งคู่ก็ดวงตาเบิกกว้าง
「ไม่ ในตอนนี้มาโร่ไม่สามารถเข้าใจความรู้สึกของพวกชั้นได้หรอก!」
「อา นักผจญภัยอัจฉริยะมันต้องได้ช็อคโกแลตเยอะอยู่แล้ว!」
「พวกนายนี่นะ…..」
ผมเอามือเกาหัวแล้วพูด
「ขอบอกไว้ก่อนเลย ถึงชั้นจะมีชื่อเสียงขึ้นมาหน่อยก็จริง แต่ก็แค่ภายในโรงเรียน มันไม่ได้ส่งผลอะไรเรื่องเรียจูเลย」
หืม? ทั้ง 2 คนก็ยังมีเครื่องหมายคำถามอยู่บนหน้า ผมเลยยกตัวอย่างอธิบายง่ายๆให้
「ลองนึกดูสิ ตอนที่มินามิยาม่าได้เข้าชนชั้นท็อป…..ได้มีแฟนรึเปล่า?」
「มู…..มันก็จริง」
「งี้นี่เอง ความสัมพันธ์เชิงอำนาจในชั้นเรียนกับการป็อบปูล่ามันคนละอย่างกัน」
「ดูจะเข้าใจแล้วนะ…..」
ผมหัวเราะให้กับตัวเองเล็กน้อย ตัวผมนั้น พอรู้ตัวอีกทีก็เดินทางมาไกลมากในช่วงปีที่ผ่านมา
ถ้าหากรู้ตัวเรื่องนี้ตั้งแต่แรกแล้วรุกใส่อุชิคุระซังล่ะก็ บางทีตอนคริสต์มาส…..ไม่สิ ไม่คิดว่าจะได้หรอก
ต่อให้ไปรุกเข้าใส่ตอนที่ผมยังไม่มีความมั่นใจในตัวเอง เธอก็คงไม่หันมามองหรอก อีกอย่าง เธอเองก็คงถูกคนในชั้นรุกใส่อยู่แล้ว
ชีวิตมันช่างลำบากเสียนี่กระไร
「แต่ว่าน้า ยังไงมาโร่ก็แตกต่างจากพวกชั้นอยู่ดี ก็แบบ อย่างน้อยก็ได้จากไอจังมาใช่ไหมล่ะ?」
นิชิดะมองผมด้วยแววตาเคียดแค้น
「ก็นะ…..แต่ว่าราคาของปีนี้มันสูงนะสิ」
「ไอจังขอร้องมาต้องน่ารักแน่ๆ ถ้าเป็นชั้นคงให้หมดทุกอย่างเลย」
「ถ้างั้นจะพาพวกเพื่อนๆของไอไป FLJ ก็ทำได้?」
「แฟนตาซีแลนเหรอ นั่นมันก็ยากนา」
ฮิกาชิโนะยิ้มแห้งๆ แต่ทว่า นิชิดะกลับมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้น
「โอ่ย เมื่อกี้บอกว่าพวกเพื่อนๆของไอจังงั้นรึ?」
「อะ อา」
「ถ้างั้นมันต้องแน่นอนว่า เด็กผู้หญิงใช่ไหม?」
「……………แล้ว?」
พอจะรู้แล้วว่าเรื่องอะไร ผมจึงหรี่ตามองไปที่นิชิดะ
「แล้ว? ซะที่ไหนล่ะ! ไปสวนสนุกกับเหล่าเด็ก JS หลายคนงั้นเหรอ!? ฮาเร็มไม่ใช่รึไง! นี่มันไม่ใช่ของที่ต้องจ่ายแต่เป็นรางวัลแล้วต่างหาก!」
「อย่ามาเหมารวมกับตัวแกสิว่ะ! ตูเป็นพวกชอบหน่มน้มเฟ้ย!」
「ตอแหล! รู้นะว่าแกมันจริงๆแล้วเป็นอีแอบโลลิค่อน」
「เอ๋? จริงดิ? เป็นงั้นหรอกเหรอ?」
กับคำประกาศของนิชิดะ ฮิกาชิโนะจึงมองมาด้วยสีหน้าตกใจ ผมรีบทำการปฎิเสธทันที
「เดี๋- ไม่ใช่นะ」
「โกหก! งั้นจะอธิบายเกี่ยวกับท่านเร็นกะกับท่านเมอายังไง? ไง? มีสุดยอดโลลิอยู่เป็นฮาเร็มตั้งขนาดนั้นเชียว」
หมอนี่ ถึงกับเรียกพวกเร็นกะว่าท่านเลย
แต่นอกเหนือจากนั้นแล้ว…..
「ปาร์ตี้ของชั้นไม่ได้มีแค่โลลิซักหน่อย คุณพี่สาวก็มี สัตว์ป่าก็มี แล้วก็ ไม่ใช่ฮาเร็มซักหน่อย…..」
มีแค่ประโยคครึ่งหลังที่เสียงค่อยๆเบาลง
ต่อให้ผมเถียงยังไง ปาร์ตี้ของพวกเรามันก็เป็นสภาพฮาเร็ม ตอนที่ได้พรรคพวกเข้ามาผมเองก็พอจะรู้ตัวอยู่ในใจแล้วบ้าง
…..ก็แบบ ปาร์ตี้ที่มีแค่สาวมอนสเตอร์มันเป็นความฝันของผู้ชายใช่ไหมล่ะ?
ทั้ง 2 คนดูเหมือนจะรู้ได้แล้วมองมาด้วยสายตาเย็นชา
「จะว่าไป แค่ครั้งเดียวก็ได้ ให้ได้เจอกับท่านเร็นกะกับท่านเมอาหน่อยสิ」
「ชั้นเองก็อยากจะเอลิซ่าซังกับคุณพี่สาวคนยักษ์ด้วยน้า」
เพิ่มเติมจากโลลิค่อนนิชิดะ แม้แต่ฮิกาชิโนะที่ชอบคุณพี่สาวก็ยังพูดมาแบบนั้น
「ก่อนอื่นก็กรุณาไปเป็นนักผจญภัยก่อนเลย ถ้าไม่อยู่ในเขาวงกตก็เจอกันไม่ได้หรอก」
พอผมพูดไปแบบนั้น นิชิดะก็แสยะยิ้ม
「แหม~ ไม่จำเป็นเลยนี่ เขาวงกตไม่ใช่สถานที่เดียวที่จะเจอการ์ดได้ไม่ใช่เหรอ?」
「หืม?」
ด้วยคำของนิชิดะ ทำให้ผมต้องเลิกคิ้วขึ้น
ทางเดียวที่จะใช้การ์ดนอกเขาวงกตได้คือการใช้อุปกรณ์เวทแบบพิเศษ แล้วของอะไรที่มันจะทำให้เกิดความวุ่นวายแบบนั้นก็ตกอยู่ในความควบคุมของรัฐ
หรือก็คือ ไม่สามารถที่จะเจอมอนสเตอร์ข้างนอก…..หรือว่า!
「ดูเหมือนจะรู้สึกตัวแล้วสินะ ใช่ ถ้าเป็น FLJ แล้วสามารถอัญเชิญออกมาแล้วพาเข้าไปด้วยได้ยังไงล่ะ!」
「คุ มาแบบนี้งั้นเหรอ」
ที่ FLJ อนุญาตให้เรียกมอนสเตอร์จากเหล่าการ์ดได้ อันที่จริงเป็นข้อแนะนำเลยด้วย แนวคิดของ FLJ ก็คือ ประเทศที่คุณสามารถโต้ตอบกับมอนสเตอร์ได้ และมอนสเตอร์ที่ทางลูกค้าพามาด้วยก็ยังสามารถช่วยดึงดูดลูกค้าท่านอื่นอีก
ในทางกลับกัน มาสเตอร์จำเป็นต้องสวมใส่กำไลพิเศษ เป็นอุปกรณ์เวทที่ไว้ป้องกันมอนสเตอร์ไปทำร้ายผู้อื่น พูดให้ถูกคือ เป็นอุปกรณ์เวทที่ทำให้ความเสียหายที่มอนสเตอร์ไปสร้างแก่ผู้อื่นย้อนกลับไปสู่มาสเตอร์ของมันเอง ด้วยการทำแบบนี้ การ์ดที่ไม่สามารถทำอันตรายแก่มาสเตอร์ได้ จึงไม่สามารถทำอันตรายแก่ผู้อื่นได้ไปโดยปริยาย
พอมาถึงจุดนี้ ก็เข้าใจได้แล้วว่านิชิดะต้องการจะสื่ออะไร
「มาโร่…..ไม่สิ ท่านอุทามาโร่! กระผม ช่วยกรุณาพากระผมไป FLJ ด้วยเถอะครับ!」
「เอ๋? ก็ไม่ได้อยู่แล้วปะ?」
ผมตอบทันที
เจ้าหมูตัวนี้มันพูดอะไรออกมา
「อย่าพูดแบบนั้นสิ! ถ้างั้นค่าตั๋วครึ่งนึงของเพื่อนๆไอจัง ชั้นจะช่วยออกให้เอง!」
「ต่อให้จ่ายแทนหมด ก็ไม่มีทางปล่อยให้แกไปอยู่ใกล้เด็กผู้หญิงชั้นประถมอยู่แล้วปะ?」
แต่แล้วก็มีกองหนุนที่คาดไม่ถึงโผล่มาช่วยนิชิดะ
「น่าน่า อย่าพูดแบบนั้นสิ ให้พวกชั้นไป FLJ ด้วยเถอะน่า เดี๋ยวจะจ่ายส่วนของตัวเองกันเอง」
「ฮิกาชิโนะ นายก็ด้วยเหรอ」
「ชั้นเองก็อยากจะเจอเอลิซ่าซังเหมือนกันนะ」
「บอกไว้ก่อนเลยนะ เอลิซ่าไม่ใช่คุณพี่สาวใจกว้างอย่างที่นายคิดไว้หรอกนะ?」
「ไม่หรอก แค่ชอบรูปลักษณ์ที่เป็นอยู่แหละ」
「ยังไงก็เถอะ ไม่ได้ก็คือไม่ได้ ก็แบบ จะให้ไปอธิบายกับน้องสาวว่ายังไงกันล่ะ? พวกเด็กๆทางนั้นก็อยากจะเที่ยวเล่นกันเองอยู่แล้ว ถ้ามีเด็กม.ปลายมาผสมด้วยจะคิดกันยังไง ตัวชั้นเองก็ทำหน้าที่แค่นำทางไป ไม่ได้กะจะเข้าไปยุ่งอะไรมากด้วย」
「อย่าพูดงั้นสิ พวกเราเองก็อยากจะได้เห็นการ์ดของมาโร่ซักครั้งนึงเท่านั้นเอง!」
「ถ้างั้นให้พวกเราคอยปรนนิบัติพวกท่านเร็นกะ ส่วนมาโร่คอยนำทางเหล่า JS ล่ะ」
「ตื้อจริงน้า~」
ผมที่พยายามผลักออกต่อไป คู่หูตะวันออก-ตะวันตกก็เปลี่ยนแนวทางมาพูดยอผมแทน
「อยากจะเจอการ์ดอันน่าภูมิใจของนักผจญภัยอัจฉริยะที่ชนะงานแข่งจังเลยน้า~」
「โย่ว มหาเศรษฐีพันล้านในอนาคต!」
「อยากจะเห็นด้านดีๆของมาโร่บ้างน้า~」
「เฮ้เฮ้เฮ้!」
ทั้ง 2 คนพูดยอออกมาอย่างเปิดเผย แต่พอเข้าใกล้โรงเรียนเรื่อยๆก็เงียบลง
นั่นก็เพราะ…..
「อรุณสวัสดิ์ มาโร่คุง อะนี่ ช็อคโกแลต」
「อ-โอ้…..ขอบใจ」
「ชั้นด้วย แล้วจะรอดูของตอบแทนนะ!」
「ฮะฮะ…..จะคิดอะไรไว้ละกัน」
พวกผู้หญิงในชั้นของเราเดินผ่านมาแล้วยื่นช็อคโกแลตชิ้นเล็กๆให้ ไม่ว่าอันไหนก็เป็นแบบทำเองไม่ก็ราคาแพง
อ-อะไรกันล่ะเนี่ย…..
ต่อปรากฏการณ์ครั้งแรกในชีวิตทำให้ไม่สามารถซ่อนความสับสนเอาไว้ได้
ไม่สิ พอจะเข้าใจสาเหตุได้ ตามที่พูดมา คงจะหวังอะไรบางอย่างตอบแทนเนื่องจากว่ารายได้ของผมมันเกินกว่าคำว่านักเรียนไปมากแล้ว เพราะงั้นก็เลยวางแผนลงทุนด้วยช็อคโกแลตเอาตอนนี้
แต่ว่า นี่มัน…..
ผมเหลือบไปดูพวกเพื่อนๆ
「…..การที่ให้ช็อคโกแลตกับมาโร่แล้วไม่แม้แต่จะกล่าวทักทายอะไรพวกเราเลย นี่มันหมายความว่ายังไงกัน? ไม่ต้องพูดถึงซ็อคโกแลต แต่การกล่าวทักทายนี่ถือเป็นมารยาททางสังคมไม่ใช่เหรอ?」
「ใจเย็นไว้น่า อดทนไว้จนกว่าจะได้ไป FLJ…..พอจบเรื่องแล้ว….. ต่อให้เป็นนักผจญภัยแต่ถ้าอยู่นอกเขาวงกตก็ไม่น่ากลัวหรอก」
ทั้งคู่ต่างพูดพึมพำพร้อมด้วยสายตาที่สามารถจะฆ่าคนได้ทุกเมื่อ
ไม่น่าสงสัยเลย เพราะว่าเพื่อนที่น่าจะอยู่ระดับเดียวกัน กลับมาได้ช็อคโกแลตเอาต่อหน้าต่อตา
ถ้าอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน ผมก็เป็นเหมือนกัน
แต่ว่าทั้งคู่ก็เก็บความแค้นเอาไว้ บางทีคงเพราะต้องการให้พาไป FLJ ด้วย
「โว้ว!」
พอมาถึงทางเข้าแล้วเปิดประตูล็อคเกอร์รองเท้าก็ต้องร้องตกใจออกมา เพราะได้เห็นช็อคโกแลตและคุ้กกี้มากมายอยู่ด้านใน
มีอยู่ประมาณ 10 กว่าอัน ทั้งหมดดูแล้วน่าจะมาจากเด็กนักเรียนจากคนละห้องหรือชั้นปี
นอกเหนือจากความรู้สึกโรแมนติก น่าจะเป็นความรู้สึกแบบแฟนๆมากกว่า มีหลายอันที่ส่งถึงพวกเร็นกะแทนที่จะเป็นผมด้วย
แต่ว่า พอได้มาเจอสถานการณ์ที่ราวกับหลุดมาจากการ์ตูน ที่พอเปิดช่องวางรองเท้าแล้วมาเจอของขวัญ มันก็ทำให้รู้สึกตื่นเต้นอยู่นิดหน่อย
『………………..』
ในอีกด้านหนึ่ง คู่หูตะวันออก-ตะวันตกก็มีสายตาที่บอกว่าสามารถฆ่าคนด้วยความเกลียดชังได้
แถมด้วยความเงียบและสีหน้าไร้อารมณ์ยิ่งทำให้น่ากลัวขึ้นไปอีก
และในตอนนั้น…..
「อาเร๊ะ มาโร่จาง」
「อรุณสวัสดิ์ คิทากาว่าคุง」
「อะ อรุณสวัสดิ์」
ชิโนมิยะซังและอุชิคุระซัง สาวที่สวยที่สุด 2 คนในห้องเราปรากฏตัว
『อ-อรุณสวัสดิ์ยามเช้าครับ!』
ด้วยเหตุผลบางอย่าง คู่หูตะวันออก-ตะวันตกทำการกล่าวคำทักทายด้วยภาษาสุภาพเป็นทางการ ด้านชิโนมิยะซัง「อะไรกันล่ะเนี่ย พวกนี้」มองมาด้วยสายตาบ่งบอกแบบนั้น แล้วมองไปเห็นตู้ล็อคเกอร์ของผม พอได้เห็นของที่อยู่ข้างในก็ทำการยิ้มอย่างมีเลศนัย
「เห…..เป็นแค่มาโร่แต่ก็ป็อบปูล่าน่าดูเลยนะ」
「เอ๋? เป็นแบบนั้นเหรอ? ว้าว จริงด้วย ช็อคโกแลตเต็มเลย!」
ชิโนมิยะซังเอาศอกจิ้มใส่ผม ส่วนอุชิคุระซังทำตาโต
「ไม่หรอก แทนที่จะบอกว่าป็อบปูล่า น่าจะเรียกว่าสนับสนุนมากกว่า ของพวกเร็นกะก็มีปนมาด้วยนี่ไง」
ผมตื่นตระหนกด้วยเหตุผลบางอย่าง แล้วทำการแก้ตัวกับทั้ง 2 คน
「หืม? ก็นะ เอาเถอะ อะ นี่」
「เอ๋?」
ผมมองไปยังถุงห่อน่ารักๆที่ชิโนมิยะซังให้มา
「อะ ชั้นด้วย」
แถมด้วยอุชิคุระซังเพิ่มมาอีก
「………………..」
น-นี่มันอะไรกันเนี่ย? หรือว่า ระเบิด…..ไม่น่าจะใช่ ถ้างั้นยาพิษ? …..หรือว่า คงไม่ใช่ ช็อคโกแลต ใช่ไหม?
มือกำลังสั่นอยู่ การที่อะไรแบบนี้เกิดขึ้นมันดีแล้วจริงๆเหรอ?
ผม ช็อคโกแลตทั้ง 2 คน? เอ๋? นักผจญภัยสุดยอดขนาดนี้เชียว? อันตรายเลยไม่ใช่รึไง?
ผมที่ทำท่าทางแปลกๆ ชิโนมิยะซังจึงหัวเราะ
「วันไวท์เดย์ ตั้งความหวังไว้อยู่นะ」
「อะฮะฮะ สำหรับชั้นไม่ต้องกังวลมากหรอกนะ」
แล้วทั้ง 2 คนก็มุ่งไปยังห้องเรียน
ผมยังยืนแข็งทื่ออยู่ตรงนั้นให้กับสถานการณ์ที่ไม่น่าจะเป็นไปได้
「—-โย่ มาโร่」
「มีอะไรอยากจะพูดรึเปล่า? อะ ถ้าจะขอเวลากินมันละก็คงให้ไม่ได้หรอก ใช่ไหม?」
-แปะ- 2 มือของอสูรถูกวางลงบนบ่าของผม
ไม่รู้ว่าทำไมมือที่วางลงมาเบาๆนั้น รู้สึกได้ถึงความหนักอึ้ง
ผมหันกลับไปจ้องดวงตาของทั้ง 2 แล้วก็เข้าใจ
นี่มัน…..อันตราย
ที่ว่าอะไรอันตรายนั้น ถ้าเป็นผมมาอยู่ในสถานะเดียวกันแล้วล่ะก็ ไม่มีทางปล่อยไปง่ายๆแน่นอน อันตรายแบบนั้นแหละ
พวกเราต่างก็รู้ถึงจุดอ่อนของกันและกันดี
ถ้าหาก ความลับของผมถูกเปิดเผยล่ะก็…..ตั้งแต่พรุ่งนี้ พวกผู้หญิงคงได้มองผมราวกับว่าเป็นแมลงสาปแน่ๆ
ถ้าเป็นแบบนั้น ผมเองก็จะเปิดเผยความลับของทั้ง 2 คนไปด้วย…..แต่ในตอนนี้ ดวงตาของทั้ง 2 คนเป็นดวงตาของผู้ที่เตรียมใจเอาไว้แล้ว
ถ้าเป็นแบบนี้ล่ะก็ ระเบิดฆ่าตัวตายมันไปทั้งหมดซะ!
จะทำยังไงดี? มีหนทางไหนที่จะกำจัดความอิจฉาของเจ้าพวกนี้ได้?
………………..หลีกเลี่ยงไม่ได้แล้ว สินะ
ผมยิ้มให้อย่างสดใส แล้วบอก
「สวนสนุก…..อยากจะไปกันไหม? เดี๋ยวเลี้ยงเอง」
【Tips】แฟนตาซีแลนเจแปน(Fantasyland Japan)
ธีมปาร์คยุคใหม่ที่ดำเนินการโดยดันเจี้ยนมาร์ท มีจุดขายคือการที่สามารถโต้ตอบกับการ์ดของจริงได้ นักผจญภัยสามารถนำมอนสเตอร์ของตนมาด้วยได้โดยต้องสวมอุปกรณ์เวทพิเศษเพื่อป้องกันไม่ให้ไปทำร้ายผู้อื่น
ม้าหมุนที่สามารถขี่ยูนิคอร์น, บ้านผีสิงที่มีอันเดดของจริง, เหล่านางเงือกร้องเพลงและเต้นรำในโชว์สระน้ำ, ขบวนพาเหรดยามค่ำคืนของเหล่าภูติและวิญญาณหลากหลาย
ห้องนวดของซัคคิวบัส ให้บริการเฉพาะเรื่องสุขภาพเท่านั้น แต่ก็มีข่าวลือว่ามีคอร์สสำหรับสมาชิกลับให้กับพวกคนมีเงินบางกลุ่ม…..
ข้อมูลเพิ่มเติม
door-in-the-face เทคนิคการเจรจา โดยเริ่มต้นจากการนำเสนอบางสิ่งที่มีมูลค่ามหาศาลที่เป็นตัวหลอกล่อไปกระแทกหน้าคู่เจรจา แล้วหลังจากถูกปฎิเสธจึงค่อยนำสิ่งของที่ต้องการนำเสนอจริงๆที่มีมูลค่าสมเหตุสมผลกว่าออกมา ทำให้คู่เจรจามีความคิดโน้มน้าวในการเลือกอย่างหลังมากขึ้น
https://en.wikipedia.org/wiki/Door-in-the-face_technique