เด็กม.ปลายสายม็อบอย่างผมจะกลายเป็นสายเรียลได้ไหมถ้าเป็นนักผจญภัย - ตอนที่ 43 ไล่ตามคนตาย
- Home
- เด็กม.ปลายสายม็อบอย่างผมจะกลายเป็นสายเรียลได้ไหมถ้าเป็นนักผจญภัย
- ตอนที่ 43 ไล่ตามคนตาย
บทที่ 2 ตอนที่ 17 ไล่ตามคนตาย
ปรับความรู้สึก ทางนี้เองก็ต้องเริ่มทำการค้นหาไปด้วย
ในตอนนั้น ก็เกิดความคิดขึ้นมา
ใช่แล้ว อุตส่าห์มีโอกาศทั้งทีมาลองอัญเชิญวงศ์วานแท้จริงของยูคิดีกว่า
นำการ์ดไลแคนโทรป 1 ใบออกมาจากกระเป๋า
การ์ดใบนี้ มีช่วงเวลายากลำบากในการตัดสินใจว่าจะใช้เป็นแนวทางในการทำเงินไว้ชุบชีวิต หรือว่าจะใช้เพื่ออัญเชิญวงศ์วานแท้จริงของยูคิดี
ผมในตอนแรก คิดแค่ว่าการ์ดใบนี้เอาไว้เพื่อขายเท่านั้น
แต่ว่าถ้าขายไลแคนโทรปไปตอนนี้ การที่จะใช้อัญเชิญวงศ์วานแท้จริงของยูคิก็จำเป็นต้องไปลงสำรวจเขาวงกตจนกว่าไลแคนโทรปจะดรอปอีก หรือไม่ก็ไปซื้อจากกิลล์ในราคาปกติ
ถ้างั้นแล้ว ต่อให้ต้องใช้เวลาเพิ่ม มันก็น่าจะดีกว่าสำหรับอนาคตที่จะหาหนทางอื่นในการหาเงินเพื่อชุบชีวิตพวกเอลิซ่า
…..เหนือสิ่งอื่นใด พลังของอัญเชิญวงศ์วานแท้จริงจะต้องเป็นกำลังไว้ใช้เพื่อรับมือกับผู้ใช้หมาล่าเนื้อได้แน่ๆ
แต่ถึงอย่างนั้น จะลองใช้แค่ 1 ใบตรงนี้พอ ถ้าหากว่ามีเหลืออยู่ 1 ใบแล้วรวมกับเงินทุนที่มีก็จะสามารถซื้อซาชิกิวาราชิได้
ไม่ว่าจะทางไหน ต่อให้ขายหมดทั้ง 2 ใบก็ไม่พอที่จะซื้อแวมไพร์สาวกับซาชิกิวาราชิอยู่ดี
ถึงการชุบชีวิตของเอลิซ่าจะยังอีกห่างไกล แต่การฟื้นคืนก็ไม่เกินเอื้อม
เพราะงั้นแล้ว
「ยูคิ รับนี่ไปสิ」
「! นี่มัน…..ขอบพระคุณมากฮะ จะแสดงให้เห็นว่ามีประโยชน์ขนาดไหนให้ดูเองฮะ」
ยูคิมองเห็นการ์ดไลแคนโทรปที่ผมยื่นให้แล้วรับไปด้วยความนอบน้อม
เอาล่ะ จากนี้ไปจะทำยังไง…..แล้วขณะที่ผมเฝ้ามองอยู่ตรงหน้า เธอก็-ง่ำง่ำ-เคี้ยวการ์ดแล้วกลืนลงไป
แบบนี้มันทำเอาผมเองตกใจไปด้วย
ไอ้การกลืนกินการ์ดไปมันก็เรื่องนึง แต่ไอ้การที่การ์ด ที่นอกจากการลอสแล้วไม่สามารถทำลายด้วยไม่ว่าจะใช้อาวุธสมัยใหม่อะไรก็ตาม กลับสามารถเคี้ยวมันได้นี่สิ
「…..อืม มาสเตอร์ เท่านี้ก็ไม่เป็นไรแล้วฮะ สามารถรู้สึกได้ถึงพลังที่แข็งแกร่งขึ้นมาแล้ว」
「งั้นเหรอ…..ถ้างั้นมาลองกันเลยได้ไหม?」
「ฮะ!—–อาวู้วววววว!」
ด้วยเสียงหอนของยูคิ เกทที่เหมือนกันกับทางเข้าเขาวงกตได้ปรากฏขึ้น แล้วก็มีร่างหนึ่งโผล่มาจากภายใน
การอัญเชิญการ์ดและอัญเชิญวงศ์วานต่างก็มีเอฟเฟคเฉพาะตัว
ถ้าเกิดมีกรณีที่เอฟเฟคดันไปเหมือนกับการอัญเชิญการ์ดแล้วล่ะก็ มันคงไม่สามารถเอาไปใช้ในมอนโคโลได้
แต่ถ้าเป็นแบบนี้ ต่อให้เอาไปใช้ในมอนโคโลก็จะไม่มีใครหาว่าผมโกง
…..ก็นะ บางทีมันจะเกิดเป็นคำถามแทนว่า การอัญเชิญวงศ์วานแบบไหนกันที่สามารถอัญเชิญเผ่าเดียวกันออกมาได้
ในที่สุดแสงสว่างก็หายไป มีชายหนุ่มผมสีดำหน้าตาดุดันยืนอยู่ตรงนั้น
ส่วนสูงเกินกว่า 190 ซม. พร้อมร่างกายที่ฝึกฝนมาอย่างดี มีลักษณะเช่นเดียวกับภาพบนการ์ด
แล้วไม่รู้ว่าทำไม ชายผมดำที่มีสายตาเฉียบคมกำลังจ้องมองผมเขม็งอยู่
「…..เฮอะ แกน่ะเหรอท็อปของกลุ่ม?」
พอมนุษย์หมาป่าผมสีดำมองเห็นผมก็ฮึดจมูก แล้วเริ่มพูดดูถูกมา
「ดูเหมือนว่าจะได้ผู้หญิงที่อยู่ด้านนี้เป็นคนดูแลสินะ แต่ว่า อย่าได้เข้าใจผิดไปล่ะ? ข้าน่ะไม่มีความตั้งใจจะแกว่งหางให้กับใครที่มันอ่อนแอกว่าหรอก ถ้าหากต้องการจะยืมพลังของข้าแล้วล่ะก็—-」
ถึงตรงนั้น คำพูดของมนุษย์หมาป่าผมสีดำก็หยุดลง
ไม่ได้หยุดพูดแต่อย่างใด
แต่เพราะเท้าของยูคิ เสียบเข้าไปที่ท้องน้อยของมนุษย์หมาป่าผมสีดำด้วยความรุนแรงมหาศาล
「—-อุอ่อคค่อก!?」
ร่างกายงอเป็นรูปเครื่องหมาย < มนุษย์หมาป่าผมสีดำลอยไปในอากาศพร้อมกระอั่กเลือด ขณะที่ผมกำลังเงยหน้ามองดูด้วยสีหน้าว่างเปล่า ทางยูคิก็จ้องมองด้วยสายตาเย็นชา จนในที่สุดมนุษย์หมาป่าผมสีดำร่วงลงพื้นดังตุ๊บ 「อ๊ากก!」 แล้วยูคิก็กระทืบหัวเขาซ้ำอย่างเรียบเฉย 「ค่อกค่อก…..ก-แก」 「ทำไม」 น้ำเสียงของยูคิเย็นยะเยือกราวกับน้ำแข็ง ตัวเธอที่ไม่เคยเห็นมาจนถึงตอนนี้ ทำเอาผมพูดอะไรไม่ออก 「ทำไมคนที่อยู่ตำแหน่งต่ำที่สุดในกลุ่มอย่างแก ถึงได้วางท่าใหญ่โตออกมา? รู้รึเปล่าว่ากำลังพูดอยู่กับใคร?」 「อุ…..」 「ทำไมไม่พูดอะไรมาล่ะ? หรือว่า จะเป็นพวกงี่เง่าที่แม้แต่แบบนี้ก็ยังไม่เข้าใจถึงความต่างชั้นของพลังกัน?」 คำของยูคิเริ่มมีความผิดหวังจริงๆผสมเข้ามา ในขณะเดียวกันจิตสังหารก็ค่อยๆรุนแรงมากขึ้น และแล้วมนุษย์หมาป่าผมสีดำก็-อึก-ถึงกับกลืนน้ำลาย….. 「ข-เข้าใจแล้ว ข-ขอยอมรับ……ว่าพวกเธอคืออัลฟ่าและเบต้าของกลุ่ม จะไม่ ขัดคำสั่งอีกแล้ว…..」 ยูคิพยักหน้า 「ถ้าเข้าใจก็ดีแล้ว ถ้างั้นจะให้ชื่อชั่วคราวกับแกล่ะกัน ชื่อของแกคือ คุโร่ ชอบรึเปล่าล่ะ?」 「ข-เข้าใจแล้ว」 「งั้นก็ดี …..เอาล่ะ ไปสำรวจพื้นที่รอบๆซะ ให้ไวเลย」 「รับ, ทราบ…..」 แล้วมนุษย์หมาป่าผมสีดำ…..คุโร่ก็เดินด้วยฝีเท้าโซซัดโซเซออกไปทำการสำรวจ ยูคิมองส่งด้วยสายตาเย็นชา ขณะที่ตัวผมกำลังแข็งทื่อจากความเป็นไปอันรุนแรง ยูคิก็หันกลับมาพร้อมก้มหัวอย่างต่ำให้ 「มาสเตอร์ ที่ลูกน้องของผมทำตัวเสียมารยาท ต้องขอประทานอภัยอย่างสูงฮะ」 「…..เอ๋? อะ อา ไม่หรอก ไม่ต้องใส่ใจไป…..ว่าไปแล้ว เอ๋? ทำไมจู่ๆถึงทำรุนแรงล่ะ…..?」 ยูคิยกหัวขึ้นมาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริง 「ฮะ นั่นมันก็แน่นอน เป็นการฝึกระเบียบฮะ! พวกที่ไม่เชื่อฟังสิ่งที่ท็อปของกลุ่มพูดเนี่ยไม่มีความจำเป็นหรอก! ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะลองฆ่าดูตรงนี้เพื่อทดสอบว่าโทเค็นสามารถคืนชีพได้ไหม ต้องใช้เวลาแค่ไหนในการฟื้นฟู อยากจะทำให้รู้ก่อนหน้าที่จะสู้กับผู้ใช้หมาล่าเนื้อ แต่ก็พิจารณาถึงความเป็นไปได้ว่าอาจจะไม่สามารถคืนชีพได้ก็เลยตัดสินใจหยุดไปฮะ」 「ย-อย่างงี้นี่เอง…..?」 ผมพยักหน้าให้อย่างเก้ๆกังๆ ไม่สิ นั่นไม่ใช่สิ่งที่เป็นกังวลซักหน่อย นี่คาแรคเตอร์ของยูคิมันแตกต่างไปจากที่ผ่านๆมามากเกินไปรึเปล่า…..เอ๋? หรือว่าจะเป็นเพราะการแรงค์อัพ? เอลิซ่าเองพอได้เป็นแวมไพร์ก็เริ่มมีนิสัยชอบพิธีการ การ์ดที่เอามาใช้แรงค์อัพคงจะมีผลกระทบด้วยรึเปล่านะ? ขณะที่ผมสับสนอยู่ตัวคนเดียว ยูคิก็-ห๊ะ-ทำหน้าตกใจแล้วก้มหัวให้อีก 「อะ ขอโทษฮะ! บางทีแล้วมีความเป็นไปได้ว่าผู้ใช้หมาล่าเนื้อจะทำการโจมตี ควรจะปรึกษากับมาสเตอร์ก่อนที่จะฝึกระเบียบ ต่อให้เป็นแค่หมาไร้ประโยชน์ก็ยังใช้เป็นกำแพงเนื้อได้….. ต้องขออภัยที่ทำอะไรเห็นแก่ตัวด้วยฮะ!」 「อา อืม…..พอได้แล้วล่ะ」 แล้วผมก็ยอมแพ้ พอมาคิดดูแล้ว ได้ยินมาว่าสัตว์จำพวกหมาป่ามีความเข้มงวดในเรื่องลำดับชั้นมาก บางทีแล้วมันอาจจะเป็นด้านที่ไม่รู้จักของยูคิที่ไม่มีโอกาศได้โผล่ออกมาจนถึงตอนนี้ก็เป็นได้ ตัดสินใจยอมรับมันเอาไว้ จนถึงตอนนี้เธอไม่ทำตัวโดดเด่นเพราะว่าอยู่ภายใต้ผมที่เป็นจ่าฝูง แต่ในตอนนี้เธอมีฝูงของตัวเองแล้ว ความรุนแรงในฐานะสัตว์ป่าก็เลยเพิ่งโผล่ออกมา ต้องเป็นแบบนั้นแน่ๆ ยูคินั้น มีความเข้มงวดอย่างมากต่อลูกน้องที่ไม่เชื่อฟัง ผมจะจำมันเอาไว้ขึ้นใจเลย หลังจากนั้นก็ผ่านไปซักพัก หลังจากทำการค้นหาในพื้นที่ของผมแล้ว แต่ก็ไม่พบเบาะแสอะไรเลย พวกยูคิที่เป็นหมาป่าซึ่งมีประสาทสัมผัสด้านกลิ่นที่ดี และใช้วิชานินจาในการค้นหารวบรวมข้อมูล แต่ก็ยังไม่พบอะไร เพราะงั้นแล้วน่าจะไม่มีเบาะแสอะไรภายในพื้นที่ส่วนนี้ตั้งแต่แรก ด้วยเหตุนี้จึงให้คุโร่กลับไปแล้วมุ่งไปยังจุดนัดพบซึ่งอันนาก็ดูจะเพิ่งมาถึงเช่นกัน ทางนั้นก็ดูจะเพิ่มกำลังคนในการค้นหาจากการที่เรียกสาวเอลฟ์ที่เคยต่อสู้ด้วยออกมาแล้ว ผมทำการถามอันนา 「อันนา เป็นยังไงบ้าง?」 เธอชำเลืองมองมาที่ซุซูกะที่ทำท่าเบื่อหน่ายอยู่ก่อนจะทำการตอบ 「ก็น้า ไม่ได้เรื่องส์อะไรเลย…..จากที่ใช้เอลฟ์ที่เป็นผู้อาศัยภายในป่าในการค้นหาแล้วยังไม่พบอะไรเลย นั่นก็หมายความว่าไม่มีอะไรน่ะสิ」 「ทางนี้ก็เหมือนกัน」 ขณะที่กำลังพูดคุยกันอยู่ ประสาทรับรู้อันเฉียบคมของยูคิก็ได้แจ้งเตือนถึงใครบางคนกำลังใกล้เข้ามา สงสัยว่าโอริเบะจะกลับมาแล้วก็เลยหันไปมองดูแบบไม่คิดอะไรแล้วก็ต้องสะดุ้ง เสียงร้องกรี๊ดของอันนาก็ดังมาจากข้างๆ โอริเบะที่กลับมาได้นำยักษ์สาวน่าเกลียดร่างเละจนยากที่จะเชื่อได้ว่ามาจากโลกใบนี้….. โยโมะซึชิโคเมะออกมาด้วย ผิวมีสีน้ำตาลแดงคล้ำราวกับศพจมน้ำที่ขึ้นอืดไปมากแล้ว ทั่วทั้งร่างบวม เส้นผมร่วงเป็นกระจุก แม้แต่ชุดโบราณที่สวมอยู่ก็น่าเกลียดมากชวนให้นึกถึงผิวหนังที่ลอกออก….. ใบหน้านั้นเน่าเปื่อยและส่วนที่เป็นจมูกได้หายไปเปิดให้เห็นเป็นโพรงชัดเจน ดวงตากลายเป็นฝ้าขาวทำให้ยากที่จะเห็นว่ากำลังจ้องมองไปทางไหนอยู่ พริบตาที่เธอปรากฏตัวออกมา กลิ่นที่เหมือนไข่เน่าแต่รุนแรงกว่าซัก 10 เท่าได้ก็ลอยมากระแทกจมูก ถ้าลองมองดูจะเห็นว่าทางที่เธอเดินผ่าน เหล่าต้นไม้ได้เหี่ยวเฉา ตาย กลายเป็นสีดำและเริ่มสลายไปอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าเป็นอะไรที่โผล่ออกมาจากหนัง อันที่จริง บางทีตัวเธอคงเป็นเทพแห่งคำสาปเองก็เป็นได้ น-นี่ก็คือแรงค์ D ที่แข็งแกร่งที่สุด, มอนสเตอร์สุดไม่นิยมหมายเลข 1, โยโมะซึชิโคเมะงั้นรึ เพิ่งจะเคยเห็นตัวจริงครั้งแรก รุนแรงอะไรจะขนาดนี้…..ถึงแม้หากคำนึงในด้านความสามารถแล้วจะเทียบเท่าได้กับแรงค์ C ก็ตาม แต่เรื่องที่ไม่มีใครอยากจะได้นี่ก็ไม่น่าแปลกใจเลย กับโอริเบะที่สามารถรับมือกับโยโมะซึชิโคเมะโดยไม่สะทกสะท้าน เห็นได้ชัดว่ามีความชอบในเรื่องสยองขวัญอย่างที่สุดจริงๆ 「ขอโทษที่ให้รอ」 「อ-อา…..แล้ว โอริเบะเจอเบาะแสอะไรไหม?」 「อา」 ทำการถามแทนอันนาที่ตัวแข็งทื่อไปแล้ว ทางโอริเบะก็นำถุงซิปล็อคออกมาจากกระเป๋า ข้างในนั้น…..มีเครื่องประดับที่ทำออกมาลักษณะคล้ายกับเขาวงกต 「สิ่งนี้ถูกฝังอยู่ในดิน」 「นี่มัน…..เครื่องรางของสมาคมพระแม่ดารางั้นรึ」 อันนาพูดในขณะที่พยายามกันตัวโยโมะซึชิโคเมะออกไปให้พ้นจากสายตาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ พอพูดบอกมาแบบนั้นก็เลยลองจ้องไปที่เครื่องประดับนั้นใกล้ๆ แล้วจึงเริ่มจะรู้สึกว่ารูปแบบของมันไปคล้ายๆกับเครื่องหมายของสมาคมพระแม่ดารา ที่มีรูปดาวอยู่ตรงกลางเขาวงกต 「เป็นของที่คนร้ายทำตกเอาไว้ส์เหรอ?」 「ไม่รู้สิ….. อาจจะเป็นเหยื่อทำตกไว้ก็ได้ หรืออาจจะเป็นของนักผจญภัยอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องอะไรเลยทำตกไว้ก็ได้」 โอริเบะยักไหล่แล้วพูด 「เอาเป็นว่าตอนนี้ ไปดูตรงที่เจอมันก่อนละกัน」 อยากจะรู้ว่ามันฝังอยู่แบบไหน แล้วก็อาจจะเจออะไรอีกก็ได้ แล้วพวกเราก็ตัดสินใจมุ่งไปยังจุดที่โอริเบะเจอเครื่องรางอันนี้ 「ตรงนี้แหละ มันถูกฝังอยู่ครึ่งหนึ่งอยู่ตรงนี้」 พอพูดแล้ว โอริเบะก็นำเครื่องรางออกจากถุงซิบล็อคแล้วนำไปฝัง โดยมีบางส่วนที่เหลือโผล่ขึ้นมาเหนือดิน ทำการก้มลงมองดู นี่มัน แทนที่จะเป็นการตั้งใจฝัง น่าจะเป็นของตกหล่นที่ถูกเหยียบแล้วจึงถูกปกคลุมด้วยดินไปตามธรรมชาติมากกว่า อย่างน้อย มันก็เป็นการยากที่จะหาเครื่องรางนี้เจอได้ เว้นแต่จะมองหามันมากพอ ถ้ามันชัดเจนว่าเป็นการถูกฝังไว้ก็คงได้เป็นไดอิ้งเมสเซส(dying message) ที่เหยื่อทิ้งเอาไว้แน่ แต่ ณ จุดนี้มันดูจะเป็นแค่ของที่ถูกทำหล่นเฉยๆไป …..แต่ถ้าหากคนที่ทำตกเอาไว้คือคนร้ายแล้วล่ะก็ นี่จะได้เป็นเบาะแสชิ้นสำคัญเลยทีเดียว แต่อย่างที่คิด กับผู้ใช้หมาล่าเนื้อที่ระวังตัวในการลบข้อมูลของตัวเองมาจนถึงตอนนี้ จะสวมใส่เครื่องประดับที่สามารถสาวไปถึงตัวได้ขณะที่ก่ออาชญากรรมด้วยงั้นเหรอ? นั่นคือคำถาม ก็นะ ถ้าหากว่าบอกว่ามันคือ『ความศรัทธา』ก็เป็นไปได้ และ ในตอนนั้นเอง 「…..หืม?」 ที่ตรงมุมสายตา รู้สึกเหมือนเห็นใครบางคนจึงทำการหันไปดู อะไรกัน? มันไม่น่าจะมีใครอื่นนอกจากพวกเราในที่นี่ อีกทั้งประสาทสัมผัสของพวกยูคิก็บอกมาเช่นนั้น 「เป็นอะไรไปเหรอส์คะ? รุ่นพี่?」 「ไม่หรอก เมื่อกี้นี้มีเงาคน…..」 「…..!? หรือว่าเป็นผู้ใช้หมาล่าเนื้อ!?」 อันนาแตกตื่นทำการมองดูไปรอบๆ 「……….ไม่น่า ดูเหมือนจะไม่มีใครส์นะคะ? ต้องขอโทษด้วยแต่ว่าคิดไปเองรึเปล่าส์?」 「การ์ดของชั้นเองก็ไม่มีปฏิกริยาอะไรด้วย…..」 「อืม…..คงจะคิดไปเอง…..! ไม่! ตอนนี้ อีกแล้ว!」 พอพวกอันนาพูดมาก็คล้อยตามแต่ว่าคราวนี้เห็นเงาคนชัดเจน จึงรีบลุกขึ้นในทันที เค้าโครงของผู้หญิงกำลังวิ่งหนีออกไปจากตรงนี้ ไม่คิดเลยว่าจะหลบการตรวจจับของพวกยูคิแล้วเข้าใกล้ถึงขนาดนี้ได้! ต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่ๆ! 「ไล่ตามไป!」 「เอ๋…..? อะ ค่ะ」 「…..?」 บางทีคงเพราะไม่ได้เห็นผู้หญิงที่วิ่งหนีไป พวกอันนาก็เลยตอบสนองช้าในการไล่ตามตัวผู้หญิงนั้น เทียบกับฝีเท้าของมนุษย์แล้ว การ์ดอย่างพวกยูคิจะมีความไวกว่า น่าจะตามตามทันได้ในไม่ช้า แต่ว่า….. 「โธ่เว้ย! คลาดไปแล้ว!」 ดูเหมือนว่าจะออกไล่ตามช้าเกินไป เลยทำให้มองไม่เห็นร่างของหญิงสาวแล้ว รอบๆเองก็ดูจะไม่มีการ์ดอะไรอยู่ บางทีคงจะเคลื่อนย้ายไปแล้วด้วยการ์ดอย่างลี้ภัยฉุกเฉิน รู้สึกเจ็บใจที่ปล่อยให้เบาะแสสำคัญหลุดมือไป 「…..! อีกแล้ว!」 ราวกับว่ากำลังเล่นตลกอยู่กับทางนี้ หญิงสาวปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง แล้วเธอก็วิ่งไปอีกโดยที่ไม่ใช้การ์ดอะไร แต่ว่า….. 「…………………………」 พอได้เห็นรูปร่างนั่นแล้ว คราวนี้กลับไม่ได้ติดตามไปในทันที 「รุ่นพี่? เป็นอะไรไปเหรอส์คะ?」 「…..ห-เห็นรึเปล่า?」 อันนามองมาทางนี้ด้วยความสงสัยจึงได้ถามกลับไป 「เอ๋? อะไรเหรอคะ…..?」 「…..ใบหน้า ของผู้หญิงเมื่อกี้นี้」 「เอ๋? โผล่มาอีกแล้วเหรอส์คะ!? ถ้างั้นต้องรีบตามไปทันทีเลย!」 「ไม่ใช่…..」 「เป็นอะไรไปกันคะ? สีหน้าดูซีดเชียว?」 พอได้ยินเสียงโอริเบะ ผมก็นไสมาร์ทโฟนออกมาตรวจสอบข้อมูลเควส ในนั้น มีรูปถ่ายใบหน้าของซาโต้ โชโกะซังอยู่ เป็นผู้หญิงเรียบง่ายมีผมสีดำตัดทรงบ๊อบสั้น ไม่ได้แต่งหน้า —-เงาคนที่วิ่งหนีไปนั้น มีใบหน้าเดียวกันกับของซาโต้ โชโกะซังอยู่ 「ย-ยังไงซะตอนนี้ไล่ตามไปก่อน…..!」 「อะ ค่ะ」 ด้วยความสับสนก่อขึ้นในหัว คำพูดที่พอจะเค้นออกมาได้จึงมีแค่นั้นในขณะที่ไล่ตามเงาคนไป ทำไมเป็นซาโต้ โชโกะซัง? ยังมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ? พอมาคิดดูแล้ว ยังไม่เคยมีการพบศพ เป็นแค่การสูญหาย แต่ว่า ทำไมถึงยังอยู่ที่นี่? เป็นพวกเดียวกันกับคนร้ายงั้นเหรอ? หรือว่า ยอมร่วมมือเพราะคำขู่? ภายในหัวเกิดคำถามขึ้นมากมาย แต่ว่า สิ่งที่ยิ่งน่าสงสัยกว่าก็คือสภาพของเธอ ถึงแม้จะถูกวิ่งไล่ตาม แต่ก็ไม่ได้ใช้การ์ดในการหนีเลย เพียงแค่วิ่งด้วยกำลังของตัวเอง ก็คิดว่าเป็นการเชิญชวนทางนี้ แต่ไม่ว่าจะมองดูยังไงก็เป็นการวิ่งแบบไม่คิดชีวิต….. ท่าทางในตอนที่หันหลับมามองเป็นระยะๆนั้นราวกับว่าหากถูกจับได้จะต้องตายแน่ๆ ถึงแม้ผมจะลังเลอยู่เล็กน้อย แต่ก็ตัดสินใจพุ่งเข้าไปแล้วเรียกเธอ 「…..รอเดี๋ยวก่อน! ช่วยฟังเรื่องที่จะพูดด้วย!」 …..เปล่าประโยชน์ ไม่มีการตอบสนอง บางที อาจจะคิดว่าทางนี้เป็นพวกเดียวกันกับผู้ใช้หมาล่าเนื้อล่ะมั้ง? 「ซาโต้ โชโกะซังใช่ไหมครับ!? พวกเราคือนักผจญภัยที่รับเควสค้นหาผู้สูญหาย! มาตามหาคุณอยู่ะครับ!」 ถึงแม้จะส่งเสียงดังขึ้น ตัวเธอก็ไม่ตอบสนอง ในบางครั้งจะหันกลับมามองทางนี้ด้วยสีหน้าตื่นกลัว แล้ววิ่งอย่างไม่คิดชีวิตด้วยขาของตัวเองซึ่งค่อยๆช้าลงเรื่อยๆ ท่าทางแบบนั้น ไม่ว่าจะมองยังไงก็ไม่น่าจะเป็นพวกเดียวกับผู้ใช้หมาล่าเนื้อ และแล้ว เธอก็สะดุดรากไม้แล้วล้มลง มีคิดว่าอาจจะเป็นกับดักอยู่แว่บนึง แต่ก็ตัดสินใจว่าควรจะเข้าช่วยเธอแม้จะต้องเสี่ยงก็ตาม 「พวกอันนาช่วยรออยู่ตรงนี้ก่อน」 พอพูดจบก็ทำการเข้าไปใกล้เธอเพียงคนเดียว ทว่า ชั่วขณะที่กำลังพยายามแตะตัวเธอนั้น 「…..!? ห-หายไปแล้ว?」 ราวกับว่าเป็นเมฆหมอกอะไรซักอย่าง ซาโต โชโกะซังได้หายไป แย่แล้ว! เป็นกับดักจากสกิลอะไรบางอย่างงั้นเรอะ! รีบกระโดดกลับออกมาทันที แต่ว่า….. 「…………………………?」 แต่ว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น น่าแปลก…..ผมส่ายหัวอยู่ในใจ นึกว่าจะมีการซุ่มโจมตีจากศัตรูออกมาแต่ว่า….. หลังจากที่เฝ้าระวังอยู่ประมาณ 1 นาที แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นจึงหันหลังกลับไปหาพวกอันนา 「นี่? คิดว่ามันหมายความว่ายังไงกัน?」 แต่ว่าพวกเธอกลับทำแค่จ้องมองมาทางนี้แปลกๆแล้วไม่พูดอะไร ในที่สุดอันนาที่ดูสับสนและหน้าซีดก็ถามคำถามผมมา 「…..อาโน พูดถึง…..เรื่องอะไรเหรอส์คะ?」 「ว่า…..อะไรนะ」 คราวนี้เป็นผมที่สับสน ซาโต โชโกะซังยังมีชิวิตอยู่ไม่ใช่เหรอ? ไม่ว่าจะคิดยังไงนี่มันก็เป็นสถานการณ์ที่ไม่ปกติ ต่อให้ตัวเธอมีส่วนเกี่ยวข้องกับคนร้าย หรือแม้แต่ถูกข่มขู่ให้ร่วมมือก็ตาม มันก็ถือว่าเป็นเบาะแสสำคัญ แล้วยังที่ได้หายตัวไปต่อหน้าต่อตาเมื่อครู่นี้ ถ้าหากว่าเป็นกับดัก ก็ต้องระวังการโจมตีจากศัตรู เป็นการถามที่รวมเอาสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดเข้าด้วยกันแต่ว่า…..การตอบสนองของพวกเธอดูช้าๆ อันนาพูดขึ้นมาอย่างลังเล 「…..รุ่นพี่วิ่งไล่ตามอะไรมาตั้งแต่เมื่อครู่นี้แล้ว แล้วเรื่องที่พูด…..หมายถึงอะไรกันคะ?」 「…..หา?」 -ซีด- รู้สึกถึงอะไรบางอย่างเย็นๆไหลผ่านหลัง ……….พวกอันนา มองไม่เห็นซาโต้ โชโกะซังงั้นเหรอ? ทั้งๆที่เห็นเป็นตัวเป็นตนชัดเจนขนาดนั้น 「อาโน มาสเตอร์…..จากตรงนั้น มีกลิ่นเลือดอยู่…..」 「ว่าไงนะ…..」 ตามยูคิที่เดินนำ ไล่ตามต้นตอของกลิ่น ในขณะที่เดินออกนอกเส้นทางแล้วแหวกพุ่มไม้ออก….. 「อุ…..」 「ฮี๊…..!」 「นี่มัน…..!」 —–ที่ตรงนั้น มีศพที่ดูน่าจะเป็นของหญิงสาววัยรุ่นอยู่ สภาพศพยับเยินจนไม่เหลือเค้าโครงเดิมซึ่งน่าจะเกิดจากถูกมอนสเตอร์ในเขาวงกตกัดกิน บางทีคงเพราะการบิดเบือนมิติและเวลาของเขาวงกต การย่อยสลายของศพจึงไม่เกิดขึ้น ทว่าในทางกลับกัน มันได้ถ่ายทอด『ความสด』ให้แก่ผู้ที่ได้เห็นถึงความตาย ราวกับว่า ถ้ามาเร็วกว่านี้อีกไม่กี่นาทีก็จะช่วยเอาไว้ได้…..ราวกับว่าเธอจะบอกมาเช่นนั้น….. ความวิปลาส ถ้าหากจะให้ความหมายเช่นนั้นแล้วกลิ่นและรูปร่างของโยโมสึชิโคเมะคงจะแย่กว่า แต่ว่า “ความตาย” ของผู้คนมันแตกต่างไปจากการ์ด มันต่างส่งผลกระทบแก่พวกเราทั้งหมด ผมไม่สามารถเคลื่อนไหวอะไรได้เมื่ออยู่ต่อหน้าศพ, อันนาหน้าซีดแล้วส่งเสียงร้องขึ้นมาเบาๆ, ส่วนโอริเบะทำตาโตจ้องมองมาทางผมด้วยเหตุผลบางอย่าง แล้วก็…..เสื้อผ้าที่ศพสวมใส่อยู่ เป็นของซาโต้ โชโกะซังที่ผมได้ไล่ตามมาจนถึงเมื่อครู่ ส่วนที่ยังไม่เสียหายของใบหน้านั้นก็เป็นเครื่องพิสูจน์ได้ว่านี่คือซาโต้ โชโกะซัง 「…..」 พอรู้สึกตัวขึ้นมา เกิดความตกใจที่แม้แต่ตัวเองก็คาดไม่ถึงขึ้นมา นั่นเพราะ ถ้าเกิดว่าโชคดีน้อยกว่านี้นิดเดียวแล้วล่ะก็ ผมคงจะจบลงแบบนี้เหมือนกัน แต่ก็ไม่ใช่ความกลัวเรื่องนั้นทั้งหมด จริงอยู่ว่ามีความกลัว ไม่คิดว่าจะมีใครที่พอได้เห็นภาพนี้แล้วจะไม่เกิดความกลัว จากความคิดที่ว่ามีความเป็นได้อย่างมากที่จะเกิดสิ่งเดียวกันขึ้นกับตัวเอง ทว่าสิ่งที่ตกใจยิ่งกว่านั้นก็คือความจริงที่ว่า『มีเหยื่ออยู่จริงๆ』 เป็นเรื่องที่ประหลาดแต่ถึงแม้ว่าตัวเองจะถูกโจมตีโดยผู้ใช้หมาล่าเนื้อมา มีคนหลายคนเสียชีวิต…..แต่กลับไม่รู้สึกว่าเป็นการถูกฆ่าจริงๆ คิดว่ามีความเข้าใจเรื่องที่มีคนตายเกิดขึ้นหลายคน แต่ว่านั่นมันก็แค่ข้อมูลในรูปแบบข้อความตัวอักษร แต่หลังจากได้เห็นศพด้วยตา ในที่สุดก็เข้าใจถึงสิ่งที่ผู้ใช้หมาล่าเนื้อกำลังทำ นี่มัน…..น่าเศร้า น่าเศร้าเกินไปแล้ว พอรู้สึกตัวอีกที ตัวผมก็พนมมือหันไปทางเธอ พวกอันนาเองก็ทำตาม เริ่มสวดส่งให้กับดวงวิญญาณของเธอ ในตอนนี้ ก็แค่…..ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทำมัน 「แล้ว…..」 หลังจากสวดส่งอย่างเงียบๆอยู่หลายนาที จู่ๆอันนาก็พูดขึ้น 「คนคนนี้คือซาโต้ โชโกะซัง คงจะพูดแบบนั้นได้สินะคะ?」 「อาจจะ มันไม่มีข้อมูลของใครอื่นที่ไม่ได้กลับไปจากเขาวงกตแห่งนี้แล้ว…..」 พอผมพูดไป อันนาก็มองมาทางนี้ด้วยความกลัว 「ถ้าหากว่าคนคนนี้คือซาโต โชโกะซังแล้ว…..」 「อ-อา…..」 「ถ้าอย่างนั้น…..เมื่อกี้ รุ่นพี่เห็นใครกันแน่…..」 「…………………………」 -ซีด-…..เกิดความเย็นไหลผ่านสันหลังไปอย่างเงียบๆ ศพนี่ ดูจากเสื้อผ้าที่สวมใส่แล้วเป็นซาโต้ โชโกะซังไม่ผิดแน่ ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่า ที่ผมทำการไล่ตามมา ไม่ใช่ตัวเธอที่ยังมีชีวิตอยู่….. การที่คนร้ายจะแสดงภาพของเธอให้ผมได้เห็นก็ไม่มีเหตุผลที่จะทำ….. หรือก็คือ สิ่งนั้น….. อันนา -ซึบซึบ- ค่อยๆเอาตัวเองถอยห่างไปจากผม 「พูดกันตรงๆเลย รุ่นพี่เป็น『คนที่มองเห็น』แบบนั้นเหรอส์คะ…..?」 「ม-ไม่ เรื่องแบบนั้นมัน, ไม่ใช่หรอก…..」 ตั้งแต่เกิดมาก็ใช้ชีวิตโดยที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับวิญญาณหรืออะไรพวกนั้นเลย แต่ไหนแต่ไรไอ้ความสามารถทางจิต….. ไอ้พลังของพวกตัวเอกแบบนั้นมันไม่น่าจะมีหลับไหลอยู่ภายในตัวของผมหรอก แต่ว่าในทางกลับกัน ผี…..ตัวตนของวิญญาณเองนั้นไม่สามารถปฏิเสธได้ นั่นก็เพราะว่า ผมได้เห็นวิญญาณของเหล่าเด็กๆที่ถูกชายเป่าขลุ่ยแห่งฮาเมลินจับเอาไว้มาแล้ว อาจจะคิดว่ามันเป็นเพียงแค่เอฟเฟคของสกิลก็ได้ แต่ด้วยคำพูดของเร็นกะตอนที่เจอกับศพของเหล่าเด็กๆว่า「ยังถูกกักขังอยู่ที่นี่」 นั่นจะต้องเป็นสกิลที่ใช้วิญญาณของเหล่าเด็กๆแน่นอน แต่ว่า หลังจากตอนนั้นมาก็ไม่เคยเห็นอะไรแบบนั้นอีก ถ้าหากยอมรับการมีอยู่ของวิญญาณจากในการต่อสู้กับชายเป่าขลุ่ยแห่งฮาเมลินแล้ว ถ้าเกิดความสามารถทางจิตถูกปลุกตื่นขึ้นมา การได้เห็นมันแม้แต่ภายนอกเขาวงกตก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก แล้วทำไม ถึงได้มามองเห็นเอาในช่วงเวลานี้กัน….. นอกจากนี้ ไอ้เจ้าสิ่งที่เจอเมื่อครู่นี้มันก็แปลกเกินกว่าจะเรียกได้ว่าเป็นวิญญาณ มันไม่ใช่การบอกเรื่องที่ยังตกค้าง มันราวกับว่าเป็นการเล่นภาพในอดีตซ้ำไปซ้ำมา….. 「บางที สิ่งที่รุ่นพี่เห็นอาจจะเป็นความนึกคิดที่ยังหลงเหลืออยู่ก็ได้」 จู่ๆ โอริเบะก็พูดขึ้นมา ขณะที่กำลังจะหันไปทำนองว่ามันคืออะไร….. 「ถ้าหากว่าร่างวิญญาณไม่ได้โต้ตอบกับรุ่นพี่ และที่ทำมีเพียงแค่กระทำสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนที่จะเสียชีวิต ถ้างั้นมันก็คือความนึกคิดที่ยังหลงเหลืออยู่แน่นอน ดวงตาของรุ่นพี่คงจะอ่านความรู้สึกอันแรงกล้าของเหยื่อที่สลักลึกอยู่ในที่เกิดเหตุได้แน่ๆ」 ดวงตาของโอริเบะเบิกกว้างและเปล่งประกายต่างไปจากสายตาที่จ้องมองมาตามปกติ พร้อมกับการพูดอย่างรวดเร็ว 「ดวงวิญญาณมีตัวตนอยู่จริงไหม เรื่องนั้นแม้ว่าจะมีมอนสเตอร์ประเภทวิญญาณอยู่ในตอนนี้ มันก็ยังไม่สามารถถูกพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ได้ แต่ว่าการ์ดประเภทเทพพุทธบางใบได้มีการกล่าวอ้างถึงตัวตนของดวงวิญญาณ แล้วอุปกรณ์เวทบางชิ้นก็สามารถใช้พูดคุยกับคนตายได้อีก พูดอีกอย่างคือ วิญญาณมีอยู่จริง ถ้าแบบนั้นแล้วผีก็ไม่ใช่เรื่องที่แปลกอะไรเลย!」 「ซ-ซาโยะ ใจเย็นๆก่อน…..」 「จะให้ใจเย็นอยู่ได้ยังไงกันเล่า!」 อันนาที่พยายามค่อยๆกล่อมให้ใจเย็นก็ถูกโอริเบะพูดสวนมา ด้วยความตื่นเต้นที่มีมากจนไม่อาจนึกภาพความสงบที่เคยมีอยู่เป็นประจำได้เลย …..บอกตามตรงเลยว่าน่ากลัวอยู่หน่อยๆ 「มีคนอยู่หลายคนที่ใช้อุปกรณ์เวทในการสื่อสารกับคนตาย แต่ไม่มีใครเคยเห็นวิญญาณตัวเป็นๆเลย! พวกที่เรียกตัวเองว่ามีพลังจิตสื่อวิญญาณมีกันเยอะแยะ แต่รุ่นพี่เป็นของจริงแท้ไม่มีมั่วนิ่ม! นั่นเพราะได้ใช้พลังจิตสื่อวิญญาณทำให้ค้นพบศพได้! คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีพลังจิตสื่อวิญญาณอยู่ใกล้ตัวชั้นมากขนาดนี้…..! สุดยอด สุดยอดไปเลย!」 โอริเบะมองผมด้วยแก้มแดงระเรื่อ ราวกับว่าได้มาเจอกับดาราที่คลั่งไคล้ ดูเหมือนว่าการมีพลังจิตสื่อวิญญาณจะตกอยู่ในสไตรก์โซนของเธอ ที่เป็นพวกชอบเรื่องลี้ลับและผู้ป่วยโรคจูนิเบียว แต่ เอากันตามตรง ไม่ได้ดีใจเลยซักนิด อันที่จริงจะดีใจกว่าถ้าหากจะไม่ได้เห็นมันอีกในชีวิตนี้ 「รุ่นพี่ไปปลุกตื่นความสามารถนี้มาได้ยังไงเหรอคะ? อย่างที่คิด เป็นมาตั้งแต่เกิด? หรือว่าไปเกิดเรื่องเฉียดเป็นเฉียดตายมาแล้วได้ปลดปล่อยความเป็นไปได้ของตัวเองออกมา!? สามารถรู้สึกถึงสิ่งเกี่ยวข้องกับวิญญาณได้รึเปล่า? ล-แล้วก็สามารถแบ่งมาให้ชั้นด้วยได้ไหม!?」 「ม-ไม่ล่ะ ต่อให้พูดมาแบบนั้นก็เถอะ…..」 แม้แต่ผมเองก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร แล้วก็อยากจะยกให้อยู่หรอก ขณะที่ผมกำลังผงะไปกับการรุกใส่ของโอริเบะ อันนาที่ทนดูต่อไปไม่ไหวจึงก้าวเข้ามาคั่นกลาง 「น-น่าน่า ค่อยคุยเรื่องนั้นกันทีหลังดีกว่าไหม? นะ? มันไม่ใช่เรื่องอะไรที่เราจะมาพูดกันในที่แบบนี้หรอก…..」 「ช-ใช่แล้ว พวกเราจำเป็นต้องเก็บกู้ศพและของส่วนตัวกันก่อน จะมัวมายืนกันแบบนี้ไปตลอดไม่ได้หรอกนะ」 「มู…..นั่นสินะ เป็นอะไรที่ไม่เหมาะ ดวงวิญญาณของเธอเองก็ยังอยู่ที่นี่ด้วย…..」 พอพวกผมพูดไปแบบนั้น โอริเบะก็ยอมถอยไปแต่โดยดี -โฮ่-ถอนหายในโล่งอก แต่แล้ว-กึก-ก็ต้องหยุดชะงัก …..นี่ ใครจะเป็นคนเก็บกู้? ชำเลืองมองไปทางศพ สภาพศพเสียหายอย่างมากน่าจะเพราะถูกกัดกินโดยมอนสเตอร์ประเภทสัตว์ป่า สภาพเละจนมองดูตรงๆไม่ไหว แค่จะให้มาอยู่ในสายตาก็ลังเลแล้ว การจะให้ไปจับนี่ยิ่งรู้สึกไม่อยากเข้าไปใหญ่ …..ตามคาดว่าสุดท้ายแล้วต้องเป็นผมสินะ? ก็เป็นผู้ชายคนเดียวนี่นา แต่ว่า…..ตรงๆคือไม่อยากจะทำเลย ตัวเธออาจจะรู้สึกผิดหวังเพราะว่าเมื่อกี้นี้อุตส่าห์สวดส่งวิญญาณให้แต่…..เรื่องนั้นกับเรื่องนี้มันต่างกัน ต่อให้เป็นนักผจญภัย มันก็ไม่ได้ทำให้คุ้นเคยกับศพมนุษย์ ผมเองก็เพิ่งจะได้มาเห็นศพคน นอกเหนือจากครั้งแรกที่ได้เห็นศพของเด็กๆตอนฮาเมลิน หรือก็คือพอมาเป็นเรื่องแบบนี้แล้ว พวกเราก็เป็นแค่นักเรียนม.ปลาย การจะให้แค่นักเรียนม.ปลายมาเก็บศพ….. อีกทั้งยังเป็นการฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยมด้วยแล้วเนี่ยคงไม่ไหวหรอก แล้วยังมี สิ่งที่เหมือนจะเป็นวิญญาณของเธอที่ผมเห็นไปเมื่อครู่อีก ถ้าหากไปสัมผัสตัวแล้วจะโดนคำสาปรึเปล่า…..พอคิดไปแบบนั้น ความกลัวมันก็มีมากเหนือความเห็นอกเห็นใจต่อเหยื่อ อา เวลาแบบนี้อยากให้เอลิซ่าซังอยู่ด้วยจังเลย…..ขณะที่กำลังคิดอะไรแบบนั้นอยู่ -ซึบ-…..โอริเบะจู่ๆก็ก้าวออกไปด้านหน้า 「อ-โอริเบะ…..?」 เอ๋…..โกหกน่า หรือว่า…..? ขณะที่กำลังมองไปด้วยความคาดหวัง เธอก็นำถุงมือสีขาวจากกระเป๋าออกมาสวม….. 「ปล่อยให้เป็นหน้าที่ชั้นเองค่ะ มีอะไรอยากจะตรวจสอบซักหน่อย」 พูดบอกมาเหมือนไม่มีอะไร…..ไม่สิ ได้ให้เกียรติกล่าวมา โออออ้ ขอโทษด้วย! ขอบคุณนะ! ต้องขอโทษจริงๆที่เป็นรุ่นพี่ที่น่าสมเพช! ขณะที่ผมแสดงความขอบคุณจากใจจริงอยู่ข้างใน โอริเบะก็เริ่มตรวจสอบศพ 「สภาพของศพแย่เอามากๆ…..แบบนี่ไม่รู้ว่าถูกฆ่าโดยคนร้ายหรือว่ามอนสเตอร์ของชั้นนี้แน่ แต่ถึงยังไง เดาว่าก็คงจะใช้การ์ดมอนสเตอร์แบบเดียวกันกับที่อยู่ที่นี่ได้อยู่ดี….. แต่…..ไม่มีร่องรอยการถูกกระทำชำเรา อย่างน้อยๆคนร้ายก็ไม่ได้เลวทรามในแง่นั้น หรือไม่ก็…..เป็นผู้หญิง? ของติดตัวมีใบอนุญาตกับกระเป๋าสตางค์ แล้วก็ยังมีตั๋วโดยสารกับสมาร์ทโฟน จากที่ไม่มีสเปรย์พริกไทยและสวมเสื้อผ้าเรียบง่ายมาแสดงว่าลดความระมัดระวังตัวลงไป ตามคาดว่าเป็นการเล็งเป้าไปที่มือใหม่กับคนที่ระมัดระวังตัวน้อยงั้นเหรอ? กระเป๋าสตางค์…..มีแบงค์อยู่หมื่นนึง แล้วก็ยังมีบัตรเงินสดที่มาพร้อมฟังค์ชั่นเงินอิเล็คทรอนิคส์ด้วย คนร้ายดูจะไม่มีจุดประสงค์ไปที่เงินอย่างที่คิด…..」 ขณะที่กำลังพึมพำ โอริเบะก็ทำการเก็บกู้สิ่งของติดตัว แล้วท้ายที่สุดได้สั่งให้โยโมะซึชิโคเมะนำศพใส่ในถุงพิเศษที่จัดเตรียมมา แล้วจึงหันมาทางนี้ 「ฟู่…..เรียบร้อยแล้วล่ะ」 「อ-โอ้! เหนื่อยหน่อยนะ ไม่สิ ช่วยเอาไว้จริงๆ…..แล้ว เจออะไรรึเปล่า?」 「อา เจอใบอนุญาตกับสมาร์ทโฟนอยู่แล้วก็อย่างที่คิด พวกมันถูกผลทำลายเครื่องจักร ถ้าเป็นแค่สมาร์ทโฟนอาจจะสรุปไม่ได้ แต่ตัวใบอนุญาตที่เสียหายเป็นผลมาจากเกรมลินอย่างแน่นอน」 「ก็หมายความว่า เป็นการยืนยันว่ามีวิธีการที่คล้ายคลึงส์กับผู้ใช้หมาล่าเนื้อสินะ」 ทีนี้ก็ยืนยันแล้วว่าคนร้ายใช้เกรมลินในการก่ออาชญากรรม พูดอีกอย่างคือ การที่ผมถูกเกรมลินโจมตีในช่วงเวลานั้นมันไม่ใช่เหตุบังเอิญ ในตอนนั้น ถ้าหันหลังกลับล่ะก็…..ไม่สิ ผู้ใช้หมาล่าเนื้อเล็งเป้ามาที่ผมอย่างชัดเจน ไม่ช้าก็เร็วยังไงก็ต้องถูกโจมตีอยู่ดี อันที่จริง ถ้าเกิดว่าเลือกกลับไปแทนล่ะก็ ผู้ใช้หมาล่าเนื้อจะต้องเกิดความระแวงผมมากยิ่งขึ้น แล้วไปเตรียมการที่จะจู่โจมให้ดียิ่งขึ้นไปกว่านี้อีกก็เป็นได้ ถ้าเป็นงั้นล่ะก็ อาจจะไม่สามารถใช้การ์ดเวทมนตร์『เคลื่อนย้าย』แล้วผมอาจจะต้องเสียชีวิต หากมาคิดในแง่นั้น การที่ถูกโจมตีในตอนนั้นอาจจะเป็น『โชคดีในโชคร้าย』ก็เป็นได้….. 「แล้ว หาสิ่งนั้นที่พูดถึงเจอรึเปล่าส์?」 「ไม่…..น่าเสียดายที่ไม่มีอยู่ ก็นะ ไม่คิดว่าเหยื่อทุกรายจะมีมันอยู่ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว อันที่จริง ถ้ามีมันอยู่จะยิ่งไม่เป็นธรรมชาติ เพราะงั้นเลยคิดว่าในจำนวนหลายๆคนคงจะมีอยู่ซัก 1 คน」 「อย่างงี้…..นี่เอง?」 อันนาเอียงคอ เหตุผลอะไรที่คนร้ายให้เหยื่อหนีไปทางบันได และบางสิ่งที่เหยื่ออาจจะมีอยู่ในกระเป๋าแต่ไม่ได้มีทุกคนงั้นเหรอ….? สิ่งนั้นมันคืออะไรกันแน่…..? อยากรู้แต่…..เจ้าตัวไม่อยากจะบอกตอนนี้เพราะงั้นก็ไม่อยากจะไปฝืนถาม …..อุตส่าห์ช่วยลงมือทำงานสกปรกให้ด้วย 「ก่อนอื่นก็เก็บกู้ร่างได้แล้ว กลับไปข้างบนกันเลยละกัน」 ความเป็นไปได้ที่ผู้ใช้หมาล่าเนื้อจะโจมตีมาไม่ใช่ 0 จะเป็นการดีกว่าที่จะคิดอะไรหลายๆเรื่องหลังจากที่ได้สงบสติอารมณ์ที่บนพื้นดิน …..จะยังไงก็เถอะ เจ้าพลังจิตสื่อวิญญาณนี่มันอะไร ขณะที่มุ่งหน้าไปที่เกทชั้นล่างสุดก็ทำการคิดอยู่คนเดียว ของที่ไม่สามารถมองเห็นมาก่อน ทำไมถึงมามองเห็นเอาในช่วงเวลานี้? พรสวรรค์ที่หลับไหลอยู่ข้างในผมมันตื่นขึ้น…..ไม่น่าจะเป็นแบบนั้น ผมเข้าใจดีว่าไม่เคยมีพรสวรรค์พิเศษอะไรแบบนั้น สำหรับผม ถ้าจะมีคุณลักษณะของตัวเอกได้ล่ะก็…..ก็ต้องเป็นการได้รับมาจากภายนอก ภายนอก…..ถ้าหากว่าเป็นความสามารถที่ถูกคนอื่นมีความตั้งใจให้มาล่ะก็….. การให้ผมได้มองเห็นวิญญาณคนตาย ต้องการจะสื่อถึงอะไรกันแน่? ลองนึกย้อนไปตอนเจอกับซาโต้ โชโกะซัง ตัวเธอ กำลังวิ่งหนี หรือก็คือ หลังจากที่ส่งการ์ดให้แล้วผู้ใช้หมาล่าเนื้อไม่ได้ลงมือฆ่าในทันที แต่บังคับให้หนีไปทางบันไดจริงๆ แต่ว่า ถ้าหากเหยื่อบังเอิญไปเจอกับนักผจญภัยอื่นแล้วได้รับความช่วยเหลือล่ะ จากการที่ทำลายใบอนุญาตและกล้อง จึงน่าจะจริงที่ต้องการจะลบเบาะแสของตนเอง แต่ถึงอย่างนั้น ทำไมถึงได้ทำอะไรที่อาจจะเหลือเป็นหลักฐานอย่างคำให้การของเหยื่อกัน….. คำถามเหล่านี้ลอยหมุนวนอยู่ภายในหัวของผมไปมา 【Tips】อันเชิญวงศ์วาน สกิลที่ทำให้สามารถอัญเชิญมอนสเตอร์ที่ระดับต่ำกว่าผู้อัญเชิญได้ แทบทุกกรณี มอนสเตอร์ที่ถูกเรียกจะมีแรงค์ต่ำกว่า 1 แรงค์ แต่ก็ยังมีบางการ์ดที่สามารถเรียกมอนสเตอร์ที่มีแรงค์เดียวกันออกมาได้อยู่ อัญเชิญวงศ์วานนั้น รูปแบบที่หนึ่งจะสามารถอัญเชิญออกมาได้จำนวนไม่มากต่อรอบเวลาแต่ไม่มีจำกัดจำนวน, รูปแบบที่สองจะสามารถอัญเชิยออกมาได้จำนวนมากในคราวเดียวแต่จะจำกัดจำนวน รูปแบบที่สามารถเรียกแรงค์เดียวกันได้แทบทั้งหมดจะเป็นรูปแบบที่สอง วงศ์วานที่เรียกออกมาจะมีพลังต่อสู้ต่ำกว่าเผ่าต้นแบบ ไม่มีสกิลอื่นนอกจากสกิลติดตัว และพลังต่อสู้ไม่สามารถเติบโตได้