เด็กม.ปลายสายม็อบอย่างผมจะกลายเป็นสายเรียลได้ไหมถ้าเป็นนักผจญภัย - ตอนที่ 8 ถ้าให้ยกตัวอย่างล่ะก็รู้สึกเหมือนตัวละครที่
- Home
- เด็กม.ปลายสายม็อบอย่างผมจะกลายเป็นสายเรียลได้ไหมถ้าเป็นนักผจญภัย
- ตอนที่ 8 ถ้าให้ยกตัวอย่างล่ะก็รู้สึกเหมือนตัวละครที่
ผ่านมาแล้ว 1 อาทิตย์ที่ผมกลายเป็นนักผจญภัย
ผลจากการลงเขาวงกตอย่างต่อเนื่องทุกวันทำให้ผมพอจะเข้าใจถึงวิธีการใช้งานการ์ดขึ้นมานิดหน่อย….. หรือพูดอีกอย่างคือ วิธีการรับมือกับพวกนี้
ก่อนอื่นมาพูดถึงซาชิกิวาราชิ วิธีการควบคุมของเธอง่ายๆเลยคือระบบอัตโนมัติ พื้นฐานคือปล่อยไปตามใจ ในบางครั้งจะยื่นมือมาช่วยแค่ตอนต่อสู้ก็ให้รางวัลเป็นขนม
คล้ายๆกับ NPC ช่วยเหลือใน RPG ที่เข้ามาร่วมตอนที่คุณยังเลเวลต่ำๆ มีพลังความสามารถแข็งแกร่งสุดๆ แต่ไม่รับคำสั่งควบคุมใดๆ แบบนั้นแหละ
ผมล้มเลิกความพยายามที่จะให้ขยับตามที่ต้องการไปแล้วแต่ก็รู้สึกได้ว่าตอบสนองเชิงบวกอยู่ ผลของการให้ขนมทุกวันมาทั้งอาทิตย์ ทำให้ความน่าจะเป็นที่ซาชิกิวาราชิจะร่วมต่อสู้ค่อยๆเพิ่มขึ้น
โดยพื้นฐานแล้วก็เหมือนกับเด็ก เด็กที่อยู่ในช่วงกำลังดื้อ ไม่ยอมฟังที่สั่งแบบไม่คิด เพราะงั้นจึงต้องล่อด้วยของเล่นหรือขนมก่อน แล้วพอทำสำเร็จจึงกล่าวชม ค่อยๆทำเช่นนี้ไปจะเป็นการปลูกฝังความสนุกในการช่วยเหลือและความรู้สึกที่ได้ทำสำเร็จ
มาสเตอร์คนก่อนหน้าของเธอคงไม่เข้าใจจุดนี้และพยายามให้ทำในสิ่งที่ต้องการ จนทำให้เธอปิดกั้นหัวใจ
ผมเริ่มที่จะคิดได้เช่นนั้น
ต่อไปคือกูล่า เธอเป็นด้านตรงข้ามของซาชิกิวาราชิ เป็นการ์ดที่ต้องสั่งการแบบแมนนวลโดยสมบูรณ์
จะยังไงก็ตามคือหากไม่ออกคำสั่งจะไม่ขยับเขยื้อนใดๆ ไม่ตอบโต้กลับแม้ถูกศัตรูโจมตี
ด้วยเหตุนี้ ในช่วงของการต่อสู้ จำเป็นจะต้องสั่งการทันที หรือเตรียมพร้อมสั่งการ『โจมตีกลับหากถูกโจมตีโดยศัตรู』เอาไว้ก่อนหน้า
ตอนแรกผมคิดว่ายุ่งยากเอามากๆ แต่ตอนนี้เริ่มจะคิดว่าอาจจะน่าสนใจ
กูล่าจะไม่ขยับหากไม่ได้รับคำสั่ง แต่หากให้คำสั่งแล้วจะทำตามตลอด
ยกตัวอย่าง『คอยมองหาสัญญาณของศัตรูเสมอ』『เมื่อเจอศัตรูตัวเดียวให้ลอบโจมตี』『ระหว่างลอบโจมตีให้ใช้สกิลฟีโรโมนเพื่อปกปิดตัวตน』ด้วยการควบรวมคำสั่งหลายๆอย่างเข้าด้วยกันเช่นนี้ ทำให้ต่อให้ผมไม่ต้องออกคำสั่งอะไรก็จะสามารถลอบโจมตีศัตรูได้
ที่น่ากลัวก็คือตอนคำสั่งขัดแย้งกันเอง เพื่อหลีกเลี่ยงมันจึงต้องจดโน๊ตคำสั่งทั้งหมด และหมั่นตรวจสอบว่าพวกมันจะไม่ขัดแย้งกัน
วันนี้ในระหว่างคาบเรียนเองก็ยังคิดจำลองการต่อสู้ และเตรียมคำสั่งของกูล่าเอาไว้ล่วงหน้า
คิดคำสั่งให้มากเท่าที่จะมากได้ก่อนเข้าสู่เขาวงกต แล้วตรวจสอบและแก้ไขเมื่อเข้าสู่การต่อสู้จริง
ผมที่เริ่มติดการฝึกกูล่าเหมือนกับติดเกมแนวฝึกสอน
สุดท้าย เกี่ยวกับคูซี่…..
「นายท่าน! เจอกลุ่มศัตรูแล้วฮะ!」
สุนัขตัวใหญ่เท่าวัวกำลังวิ่งมาทางผม
สุนัขขนสีเขียวมรกตสวยงามพร้อมหางม้วนขนาดใหญ่ พอมาอยู่ตรงหน้าผมก็ลุกยืนขึ้นอย่างรวดเร็ว
พอได้เห็นยืน 2 ขาแบบนี้แล้วก็สามารถบอกได้ว่ามีโครงสร้างร่างกายอยู่ระหว่างสุนัขกับมนุษย์ ร่างกายที่สามารถใช้งานได้ทั้ง 4 ขาและ 2 ขา บางทีอาจจะคล้ายไปทางลิงมากกว่า
ยังไงก็ตาม ถึงจะไม่สำคัญแต่ทางนี้เองก็เป็นผู้หญิง
「จำนวนมี 3, เป็นก็อบบลิ้นไร้อาวุธ 2, หมาป่าศึก(Battle Wolf) 1 ฮะ! ยังไม่รู้สึกตัวถึงทางนี้」
「อืมอืม ทำได้ดีมาก คูซี่」
พอพูดไปแบบนั้นแล้วเอามือลูบหัว คูซี่ก็เริ่มส่ายหางไปมาอย่างมีความสุข
น่ารักจังน้า….. ที่บ้านผมเองก็มีสุนัขชื่อมารุอยู่ แต่พักหลังมานี้มันเริ่มจะคิดว่าตัวผมอยู่ลำดับชั้นต่ำกว่ามัน ทำการดูถูกผมออกมาอย่างโจ่งแจ้ง แต่กลับไปออดอ้อนน้องสาวซะเต็มที่
ในแง่นั้นของคูซี่ รู้ตัวดีว่าใครที่ควรจะให้ความเคารพจริงๆ
สุนัขมันก็ต้องเป็นแบบนี้สิ
เพราะว่ามีจมูกดีทำให้สามารถเจอศัตรูจากไกลๆได้ และเพราะสามารถปกปิดตัวตนจึงทำให้เป็นหน่วยสอดแนมอย่างดี แต่ก็มีข้อเสียใหญ่อยู่อย่างหนึ่ง
「แล้ว จะเอายังไงคูซี่ คราวนี้เธอเองจะมาสู้ไหม?」
พอกระแอมไอเสนอออกไป คูซี่ก็ตัวสั่นและทำหางตก
「อ-อู เรื่องการต่อสู้, ผมยัง…..」
「งั้นเหรอ…..」
นี่ก็คือข้อเสียร้ายแรงเพียงอย่างเดียวของคูซี่
เจ้าสุนัขตัวนี้ไม่สามารถต่อสู้ได้ด้วยนิสัยขี้กลัวของมัน
ในแง่หนึ่ง อาจจะบอกได้ว่าเป็นการ์ดที่ใช้งานไม่ได้ยิ่งกว่าซาชิกิวาราชิที่ไม่ยอมเชื่อฟัง
ความจริงแล้วควรจะแก้ไข ถึงแม้ว่าจะต้องลงไม้ลงมือก็ตาม แต่…..
「เข้าใจแล้ว งั้นนำทางไปหาศัตรูก่อนแล้วค่อยเปลี่ยนตัวกับกูล่านะ」
「…..ขอโทษฮะ นายท่าน」
ผมลูบหัวของคูซี่ในขณะที่เธอทำหางตก ขนของเธอรู้สึกดีและนุ่มฟูจนราวกับว่ามือจมลงไปได้
「ไม่ต้องคิดมาก มาทำเท่าที่ทำได้เถอะ นะ?」
「ฮ-ฮะ!」
สำหรับผมแล้ว คงอ่อนหัด แต่ว่าคูซี่เองแค่มีประโยชน์ด้านการสอดแนมก็เพียงพอแล้ว และด้วยความขี้ขลาดทำให้มีประสาทสัมผัสไวต่อกลิ่นอายศัตรู
พอคิดแบบนี้แล้วอาจจะไม่จำเป็นต้องรีบแก้ไขมันก็คงได้
อีกอย่างในครั้งก่อนที่ตะคอกใส่ มันทำให้ตัวเธอกลัวจนไม่สามารถปฏิสัมพันธ์อะไรกับผมได้ไปพักหนึ่งเลย
ในตอนนี้มีแค่กูล่าสำหรับต่อสู้ก็เพียงพอ มันจะเป็นปัญหาได้หากฝืนให้คูซี่ต่อสู้แล้วลงเอยเป็นไม่สามารถสอดแนมได้อีก
นี่ก็เป็นแนวคิดเชิงกลยุทธเช่นกัน
「ใจดีเหลือเกินนะ」
ได้ยินเสียงหัวเราะของซาชิกิวาราชิมาจากทางด้านหลัง
「จะแกล้งทำตัวเป็นมาสเตอร์ผู้แสนใจดีที่ใส่ใจการ์ดงั้นเหรอ? เปลี่ยนไปใช้การ์ดที่ใช้งานง่ายๆและแข็งแกร่งกว่า มันจะดีกว่ามาเสียเวลาและความพยายามแบบนี้ไหม?」
「ไม่เป็นแบบนั้นหรอก ตอนนี้เองก็มีประโยชน์มากพอแล้ว」
「ถ้าหมายถึงการค้นหาศัตรูนี่คงล้อกันเล่นแน่ๆ ต่อให้เป็นการ์ดแรงค์ต่ำกว่าก็ทำได้ดีพอแล้ว และในความจริงมันยิ่งง่ายที่จะใช้แรงค์ต่ำๆเพราะถ้าเกิดตายไปก็ไม่เสียหายด้วยใช่ไหมล่ะ?」
มีเหตุผล อันที่จริง สำหรับหน้าที่ค้นหาศัตรูที่มีความเสี่ยงที่จะสูญหายสูง ควรจะใช้อันที่แรร์ต่ำๆ เพราะหากตายไปก็จะไม่กระทบต่อทุนทรัพย์ รวมถึงถ้าตายไปก็ถือว่าเป็นการเตือนให้รู้ว่ามีศัตรูที่แข็งแกร่งอยู่จากระยะไกลได้
ในหมู่โปรเองก็มีการใช้เทคนิคนี้ด้วย โดยการปล่อยการ์ดแรงค์ F ไปเรื่อยๆไปในเขาวงกต ใช้เป็นเครื่องมือแบบใช้แล้วทิ้งเพื่อค้นหาศัตรู เหมือนจะมีอะไรแบบนั้นอยู่
…..แต่ว่า
「นั่นมันในกรณีที่จะใช้แล้วทิ้งใช่ไหมล่ะ? ถ้าอยากจะฝึกฝนและเอามาใช้งาน วิธีของผมก็ดีที่สุดแล้ว」
…..ต่อให้เป็นการ์ดแรงค์ F ก็ตาม แต่ก็ต้องซ่อนความจริงอันน่าเศร้าที่ในกระเป๋าตังของผมมันมีเงินไม่พอจะใช้ทิ้งขว้าง
「อ่อนหัดจริงนะ」
「เธอเองก็ชอบของหวานใช่ไหมล่ะ? ที่ให้ขนมกับการ์ดที่ไม่ยอมเชื่อฟังมาสเตอร์ก็คงจะมีผมคนเดียวนี่แหละ」
「เหอะ พูดมาได้นะ」
พอพูดจบ ซาชิกิวาราชิก็หายตัวไป
ฟุฟุ คราวนี้ก็ผมชนะอีก
ตัวเธอบางทีจะชอบออกความเห็นเหน็บแหนมแบบนี้ออกมา แต่ผมก็ตอบกลับไปได้อย่างดีเรื่อยมา
พักนี้ผมเองก็เริ่มจะรู้สึกสนุกกับการต่อสู้ด้วยคำพูดเล็กๆน้อยๆแบบนี้แล้ว และทางซาชิกิวาราชิเองก็คงจะเหมือนกัน จากจำนวนครั้งที่ซาชิกิวาราชิพูดด้วยกับผมค่อยๆเพิ่มขึ้น
มันเหมือนกับ เด็กนิสัยเสียที่จริงๆแล้วอยากจะเป็นเพื่อน แต่ว่าอายจนกลายเป็นมากลั่นแกล้งแทน ซึ่งมันชวนให้อมยิ้มขึ้นมาเล็กๆ
「นายท่าน กลุ่มของศัตรูกำลังใกล้เข้ามาแล้ว ช่วยเปลี่ยนตัวด้วยฮะ」
「เข้าใจล่ะ คูซี่กลับมา จงออกมากูล่า!」
ด้วยคำพูดของคูซี่ ผมจึงให้เธอกลับสู่การ์ดแล้วเรียกกูล่าออกมา
พอกูล่าออกมา เธอก็ตั้งท่าชกมวยอย่างรวดเร็ว ใช้สายตามองไปรอบๆเพื่อตรวจสอบสิ่งรอบตัว แล้ว
「ไม่พบร่องรอยศัตรู, ตัดสินว่า, ไม่อยู่ระหว่าง, การต่อสู้ 」
จากนั้นก็คลายการตั้งท่า
ได้บอกกับกูล่าเอาไว้ก่อนหน้าว่า ทันทีที่ปรากฏตัวออกมาให้ตั้งท่าพร้อมต่อสู้ทันที และตรวจสอบสภาพโดยรอบ ได้เตรียมตัวเลือกเอาไว้ก่อนหน้าหลายๆอย่าง แล้วสั่งให้ทำการตัดสินใจเองว่าจะทำอะไร
มันเป็นหนึ่งในการทดลองเพื่อดูว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ที่จะพัฒนาสติปัญญาของกูล่า ด้วยการสะสมข้อมูลเข้าไปทีละนิด ซึ่งเป็นวิธีการเดียวกับการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์จนสามารถเอาชนะมนุษย์ในการเล่นหมากรุกหรือโชงิได้
「จะอธิบายสถานการณ์ให้ฟัง ในปัจจุบัน กลุ่มของศัตรูที่คูซี่พบกำลังมุ่งหน้ามา จำนวนมี 3 ตัว เป็นก็อบบลิ้น 2 ตัว และหมาป่าศึก 1 ตัว, ด้านศัตรูน่าจะยังไม่รู้สึกตัวถึงพวกเรา, เกือบจะอยู่ในระยะการตรวจเจอจากกลิ่นของหมาป่าศึก, ให้ใช้เครื่องมืออะไรก็ได้ที่มี เอาล่ะ จะทำยังไง?」
ด้วยคำถามของผม กูล่าก็เริ่มพึมพำด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์
「เยส, มาสเตอร์, จะทำการ, ตอบ, ในสถานการณ์นี้, ตัดสินเป็น, สถานการณ์หมายเลข 27, นำมาใช้ได้, ดังนั้น, ลอบไปคนเดียว, แอบย่องเข้าไป, จนอยู่ในระยะ, ยิงของหนังสติ๊ก, ลอบยิง, หมาป่าศึกก่อน, ต่อไป, เติมลูกกระสุน, โจมตีเข้าไป, ในกลุ่มศัตรู, หลังจากนั้น, ไม่ว่าผลลัพธ์, จะเป็นเช่นไร, ใช้กระบองไฟฟ้า, เข้ากำจัดศัตรู, ให้สิ้นซาก」
หนังสติ๊กและกระบองไฟฟ้าที่กูล่ากล่าวถึงคืออุปกรณ์ของมอนสเตอร์ สามารถหาซื้อได้จากร้านค้าเฉพาะของนักผจญภัย
หนังสติ๊กเป็นของสั่งทำพิเศษ สร้างขึ้นจากชิ้นส่วนยางแข็ง 10 ชิ้นมารวมกัน เป็นการยากที่มนุษย์จะดึงได้ เป็นของที่มีเฉพาะมอนสเตอร์ใช้งานได้ กระบองไฟฟ้าเองก็มีกำลังไฟที่เพิ่มขึ้นในระดับที่ผิดกฏหมายหากนำไปใช้กับมนุษย์ด้วยกัน อยู่ในระดับที่จำเป็นต้องลงทะเบียนความเป็นเจ้าของไว้ที่ศาลากลางก่อน
「โย้ช! ดีล่ะ มาลองกันเลย อย่าลืมใช้กล้องบันทึกเอาไว้ด้วยล่ะ」
กูล่าทำการสวมหมวกนิรภัยที่ติดกล้องพกพา ทำการบันทึกการต่อสู้ทั้งหมด ชีวิตประจำวันของผมช่วงนี้กลายเป็นการเล่นวิดีโอที่บันทึกไว้ซ้ำๆและนำมาปรังปรุงคำสั่ง
「เยส, มาสเตอร์」
ขณะที่ยืนมองกูล่าทำความเคารพแล้วจากไป ซาชิกิวาราชิก็ปรากฏตัวออกมา
「…..เจ้าหุ่นเชิดดูแปลกไปมาก ไม่คิดเลยว่าจะเป็นกูล่า」
ซาชิกิวาราชิที่ปกติชอบเยาะเย้ย ส่งเสียงครางแล้วชมมา
ผมรู้สึกดีจึงตอบกลับไป
「ก็นะ เป็นช่วงเวลาที่ยากพอดูเลย ต้องใช้เวลาแทบทั้งหมดไปกับการฝึกสอนกูล่า แต่ดูเหมือนว่าผลลัพธ์จะเริ่มแสดงออกมาแล้วล่ะ」
「นั่นไม่มีอัตตาจริงๆงั้นเหรอ?」
「อา ถ้าไม่มีคำสั่งของผมแล้วก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลย ถึงจะดูเหมือนว่าคิดคำตอบได้ด้วยตัวเอง แต่มันก็แค่การรวมกันของคำสั่งที่เคยให้เอาไว้มาก่อน กูล่าเริ่มที่จะรวบรวมตัวเลือกหลายๆอย่างเข้าด้วยกันได้แล้ว แต่ก็ไม่สามารถสร้างตัวเลือกขึ้นมาด้วยตัวเองได้」
ให้คิด, ผมคอยบอกให้ทำด้วยตัวเองอยู่เสมอ ในทางกลับกัน ถ้าไม่ทำแบบนั้น กูล่าก็จะไม่คิดอะไรเลย
เพราะแบบนั้นจึงต้องสร้างสมมติฐานต่างๆนาๆ แล้วคอยป้อนให้กูล่า
ตัวอย่างเช่น หากเป็นมนุษย์ทั่วไปรู้สึกหิว พวกเขาก็จะพยายามกิน คิดถึงตัวเลือกว่าจะกินอะไร โดยคำนึงถึงอารมณ์และสภาพร่างกายในวันนั้น ทว่าถ้าเป็นกูล่ารู้สึกหิว เธอจะไม่กินอะไรเลยถ้าไม่ถูกบอก เมื่อถูกบอกให้กิน เธอถึงจะพยายามเริ่มกิน แต่นั่นก็ไม่ได้มีความชื่นชอบส่วนตัวเข้ามารวมอยู่ด้วย เธอจะพยายามกินอาหารทุกอย่างไปราวเครื่องจักร
ตรงนั้นเองผมจึงให้ตัวเลือกหลากหลายเช่น แกงกะหรี่, ข้าวหน้าเนื้อ, ข้าวไข่ข้น บอกให้เลือกอันที่เหมาะสมกันสถานการณ์ขณะนั้นมากที่สุด พอมาถึงจุดนี้ ก็จะสามารถทำการเลือกและกินอาหารได้อย่างปกติ
ด้วยความพยายามที่ค่อยๆสั่งสมมา กูล่าจึงสามารถทำถึงขนาดนี้ได้ด้วยตัวเอง
แม้แต่มนุษย์เอง ก็ไม่สามารถตอบสนองกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันได้
ความจริงที่สามารถจัดการกับสถานการณ์ขนาดนี้ ส่วนใหญ่มาจากประสพการณ์ที่ผ่านมา
ผมต้องการมอบสมุดคำตอบที่เรียกว่าประสพการณ์ให้แก่กูล่า
ความพยายามเหล่านั้นเริ่มที่จะผลิดอกออกผลแม้ว่าจะเพียงเล็กน้อยก็ตาม
ผมนำการ์ดของกูล่าออกมาให้ซาชิกิวาราชิดู
【เผ่า】กูล่า
【พลังต่อสู้】110 (10UP!)
【ทักษะติดตัว】
– ศพมีชีวิต
– พลังบ้าคลั่ง ณ ชุมนุมเพลิง
– ผู้กินศพ
【ทักษะเรียนรู้】
– เชื่อฟังเด็ดขาด
– ทักษะทางเพศ
– ฟีโรโมน
– ลอบโจมตี (NEW!)
– หัวใจกลวง (NEW!)
「อะไรกันเนี่ย! ได้เรียนรู้สกิลใหม่ แถมยังตั้ง 2 อันด้วย!」
พอซาชิกิวาราชิมองดูการ์ดก็ส่งเสียงตกใจออกมา
ไม่น่าแปลกใจ การที่การ์ดจะเรียนรู้สกิลใหม่ได้นั้นเป็นเรื่องที่ยากเอามากๆ
โดยปกติแล้วการจดจำสกิล, หรือลบสกิลข้อเสียออก ว่ากันว่าใช้เวลาหลายเดือน
การพบเจอสถานการณ์วิกฤติร้ายแรง, การเปลี่ยนแปลงด้านจิตใจอย่างรุนแรง ก็มีความเป็นไปได้ที่จะทำให้เกิดการเรียนรู้หรือสูญเสียสกิลได้ในเวลาอันสั้น แต่ก็เป็นกรณีหายาก
แต่ถึงอย่างนั้น กูล่ากลับได้ 2 สกิลมาในเวลาแค่ 1 อาทิตย์
ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นประเภทอันเดดที่ว่ากันว่าเติบโตยากอีกด้วย
ไม่ใช่ว่าตัวกูล่ามีความพิเศษอะไร หรือตัวผมเป็นอัจฉริยะตรงไหน
มันเป็นผลลัพธ์จากการผสานของคุณลักษณะของอันเดดและสกิลเชื่อฟังเด็ดขาด
ในแง่หนึ่ง อันเดดนับว่าเป็นตัวตนที่ขาวโพลน การที่ไม่คิดอะไรด้วยตัวเองนั่นหมายถึงว่ามีช่องว่างอันไร้ขีดจำกัด แม้ว่าจะถูกแต้มสีชั่วคราวด้วยคำสั่งของมาสเตอร์ มันก็จะจางหายไปในไม่ช้า
ทว่า หากมีปากกาที่สามารถเขียนลงไปได้อย่งถาวรที่เรียกว่าเชื่อฟังเด็ดขาดอยู่ล่ะ?
สกิลที่ได้มานั้นก็นับว่าเป็นสกิลที่ตัวกูล่าสามารถเรียนรู้ได้โดยง่ายอย่าง ลอบโจมตี, และหัวใจกลวง
ลอบโจมตี เป็นสกิลที่ช่วยเสริมความเสียหายเมื่อโจมตีใส่ศัตรูที่ไม่รู้สึกตัว เดาว่าที่ได้สกิลนี้มาก็เพราะผมสั่งให้กูล่าใช้สกิลฟีโรโมนแทนที่สกิลหลบซ่อน เพื่อลบกลิ่นอายและชิงทำการโจมตีก่อน
แล้วก็หัวใจกลวง ผมรู้สึกถึงการตอบสนอง หรือจะให้พูดว่าเป็นความรู้สึกถึงความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ต่อสกิลนี้เลย
คำอธิบายของสกิลมีอยู่ว่า
หัวใจที่มีอัตตาอ่อนแอไร้สิ้นสุด ค่าลบต่อการทนทานสภาวะผิดปกติทางจิตใจ, และการเคลื่อนไหวอิสระ
อัตตาอ่อนแอ….. พูดอีกอย่างคือมีความคิดเป็นของตัวเองเล็กน้อย
ว่ากันว่าอันเดดระดับต่ำจะไม่มีความรู้สึกเป็นของตัวเอง ทว่าการที่เธอได้รับหัวใจกลวงมา แสดงว่าในตอนนี้ภายในตัวเธอกำลังมีความรู้สึกของตัวเองเติบโตอยู่
「……………มู」
ซาชิกิวาราชิจ้องไปที่การ์ดของกูล่าพร้อมทำคิ้วขมวดบนใบหน้าน่ารักนั่น
เธอที่เป็นแบบนั้นผมเลยแสยะยิ้ม
「เป็นไง อยากหันมามองใหม่บ้างไหม?」
「เหอะ….. อย่าเพิ่งมาพูดอวดดีจนกว่าจะได้พิชิตเขาวงกตซักแห่งดีกว่านะ ลูกเจี๊ยบจัง」
「มู」
ด้วยคำพูดของซาชิกิวาราชิทำให้ผมชะงักไปอย่างช่วยไม่ได้
พิชิตเขาวงกต งั้นรึ
ผมทำการท้าทายเขาวงกตแห่งนี้เรื่อยมา จนในที่สุดก็มาถึงชั้น 5
ที่เหลือก็แค่ชั้นลึกที่สุดที่จ้าวอาศัยอยู่ เพื่อการนั้นจุดประสงค์ของวันนี้จึงเป็นการหาบันไดให้เจอ
เมื่อถึงตอนนั้นก็ขึ้นอยู่กับสภาพ แต่ผมวางแผนจะท้าทายกับจ้าวเขาวงกตในวันนี้
มาถึงจุดนี้ก็ผ่านไปแล้ว 1 อาทิตย์
โดยปกติ สำหรับเขาวงกตแรงค์ F แบบที่นี่ สามารถเดินจนทั่วหมดได้ภายใน 3 วันขึ้นอยู่กับความลึก และดูเหมือนว่าถ้ามีการ์ดแรงค์ C แบบผม จะสามารถพิชิตได้ในวันเดียวด้วยซ้ำ
สาเหตุที่ใช้เวลานานขนาดนี้ก็เพราะใช้เวลาในการฝึกกูล่าไปมาก, และยังมีผมที่ต้องมาคอยคลำเรื่องต่างๆ ซะเป็นส่วนใหญ่
อันที่จริง ทางกิลล์เองก็มีแผนที่ของเขาวงกตที่ถูกสำรวจไปแล้ว รวมถึงข้อมูลและวิธีการต่อสู้กับจ้าวด้วย แต่ผมไม่ได้ซื้อข้อมูลอะไรพวกนั้น อย่างมากก็ตรวจสอบแค่ช่วงเวลาและความลึกของเขาวงกตซึ่งเปิดเผยฟรีแก่สาธารณะ
นี่ก็เพราะสถานการณ์ร้ายแรงทางการเงินหลังจากที่เอาไปซื้ออุปกรณ์ของนักผจญภัย แล้วยังมีความคิดว่าจะไม่สามารถเติบโตได้หากไม่พิชิตเขาวงกตโดยที่ไม่มีข้อมูล
ด้วยเหตุนี้ กลยุทธของผมสำหรับพิชิตเขาวงกตจึงต้องระมัดระวังอย่างมาก
แม้ว่านี่จะเป็นเขาวงกตแรก รู้ตัวดีว่าเสียเวลากับมันมากเกินไป
เพราะงั้นหากเป็นไปได้ก็อยากพิชิตเขาวงกตแห่งนี้ในวันนี้
ผลตอบรับจากการสำรวจเขาวงกตจนถึงตอนนี้มากเพียงพอแล้ว ถ้าเป็นกูล่าในตอนนี้ มั่นใจวาจะสามารถจัดการจ้าวได้ด้วยตัวเอง
แต่ไหนแต่ไร เหตุผลที่ว่าทำไมต้องมีการ์ดแรงค์ D เพื่อเป็นนักผจญภัย นั่นก็เพราะสามารถใช้ความต่างของแรงค์ในการฝ่าเขาวงกตแรงค์ Fได้
จ้าวแห่งเขาวงกต โดยปกติแล้วคือมอนสเตอร์ที่มีแรงค์มากกว่ามอนสเตอร์ที่ปรากฏในเขาวงกตนั้นๆอยู่ 1 แรงค์ หากพูดถึงเขาวงกตแห่งนี้ บางทีคงจะเป็นโคโบลด์ไม่ก็เฮลฮาวน์ (Hellhound) ยิ่งกว่านั้น ตัวจ้าวยังได้รับการสนับสนุนจากเขาวงกต ว่ากันว่าพลังชีวิตถูกทำให้แข็งแกร่งขึ้นหลายเท่าจากปกติ บ้างก็สามารถเรียกเผ่าที่ระดับต่ำกว่าออกมาได้ไม่จำกัด
แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น ด้วยการ์ดแรงค์ D เพียงใบเดียวก็สามารถเครียร์ได้ นี่ก็คือความแตกต่างกันของแรงค์
ในความจริง กูล่าก็สามารถจัดการศัตรูหลายตัวได้แทบเพียงคนเดียวจนถึงตอนนี้ เหตุผลของความสำเร็จก็คือพลังทำลายที่สามารถจัดการศัตรูได้ภายในการโจมตีแค่ 1 – 2 ครั้ง และความสามารถกินศพที่ใช้ได้ทั้งโจมตีและฟื้นฟู
แม้ว่าจ้าวจะเป็นประเภทที่มีพลังชีวิตมากกว่าปกติหลายเท่า ก็สามารถสู้ยืดเยื้อได้จากการกินศพ ต่อให้เป็นประเภทเรียกเผ่าที่ต่ำกว่าออกมา ด้วยพลังทำลายก็สามารถจบการต่อสู้ได้รวดเร็ว ถ้าจะมีปัญหาก็คงเป็นมีสกิลพิเศษอะไรบางอย่าง แต่โดยพื้นฐานแล้ว ยิ่งสกิลแรงค์สูงมากเท่าไหร่ ผลของมันก็จะยิ่งต่ำลงเท่านั้น พูดอีกอย่างคือ กับจ้าวเขาวงกตแรงค์ F จะมีสกิลไม่มากนัก
จะทำยังไงดี ลองเลยวันนี้อย่างที่คิดดีไหม? อย่างเลวร้ายที่สุดก็ไม่แพ้เพราะมีซาชิกิวาราชิอยู่
ขณะที่ความคิดเริ่มเบนไปทางให้ทำการท้าทาย กูล่าก็กลับมาจากการต่อสู้
「มาสเตอร์, การต่อสู้, สิ้นสุด, ได้โปรด, ตรวจสอบ, ของที่ได้」
「โอ้ ทำได้ดีมาก มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นรึเปล่า?」
ผมถามไปขณะรับก้อนหินสีดำ 2 ก้อน—-หินเวทมนต์มาจากกูล่า หินเวทมนต์พูดได้ว่าเป็นทรัพยากรเอนกประสงค์ ไม่ว่ามันจะขนาดเล็กแค่ไหน ทางกิลล์จะวัดเป็นกรัมและซื้อมัน ด้วยขนาดนี้ 2 ก้อน คงได้ประมาณ 500 เยน
「คะ, มาสเตอร์, ตอนลอบโจมตี, หมาป่าศึก, แต่มีก็อบบลิ้น, เข้ามาขวาง, เส้นทางยิง, ทำให้, ไม่สามารถสร้าง, ความเสียหาย, กับหมาป่าศึก, ได้, ถัดไป, เข้าสู่การลอบโจมตี, ครั้งที่ 2, แต่ว่า, หมาป่าศึก, เข้าประชิด, กะทันหัน, ด้วยเหตุนี้, ตามสถานการณ์หมายเลข 4, หยุดการกระทำก่อนหน้า, และเข้าสู่, การต่อสู้, ระยะประชิด, ต่อจากนั้น, ใช้กระบองไฟฟ้า, และสกิล, กำจัด, ศัตรูทั้งหมด, เมื่อเสร็จสิ้น, จึงกลับมา」
「งั้นเหรอ….. ไม่สิ ทำได้ดีมาก กลับมาได้แล้วล่ะ」
「รับ, ทราบ」
ผมเรียกกูล่าที่ทำท่าแสดงความเคารพกลับสู่การ์ดแล้วนวดไปที่ขมับ
มู กะแล้วว่าไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ล่วงหน้าเท่าไหร่ แต่ไม่เป็นอะไรเพราะสามารถจัดการศัตรูได้ ทว่านั่นเพราะคู่ต่อสู้มีระดับต่ำกว่า ถ้าหากว่าระดับเท่าๆกับคงทำไม่ได้
กะแล้วว่าอย่างเพิ่งท้าทายจ้าววันนี้เลย เอาแค่หาบันไดก็พอ
ผมเรียกคูซี่ออกมา ทำการค้นหาศัตรูและบันไดต่อ
「อะไรกัน วันนี้ก็จะกลับบ้านหางจุกตูดแทนที่จะท้าทายจ้าวอีกแล้วเหรอ? แล้วอีแบบนี้จะพิชิตเขาวงกตได้เร้อ?」
「เงียบไปเลย」
กับซาชิกิวาราชิที่ยิ้มเยาะพร้อมพูดยั่ว จึงตอบไปตามสมควร
「ถ้าหล่อนมาเป็นตัวสู้หลักซะมันก็ไปท้าทายได้ทันทีแล้วใช่ไหมล่ะ?」
「นั่นเป็นไปไม่ได้หรอก ชั้นยังยุ่งอยู่กับการอ่านเจ้านี่」
พอพูดถึง ซาชิกิวาราชิก็ชูขึ้นมา มังงะเกี่ยวกับการแข่งเกมระดับชาติ
แน่นอนว่าเป็นของที่ผมเอามาจากบ้าน
พวกเรามีสัญญาปากเปล่ากันว่า จะช่วยสู้แค่ในช่วงเวลาวิกฤติเท่านั้น และจะให้ค่าตอบแทนเป็นขนม แต่พอกูล่าเริ่มสู้ได้มาพักหนึ่ง ตาของซาชิกิวาราชิก็แทบจะหายไปหมด
เพราะแบบนั้น นอกจากยัยนี่จะมีเวลาว่างเหลือเฟือ ก็ยังไม่ได้ขนมด้วย แล้วไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่….. เริ่มจะมาแกล้งโดยใช้ความสามารถควบคุมโชคดีและโชคร้าย
ยกตัวอย่าง มีพยายามทำให้ล้มขณะเดินอยู่บนเส้นทาง หรือทำให้กระเป๋าเงินหล่น อันนี้มันยังพอดูน่ารักไหว แต่ยังมีทำให้ไปเจอกับมอนสเตอร์ที่หลงมาแบบไม่ทันตั้งตัว อันนั้นทำเอาหัวใจแทบจะหยุดเต้น
ไอ้เรื่องที่เล่าว่าการ์ดไม่สามารถทำอันตรายต่อมาสเตอร์ได้นี่มันหายไปไหนละ? หรือว่านี่ไม่นับเป็นการโจมตีกัน
ยังไงก็ตาม นอกจากจะไม่ร่วมต่อสู้แล้วยังจะมาถ่วงขากันแบบนี้ก็คงทนไม่ไหว
…..แต่ ถ้ามาโกรธ ผมก็จะแพ้
ผมคิดเอาว่าการแกล้งนี้คือการทดสอบคุณสมบัติเจ้าของของยัยนี่
ก็มีเคยได้ยินอยู่ว่าบางครั้งเด็กๆที่ถูกรับเลี้ยงโดยพ่อแม่บุญธรรม จะเริ่มแสดงพฤติกรรมกลั่นแกล้งหรือก่ออาชญากรรมเพื่อทดสอบพ่อแม่บุญธรรม
ตรงจุดนั้น ผมจึงตัดสินใจหาบางอย่างที่น่าสนใจมากกว่าการกลั่นแกล้งเพื่อดึงดูดความสนใจ
แล้วแผนนี้ก็สำเร็จอย่างงดงาม ตอนนี้เจ้าตัวปัญหาจิ๋วกำลังหมกมุ่นอยู่กับมังงะญี่ปุ่น
「แต่ว่านะ ไอ้เจ้าผู้คนในเมืองนี้มันน่ารังเกียจสุดๆไปเลย กับตัวเอกที่ไปสู้กับมอนสเตอร์เป็นหมื่นตัวคนเดียวเพื่อช่วยเมืองไว้แล้วยังมาปาก้อนหินใส่อีก」
จู่ๆซาชิกิวาราชิก็เริ่มพูดเรื่องมังงะ งั้นผมเองก็เอาด้วย
「ก็นะ แต่สุดท้ายแล้วก็ออกตัวเพื่อตัวเอก ให้ยืมพลังเวทเพื่อให้สามารถใช้ท่าพิเศษได้อยู่นะ」
「ไอ้ตรงนั้นแหละที่น่ารังเกียจที่สุด ที่ออกมาตอนท้ายสุดก็หลังจากกองทัพศัตรูโดนเวททำลายล้างของอาจารย์ไปจนหมดแล้วน่ะสิ! พูดก็พูดเถอะ คนแทบทั้งหมดที่ออกมาก็ไม่รู้โผล่มาจากไหน มาช่วยแค่ตอนท้ายสุดแล้วทำตัวหยั่งกับว่าเป็นพรรคพวก ที่กวนใจมากสุดก็ตรงนั้นแหละ」
「ก็นะ พอมีเหตุผลอยู่ แต่ว่าการที่คนทั้งเมืองจะอยู่ข้างเดียวกับตัวเอกตั้งแต่แรกมันก็ไม่สมเหตุสมผลใช่ไหมล่ะ นั่นเพราะตัวเอกยังไม่ได้เริ่มทำอะไรเลย ถูกไหม? ในมุมมองของชาวเมือง ก็หมือนกับว่าเป็นการนำโชคร้ายมาหาพวกเขา แล้วอีกอย่าง ไม่ใช่ว่าตอนแรกก็มีคนที่พยายามช่วยตัวเองตั้งแต่แรกอยู่ไม่ใช่เหรอ? พวกนั้นช่วยเพื่อนของตัวเอกออกมาจากคุก ที่ทำไปแบบนั้นเพราะว่าพวกนั้นมีความสัมพันธ์กับตัวเอกมาก่อนการโจมตี ถ้าไม่ใช่เพราะแบบนั้นก็ไม่คิดว่าจะทำอะไรขึ้นมาหรอก」
「…..อย่างงี้นี่เอง จริงอยู่ว่าเป็นอะไรที่ชาวเมืองจะเสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้อง แต่ก็ไม่น่าปาหินใส่นะ」
「ท้ายที่สุด เดาว่าคนแต่งคงจะต้องการถ่ายทอดความสวยงามและความน่ารังเกียจในตัวมนุษย์ล่ะมั้ง? ในหมู่มนุษย์ก็มีบางคนที่แสดงออกรุนแรงเกินความจำเป็นก็เพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกผิดของตัวเอง และในขณะที่มนุษย์ส่วนใหญ่ใส่ใจแค่ตัวเอง ก็มีคนที่พร้อมใจจะสละตัวเองเพื่อคนอื่น การสละชีพของอาจารย์สอนชาวเมืองถึงเรื่องนั้น มันเป็นเส้นเรื่องที่สวยงามซึ่งนำไปสู่การตื่นขึ้นของพรรคพวกสู่การเป็นราชาผู้ชาญฉลาดในตอนจบ จะว่าไป แบบนี้มันไม่ใช่ว่าดำเนินเรื่องไปแนวเดียวกับการสู้บอสตัวสุดท้ายเหรอ? มันคงจะเป็นข้อความจากผู้แต่งมังงะนี้ที่จะสื่อจนถึงตรงนี้—-」
「แต่นั่นมันเป็นการเชิดชูมนุษย์มากเกินไป แก่นแท้ของชีวิตมันมีอยู่ทั้งในมนุษย์และมอนสเตอร์ และเจ้ามอนสเตอร์ลูกกระจ๊อก 3 ตัวนี้ก็สอนว่า—-」
「แต่จากตรงนั้น—-」
「ตรงนั้นก็ดีนะ เป็นฉากที่สุดยอดไปเลย! แต่ว่าสำหรับชั้น—-」
หลังจากนั้นพวกเราก็พูดคุยกันอย่างคึกคัก
【Tips】ความลึกของเขาวงกต
เขาวงกตยิ่งลึกมากเท่าใด ความร่วมมือกันของศัตรูก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น การจัดอันดับแรงค์คร่าวๆจะขึ้นอยู่กับจำนวนชั้น
– เขาวงกตแรงค์ A : ความลึกโดยประมาณตั้งแต่ 101 ชั้นขึ้นไป ขีดจำกัดการอัญเชิญการ์ดที่ 12 ใบ
– เขาวงกตแรงค์ B : ความลึกระหว่าง 51 -100 ชั้น ขีดจำกัดการอัญเชิญการ์ดที่ 10 ใบ
– เขาวงกตแรงค์ C : ความลึกระหว่าง 31-50 ชั้น ขีดจำกัดการอัญเชิญการ์ดที่ 8 ใบ
– เขาวงกตแรงค์ D : ความลึกระหว่าง 21-30 ชั้น ขีดจำกัดการอัญเชิญการ์ดที่ 6 ใบ
– เขาวงกตแรงค์ E : ความลึกระหว่าง 11-20 ชั้น ขีดจำกัดการอัญเชิญการ์ดที่ 4 ใบ
– เขาวงกตแรงค์ F : ความลึก 10 ชั้นลงไป ขีดจำกัดการอัญเชิญการ์ดที่ 2 ใบ
ในเขาวงกตแรงค์ C การปรากฏตัวของมอนสเตอร์แรงค์ C จะไม่ได้มีอยู่ทุกชั้น ถ้าหากเป็นชั้นต่ำกว่า 10 แล้วจะมีปรากฏแค่มอนสเตอร์แรงค์ F
สาเหตุที่เขาวงกตแรงค์ A ยังเป็นแค่การประมาณก็เพราะมนุษย์ยังไม่สามารถไปถึงชั้นที่ลึกที่สุดของเขาวงกตแรงค์ A ได้
ที่ชั้นลึกที่สุด จะมีมอนสเตอร์ที่แรงค์สูงกว่าเขาวงกตอยู่ 1 ระดับรออยู่ เพื่อความสะดวกจะเรียกแทนด้วยว่า “จ้าวแห่งเขาวงกต” ไม่เพียงแค่จ้าวจะมีแรงค์ที่มากกว่าแต่ยังได้รับการสนับสนุนจากเขาวงกตที่มอบพลัง เพิ่มความแข็งแกร่งแก่ความสามารถ รวมถึงการอัญเชิญลูกน้อง